Artifact Reading Inspector 7 งานใหม่ (1)

Now you are reading Artifact Reading Inspector Chapter 7 งานใหม่ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในการใช้เวทมนตร์ขั้นแรกแฮจินต้องวาดรูปแบบซึ่งขึ้นอยู่กับเวทมนตร์ที่เขาต้องการจะใช้จากนั้นจึงท่องคาถา ไม่นานมานาก็จะออกมาจากร่างของเขาและทำการเปิดใช้งานเวทมนตร์

 

เวทมนตร์ที่แฮจินเพิ่งใช้แสดงให้เห็นถึงความทรงจำของวัตถุ เขาสามารถเลือกช่วงเวลาที่เขาต้องการดูได้

 

แน่นอนว่าแฮจินเลือกช่วงเวลาที่พระพุทธรูปหยกองค์นี้ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก ภายในไม่กี่วิหลังจากนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ถูกฝังอยู่ในความคิดของเขาเหมือนภาพถ่าย

 

“คุณค่อนข้างหยิ่ง ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร แต่คุณไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระออกมาจากปากง่ายๆแบบนั้น”

 

“คุณต่างหากที่พูดเรื่องไร้สาระไม่ใช่ผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าวัตถุล้ำค่าแบบนี้แล้วด้วย” แฮจินกล่าว

 

เขาปวดหัวและขาของเขาก็สั่นเหมือนคนอายุ80 มันเป็นผลพวงมาจากการใช้มานาอันแสนน้อยนิดที่เขามีออกไป

 

ดังนั้นลำพังแค่การพูดคุยแบบธรรมดาก็ทำให้เขาต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี

 

“มีเหตุผลไหม?” อึนแฮถามเขาด้วยความหวัง

 

เขามองไปที่เธอและพูดว่า “นี่มันไม่ใช่แค่พระพุทธรูปหยก”

 

“ฮาฮา นายนี่ตลกจังเนอะ งั้นมันคืออะไรล่ะ?” ผู้หญิงอีกคนหัวเราะเยาะ

 

“พระพุธรูปหยกองค์นี้ถูกสร้างขึ้นในตระกูลหนึ่ง ณ เมืองซาชอน”

 

เขาตั้งใจพูดให้ดังขึ้นเล็กน้อย ความจริงแล้วผู้คนรอบข้างต่างก็กำลังแอบฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เขาต้องการดึงดูดความสนใจให้มากกว่านี้

 

“ตระกูล? ตระกูลอะไร? นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?”

 

“ให้ผมได้เล่าเรื่องของตระกูลนี้ให้คุณฟัง ตระกูลวูเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองซาชอน ซองหัวหน้าตระกูลเขามีบุตรชายหนึ่งคน ซองเป็นคนที่รักภรรยาของเขามากจนแม้จะมีคนมาเสนอตัวมากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถลืมภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเขาได้และไม่คิดจะรับสนมคนใด ดังนั้นเขาจึงมีบุตรชายเพียงคนเดียวที่สามารถฝากความหวังได้ แต่แล้วก็ได้มีชนเผ่าหนึ่งบุกเข้ามาในดินแดน มินผู้ชอบธรรม บุตรชายของซองอาสาเข้าร่วมกองทัพเพื่อเอาชนะชนเผ่านั้น”

 

“แล้วมันเกี่ยวกับพระพุทธรูปยังไง?”

 

ลมหายใจของเขาเริ่มหนัก ผู้ประเมินให้เวลาเขาพักหายใจ

 

“อีกไม่นานคุณก็จะรู้ มันยากที่จะชื่นชมคุณค่าที่แท้จริงของวัตถุล้ำค่าโดยการตัดสินอย่างเร่งรีบจากรูปลักษณ์ภายนอกของมัน”

 

“ฮึ่มมม….”

 

“เอาล่ะ ว่าต่อไป ถ้ามันไม่สมเหตุสมผลฉันจะทำให้คุณได้ชดใช้”

 

“เป็นคนสวยแต่กลับใจร้อน เอาล่ะ ฮู่… มินออกจากบ้านไปเข้าร่วมกับกองทัพ ขณะที่ซองพ่อของเขาภาวนาครั้งแล้วครั้งเล่าให้ลูกชายของเขากลับมา วันหนึ่งพระชรามาที่บ้านของเขาและสังเกตเห็นต้นพีชที่อยู่ในสวนจึงพูดออกมาว่า ‘พีชต้นนั้นกำลังป่วย คำอธิฐานของคนพ่อจะไร้ผล’”

 

“ดังนั้นแล้ว” อึนแฮถามด้วยความสงสัย

 

“ซองได้ยินเรื่องนี้จากคนรับใช้ เขาจึงรีบส่งคนออกไปและเชิญพระรูปนั้นมาที่บ้านของเขา จากนั้นเขาก็ถามว่าลูกชายของเขาจะไม่ได้กลับมาหรือ พระชราตอบ ลูกพีชมีเมล็ดเดียว ในขณะที่ต้นพีชกำลังจะตายนั่นหมายความว่าเมล็ดพันธุ์เดียวของซองจะไม่มีชีวิตรอด คนเป็นพ่อจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินเช่นนั้น? ในความสิ้นหวัง ซองถามกลับไปว่ามีทางให้ลูกชายของเขากลับมาไหม พระรูปนั้นกล่าวว่ามี เขาบอกให้ซองไปหาหยกฮวาจองอันล้ำค่าจากภูเขากอนยุนเพื่อนำมาสร้างพระพุทธรูปก่อนจะใส่สิ่งที่มีค่าที่สุดของเขาลงไปและนำมันไปถวายให้วัด”

 

“งั้นนี่คือ-?”

 

อึนแฮหันกลับไปมองพระพุทธรูปหยกด้วยความประหลาดใจ

 

“เรื่องราวไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้ ในเวลานั้นหยกฮวาจองของภูเขากอนยุนเป็นหยกล้ำค่าที่ขุดได้จากความสูง 3,500~ 5,000เมตร แม้ตอนนี้จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อก่อนมันไม่เป็นเช่นนั้น”

 

“นั่นเรื่องจริงเหรอ?”

 

ผู้หญิงคนนั้นตำหนิเขาราวกับเธอไม่เชื่อแฮจิน แต่เขาก็ไม่สนใจ

 

“ซองไม่ได้ส่งคนรับใช้ของเขาไป แต่เขากลับปีนขึ้นไปบนภูเขาด้วยตนเองและขุดหยกเพื่อนำมาสร้างพระพุทธรูป นิ้วเท้าของเขาเริ่มเน่าจากความหนาวเย็น แต่เขาก็ไม่หยุด มันเป็นความมุ่งมั่นของเขาที่ต้องการจะช่วยลูกชาย ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้หยกมา จากนั้นเขาจึงใส่แหวนคู่ซึ่งเป็นของที่สำคัญที่สุดที่ภรรยาทิ้งไว้ให้เขาใส่เข้าไปในพระพุทธรูปองค์นั้นและนำมันไปถวายให้วัด”

 

“โอ้…”

 

คนรอบข้างแฮจินรวมทั้งอึนแฮอุทานออกมา เพราะน้ำเสียงของแฮจินทุกคนจึงจดจ่ออยู่กับเรื่องราวของเขา

 

“ต้องขอบคุณซอง แม้ว่าเขาจะสูญเสียขาไป แต่ลูกชายของเขาก็ได้กลับมาแบบมีชีวิต ต่อมาเขาก็ได้มีภรรยาและลูก ก่อนที่ครอบครัวของเขาจะดำเนินต่อไป”

 

บางคนยิ้มและพยักหน้า บางคนสะเทือนใจกับเรื่องราวและเกือบร้องไห้

 

ผู้ประเมินจ้องไปที่แฮจินด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว

 

แฮจินตำหนิเขา “คุณบอกว่าสมดุลของมันไม่ถูกต้องใช่ไหม? นั่นเป็นเพราะช่างฝีมือต้องเจาะรูและใส่แหวนลงไปจากนั้นจึงแกะสลักหยกเพื่อสร้างพระพุทธรูป หากคุณบอกว่ามันดูไม่ดีเพราะมันไม่สมดุล คุณก็ควรไปตำหนิสถาปนิกที่สร้างหอปิซา(Pisa’s Tower) และอีกอย่างนี่มันก็ไม่ใช่แค่พระพุทธรูปหยก มันคือวัตถุโบราณอันล้ำค่าที่อัดแน่นไปด้วยความรักและห่วงใยของคนเป็นพ่อต่อลูกชายของเขา ดังนั้นเงินหลายพันล้านคงไม่แพงไปสำหรับมันหรอกมั้ง”

 

“ใช่ ถูกต้อง”

 

“ราคาเปิดประมูลของมันคือเท่าไหร่?”

 

พระพุทธรูปหยกได้รับความนิยมในทันที บรรยากาศของงานนิทรรศการเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจ้องไปที่แฮจินจนเขารู้สึกราวกับมีเปลวไฟพุ่งออกมาจากตาของเธอ

 

“ที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? มีหลักฐานไหม?”

 

“มีชายคนหนึ่งที่ชื่อจู หยุนอาศัยอยู่ในช่วงต้นสมัยชิง เขาตระเวนไปรอบๆเพื่อค้นหาเรื่องราวแปลกๆและน่าสนใจทุกประเภท เมื่อเขาแก่ตัวลง เขาก็เรียบเรียงเรื่องราวเหล่านั้นและเขียนหนังสือชื่อ ‘Saegyeolgigyeong’ ขึ้นมา มันมีเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธรูปหยกในหนังสือเล่มนั้น ผมไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นมันที่นี่”

 

“แล้วถ้าหาหนังสือที่ว่าไม่เจอล่ะ?”

 

“ง่ายนิดเดียว ในหนังสือมันกล่าวถึงการเจาะรูเพื่อใส่แหวนเข้าไปซึ่งต่อมาได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นมันจึงไม่ยากหากอยากจะหาคำตอบ”

 

อันที่จริงเขาสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นเมื่อกล่าวถึงหนังสือชื่อ ‘Saeseolgigyeong’ แต่เนื่องจากแหวนมันอยู่ในพระพุทธรูปจริงๆมันจึงไม่สำคัญว่าหนังสือเล่มนั้นจะมีจริงหรือไม่

 

“เฮอะ! เธอโชคดีนะครั้งนี้ ฉันยินดีด้วย ” เธอพูดอย่างเย็นชาใส่อึนแฮและจากไป

 

“ผมหวังว่าจะได้พบคุณอีกครั้ง คุณน่าประทับใจมาก” ผู้ประเมินกล่าวขณะมองไปที่แฮจินจากนั้นเขาก็เดินตามผู้หญิงคนนั้นไป

 

แฮจินไม่รู้ว่าจะได้เจอเขาอีกไหม แต่เขาสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อยหลังจากที่พวกเขาจากไป

 

“ฮู่…”

 

ขาของเขาสั่น แต่เขาก็บังคับตัวเองให้พิงราวที่สูงขึ้นมาถึงเอวของเขาก่อนจะยิ้มให้อึนแฮ

 

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าว

 

“เรื่องเล็กน้อย เธอคนนั้นพูดจาหยาบคายจนผมทนไม่ไหว และพวกเขาก็พลาดที่มาดูถูกพระพุทธรูปองค์นี้”

 

จริงๆแล้วแฮจินก็ไม่รู้มาก่อนเช่นกันว่าพุทธรูปองค์นี้มีประวัติแบบนั้นจนกระทั่งเขาใช้เวทมนตร์

 

“คุณรู้เรื่องของวัตถุโบราณมากจริงๆ คุณจบมาจากมหาลัยไหนงั้นเหรอคะ?”

 

“เอ่อ…”

 

ในตอนนั้นเองแฮจินเริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้เข้าเรียนในมหาลัยดีๆเป็นครั้งแรก อึนแฮตระหนักว่าเขาคงไม่ได้เรียนในมหาลัยที่ดี

 

“ขอโทษค่ะ ความจริงแล้วมันไม่สำคัญเลย มันเป็นนิสัยของฉันที่มักจะถามสิ่งต่างๆเมื่อพบกับใครสักคน…”

 

“ครับ ผมว่านั่นมันไม่ใช่นิสัยที่ดีแน่ๆ ฮาฮา!”

 

“ถ้าคุณยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง คุณจะรังเกียจไหมหากฉันอยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณสักมื้อสำหรับความช่วยเหลือของคุณ”

 

นับเป็นโชคดีอย่างยิ่ง การช่วยเหลือสาวงามนำมาซึ่งความช่วยเหลือจากโชคชะตา แต่มันติดตรงที่แม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถยืนได้ แต่เขาก็กำลังจะหน้ามืดในอีกไม่ช้า

 

“วันนี้ผมคงไปไม่ได้ เอาเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับ?”

 

เธอประหลาดใจราวกับเธอไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธ จากนั้นเธอก็ยิ้มอีกครั้ง

 

“เป็นพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ แล้วเราจะไปเจอกันที่ไหนดี?”

 

“พรุ่งนี้ผมว่าจะไปแวะร้านหนังสือชื่อกิวจองตอนเที่ยงพอดี เราไปเจอกันที่นั่นเป็นไงครับ?”

 

“ตกลงค่ะ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้”

 

เธอยื่นนามบัตรให้แฮจินก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยและจากไป

 

แฮจินมองตามจนเธอลับสายตา เขาขยับขาที่สั่นเทาเพื่อขึ้นแท็กซี่และกลับไปยังโรงแรมของเขา

 

“อึก ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย…”

 

โลกรอบตัวของเขาหมุนจนทำให้เขาเวียนหัว และเป็นอีกครั้งที่เขาตรงไปที่เตียงทันทีโดยไม่แม้แต่จะอาบน้ำ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลังอีกครั้ง

 

เขาอาบน้ำและรีบตรงไปยังร้านหนังสือ มันถึงเวลาแล้ว ถ้าเขานอนนานกว่านี้เขาคงจะมาสาย

 

เขาโทรหาอึนแฮ เธอบอกว่ากำลังรอเขาอยู่ที่ลานจอดรถเขาจึงรีบวิ่งไปที่นั่นทันที ผู้หญิงที่ดูราวกับออกมาจากนิตยสารกำลังรอเขาอยู่ข้างลิฟต์

 

“คุณได้เอารถมารึเปล่า?”

 

“ไม่”

 

“งั้นเราใช้รถของฉันเป็นไง?”

 

“โอเค”

 

เขาอายและคิดว่าเขาควรจะซื้อรถมือสองไว้ล่วงหน้า แต่เมื่อเธอพาแฮจินไปที่รถของเธอเขาก็กลายเป็นดีใจที่ยังไม่ได้ซื้อมันมา

 

ในขณะที่เธอสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อคนสวยอย่างเธอได้นั่งลงบนที่นั่งคนขับของรถปอร์เช่ มาคันน์(Porsche Macan) มันกลับทำให้เธอดูเซ็กซี่ เธอช่างสมบูรณ์แบบ

 

“ฉันจะพาคุณไปร้านสเต็กที่ฉันรู้จัก คุณคิดว่ายังไง?”

 

“แน่นอน ผมชอบสเต็ก”

 

“เยี่ยม!”

 

แม้แต่ร้อยยิ้มของเธอก็งดงามมาก เธอสมบูรณ์แบบเสียจนแฮจินรู้สึกว่าเขากำลังจะหลงเสน่ห์เธอ

 

การหลงเสน่ห์ผู้หญิงเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับแฮจิน แต่เนื่องจากอึนแฮทั้งสวยและร่ำรวย เขาจึงเริ่มมีความคิดที่ว่าบางทีเขาควรจะออกปล้นกับพ่อของเขามากกว่านี้เพื่อจะกลายเป็นคนร่ำรวย

 

อึนแฮพาเขาไปที่ร้านอาหารในโรมแรมชินระ ทำให้ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าเธอเป็นใคร

 

เขาเคยได้ยินมาว่าเธอเป็นคนดูแลแกลเลอรี่ แต่เธอดูจะอายุแค่ยี่สิบกลางๆ งั้นเธอมาจากตระกูลไหน…

 

สเต็กที่เขาได้ทานมันอร่อยเกินกว่าสิ่งที่แฮจินเคยลองมาทั้งหมด ทางด้านอึนแฮก็กำลังจดจ่ออยู่กับอาหารตลอดเวลา แต่เมื่อได้เวลาของหวานสายตาของพวกเขาก็สบกัน

 

“คุณชอบกับมันไหม?”

 

“แน่นอนครับ มันอร่อยมาก”

 

“ฉันดีใจนะที่คุณชอบมัน อืมม… ฉันมีคำถาม คุณช่วยตอบฉันหน่อยได้ไหม? ฉันรู้ว่ามันหยาบคายแต่เมื่อฉันพบใครสักคนฉันต้องรู้ว่าเขาเป็นใคร ฉันได้รับการสอนมาแบบนั้น”

 

เธอไม่ปกติ ความจริงแล้วเธอสามารถถามว่า ‘คุณเป็นใคร? คุณเรียนรู้เรื่องวัตถุโบราณมาจากไหน?’

 

เธอเป็นคนที่สุภาพมากงั้นเหรอ? เมื่อพิจารณาจากบทสนทนาของเธอเมื่อวานตอนอยู่ในงานแสดงตัวอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

 

“ได้สิครับ เชิญถามมาได้เลย”

 

“คุณเชี่ยวชาญเรื่องวัตถุโบราณมาก ฉันอยากจะรู้ว่าคุณทำงานอะไร?”

 

แฮจินรู้สึกอายที่จะบอกว่าเขาเป็นคนงานก่อสร้าง แต่เขาก็ไม่สามารถพูดได้เช่นกันว่าเขาเคยเป็นโจรปล้นสุสานที่เดินทางไปรอบโลกกับพ่อของเขา

 

“ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่เมื่อเร็วๆนี้ผมเคยเป็นคนงานก่อสร้างมาก่อน”

 

“อืมม.. ฉันเข้าใจ”

 

อึนแฮไม่ได้แสดงอาการผิดหวัง เธอได้รับการศึกษาที่ดีหรือแค่ซ่อนความคิดของตัวเองเก่ง ยิ่งไปกว่านั้นเธอกลับมองเขาด้วยความสนใจมากกว่าแต่ก่อน

 

“แต่คุณมีความสามารถมากเกินกว่าที่จะเป็นแค่คนงานก่อสร้าง คุณรู้จักผู้ประเมินที่คุณพบเมื่อวานนี้ไหม? เขาเป็นหนึ่งในสามผู้ประเมินที่ดีที่สุดในเกาหลี”

 

ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดเก่งเท่าแฮจินเพราะเขามีเวทมนตร์อยู่กับตัว นอกจากนี้แม้ว่าเขาจะไม่มีมันเขาก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้เก่งน้อยไปกว่าคนอื่นๆ

 

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเขาเคยคิดว่าตัวเองเก่งพอๆกับผู้เชียวชาญ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับยอดเยี่ยมเกินกว่าจะมีใครเทียบ

 

“จริงเหรอ?”

 

น้ำเสียงของแฮจินราวกับจะพูดว่า ‘แล้วไง?’ อึนแฮกัดริมฝีปากและยิ้ม

 

“ดูสิ คุณไม่ได้ท้อเลย! แม้แต่ปู่ของฉันก็ยังต้องเคารพความเห็นของเขาเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัตถุโบราณ ดังนั้น…”

 

“ครับ?”

 

“ฉันอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด