Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน 362

Now you are reading Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน Chapter 362 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ปัง ปัง ปัง

 

ทหารองครักษ์คนหนึ่งเคาะประตูห้องเจ้าซีอย่างเร่งรีบ

 

“ท่านเจ้า เรื่องฉุกเฉิน เรื่องฉุกเฉิน” ทหารองครักษ์ตะโกน ฟังดูเหมือนกับฟ้าถล่ม

 

“เกิดบ้าอะไรกัน” เจ้าซีเปิดประตูพร้อมขมวดคิ้ว ขณะที่เขาเกือบไม่ได้นอนเมื่อคืนเนื่องมาจากการทะเลาะกับซูหยาง

 

“ท่านเจ้า เราได้รับรายงานว่าผู้อาวุโสสูงสุดเหรินของนิกายล้านอสรพิษถูกฆ่า และ… และ… ใครบางคนได้ประจานหัวของเขากลางตลาด มันสร้างความปั่นป่วนอย่างมหาศาลภายในเมือง”

 

“เจ้าพูดว่ากระไรนะ พาข้าไปที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้” ไม่เสียเวลาสำหรับเจ้าซีแม้แต่วินาทีเดียวที่จะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาสำหรับเขาที่จะมากังวลเรื่องผู้ร้าย ในเมื่อเขากังวลวุ่นวายเกินไปอยู่กับเรื่องที่ว่านิกายล้านอสรพิษจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับการยั่วยุอย่างเปิดเผยนี้

 

เวลาต่อจากนั้นเมื่อเจ้าซีไปถึงที่เหตุการณ์ เขาก็ต้องตกใจที่เห็นหัวที่ถูกตัดออกของผู้อาวุโสเหรินปักตรึงอยู่กับพื้นด้วยกระบี่ระดับวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นหัวนั้นได้แสดงสีหน้าหวาดกลัว ราวกับว่าเขากำลังมองเห็นปีศาจอยู่ตรงหน้าก่อนตาย

 

มียอดยุทธหลายคนได้มาถึงที่เหตุการณ์ก่อนเจ้าซีได้ไปถึง และนั่นก็รวมไปถึงคนจากนิกายล้านอสรพิษด้วย

 

“ใครกันช่างกล้าทำบางอย่างเช่นนี้กับนิกายล้านอสรพิษ นี่โดยปกติแล้วถือว่าเป็นการประกาศสงคราม” ผู้ชมคนหนึ่งกล่าว

 

“ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องน่าเร้าใจมากที่คนผู้นี้สามารถฆ่าจอมยุทธดังเช่นผู้อาวุโสสูงสุดเหรินที่ก่อนตายอยู่ถึงเขตอัมพรวิญญาณได้”

 

“หรือว่าความปั่นป่วนเมื่อคืนนี้เกิดจากผู้อาวุโสเหรินและคนที่เขาต่อสู้ด้วย”

 

ขณะที่ผู้คนต่างพากันคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสสูงสุดเหริน ก็มีคนหนึ่งพลันไปคุกเข่าต่อหน้าหัวขาดของผู้อาวุโสสูงสุดเหรินและร่ำร้องเสียงดัง

 

“อาาาาาาา”

 

ผู้คนที่นั่นต่างพากันจำคนผู้นั้นได้ทันที นั่นก็คือฟูกวางผู้นำนิกายของนิกายล้านอสรพิษ

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย นี่เป็นสงคราม ข้า ฟูกวาง ขอสาบานที่จะแก้แค้นให้กับพี่น้องของข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” ฟูกวางคำราม สร้างความมึนงงให้กับผู้คนที่นั่น

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการตายของผู้อาวุโสสูงสุดเหรินรึ พวกเขามีเพียงยอดยุทธเขตปฐพีวิญญาณเพียงคนเดียวเป็นอย่างมาก มิมีทางที่ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินจะตกตายเพราะพวกเขา”

 

“ใช่ นั่นต้องมีความเข้าใจผิดอะไรสักอย่างที่นี่”

 

ผู้คนต่างพากันสงสัยในความสามารถที่จะฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดเหรินของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ผู้ซึ่งควรจะมีความสามารถเพียงพอที่จะทำลายทั้งนิกายนี้ได้หลายรอบด้วยตัวของเขาเอง

“ผู้นำนิกายฟู ใจเย็น” เจ้าซีพลันก้าวออกไปข้างหน้า

 

“ท-ท่านเจ้า”

 

ทุกคนที่นั่นต่างพากันก้มหัวลงทักทายเขาหลังจากที่เห็นเจ้าซี

 

“ท่านเจ้า นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเขาฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดเหริน” ฟูกวางกล่าวกับเขาพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ “โปรดยินยอมให้ข้าน้อยผู้นี้ได้ลงโทษนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยสำหรับการกระทำที่เสแสร้งของพวกเขา”

 

เมื่อเจ้าซีได้ยินคำพูดของฟูกวาง เขาก็เย้ยเยาะอยู่ในใจ “ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ เจ้าคิดหรือว่าข้ามิรู้เรื่องราวอะไรเลย เพราะว่าการกระทำของเจ้าข้าจึงถูกเจ้าเด็กบ้านั่นปั่นหัว และยังถูกลูกสาวสุดที่รักของข้าด่าอีกด้วย”

 

“เดี๋ยก่อน เจ้ามีข้อพิสูจน์อะไรที่ว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าขันที่สำนักเล็กๆแบบพวกเขานั้นจะมีพลังอำนาจในการฆ่าคนที่มีประสบการณ์เหมือนกับผู้อาวุโสเหริน” เจ้าซียับยั้งความอยากที่จะต่อยฟูกวางไว้และถามเขาด้วยเสียงเยือกเย็น

 

ฟูกวางพลันจนคำพูด ถ้าเขาต้องการที่จะพิสูจน์ว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอยู่เบื้องหลังการตายของผู้อาวุโสสูงสุดเหริน เขาก็จำต้องเปิดเผยให้ทุกคนรู้ถึงแผนการที่จะลอบฆ่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ซึ่งมีแต่จะย้อนเข้าตัวนิกายล้านอสรพิษเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์อะไรได้โดยไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวในกระบวนการเหล่านี้ในเวลานี้

 

“ไม่…ข้ามิมีข้อพิสูจน์อะไร… ต-แต่นั่นเป็นใครไปอีกไม่ได้นอกจากพวกเขา” ฟูกวางกล่าวใบหน้าแดงด้วยความอับอาย

 

“เจ้ามิอาจกล่าวหาใครโดยมิมีหลักฐาน ผู้นำนิกายฟู นั่นมิเข้ากับคนที่อยู่ในตำแหน่งของเจ้า…” เจ้าซีส่ายหน้า

 

“ข้าน้อยผู้นี้แสดงความโง่เขลาไปแล้ว…” ฟูกวางต้องกล้ำกลืนความโกรธและก้มหน้าลง

 

อย่างไรก็ตามขณะที่ทุกสิ่งที่นั่นเริ่มสงบลง เสียงอื่นพลันดังขึ้น “โอ มีคนมากมากมายอะไรปานนี้ หรือว่ามีงานอะไรกัน”

 

“จ-เจ้าคือ” ความโกรธที่ฟูกวางกดเอาไว้พลันปะทุขึ้นมาหลังจากที่เห็นหน้าซูหยางปรากฏขึ้นตรงหน้า

 

กระทั่งเจ้าซีก็ยังตกใจที่เห็นเขาที่นี่ ในเมื่อเขาไม่คาดคิดว่าผู้ร้ายจะกล้าพอที่จะกลับมายังภาพเหตุการณ์ที่ตนเองได้ก่อขึ้น

 

หลังจากที่เห็นหัวขาดของผู้อาวุโสเหรินที่ตั้งอยู่ตรงนั้น ซูหยางทำท่าตกใจและพูดด้วยน้ำเสียงขวัญเสียว่า “โอ ตายแล้ว อะไรที่เป็นแรงจูงใจให้บางคนทำบางสิ่งที่เลวร้ายเลือดเย็นปานนี้”

 

“ซ-ซ-ซูหยาง เจ้าเด็กชั่ว เจ้ากล้ามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร” ฟูกวางระงับความต้องการที่จะต่อยซูหยางต่อหน้าเจ้าซีไว้ และชี้ไปที่เขาด้วยนิ้วอันสั่นเทาแทน

 

“มีอะไรผิดที่ข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยรึ ข้าเพียงแค่ได้ยินว่ามีความวุ่นวายแถวนี้และมาตรวจดู”

 

“เจ้าอย่ามาทำเป็นโง่ ข้ารู้ว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเจ้าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ มันต้องเป็นเด็กหญิงคนนั้นแน่” ฟูกวางคำรามใส่เขา

 

อย่างไรก็ตามซูหยางก็ยังทำหน้าตาไร้เดียงสาต่อไปอีกและกล่าวด้วยด้วยท่าทางตระหนก “ทำไมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเราจะทำอะไรเช่นนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีความแค้นกับนิกายล้านอสรพิษของเจ้าสำหรับการที่เกือบทำลายนิกายของพวกเรา พวกเรามิได้เป็นคนดุร้ายเหมือนกับเจ้า”

 

และเขากล่าวต่อไปอีกว่า “เจ้ามีข้อพิสูจน์ว่าพวกเราทำสิ่งนี้หรือไม่ และเด็กหญิงนั่นเกี่ยวข้องอะไรด้วย หรือว่าเจ้ากำลังแนะว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆได้ฆ่าชายชรานั่น เจ้าบ้าไปแล้วหรือเปล่า”

 

คนดูหลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหยาง พวกเขาล้วนเห็นด้วยว่าฟูกวางฟังดูบ้าอยู่บ้างในตอนนี้ ในเมื่อเขาเอาแต่พูดสิ่งที่ไร้สาระตลอดเวลา

 

“อย่าทดสอบความอดทนของข้า เจ้าเด็กเลว” ขณะที่ใบหน้าของฟูกวางแดงยิ่งขึ้น เขาก็เอื้อมมือไปยังแหวนมิติโดยไม่รู้ตัว

 

“เจ้ากำลังจะโจมตีข้าในขณะที่เจ้ามิมีข้อพิสูจน์อะไรอย่างนั้นรึ สมกับเป็นนิกายล้านอสรพิษ พวกเจ้าเป็นเพียงแค่ฝูงอันธพาล” ซูหยางส่ายหน้า

 

“ผู้นำนิกายฟู เจ้ามิสนใจว่ามีข้าอยู่ที่นี่ด้วยรึ” เจ้าซีจ้องมองเขาพร้อมหรี่ตา

 

“ม-ไม่ ผ-ผู้น้อยคนนี้มิกล้า” ฟูกวางกัดฟันพูด

 

“เช่นนั้นจนกว่าเจ้ามีข้อพิสูจน์ชัดแจ้งว่าใครเป็นคนฆ่าผู้อาวุโสเหริน ตระกูลซีของข้าก็จักสืบสวนเรื่องนี้ด้วย เจ้ามีปัญหาอะไรเรื่องนี้หรือไม่” เจ้าซีถามเขา

 

ฟูกวางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

 

“ดี” จากนั้นเจ้าซีก็หันไปมองดูผู้คนและกล่าวเสียงดังว่า “พื้นที่นี่ตอนนี้เป็นพื้นที่เหตุการณ์ที่จะได้รับการสืบสวนโดยตระกูลซีของข้า จักมิให้ผู้ใดเข้าใกล้พื้นที่นี้จนกว่าจะมีประกาศต่อไป แยกย้านกันไปได้”

 

“ตามพระประสงค์ท่านเจ้า”

 

ผู้ชนพากันกระจายออกไปจากที่นั้น อย่างไรก็ตามเรื่องราวความปั่นป่วนนี้ก็จะแพร่กระจายข้ามไปทั่วทวีปเหมือนกับไฟป่าหลังจากนั้นทันทีเช่นกัน

 

และในเมื่อเขาได้รับสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อยแล้วจากการปรากฏตัวต่อหน้าฟูกวาง ซูหยางก็จากไปพร้อมฝูงชนและกลับไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

ยามเมื่อเขากลับไปถึงโรงเตี๊ยมข่าวที่ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินตายก็ได้ไปถึงหูของโหลวหลานจีแล้วซึ่งเธอก็สั่นสะท้านอย่างหนักหลังจากที่ได้ยินชื่อนิกายของพวกเขาในนั้นด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด