Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน 641 กลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง

Now you are reading Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน Chapter 641 กลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 641 กลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง

 

หลังจากเข้าสู่ประตูมิติ โหลวหลานจีและคนอื่นๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ในโลกสีม่วงและสีชมพูที่ดูเหมือนจะสร้างจากเมฆแม้กระทั่งพื้นดินที่พวกเธอยืนอยู่ก็สร้างจากเมฆ

 

“สมกับเป็นสถานที่ในตํานาน “โหลวหลานจีพีมพ่าด้วยเสียงที่งงงัน

 

ศิษย์คนอื่นๆก็พากันงงงันไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงของเยี่ยนเยี่ยนจะทําให้พวกเธอหลุดออกมาจากความงงงันอย่างรวดเร็ว“สระสวรรค์อยู่ตรงนั้น”

 

พวกเธอหันไปมองทิศทางที่เยี่ยนเยี่ยนชี้ไป และแน่นอน มีบ่อน้ําเล็กๆที่มีน้ําสีทองเป็นประกายซึ่งมีต้นไม้สีทองขนาดยักษ์หยั่งรากอยู่ข้างบ่อน้ํา

 

ลําต้นของต้นไม้นี้ดูเหมือนจะทําด้วยเงินบริสุทธิ์ ในขณะที่ใบก็ถูกเคลือบด้วยสีทอง ทําให้ดูเหมือนการประดับประดาหรูหรายิ่งกว่าจะเป็นต้นไม้จริงยิ่งไปกว่านั้น หากมองใกล้ๆ ใบไม้บนต้นไม้ก็หยดของเหลวสีทองลงไปในสระสวรรค์

 

“สระสวรรค์จริงแล้วเป็นต้นไม้หรอก” โหลวหลานจีรู้สึกงุนงงที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เธอต้องการที่จะชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามให้มากกว่านี้ แต่อนิจจาเธอไม่สามารถที่จะฟุ่มเฟือยพอจะยืนเล่นได้

 

“รีบไปเริ่มฝึกฝนวิชากันเถอะ” โหลวหลานกล่าวกับเหล่าศิษย์ก่อนที่จะเข้าไปในสระสวรรค์และนั่งในท่าดอกบัวในน้ําสีทองซึ่งลึกพอที่จะเข้าถึงและครอบคลุมครึ่งหนึ่งของอกของเธอ

 

อย่างไรก็ตาม สําหรับคนที่มีรูปร่างเตี้ยอย่างเช่นเยี่ยนเยี่ยนความลึกของน้ําก็เพียงพอที่จะสัมผัสคางของเธอ

 

เมื่อพวกเธอทั้งหมดอยู่ในท่าฝึกวิชแล้ว พวกเธอก็เริ่มดูดซับปราณไร้ลักษณ์ ที่มีความเข้มข้นและหนาแน่นกว่าสิ่งที่พวกเธอเคยสัมผัสมาก่อนต่างพากันรู้สึกราวกับว่าพวกเธอกําลังดื่มน้ําจืดเป็นครั้งแรกเมื่อพวกเธอเคยแต่ดื่มน้ําโคลนมาก่อนเท่านั้น

 

และเนื่องจากปราณหยางของซูหยางอยู่ในร่างกายของพวกเธอ พลังการฝึกปรือของพวกเธอจึงได้เพิ่มพูนในอัตราที่บ้าคลั่งซึ่งจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่สระสวรรค์

 

ในขณะเดียวกันนอกสระสวรรค์ ซูหยางก็พูดกับซีหวังและเจ้าซีว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเธอไปแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะออกเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเช่นเดียวกัน”

 

พวกเขาสองคนพยักหน้าทันทีด้วยแววตาที่สั่นไหว

 

“โอ้ ข้ารอช่วงเวลานี้มานานแค่ไหนแล้ว” ซีหวังร่ําร้องอยู่ในใจ รู้สึกเหมือนเด็กที่กําลังจะไปงานเทศกาลเป็นครั้งแรก

 

“ข้าก็ต้องการไปกับพวกท่านเหมือนกัน แต่ข้าต้องเฝ้าดูสถานที่นี้เผื่อว่าจะมีผู้บุกรุก” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

 

“หากเจ้ากังวลเกี่ยวกับผู้บุกรุก ข้าสามารถปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้โดยใช้ค่ายกลเพื่อให้ไม่มีใครเข้าไปได้”ซูหยางพูดกับเธอ

 

“จริงรี ข้าสามารถไปกับท่านที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางั้นรี” ซีซิงฟางมองไปที่เขาด้วยใบหน้าที่ยินดีแกมประหลาดใจ

 

“แน่นอน” เขาพยักหน้า

 

จากนั้นซูหยางก็ได้สร้างค่ายกลป้องกันและค่ายกลอําพรางรอบๆประตู เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรบกวนคนที่ฝึกฝนวิชาในบ่อสวรรค์

“ทุกคนพร้อมที่จะออกเดินทางแล้วหรือยัง”เขาถามทุกคนในภายหลัง

 

“พร้อม

 

ทุกคนพยักหน้า

 

ชหยางดึงเรือเหาะขนาดมหึมาของชิวเยว่ ที่เขายืมมาจากเธอก่อนที่จะออกจากนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยและโยนมันขึ้นไปในอากาศ

 

เรือเหาะขยายตัวในอากาศจนมีขนาดเท่าเรือรบ

 

“พวกท่านรออะไรอีกรี” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาหลังจากขึ้นเรือ

 

“มิว่าข้าจะเห็นสมบัติชิ้นนี้กี่ครั้ง ก็จะทําให้ข้าพูดไม่ออกอยู่เสมอ”ซีหวังพูดด้วยน้ําเสียงชื่นชมขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปที่เรือที่ยึดครองแผ่นฟ้าที่อยู่ตรงหน้า

 

ไม่กี่อึดใจต่อมาเมื่อทุกคนอยู่บนเรือแล้ว ซูหยางก็ใช้พลังปราณไร้ลักษณ์เติมเชื้อเพลิงให้กับยานบินอย่างไรก็ตามเนื่องจากพลังการฝึกปรือของเขาไม่ทรงพลังได้ใกล้เคียงเทียบกับพลังการฝึกปรือของชิวเยว่จึงต้องใช้เวลานานกว่ามากในการไปถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง แม้ว่าจะต้องให้ซูหยางหยุดพักก็ตาม

 

“เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเราหรือไม่” ซีหวังถามเขาในช่วงพักที่สอง

 

“เฉพาะผู้ที่ได้รับการรับรองจากชีวเยว่เท่านั้นที่สามารถใช้สมบัติวิญญาณนี้ได้ มิฉะนั้นมันจะปฏิเสธพลังวิญญาณของท่าน” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา

 

“เจ้าคิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการไปถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางงั้นรี” เจ้าซีถามเขา

 

“สองวันไม่มากไม่น้อยกว่านั้น” เขาตอบ

 

“จะเป็นอย่างไร หากเราโอนพลังปราณไร้ลักษณ์ไปให้ท่านซูหยางพลังวิญญาณของเราสามารถใช้ในการฟื้นคืนพลังของท่านเองได้ นั่นก็ควรจะใช้ได้ใช่มั้ย” ซีซิงฟางพลันแนะนํา

 

“อืม..ข้าเดาว่าน่าจะได้ผล แต่มันจะทําให้การเดินทางสั้นลงไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

“แม้ว่ามันจะประหยัดไปเพียงไม่กี่นาทีแต่ขาก็ยังต้องการที่จะช่วยท่านข้ามสามารถปล่อยให้ท่านใช้หยาดเหงื่อแรงใจเพียงล่าพังในขณะที่เรามิได้ทําอะไรเลย” ซีซิงฟางกล่าว

 

เมื่อได้ยินเสียงที่จริงใจของเธอ ซูหยางก็พยักหน้าและนั่งลงในท่าดอกบัว

จากนั้นซีซิงฟางก็เดินไปนั่งข้างหลังเขา ก่อนที่จะวางมือไว้บนหลังและถ่ายโอนพลังวิญญาณของเธอไปยังตันเถียนของเขาผ่านฝ่ามือของเธอ

 

เจ้าซีและซีหวังมองหน้ากันด้วยสีหน้าอับอายบนใบหน้าเมื่อมาคิดว่าซีซึ่งฟางเป็นคนแรกที่ให้ความช่วยเหลือซูหยางในขณะที่มีพลังการฝึกปรือต่ําที่สุดในบรรดาพวกเขา นั่นทําให้พวกเขารู้สึกอับอาย

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังของซีซิงฟางก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

 

“ข้าคิดว่า…นี่คือขีดจํากัดของข้า…” เธอพูดกับเขาพร้อมกับเหงื่อที่หยดลงจากใบหน้าของเธอ

 

“พักเสียก่อน ข้าจะแทนที่เจ้าเอง” ซีหวังพูดกับเธอ

 

“อื้อ” ซีซิงฟางพยักหน้า ก่อนที่จะย้ายไปที่อื่น เพื่อฟื้นคืนพลังวิญญาณของเธอเอง

 

สวรรค์ นี่ถึงกับทําให้พลังวิญญาณของข้าหมดไปด้วยอัตราที่น่าตกใจเลยรีไม่แปลกใจเลยว่าทําไมซิงเอ๋อร์ถึงใช้พลังวิญญาณของเธอหมดภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ซูหยางอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไรในขณะที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณเท่านั้นเขามีพลังปราณที่ไม่จํากัดในร่างกายอย่างนั้นรี”หวังร่ําร้องอยู่ในใจด้วยความตกใจว่าต้องใช้พลังวิญญาณมากแค่ไหนกันในการเติมพลังให้กับยานบิน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน 641 กลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง

Now you are reading Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน Chapter 641 กลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 641 กลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง

 

หลังจากเข้าสู่ประตูมิติ โหลวหลานจีและคนอื่นๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ในโลกสีม่วงและสีชมพูที่ดูเหมือนจะสร้างจากเมฆแม้กระทั่งพื้นดินที่พวกเธอยืนอยู่ก็สร้างจากเมฆ

 

“สมกับเป็นสถานที่ในตํานาน “โหลวหลานจีพีมพ่าด้วยเสียงที่งงงัน

 

ศิษย์คนอื่นๆก็พากันงงงันไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงของเยี่ยนเยี่ยนจะทําให้พวกเธอหลุดออกมาจากความงงงันอย่างรวดเร็ว“สระสวรรค์อยู่ตรงนั้น”

 

พวกเธอหันไปมองทิศทางที่เยี่ยนเยี่ยนชี้ไป และแน่นอน มีบ่อน้ําเล็กๆที่มีน้ําสีทองเป็นประกายซึ่งมีต้นไม้สีทองขนาดยักษ์หยั่งรากอยู่ข้างบ่อน้ํา

 

ลําต้นของต้นไม้นี้ดูเหมือนจะทําด้วยเงินบริสุทธิ์ ในขณะที่ใบก็ถูกเคลือบด้วยสีทอง ทําให้ดูเหมือนการประดับประดาหรูหรายิ่งกว่าจะเป็นต้นไม้จริงยิ่งไปกว่านั้น หากมองใกล้ๆ ใบไม้บนต้นไม้ก็หยดของเหลวสีทองลงไปในสระสวรรค์

 

“สระสวรรค์จริงแล้วเป็นต้นไม้หรอก” โหลวหลานจีรู้สึกงุนงงที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เธอต้องการที่จะชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามให้มากกว่านี้ แต่อนิจจาเธอไม่สามารถที่จะฟุ่มเฟือยพอจะยืนเล่นได้

 

“รีบไปเริ่มฝึกฝนวิชากันเถอะ” โหลวหลานกล่าวกับเหล่าศิษย์ก่อนที่จะเข้าไปในสระสวรรค์และนั่งในท่าดอกบัวในน้ําสีทองซึ่งลึกพอที่จะเข้าถึงและครอบคลุมครึ่งหนึ่งของอกของเธอ

 

อย่างไรก็ตาม สําหรับคนที่มีรูปร่างเตี้ยอย่างเช่นเยี่ยนเยี่ยนความลึกของน้ําก็เพียงพอที่จะสัมผัสคางของเธอ

 

เมื่อพวกเธอทั้งหมดอยู่ในท่าฝึกวิชแล้ว พวกเธอก็เริ่มดูดซับปราณไร้ลักษณ์ ที่มีความเข้มข้นและหนาแน่นกว่าสิ่งที่พวกเธอเคยสัมผัสมาก่อนต่างพากันรู้สึกราวกับว่าพวกเธอกําลังดื่มน้ําจืดเป็นครั้งแรกเมื่อพวกเธอเคยแต่ดื่มน้ําโคลนมาก่อนเท่านั้น

 

และเนื่องจากปราณหยางของซูหยางอยู่ในร่างกายของพวกเธอ พลังการฝึกปรือของพวกเธอจึงได้เพิ่มพูนในอัตราที่บ้าคลั่งซึ่งจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่สระสวรรค์

 

ในขณะเดียวกันนอกสระสวรรค์ ซูหยางก็พูดกับซีหวังและเจ้าซีว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเธอไปแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะออกเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเช่นเดียวกัน”

 

พวกเขาสองคนพยักหน้าทันทีด้วยแววตาที่สั่นไหว

 

“โอ้ ข้ารอช่วงเวลานี้มานานแค่ไหนแล้ว” ซีหวังร่ําร้องอยู่ในใจ รู้สึกเหมือนเด็กที่กําลังจะไปงานเทศกาลเป็นครั้งแรก

 

“ข้าก็ต้องการไปกับพวกท่านเหมือนกัน แต่ข้าต้องเฝ้าดูสถานที่นี้เผื่อว่าจะมีผู้บุกรุก” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

 

“หากเจ้ากังวลเกี่ยวกับผู้บุกรุก ข้าสามารถปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้โดยใช้ค่ายกลเพื่อให้ไม่มีใครเข้าไปได้”ซูหยางพูดกับเธอ

 

“จริงรี ข้าสามารถไปกับท่านที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางั้นรี” ซีซิงฟางมองไปที่เขาด้วยใบหน้าที่ยินดีแกมประหลาดใจ

 

“แน่นอน” เขาพยักหน้า

 

จากนั้นซูหยางก็ได้สร้างค่ายกลป้องกันและค่ายกลอําพรางรอบๆประตู เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรบกวนคนที่ฝึกฝนวิชาในบ่อสวรรค์

“ทุกคนพร้อมที่จะออกเดินทางแล้วหรือยัง”เขาถามทุกคนในภายหลัง

 

“พร้อม

 

ทุกคนพยักหน้า

 

ชหยางดึงเรือเหาะขนาดมหึมาของชิวเยว่ ที่เขายืมมาจากเธอก่อนที่จะออกจากนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยและโยนมันขึ้นไปในอากาศ

 

เรือเหาะขยายตัวในอากาศจนมีขนาดเท่าเรือรบ

 

“พวกท่านรออะไรอีกรี” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาหลังจากขึ้นเรือ

 

“มิว่าข้าจะเห็นสมบัติชิ้นนี้กี่ครั้ง ก็จะทําให้ข้าพูดไม่ออกอยู่เสมอ”ซีหวังพูดด้วยน้ําเสียงชื่นชมขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปที่เรือที่ยึดครองแผ่นฟ้าที่อยู่ตรงหน้า

 

ไม่กี่อึดใจต่อมาเมื่อทุกคนอยู่บนเรือแล้ว ซูหยางก็ใช้พลังปราณไร้ลักษณ์เติมเชื้อเพลิงให้กับยานบินอย่างไรก็ตามเนื่องจากพลังการฝึกปรือของเขาไม่ทรงพลังได้ใกล้เคียงเทียบกับพลังการฝึกปรือของชิวเยว่จึงต้องใช้เวลานานกว่ามากในการไปถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง แม้ว่าจะต้องให้ซูหยางหยุดพักก็ตาม

 

“เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเราหรือไม่” ซีหวังถามเขาในช่วงพักที่สอง

 

“เฉพาะผู้ที่ได้รับการรับรองจากชีวเยว่เท่านั้นที่สามารถใช้สมบัติวิญญาณนี้ได้ มิฉะนั้นมันจะปฏิเสธพลังวิญญาณของท่าน” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา

 

“เจ้าคิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการไปถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางงั้นรี” เจ้าซีถามเขา

 

“สองวันไม่มากไม่น้อยกว่านั้น” เขาตอบ

 

“จะเป็นอย่างไร หากเราโอนพลังปราณไร้ลักษณ์ไปให้ท่านซูหยางพลังวิญญาณของเราสามารถใช้ในการฟื้นคืนพลังของท่านเองได้ นั่นก็ควรจะใช้ได้ใช่มั้ย” ซีซิงฟางพลันแนะนํา

 

“อืม..ข้าเดาว่าน่าจะได้ผล แต่มันจะทําให้การเดินทางสั้นลงไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

“แม้ว่ามันจะประหยัดไปเพียงไม่กี่นาทีแต่ขาก็ยังต้องการที่จะช่วยท่านข้ามสามารถปล่อยให้ท่านใช้หยาดเหงื่อแรงใจเพียงล่าพังในขณะที่เรามิได้ทําอะไรเลย” ซีซิงฟางกล่าว

 

เมื่อได้ยินเสียงที่จริงใจของเธอ ซูหยางก็พยักหน้าและนั่งลงในท่าดอกบัว

จากนั้นซีซิงฟางก็เดินไปนั่งข้างหลังเขา ก่อนที่จะวางมือไว้บนหลังและถ่ายโอนพลังวิญญาณของเธอไปยังตันเถียนของเขาผ่านฝ่ามือของเธอ

 

เจ้าซีและซีหวังมองหน้ากันด้วยสีหน้าอับอายบนใบหน้าเมื่อมาคิดว่าซีซึ่งฟางเป็นคนแรกที่ให้ความช่วยเหลือซูหยางในขณะที่มีพลังการฝึกปรือต่ําที่สุดในบรรดาพวกเขา นั่นทําให้พวกเขารู้สึกอับอาย

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังของซีซิงฟางก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

 

“ข้าคิดว่า…นี่คือขีดจํากัดของข้า…” เธอพูดกับเขาพร้อมกับเหงื่อที่หยดลงจากใบหน้าของเธอ

 

“พักเสียก่อน ข้าจะแทนที่เจ้าเอง” ซีหวังพูดกับเธอ

 

“อื้อ” ซีซิงฟางพยักหน้า ก่อนที่จะย้ายไปที่อื่น เพื่อฟื้นคืนพลังวิญญาณของเธอเอง

 

สวรรค์ นี่ถึงกับทําให้พลังวิญญาณของข้าหมดไปด้วยอัตราที่น่าตกใจเลยรีไม่แปลกใจเลยว่าทําไมซิงเอ๋อร์ถึงใช้พลังวิญญาณของเธอหมดภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ซูหยางอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไรในขณะที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณเท่านั้นเขามีพลังปราณที่ไม่จํากัดในร่างกายอย่างนั้นรี”หวังร่ําร้องอยู่ในใจด้วยความตกใจว่าต้องใช้พลังวิญญาณมากแค่ไหนกันในการเติมพลังให้กับยานบิน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+