Artifact Reading Inspector 6 ใช้เวทมนต์ (2)

Now you are reading Artifact Reading Inspector Chapter 6 ใช้เวทมนต์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อพูดถึงวัตถุโบราณในเกาหลี คนสวนใหญ่ก็มักจะคิดถึงอินซาดง ดังนั้นโรงประมูลของเกาหลีจึงตั้งอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดี เนื่องจากที่ตั้งของมันนั้นอยู่ตรงบริเวณทางเข้าของอินซาดง

 

ความจริงแล้วแฮจินไม่เคยเข้าไปในโรงประมูลมาก่อน เพราะพ่อของเขามักจะเก็บเรื่องพ่อค้าที่รับซื้อวัตุโบราณไว้เป็นความลับ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่จะให้เขาเข้าไปที่นั่น

 

ดังนั้นเมื่อแฮจินเห็นผู้คนมากมายเดินไปรอบๆโรงประมูล เขาจึงเริ่มมองไปรอบตัว และสงสัยว่าเขาควรทำอะไรต่อไป

 

ตามหลักแล้วเขารู้ว่าที่นี่มันทำงานยังไง แต่เขากลับตื่นตระหนกเมื่อเขาได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ

 

ตอนนั้นเองผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมสูทแบบสองชิ้นดูประณีตก็ได้เดินมาทางเขา ใบหน้าของเธอมีลักยิ้มที่น่ารักประดับอยู่

 

“มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”

 

แฮจินรู้สึกตัวอีกครั้งจากคำทักทายที่สุภาพและใจเย็น

 

“โอ้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ครับ”

 

“เป็นอย่างนั้นเหรอคะ? งั้นให้ฉันช่วยนะคะ ว่าแต่คุณมาที่นี่เพื่อดูตัวอย่างของวันนี้ใช่รึเปล่าคะ?”

 

การแสดงตัวอย่างเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อนการประมูลจริง แน่นอนว่าแฮจินรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว มันเป็นไปตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น

 

“ไม่ครับ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อประมูล”

 

“งั้นคุณก็มาที่นี่เพราะว่ามีของที่อยากจะฝากขายกับทางเราใช่ไหมคะ?”

 

การฝากขายหมายถึงการมอบความไว้วางใจให้กับโรงประมูลเพื่อให้พวกเขานำไปขายแทน

 

“ใช่ครับ แล้วผมควรจะไปที่ไหนดี?”

 

“ฉันจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้าคุณบอกฉันว่าของประเภทใดที่คุณจะมอบความไว้วางใจให้กับทางเรา” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจ

 

มันก็ทำให้แฮจินรู้สึกดีขึ้น

 

“มันเป็นเครื่องเคลือบลายครามสีขาว เครื่องเคลือบลายครามสีขาวดอกน้ำเงิน และภาชนะบรรจุน้ำครับ”

 

“ได้โปรดตามฉันมาค่ะ”

 

แฮจินเดินตามเธอและขึ้นลิฟต์ไป แต่ทันใดนั้นเขาก็เกิดสงสัยขึ้นมา

 

“งานแสดงตัวอย่างวันนี้มีวัตถุโบราณประเภทไหนที่นำมาจัดแสดงบ้างครับ?”

 

“วัตถุโบราณบางชิ้นมาจากสมัยซ่ง หยวนและหมิงของจีน จากโครยอและโชซอนนิดหน่อย และอีกหลายชิ้นจากยุคอาณานิคมของญี่ปุ่น”

 

“ทำไมครั้งนี้มันถึงมีวัตถุโบราณของจีนหลายชิ้นงั้นเหรอครับ?”

 

“พอดีว่ามีคนนำของส่วนตัวมาปล่อยในการประมูลน่ะค่ะ”

 

“อ๋อ…”

 

ปัจจุบันเกือบทุกประเทศเริ่มที่จะนำวัตถุโบราณของประเทศตัวเองกลับมา นั่นรวมไปถึงจีนด้วย ดังนั้นนอกจากทรัพย์สินส่วนตัวแล้ว วัตถุโบราณของจีนแทบจะไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นในการประมูล

 

“ดังนั้นมันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนมากมายมาที่นี่เพื่อดูตัวอย่างในวันนี้”

 

“ผมเข้าใจแล้ว”

 

พวกเขามาถึงชั้นสาม การตกแต่งภายในของมันนั้นแตกต่างจากชั้นล่าง ไฟสีเหลืองที่ดูอบอุ่นทำให้พื้นที่ที่ดูเรียบง่ายนี้สว่างขึ้น โดยรวมแล้วมันดูหรูหรามาก

 

“คุณช่วยรอที่นี่สักครู่ได้ไหมคะ?”

 

ผู้หญิงคนนั้นพาแฮจินมาที่ห้องประชุมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เธอให้น้ำผลไม้หนึ่งแก้วแก่เขาและหายตัวไป

 

เขารออยู่ในห้องประมาณ20นาที ขณะอ่านโบรชัวร์ของโรงประมูลเกาหลีไปด้วย จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกและมีคนเดินเข้ามา

 

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฮง มิจิน เป็นผู้ประเมินราคาเครื่องเคลือบของโรงประมูลเกาหลี”

 

ผู้หญิงที่เข้ามาจะอายุประมาณ40ตอนปลาย เธอปรับแว่นตาของเธอ และยื่นนามบัตรให้กับแฮจิน เธอดูเหมือนจะเป็นพวกหัวกะทิ

 

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ นี่คือของที่ผมนำมาวันนี้”

 

เธอตรวจสอบภาชนะบรรจุน้ำที่แฮจินนำมาสักพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดออกมา

 

“มันเป็นวัตถุโบราณที่ดี”

 

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำพูดธรรมดาๆ แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

 

“งั้นก็ดีแล้ว” แฮจินพูด

 

“ฉันจะนำมันไปลงในการประมูลใหญ่ครั้งต่อไปโดยรับประกันในนามของฉัน คุณมีคำถามอื่นไหมคะ?”

 

“ไม่ครับ ผมไม่มีแล้ว”

 

มิจินมองไปที่แฮจินด้วยความสนใจินด้วยความสนใจรู้ีงงฉศรอบตัวของขณะที่เขายืนขึ้น

 

“นี่ค่อนข้างแปลก คนปกติมักจะถามว่าราคาขั้นต่ำที่เราตั้งให้มันคือเท่าไหร่ และจะขายในราคาใด…”

 

“ที่คุณพูดมามันก็ถูก แต่ผมแค่คิดว่าผมจะได้รับเท่าที่มันคุ้มค่า”

 

การประมูลเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการขายวัตถุโบราณให้ได้ราคาที่ใกล้เคียงกับราคาจริงมากที่สุด? แฮจินไม่ได้คิดอย่างนั้น

 

วัตถุโบราณมันจะสามารถขายได้ในราคาที่เหมาะสมก็ต่อเมื่อผู้ซื้อเป็นคนที่มีความรู้เรื่องวัตถุโบราณ หากมีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องอยู่ในการประมูล วัตถุโบราณชิ้นนั้นก็จะถูกขายในราคาต่ำ

 

ถ้าอยากจะขายวัตถุโบราณในราคาที่เหมาะสม ทำไมไม่ให้ตัวแทนตั้งราคาที่เหมาะสมไปเลย? มันเป็นเพราะพวกเขาต้องการขายวัตถุโบราณในราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบมันจริงๆ

 

แน่นอนว่าทุกรายการมันจะต้องเป็นของจริงเท่านั้น มิเช่นนั้นมันจะเป็นการไล่ลูกค้าของพวกเขาออกไปแทน

 

แต่ถึงอย่างนั้นแฮจินก็ยังคงนำเครื่องเคลือบลายครามของเขาลงประมูลอยู่ดี แม้ว่าการหาคนที่ยอมจ่ายในราคาที่เหมาะสมจะเป็นเรื่องยาก แต่เขามั่นใจมากว่าผู้คนต้องการเครื่องเคลือบลายครามที่สวยงานนี้อย่างแน่นอน

 

“เป็นคำพูดที่ฉลาดมาก”

 

“อืมม.. ความจริงแล้วผมก็มีคำถามที่อยากจะถามคุณเหมือนกัน ผมอยากจะรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ถามผมว่าผมได้มันมาจากไหน?”

 

แหล่งที่มาของวัตถุโบราณมันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และสำคัญมาก หากโรงประมูลเกาหลีขายของที่ถูกขโมยมา มันจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาแย่ลง

 

“เพราะว่าฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน หากว่าฉันไม่รู้จัก ก็แปลว่ามันไม่ใช่ของที่ถูกขโมย”

 

ที่เธออยากจะพูดคือ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของที่ถูกขโมยมาจริงๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะมันยังไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และมันก็แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจมากมายที่เธอมี

 

นั่นหมายความว่าเธอคงรู้จักเครื่องเคลือบลายครามทั้งหมดที่ถูกค้นพบ

 

“และถ้ามันเป็นของที่ถูกขโมยมาจริง คุณคงจะไม่สงบขนาดนี้เมื่อส่งมันมาให้ฉันตรวจสอบ ไม่ว่ายังไงก็ขอขอบคุณสำหรับการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างเรา โปรดมาที่โรงประมูลเกาหลีอีกครั้งหากคุณได้พบกับวัตถุโบราณที่ดีเช่นนี้อีก และด้วยเหตุนี้เองฉันจะคิดค่าธรรมเนียมสำหรับครั้งแรกแค่8%เท่านั้น”

 

“ผมชอบมัน และความจริงแล้วผมยังมีของอยู่อีกสองสามชิ้น”

 

“งั้นฉันก็จะตั้งตารอนะคะ แล้วคุณต้องการที่จะดูตัวอย่างที่ชั้นแรกด้วยไหมคะ? เราสามารถช่วยคุณได้”

 

“ไม่เป็นไรครับผมสามารถดูได้ด้วยตัวเอง”

 

“โอเคค่ะ งั้น…..”

 

หลังจากพูดคุยกับเธออีกนิดหน่อย แฮจินก็ได้ขอตัวลงไปที่ชั้นหนึ่ง การได้มองวัตถุโบราณมันเป็นสิ่งที่สามารถให้ความเพลิดเพลินแก่เขาได้เสมอ

 

ห้องโถงของนิทรรศการเต็มไปด้วยคนที่สวมเสื้อผ้าราคาแพง

 

แฮจินเดินไปรวมกับพวกเขาเพื่อดูวัตถุโบราณอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงที่แหลมและหยาบคายดังขึ้นมา

 

“เธอมันไม่รู้อะไรเลย….”

 

แม้ว่าแฮจินจะไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด แล้วคนที่โดนพูดใส่อยู่ตอนนี้จะรู้สึกยังไง? ด้วยความอยากรู้เขาจึงมองไปยังต้นเสียง

 

“ฉันเนี่ยนะที่ไม่รู้อะไรเลย?”

 

ผิวขาว ขนตาที่ดูประณีต ดวงตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแต่ลึกล้ำ และจมูกโด่งได้รูป มีหญิงสาวที่งดงามมากๆคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เธอกัดริมฝีปากด้วยความโกรธ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงดูงดงาม

 

ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่แฮจินจะถูกเรียกว่าอัปลักษณ์ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถแสดงปาฏิหาริย์ในการชนะใจผู้หญิงได้ แม้ว่าในขณะนั้นเขาจะทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกอยู่ก็ตาม

 

เขาเคยใช้เงินที่ได้จากการใช้แรงงานไปสมัคเข้าสโมสรเพื่อต่อต้านพ่อของเขา แต่เขาก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน

 

“ก็ถ้าเธอไม่อยากถูกหลอกอีกครั้ง เธอควรที่จะรู้บ้างนะว่าอันไหนควรซื้ออันไหนที่ไม่ควรซื้อ แล้วทำไมเธอถึงยังเชื่อเรื่องโง่ๆพรรคนั้นด้วย? ตอนนี้ฉันละอายแทนเธอจริงๆ”

 

ผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังปล่อยความโกรธของเธอใส่ผู้หญิงที่งดงามคนนั้น เมื่อสำรวจเธอจากล่างขึ้นบนก็จะพบว่าเธอกำลังใส่สินค้าแบรนด์หรูทั้งตัว

 

เธอดูน่ารักจนทำให้ผู้ชายทุกคนที่เดินผ่านต้องหยุดมอง แต่ตัวแฮจินที่เพิ่งเห็นเทพธิดากลับมองเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง

 

“ฮึ…ใช่ฉันพลาด ฉันยอมรับ แต่เธอมาทำอะไรที่นี่? สื่อบอกว่าพ่อของเธอกำลังถูกเรียกไปดำเนินคดีไม่ใช่เหรอ แล้วเธอว่างมาที่นี่ได้ยังไง?”

 

แฮจินเคยคิดว่าผู้หญิงที่งดงามคนนี้จะต้องอดทนเพื่อที่จะผ่านมันไป แต่เขาก็คิดผิด ลิ้นของเธอก็มีหนามเช่นกัน

 

“อะไรนะ?”

 

“เธออย่าซื้อของที่นี่เลยนะถ้าเธอไม่สามารถจ่ายมันได้ แม้ว่าเธอจะชอบมันมากก็ตาม แล้วไม่ใช่ว่าตอนนี้เธอไม่ควรไปต่างประเทศไม่ใช่เหรอ?”

 

“มะ-มันไม่ใช่แบบนั้น!”

 

“ฉันได้ยินมาว่า… กำลังจัดการเงินของครอบครัวเธอ…. เธอดูไม่กังวลเลยนะ”

 

พวกผู้หญิงยังคงปะทะคารมกัน แต่พวกเธอต่างพูดกันเสียงต่ำจนทำให้แฮจินแทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย

 

เขาอยากจะฟังมากกว่านี้ แต่เขาก็ได้ยินแค่บางส่วนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปใกล้ให้มากกว่าเดิม

 

“เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังพูดอะไรอยู่ ในอดีตอัยการเคยจัดการกับคดีที่คล้ายกันมาแล้ว พวกเขามักจะให้ความหวังพวกนั้นและทำให้ยอมแพ้ แล้วเธอล่ะรู้อะไรบ้าง? เธอเป็นเพียงแค่คนดูแลแกลเลอรี่ขนาดเล็กที่มีสินค้าราคาถูกอยู่ไม่กี่ชิ้น ถ้าเธอฉลาดกว่านี่ เธอก็คงจะไม่ถูกหลอกด้วยแผนการที่แม้แต่น้องที่อายุน้อยที่สุดของฉันก็ดูออก โอ้ จริงสิ ฉันเคยบอกเธอรึยัง? ว่าตอนนี้เขาอยู่เกรดห้า(ป.5)เท่านั้น”

 

การต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แฮจินเผ้าดูด้วยความกังวลครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากดีๆ แต่ก็มีคนเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

 

“หยุดเถอะครับ มีหลายคนมองเราอยู่”

 

ผู้ดูแลผู้หญิงคนนั้นเข้ามาก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นและหยุดเธอเอาไว้

 

เขาดูน่าจะอายุมากกว่า40 แต่เขาไม่ได้สูงและตัวก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น ดังนั้นเขาไม่น่าจะใช่ผู้คุ้มกันของเธอ

 

“โอ้ ขอโทษที พอดีฉันอารมณ์เสียไปหน่อย แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่ในเมื่อเพื่อนของฉันตาถั่วอย่างนี้… ที่จริงฉันโกรธมากเมื่อเห็นเด็กบางคนที่มีเงินมากมายแต่กลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวัตถุโบราณเลย มันแทบทำให้ฉันบ้า!”

 

ตอนนี้แฮจินเริ่มสงสัยว่าเธอเป็นใคร

 

“ปัญหามันอยู่ตรงๆไหน? แล้วมันเกี่ยวกับวัตถุโบราณยังไง?”

 

‘ฮะ?’

 

แฮจินคิดว่าชายคนนี้จะช่วยขจัดความขัดแย้งออกไป แต่เขากลับจุดไฟที่กำลังจะดับขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงเริ่มร่ายยาวทันที

 

“ก็ดูพระพุทธรูปหยกองค์นี้สิ ฉันได้ยินใครบางคนบอกว่ามันมีค่าอย่างน้อยหลายพันล้าน ดังนั้นฉันจึงแวะมาที่นี่ แต่ใครจะไปคิดกันล่ะว่ามันเป็นอึนแฮ(พระคุณ)! เธอจะตอบแทน ‘พระคุณ’ ของพ่อแม่เธอยังไง ด้วยความโง่งั้นเหรอ?”

 

มันเป็นมุขฝืดๆ… แต่ถึงกระนั้นแฮจินก็มีความสุขที่ได้รู้ว่าชื่อของเธอคืออึนแฮ

 

อีกด้านหนึ่งอึนแฮกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเพียงแค่จ้องมองไปที่ชายคนนั้นเท่านั้น

 

พระพุทธรูปหยกที่อยู่ตรงหน้าแฮจินมันใหญ่พอๆกับมือของเด็กเจ็ดขวบ มันไม่ได้ดูพิเศษราวกับมันเป็นของที่ระลึกที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยว

 

มันอยู่ในกล่องแก้วดังนั้นเขาจึงสามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเท่านั้น จากประสบการณ์ของเขามันไม่สามารถบอกอะไรได้มากไปกว่ามันน่าจะมาจากสมัยราชวงศ์หมิง

 

“หืมม…พระพุทธรูปหยกจากสมัยหมิง สีสวยแต่เส้นหยาบและสมดุลไม่ถูกต้อง เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆแล้วก็จะพบว่าปลายผ้าของพระพุทธรูปได้รับความเสียหาย อืมม… ผมไม่คิดว่ามันจะมีค่ามากกว่าพันล้าน”    นิยาย   อ่านนิยาย

 

มีเหตุผลที่อึนแฮมองไปทางเขา เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ดูแลเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ประเมินราคาส่วนตัวด้วย

 

ใบหน้าของอึนแฮเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอถูกหลอก มันราวกับมีคนเห็นสมุดบันทึกลับของเธอที่เธอเขียนในวัยแรกรุ่น มันทำให้เธออับอาย

 

แฮจินอยากจะช่วยเธอ เขาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ มันก็แค่…. เธอสวยมาก นั่นเป็นเหตุผลเดียวและเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด

 

เขาใช้น้ำลายบนนิ้วของเขาวาดลงบนกล่องแก้วที่ใส่พระพุทธรูปหยกและร่ายคาถาออกมาอย่างเงียบๆ

 

“อึก…”

 

หัวเขาหมุน ขาเขาสั่น โลกตรงหน้าเขามืดลงและเมื่อเขากลับมามองเห็นอีกครั้ง เขาก็พบว่าหญิงงามคนนั้นได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

“อะ ครับ ผมสบายดี สงสัยเมื่อวานผมคงดื่มมากไปหน่อย แต่… ความจริงแล้วผมกำลังจะออกไปอย่างไรก็ตามทั้งหมดมันไร้สาระมากจนผมรับไม่ได้”

 

ความจริงแล้วเขากำลังจะอาเจียนและอยากจะออกไปเต็มที แต่เขาก็มองไปที่หน้าเธอและอดทน

 

“อะไรนะ?”

 

“พระพุทธรูปหยกองค์นี้.. หากคุณตัดสินมันจากรูปลักษณ์ภายนอกของมันเท่านั้นแปลว่าคุณไม่รู้อะไรเลย ด้วยความเข้าใจและรสนิยม ผมคิดว่าคุณคงโยนเซลาดอนสีเทาอมน้ำเงินทิ้งไปขณะที่บอกว่ามันไม่มีค่าพอให้สนใจ…”

 

ใบหน้าของผู้ดูแลแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด