Artifact Reading Inspector 21 ภาพสองภาพ (2)

Now you are reading Artifact Reading Inspector Chapter 21 ภาพสองภาพ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Artifact Reading Inspector ARI ตอนที่ 21 ภาพสองภาพ (2)

 

“ระวังด้วยไม่งั้นลูกอาจทํามันเสียหาย

 

บยองกุกพูดแบบนี้ตั้งแต่เห็นว่าภาพวาดมันจางลง มีคราบ และก็ทรุดโทรม ด้วยเหตุนี้มันจึงดูเก่ามาก

 

“นายคิดว่ายังไง?”

 

ซูจองกางภาพวาดอย่างระมัดระวังก่อนจะตรึงด้วยแหนบ และถามขณะมอง

 

มันเป็นภาพวาดของหมู่บ้านในเมืองที่เงียบสงบ เราสามารถเห็นชายคนหนึ่งที่มีวัวและเด็กชายอยู่ด้านบนขณะที่กําลังเล่นฟลุต

 

“เธอต้องการให้ฉันประเมินให้?”

 

“ใช่ ฉันศึกษาภาพวาดของตะวันตก แต่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องภาพวาดทางตะวันออก แม้ว่าฉันจะคิดว่านี่อาจเป็นภาพที่ดี แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ นายคิดว่าไง?”

 

“อืมม.. การแสดงออกดูมีชีวิตและมีการอธิบายการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งอย่างละเอียด ดูตรงนี้ ตามันถูกทาด้วยสีที่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าศิลปินใส่ใจกับการจ้องมอง เขาสร้างสิ่งที่เขาเห็นขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้เขาก็ยังใช้เส้นต่างๆในการวาดพ่อและเด็ก พื้นหลังดูเรียบง่ายเพื่อให้ไปโฟกัสที่ผู้ชาย เขามีบรรยากาศแบบชาวบ้าน แต่ก็ไม่ได้ดูหยาบกระด้าง โดยรวมแล้วเขาค่อนข้างอบอุ่น

 

“สรุปคือ?”

 

มันไม่มีทั้งลายเซ็นและข้อความที่ถูกทิ้งไว้ ดังนั้นแฮจินจึงทําได้เพียงหาเบาะแสจากภาพวาด

 

มันเป็นงานที่ยากมาก แต่ผู้ประเมินที่แท้จริงจะต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าภาพวาดนั้นเป็นของจริงหรือไม่ และจะต้องค้นหาศิลปินของภาพวาดโดยไม่มีเครื่องหมายหรือบันทึกใดๆได้

 

มันเป็นหน้าที่ของผู้ประเมินในการวิเคราะห์ภาพวาดโดยคํานึงถึงข้อมูล เช่นอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน สไตล์ของเขา องค์ประกอบที่เขาชอบใช้ สัมผัสของแปรง รายละเอียด รูปแบบการอธิบายและตัดสินว่าเป็นศิลปินคนใดภายในไม่กี่วินาที

 

“ฉันคิดว่าเป็นยูน ดูซอ”

 

“ยูน ดูซอ? เขาคือใคร?”

 

ซูจองเอียงหัว แต่บยองกุกมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไป

 

“ฮะ? จริงเหรอ? นี่คือภาพของยูน ดูซอจริงๆ?”

 

“เขามีชื่อเสียง? งั้นดีแล้วใช่ไหมที่ฉันซื้อภาพนี้มา?”

 

ซูจองสับสนในขณะที่บยองกุกที่กําลังตื่นเต้นตบไหล่ของเธอ

 

“ลูกซื้อมาจากไหน? มันเป็นของจริง? มันราคาเท่าไหร่?”

 

ซูจองรู้สึกประหลาดใจที่เห็นบยองกุกตื่นเต้นมาก

 

“ฮะ? โอ้… หนูเจอมันที่ตลาดนัดในฝรั่งเศส มันดูเหมือนภาพวาดของเกาหลี ดังนั้นหนูเลยซื้อมาเพราะคิดว่ามันอาจจะมีค่า แต่เขามีชื่อเสียงจริงๆใช่ไหม?”

 

“ลูกซื้อมันมาจากตลาดนัด? แฮจิน เธอคิดว่านี่เป็นของจริงไหม?”

 

แฮจินไม่ต้องใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ํา แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพเลวร้าย แต่มันเป็นของจริง

 

“ใช่ มันเป็นของจริง แต่มันเสียหายเกินไป… เธอเคยบอกว่าเธอฟื้นฟูของเก่าเก่งใช่ไหม?”

 

แฮจินคิดว่าซูจองจะพูดว่าโอเค แต่ใบหน้าของเธอกลับมืดมน

 

“โรงเรียนของฉันเชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผาและภาพวาดตะวันตก ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องสี กระดาษ และกาวที่ใช้สําหรับภาพวาดตะวันออกมากนัก นอกจากนี้ภาพวาดตะวันตก และภาพวาดตะวันออกก็แสวงหาสิ่งที่แตกต่างกัน ทําให้สไตล์ของมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

“หืมม… ฉันสามารถสอนเธอได้ แล้วเราจะซ่อมแซมมันไหม?”

 

บยองกุกชะงัก

 

“ซูจองวัตถุโบราณที่มีค่าแบบนี้จะต้องได้รับการบูรณะอย่างดีและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย มันเป็นวัตถุโบราณของบรรพบุรุษของเรา มันควรจะถูกเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม

 

ซูจองมองบยองกุกแล้วขมวดคิ้ว

 

“พ่อจะบอกว่าให้หนูควรขายมันให้กับคนที่มีสถานที่แบบนั้น?”

 

“หากเราอยากจะเก็บมันไว้ เราต้องมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามโกดังของพ่อในอินซาดงมีไว้สําหรับเครื่องปั้นดินเผาเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มสิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับภาพวาดจึงมีค่าใช้จ่าย…”

 

เขาส่ายหัวและบีบซูจอง

 

“เราจะได้เท่าไหร่?”

 

เสียงของเธอเบาลง เธอเป็นลูกสาวของบยองกุก…

 

“อย่างน้อยก็พันล้าน ใช่ไหมแฮจิน?”

 

ยูน ดูซอเป็นปู่ของช็อง ยักยอง เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นําของศิลปินในช่วงปลายสมัยโชซอน และได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสามจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโชซอนร่วมกับ ซิมซาจอง และจองซอน ภาพเหมือนของเขาเป็นสมบัติของชาติและคาดว่าเป็นภาพเหมือนทางตะวันออกที่ดีที่สุด

 

“นี่เป็นอีกหนึ่งภาพของยูน ดูซอที่ยังไม่ถูกค้นพบ ฉันคิดว่ามันต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน”

 

ที่แฮจินพูดว่าหนึ่งพันล้านสําหรับภาพวาดของยูน ดูซอในขณะที่เขาให้ที่ห้าพันล้านสําหรับภาพวาดของหม่าวอน ไม่ใช่เพราะยูนดูซอมีฝีมือน้อยกว่า

 

แต่เป็นเพราะหลังจากเจียงไคเชกเอาสมบัติทั้งหมดของราชวงศ์จีนไปยังไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่จึงมีความอ่อนไหวอย่างมากเกี่ยวกับการส่งออกวัตถุโบราณมันจึงส่งผลให้ราคาวัตถุโบราณของจีนพุ่งสูงขึ้น

 

ตอนนี้เครื่องเคลือบของจีนจํานวนมากถูกขายไปในราคากว่าสิบล้านวอน (ประมาณเก้าล้านดอลลาร์) ที่งานประมูลของคริสตี้ในฮ่องกง แต่มันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงตามราคาของวัตถุโบราณ

 

“ซูจองเธอไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะขายมันในราคาที่สูงที่สุด”

 

“แล้วเงินนั่นจะเป็นของฉันใช่ไหม?”

 

บยองกุกสะดุ้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“โอเค แต่ลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้พอประมาณ 10%?”

 

“หนูให้พ่อมากขนาดนั้นก็ได้ โอเค แล้วฉันจะเอาเงินไปทําอะไรดี? ฉันควรเปิดร้านที่อินซาดงดีไหม? เป็นร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซม”

 

ซูจองกําลังมีความสุข แต่ก็ถูกแฮจินหยุดเอาไว้

 

“แล้วเธอจะฟื้นฟูมันยังไง?”

 

“นายจะไม่ช่วยฉันเหรอ?”

 

“ฟรี?”

 

ซูจองขมวดคิ้ว

 

“ฉันจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าฉันแบ่งนั่นและแบ่งนี้”

 

“คุณรู้ไหมว่าการฟื้นฟูมันยากกว่าการขาย? ฉันจะเอา 20%”

 

“โห… คุณหัวขโมย”

 

ซูจองคิดว่ามันไม่ยุติธรรม แต่นั่นเป็นวิธีการทํางานในสาขา

 

“คุณจะให้ที่ทํางานผมใช่ไหม?”

 

“ดะ ได้สิ โกดังในอินซาดงมันค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นเธอจะไปทํางานที่นั่นก็ได้ ฉันจะให้ที่อยู่กับเธอไว้แล้วเธอค่อยเข้าไปพรุ่งนี้ตอนบ่าย ฉันว่าจะเปลี่ยนการตกแต่งภายในสักหน่อยและถ้าเธอต้องการอะไรเพื่อการฟื้นฟูก็บอกฉันมาได้เลยนะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้”

 

“เยี่ยม!”

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ดื่มไวน์เพื่อเฉลิมฉลองแก่การพบสมบัติ จากนั้นแฮจินก็กลับบ้านและเข้านอน

 

กริ้งงงง

 

โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในตอนเช้า เขาจึงหยิบมันขึ้นมาและตอบกลับ

 

“สวัสดีครับ?”

 

“คุณแฮจินใช่ไหม? ฉันอึนแฮเองค่ะ ขอโทษที่โทรมาตอนเช้านะคะ เราคุยกันได้ไหม?”

“แน่นอนครับ”

 

“คือผู้อํานวยการหยาง โซจินต้องการพบคุณ”

 

แฮจินสะดุ้ง แต่เขาพยายามแสร้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปก

 

“คุณไปพูดอะไรให้เธอฟัง เธอถึงอยากเจอผม?”

 

“ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก ฉันแค่บอกเธอว่าเราจะไม่ยอมรับข้อตกลงและเธอขอให้ฉันปล่อยให้เธอได้พบคุณ”

 

“เธออยากได้อะไรจากผมกัน?”

 

“นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด เธอต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

 

แฮจินอยากนอนมากกว่านี้ แต่ตาของเขามันปิดไม่ลง

 

หลังจากที่เขาเริ่มใช้เวทมนตร์ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง และนอกเหนือจากผลของมานาที่ออกจากร่างกายของเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้จะนอนน้อย

 

เขาทานอาหารเช้าง่ายๆและตรงไปที่ฮันบิทแกลเลอรี่ เขาสงสัยว่าหยางโซจินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชาหรือไม่เมื่อเธอเสนอการแลกเปลี่ยน นอกจากนี้หากเธอพบว่าโมโมโกะสารภาพความจริง โมโมโกะจะตอบสนองอย่างไรเมื่อได้พบกันอีกครั้ง

 

“ยินดีต้อนรับ”

 

เช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนโซจินยังเป็นคนที่สง่างามและสวมใส่สินค้าหรูหรา อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีความกังวลเพิ่มเข้ามาในดวงตาของเธอ นั่นทําให้แฮจินอยากรู้

 

“คุณอึนแฮบอกผมว่าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผม แต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะขอให้ผมช่วย คุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”

 

โซจินดื่มชาอย่างหรูหราและมองเข้าไปในตาของแฮจิน 

 

“ก่อนหน้านั้นฉันอยากถามบางอย่างจากคุณ หลังจากการเยี่ยมชมของคุณ จู่ๆพนักงานจากญี่ปุ่นของเราก็หายตัวไประหว่างทํางาน”

 

“อะไรนะ? แต่ทําไม?”

 

แฮจินคิดว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะหายไปจริงๆ เพราะความกดดันที่หนักหน่วง? หรือเพราะมิซึโนะ โทรุ น่ากลัวกว่าที่แฮจินคิดไว้?

 

“ฉันก็ไม่รู้ แต่มันทําให้ฉันงงมาก เธอถูกส่งมาโดยคนที่ขอให้ฉันดูแลข้อตกลงนี้ เนื่องจากเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและคนๆนั้นก็เย็นชามาก ฉันจึงต้องอธิบายว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

 

ดังนั้นโมโมโกะจึงหนีไปเพราะเธอไม่สามารถรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บางทีเมื่อแฮจินเห็นเธออีกครั้งคงจะเป็นในข่าวที่รายงานว่าเธอตาย

 

“ผมเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันค่อนข้างแปลก ผมมีคําถามเรื่องศิลาดล แต่เธอก็ดูตกใจและพูดบางอย่างออกมา ดังนั้นผมจึงถามเธอว่าทําไมและเธอก็ทรุดตัวลงราวกับว่ามีคนตีเธอ จากนั้นเธอก็วิ่งหนีไป ในตอนนั้นผมรู้สึกประหลาดใจมาก…”

 

โซจินมองไปที่แฮจินด้วยความสงสัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถพูดได้จริงๆ เพราะกล้องวงจรปิดของเธอมันไม่มีระบบบันทึกเสียง

 

“จริงเหรอ? โอเค งั้นเรามาทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง และมาเข้าประเด็นกันดีกว่า ฉันได้ยินจากรองประธานเมื่อวานนี้ว่าถ้วยชา มันเป็นวัตถุโบราณที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง”

 

“ใช่ครับ มันเป็นวัตถุโบราณที่สําคัญมาก”

 

“คุณพบความลับที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของฉันก็ยังทําไม่ได้เร็วขนาดนี้ ดังนั้นฉันเลยอยากพบคุณ”

 

“คุณคงเคยได้ยินเรื่องของค่าธรรมเนียมประเมินของผมมาแล้วใช่ไหม? ค่าธรรมเนียมของผมแพงกว่าคนอื่นมาก…”

 

“ฉันรู้ 1% ของสิ่งที่ประเมินใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับ แม้ว่ามันจะเป็นของปลอม ผมก็จะคิด 19% ของราคาวัตถุโบราณของจริง รู้แบบนี้แล้วคุณยังต้องการให้ผมช่วยอยู่ไหม?”

 

“แน่นอน”

 

จริงๆแล้วที่แฮจินมาที่นี่ก็เพื่อดูว่าสิ่งต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เขาใช้เวทมนตร์กับโมโมโกะไป ตอนนี้เขารู้แล้วเขาจึงไม่อยากจะรับงานของโซจินมา ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นพ่อค้างานศิลปะที่ชั่วร้ายที่ส่งออกวัตถุโบราณของเกาหลี

 

อย่างไรก็ตามมันคงดูแปลกที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอเนื่องจากเขาอยู่ที่นี่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมสูง แฮจินต้องการข้อแก้ตัว

 

“อืมม.. งั้นเราไปดูวัตถุโบราณกันก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมสามารถประเมินได้ผมก็จะรับงานนี้ แต่ถ้าไม่ผมก็คงต้องขอปฏิเสธ

 

นั่นอาจฟังดูไร้สาระ แต่เนื่องจากแฮจินทําสิ่งแปลกๆมากมาย โซจินจึงพยักหน้าและลุกขึ้นยืน

 

“โอเค งั้นตามฉันมา”

 

แฮจิน โซจินและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวใหญ่เดินลงไปยังโกดังเก็บของ

 

มันถูกเรียกว่าวัตถุโบราณ แต่ภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาและประติมากรรมทั้งหมดอยู่ในกล่องแก้วที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม แม้ว่าโซจินจะเป็นคนเลว แต่เธอก็เข้าใจวัตถุโบราณ

 

โซจินเปิดห้องกระจกหลายห้องและเดินเข้าไป ตรงกลางมีโต๊ะไม้อยู่เธอจึงนําภาพวาดมาวางไว้อย่างระมัดระวัง

 

“กว่าจะได้มันมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

 

ทันทีที่แฮจินเห็นภาพวาดเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความตกใจ

 

“นี่มัน… คุณได้มันมาได้ยังไง? สิ่งนี้ควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไม่ใช่เหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Artifact Reading Inspector 21 ภาพสองภาพ (2)

Now you are reading Artifact Reading Inspector Chapter 21 ภาพสองภาพ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Artifact Reading Inspector ARI ตอนที่ 21 ภาพสองภาพ (2)

 

“ระวังด้วยไม่งั้นลูกอาจทํามันเสียหาย

 

บยองกุกพูดแบบนี้ตั้งแต่เห็นว่าภาพวาดมันจางลง มีคราบ และก็ทรุดโทรม ด้วยเหตุนี้มันจึงดูเก่ามาก

 

“นายคิดว่ายังไง?”

 

ซูจองกางภาพวาดอย่างระมัดระวังก่อนจะตรึงด้วยแหนบ และถามขณะมอง

 

มันเป็นภาพวาดของหมู่บ้านในเมืองที่เงียบสงบ เราสามารถเห็นชายคนหนึ่งที่มีวัวและเด็กชายอยู่ด้านบนขณะที่กําลังเล่นฟลุต

 

“เธอต้องการให้ฉันประเมินให้?”

 

“ใช่ ฉันศึกษาภาพวาดของตะวันตก แต่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องภาพวาดทางตะวันออก แม้ว่าฉันจะคิดว่านี่อาจเป็นภาพที่ดี แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ นายคิดว่าไง?”

 

“อืมม.. การแสดงออกดูมีชีวิตและมีการอธิบายการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งอย่างละเอียด ดูตรงนี้ ตามันถูกทาด้วยสีที่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าศิลปินใส่ใจกับการจ้องมอง เขาสร้างสิ่งที่เขาเห็นขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้เขาก็ยังใช้เส้นต่างๆในการวาดพ่อและเด็ก พื้นหลังดูเรียบง่ายเพื่อให้ไปโฟกัสที่ผู้ชาย เขามีบรรยากาศแบบชาวบ้าน แต่ก็ไม่ได้ดูหยาบกระด้าง โดยรวมแล้วเขาค่อนข้างอบอุ่น

 

“สรุปคือ?”

 

มันไม่มีทั้งลายเซ็นและข้อความที่ถูกทิ้งไว้ ดังนั้นแฮจินจึงทําได้เพียงหาเบาะแสจากภาพวาด

 

มันเป็นงานที่ยากมาก แต่ผู้ประเมินที่แท้จริงจะต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าภาพวาดนั้นเป็นของจริงหรือไม่ และจะต้องค้นหาศิลปินของภาพวาดโดยไม่มีเครื่องหมายหรือบันทึกใดๆได้

 

มันเป็นหน้าที่ของผู้ประเมินในการวิเคราะห์ภาพวาดโดยคํานึงถึงข้อมูล เช่นอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน สไตล์ของเขา องค์ประกอบที่เขาชอบใช้ สัมผัสของแปรง รายละเอียด รูปแบบการอธิบายและตัดสินว่าเป็นศิลปินคนใดภายในไม่กี่วินาที

 

“ฉันคิดว่าเป็นยูน ดูซอ”

 

“ยูน ดูซอ? เขาคือใคร?”

 

ซูจองเอียงหัว แต่บยองกุกมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไป

 

“ฮะ? จริงเหรอ? นี่คือภาพของยูน ดูซอจริงๆ?”

 

“เขามีชื่อเสียง? งั้นดีแล้วใช่ไหมที่ฉันซื้อภาพนี้มา?”

 

ซูจองสับสนในขณะที่บยองกุกที่กําลังตื่นเต้นตบไหล่ของเธอ

 

“ลูกซื้อมาจากไหน? มันเป็นของจริง? มันราคาเท่าไหร่?”

 

ซูจองรู้สึกประหลาดใจที่เห็นบยองกุกตื่นเต้นมาก

 

“ฮะ? โอ้… หนูเจอมันที่ตลาดนัดในฝรั่งเศส มันดูเหมือนภาพวาดของเกาหลี ดังนั้นหนูเลยซื้อมาเพราะคิดว่ามันอาจจะมีค่า แต่เขามีชื่อเสียงจริงๆใช่ไหม?”

 

“ลูกซื้อมันมาจากตลาดนัด? แฮจิน เธอคิดว่านี่เป็นของจริงไหม?”

 

แฮจินไม่ต้องใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ํา แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพเลวร้าย แต่มันเป็นของจริง

 

“ใช่ มันเป็นของจริง แต่มันเสียหายเกินไป… เธอเคยบอกว่าเธอฟื้นฟูของเก่าเก่งใช่ไหม?”

 

แฮจินคิดว่าซูจองจะพูดว่าโอเค แต่ใบหน้าของเธอกลับมืดมน

 

“โรงเรียนของฉันเชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผาและภาพวาดตะวันตก ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องสี กระดาษ และกาวที่ใช้สําหรับภาพวาดตะวันออกมากนัก นอกจากนี้ภาพวาดตะวันตก และภาพวาดตะวันออกก็แสวงหาสิ่งที่แตกต่างกัน ทําให้สไตล์ของมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

“หืมม… ฉันสามารถสอนเธอได้ แล้วเราจะซ่อมแซมมันไหม?”

 

บยองกุกชะงัก

 

“ซูจองวัตถุโบราณที่มีค่าแบบนี้จะต้องได้รับการบูรณะอย่างดีและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย มันเป็นวัตถุโบราณของบรรพบุรุษของเรา มันควรจะถูกเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม

 

ซูจองมองบยองกุกแล้วขมวดคิ้ว

 

“พ่อจะบอกว่าให้หนูควรขายมันให้กับคนที่มีสถานที่แบบนั้น?”

 

“หากเราอยากจะเก็บมันไว้ เราต้องมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามโกดังของพ่อในอินซาดงมีไว้สําหรับเครื่องปั้นดินเผาเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มสิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับภาพวาดจึงมีค่าใช้จ่าย…”

 

เขาส่ายหัวและบีบซูจอง

 

“เราจะได้เท่าไหร่?”

 

เสียงของเธอเบาลง เธอเป็นลูกสาวของบยองกุก…

 

“อย่างน้อยก็พันล้าน ใช่ไหมแฮจิน?”

 

ยูน ดูซอเป็นปู่ของช็อง ยักยอง เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นําของศิลปินในช่วงปลายสมัยโชซอน และได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสามจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโชซอนร่วมกับ ซิมซาจอง และจองซอน ภาพเหมือนของเขาเป็นสมบัติของชาติและคาดว่าเป็นภาพเหมือนทางตะวันออกที่ดีที่สุด

 

“นี่เป็นอีกหนึ่งภาพของยูน ดูซอที่ยังไม่ถูกค้นพบ ฉันคิดว่ามันต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน”

 

ที่แฮจินพูดว่าหนึ่งพันล้านสําหรับภาพวาดของยูน ดูซอในขณะที่เขาให้ที่ห้าพันล้านสําหรับภาพวาดของหม่าวอน ไม่ใช่เพราะยูนดูซอมีฝีมือน้อยกว่า

 

แต่เป็นเพราะหลังจากเจียงไคเชกเอาสมบัติทั้งหมดของราชวงศ์จีนไปยังไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่จึงมีความอ่อนไหวอย่างมากเกี่ยวกับการส่งออกวัตถุโบราณมันจึงส่งผลให้ราคาวัตถุโบราณของจีนพุ่งสูงขึ้น

 

ตอนนี้เครื่องเคลือบของจีนจํานวนมากถูกขายไปในราคากว่าสิบล้านวอน (ประมาณเก้าล้านดอลลาร์) ที่งานประมูลของคริสตี้ในฮ่องกง แต่มันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงตามราคาของวัตถุโบราณ

 

“ซูจองเธอไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะขายมันในราคาที่สูงที่สุด”

 

“แล้วเงินนั่นจะเป็นของฉันใช่ไหม?”

 

บยองกุกสะดุ้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“โอเค แต่ลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้พอประมาณ 10%?”

 

“หนูให้พ่อมากขนาดนั้นก็ได้ โอเค แล้วฉันจะเอาเงินไปทําอะไรดี? ฉันควรเปิดร้านที่อินซาดงดีไหม? เป็นร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซม”

 

ซูจองกําลังมีความสุข แต่ก็ถูกแฮจินหยุดเอาไว้

 

“แล้วเธอจะฟื้นฟูมันยังไง?”

 

“นายจะไม่ช่วยฉันเหรอ?”

 

“ฟรี?”

 

ซูจองขมวดคิ้ว

 

“ฉันจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าฉันแบ่งนั่นและแบ่งนี้”

 

“คุณรู้ไหมว่าการฟื้นฟูมันยากกว่าการขาย? ฉันจะเอา 20%”

 

“โห… คุณหัวขโมย”

 

ซูจองคิดว่ามันไม่ยุติธรรม แต่นั่นเป็นวิธีการทํางานในสาขา

 

“คุณจะให้ที่ทํางานผมใช่ไหม?”

 

“ดะ ได้สิ โกดังในอินซาดงมันค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นเธอจะไปทํางานที่นั่นก็ได้ ฉันจะให้ที่อยู่กับเธอไว้แล้วเธอค่อยเข้าไปพรุ่งนี้ตอนบ่าย ฉันว่าจะเปลี่ยนการตกแต่งภายในสักหน่อยและถ้าเธอต้องการอะไรเพื่อการฟื้นฟูก็บอกฉันมาได้เลยนะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้”

 

“เยี่ยม!”

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ดื่มไวน์เพื่อเฉลิมฉลองแก่การพบสมบัติ จากนั้นแฮจินก็กลับบ้านและเข้านอน

 

กริ้งงงง

 

โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในตอนเช้า เขาจึงหยิบมันขึ้นมาและตอบกลับ

 

“สวัสดีครับ?”

 

“คุณแฮจินใช่ไหม? ฉันอึนแฮเองค่ะ ขอโทษที่โทรมาตอนเช้านะคะ เราคุยกันได้ไหม?”

“แน่นอนครับ”

 

“คือผู้อํานวยการหยาง โซจินต้องการพบคุณ”

 

แฮจินสะดุ้ง แต่เขาพยายามแสร้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปก

 

“คุณไปพูดอะไรให้เธอฟัง เธอถึงอยากเจอผม?”

 

“ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก ฉันแค่บอกเธอว่าเราจะไม่ยอมรับข้อตกลงและเธอขอให้ฉันปล่อยให้เธอได้พบคุณ”

 

“เธออยากได้อะไรจากผมกัน?”

 

“นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด เธอต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

 

แฮจินอยากนอนมากกว่านี้ แต่ตาของเขามันปิดไม่ลง

 

หลังจากที่เขาเริ่มใช้เวทมนตร์ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง และนอกเหนือจากผลของมานาที่ออกจากร่างกายของเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้จะนอนน้อย

 

เขาทานอาหารเช้าง่ายๆและตรงไปที่ฮันบิทแกลเลอรี่ เขาสงสัยว่าหยางโซจินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชาหรือไม่เมื่อเธอเสนอการแลกเปลี่ยน นอกจากนี้หากเธอพบว่าโมโมโกะสารภาพความจริง โมโมโกะจะตอบสนองอย่างไรเมื่อได้พบกันอีกครั้ง

 

“ยินดีต้อนรับ”

 

เช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนโซจินยังเป็นคนที่สง่างามและสวมใส่สินค้าหรูหรา อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีความกังวลเพิ่มเข้ามาในดวงตาของเธอ นั่นทําให้แฮจินอยากรู้

 

“คุณอึนแฮบอกผมว่าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผม แต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะขอให้ผมช่วย คุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”

 

โซจินดื่มชาอย่างหรูหราและมองเข้าไปในตาของแฮจิน 

 

“ก่อนหน้านั้นฉันอยากถามบางอย่างจากคุณ หลังจากการเยี่ยมชมของคุณ จู่ๆพนักงานจากญี่ปุ่นของเราก็หายตัวไประหว่างทํางาน”

 

“อะไรนะ? แต่ทําไม?”

 

แฮจินคิดว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะหายไปจริงๆ เพราะความกดดันที่หนักหน่วง? หรือเพราะมิซึโนะ โทรุ น่ากลัวกว่าที่แฮจินคิดไว้?

 

“ฉันก็ไม่รู้ แต่มันทําให้ฉันงงมาก เธอถูกส่งมาโดยคนที่ขอให้ฉันดูแลข้อตกลงนี้ เนื่องจากเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและคนๆนั้นก็เย็นชามาก ฉันจึงต้องอธิบายว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

 

ดังนั้นโมโมโกะจึงหนีไปเพราะเธอไม่สามารถรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บางทีเมื่อแฮจินเห็นเธออีกครั้งคงจะเป็นในข่าวที่รายงานว่าเธอตาย

 

“ผมเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันค่อนข้างแปลก ผมมีคําถามเรื่องศิลาดล แต่เธอก็ดูตกใจและพูดบางอย่างออกมา ดังนั้นผมจึงถามเธอว่าทําไมและเธอก็ทรุดตัวลงราวกับว่ามีคนตีเธอ จากนั้นเธอก็วิ่งหนีไป ในตอนนั้นผมรู้สึกประหลาดใจมาก…”

 

โซจินมองไปที่แฮจินด้วยความสงสัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถพูดได้จริงๆ เพราะกล้องวงจรปิดของเธอมันไม่มีระบบบันทึกเสียง

 

“จริงเหรอ? โอเค งั้นเรามาทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง และมาเข้าประเด็นกันดีกว่า ฉันได้ยินจากรองประธานเมื่อวานนี้ว่าถ้วยชา มันเป็นวัตถุโบราณที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง”

 

“ใช่ครับ มันเป็นวัตถุโบราณที่สําคัญมาก”

 

“คุณพบความลับที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของฉันก็ยังทําไม่ได้เร็วขนาดนี้ ดังนั้นฉันเลยอยากพบคุณ”

 

“คุณคงเคยได้ยินเรื่องของค่าธรรมเนียมประเมินของผมมาแล้วใช่ไหม? ค่าธรรมเนียมของผมแพงกว่าคนอื่นมาก…”

 

“ฉันรู้ 1% ของสิ่งที่ประเมินใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับ แม้ว่ามันจะเป็นของปลอม ผมก็จะคิด 19% ของราคาวัตถุโบราณของจริง รู้แบบนี้แล้วคุณยังต้องการให้ผมช่วยอยู่ไหม?”

 

“แน่นอน”

 

จริงๆแล้วที่แฮจินมาที่นี่ก็เพื่อดูว่าสิ่งต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เขาใช้เวทมนตร์กับโมโมโกะไป ตอนนี้เขารู้แล้วเขาจึงไม่อยากจะรับงานของโซจินมา ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นพ่อค้างานศิลปะที่ชั่วร้ายที่ส่งออกวัตถุโบราณของเกาหลี

 

อย่างไรก็ตามมันคงดูแปลกที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอเนื่องจากเขาอยู่ที่นี่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมสูง แฮจินต้องการข้อแก้ตัว

 

“อืมม.. งั้นเราไปดูวัตถุโบราณกันก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมสามารถประเมินได้ผมก็จะรับงานนี้ แต่ถ้าไม่ผมก็คงต้องขอปฏิเสธ

 

นั่นอาจฟังดูไร้สาระ แต่เนื่องจากแฮจินทําสิ่งแปลกๆมากมาย โซจินจึงพยักหน้าและลุกขึ้นยืน

 

“โอเค งั้นตามฉันมา”

 

แฮจิน โซจินและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวใหญ่เดินลงไปยังโกดังเก็บของ

 

มันถูกเรียกว่าวัตถุโบราณ แต่ภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาและประติมากรรมทั้งหมดอยู่ในกล่องแก้วที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม แม้ว่าโซจินจะเป็นคนเลว แต่เธอก็เข้าใจวัตถุโบราณ

 

โซจินเปิดห้องกระจกหลายห้องและเดินเข้าไป ตรงกลางมีโต๊ะไม้อยู่เธอจึงนําภาพวาดมาวางไว้อย่างระมัดระวัง

 

“กว่าจะได้มันมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

 

ทันทีที่แฮจินเห็นภาพวาดเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความตกใจ

 

“นี่มัน… คุณได้มันมาได้ยังไง? สิ่งนี้ควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไม่ใช่เหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+