Memorizeเล่มที่ 15 22

Now you are reading Memorize Chapter เล่มที่ 15 22 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมรู้สึกได้ว่าพวกที่อยู่รอบตัวกำลังสับสน ผมใช้โอกาสนี้ปล่อยคืนพลังเวทที่ผมชำนาญไปทั่ว 

 

 

“ชะ ชีลด์” 

 

 

ตู้ม! ตู้ม! 

 

 

นักเวทบางคนกลางแนวป้องกันอย่างรวดเร็ว แต่คลื่นพลังเวทสีน้ำเงินบีบคั้นเกราะโปร่งแสงจนแตกกระจาย ในไม่ช้านักเวทก็ถูกกระแทกจากการโจมตีของคลื่นและหลั่งเลือด 

 

 

“อ๊าก!” 

 

 

“พวกมันอยู่ที่นี่กันหมดเเหรอ!” 

 

 

“นี่มันอะไรกัน ผู้ชายคนเดียวเนี่ยนะ! ไอ้พวกโง่!” 

 

 

เปรี้ยง! 

 

 

ผมได้ยินคำหยาบคายและเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธจากด้านข้าง ผมเหวี่ยงดาบไปทางที่ได้ยินเสียงดังสนั่นโดยอัตโนมัติ เห็นลำแสงสีเหลืองฟาดลงมาพร้อมแรงหนักๆ ที่ข้อมือ ไม่นานนักแสงนั้นก็เลือนหายไปจนไม่เหลืออะไรเลย 

 

 

“เป็นไปไม่ได้!” 

 

 

เสียงกราดเกรี้ยวกลายเป็นความประหลาดใจทันที เมื่อมองไปทางที่ลำแสงพุ่งเข้ามาก็เห็นคนที่ถือคันธนูกำลังถอยหลัง ผมกระโดดและแทงดาบไปทางเขา  

 

 

ดูเหมือนจะได้ยินเสียงร้องเบาๆ แต่ผมเตะหน้าอกเขาหนึ่งครั้งและหาคู่ต่อสู้คนต่อไปทันที พวกเร่ร่อนมองผมด้วยสีหน้าที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งตื่นตระหนกเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ยิ่งสับสนเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ผมจะต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกเขาจะตั้งสติได้ 

 

 

ผมวิ่งเข้าไปไม่หยุด ไม่หยุดดาบแม้แต่วินาทีเดียวและบุกโดยไม่ให้มีช่องว่างสักนิด หากจะเฉือนใครสักคนก็วิ่งเข้าใส่ทันทีและปลิดชีวิตซะ 

 

 

ดังนั้นในชั่วพริบตาจึงจัดการได้ราวๆ สิบคน 

 

 

“ทุกคนหลีกไป! ฉันจะจัดการหมอนี่เอง เตรียมระดมยิง!” 

 

 

คราวนี้เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันคุณก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกรุนแรงจากด้านซ้าย 

 

 

ผมโค้งตัวโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ผมเปิดใช้เวทมนตร์ระดับสูงสุดและเพิ่มค่าความสามารถทั้งหมดให้สูงที่สุด สัญชาตญาณที่เหมือนสัตว์ป่าครอบครองทั่วร่าง เลือดพลุ่งพล่านเช่นเดียวกับตอนที่พี่ชายตายจากไป 

 

 

ผมเหยียบพื้นด้วยเท้าซ้ายและตวัดดาบจากด้านล่างขึ้นด้านบน 

 

 

“อ๊ะ…” 

 

 

‘หือ’ 

 

 

ทั้งพวกเร่ร่อนที่พุ่งเข้ามาหาผมและตัวผมเองต่างก็ประหลาดใจ ไม่ใช่แค่เราสองคนที่แปลกใจ พวกที่รวมกลุ่มระดมยิงก็ตกใจเช่นกัน พวกเร่ร่อนมองดาบของตนเองที่หักครึ่งด้วยสีหน้าว่างเปล่า ผมก็ตกใจที่มันทนทานและไม่แตกหัก แม้จะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น 

 

 

“หัวหน้า! หลบไปก่อน…อั่ก!” 

 

 

กร๊อบ! กร๊อบ! 

 

 

ตอนนั้นเองความช่วยเหลือของโกยอนจูก็มาถึงในเวลาที่เหมาะสมพอดี เสียงกระดูกบิดเบี้ยวดังไปทั่ว ผมแทงเข้าที่หน้าอกของพวกเร่ร่อนที่ปะดาบกับผมเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว 

 

 

ฉึก! ตุ้บ! 

 

 

ดาบล่องหนทะลุถุงมือหนาและแทงลึกเข้าไปในหน้าอก ความรู้สึกหวาดเสียวผ่านมาถึงด้ามจับ เขาตัวสั่นสะท้านพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น เมื่อพลังเวทระเบิดออกมา 

 

 

“อุ้ก!” 

 

 

“…” 

 

 

“กะ แกเป็นใคร…แค่ก!” 

 

 

หลังจากบิดดาบแทนคำตอบ ผมก็ดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดที่ทะลักจากหน้าอกเปื้อนปลายดาบจนเกิดเส้นบางๆ ใช่แล้ว นี่คือการล่า การออกล่าอย่างไรล่ะ 

 

 

ผมหันไปหาเหยื่อรายต่อไป เห็นพวกเร่ร่อนห้าคนซึ่งกำลังมองมาที่ผมอยู่ใกล้ๆ ในดวงตาของพวกเขาฉายแววหวาดกลัว เมื่อผมขยับไปใกล้เป้าหมายก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่น 

 

 

“นะ หนีไป!” 

 

 

“อ๊าก!” 

 

 

พวกเร่ร่อนส่งเสียงร้องและเริ่มวิ่งหนี ห้าคนที่เหลืออยู่ในกลุ่มระดมยิงวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง ผมมองพวกเขาอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปรอบๆ 

 

 

บริเวณที่การต่อสู้จบลงมีศพมากกว่าสิบกระจัดกระจายอยู่รอบ พื้นดินที่เคยสะอาดเมื่อครู่ถูกย้อมด้วยเลือดที่ไหลทะลักจากพวกเร่ร่อน ผมมองภาพนั้นและพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความกระหายเลือดที่พลุ่งพล่าน ผมต้องการไล่ล่าและสังหารพวกมันตามใจชอบ แต่ผมไม่มีเวลาไล่ตามไปทีละคน  

 

 

“ซูฮยอน เหนื่อยหน่อยนะคะ” 

 

 

เสียงของโกยอนจูดังขึ้นใกล้ๆ ผมสามารถควบคุมจิตใจที่ลุ่มหลงในการสังหารได้แล้ว 

 

 

ทันที่ที่การต่อสู้จบลง ผมก็เกิดลังเลที่จะไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็นึกตลกตัวเองขึ้นมา 

 

 

ผมหันไปตรวจสอบตำแหน่งของสมาชิกเผ่า สมาชิกเผ่ารวมทั้งโกยอนจูต่างก็ยื่นออกมาแค่ใบหน้า ผมสบตากับราชินีแห่งเงามืด การบุกพื้นที่กำแพงรอบนอกในคราวนี้เป็นผลงานที่เยี่ยมยอดของหล่อน หากเมื่อครู่ไม่ได้การโจมตีจากเงา ตอนนี้ผมอาจจะติดพันกับการระดมยิงอยู่ก็ได้ 

 

 

“เป็นความช่วยเหลือที่เหมาะมากสมกับที่เป็นราชินีแห่งเงามืดเลยนะครับ” 

 

 

“พูดอะไรคะเนี่ย ฉันไม่ชินนะคะ โฮะๆ” 

 

 

โกยอนจูมองศพที่เกลื่อนกลาดพลางเอ่ยตอบ 

 

 

ผมมองไปข้างหน้าอีกครั้งตอนที่บุกพื้นที่พักอาศัยของชาวเมือง ผมบุกทะลุมาทางซ้ายสุด ตอนนี้เราออกเดินเป็นแนวทแยงซ้ายแบบเดียวกับเมื่อครู่เพื่อออกจากบริเวณกำแพงรอบนอกที่น่าเบื่อหน่ายจริงๆ เสียที จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของสมาชิกเผ่าที่เดินตามหลังมา 

 

 

ผ่านไปราวห้านาทีก็มองเห็นบริเวณที่ถูกบดบังด้วยซากปรักหักพังของอาคาร กลิ่นคาวเลือดเบาบางลงและได้กลิ่นอับชื้นแทน เราเริ่มมองเห็นกำแพงสูงสิบห้าฟุตอยู่ตรงหน้า ในที่สุดก็จะได้ออกไปจากกำแพงรอบนอกสักที 

 

 

ประตูปราสาทว่างเปล่าตามคาด ถึงจะมองเห็นซากเหวอะหวะของทหารยามสองนายและเริ่มได้ยินเสียงกรีดร้องจากที่ไกลๆ ก็ตาม ประตูตะวันออกไร้ผู้คนแน่นอน  

 

 

แค่เพียงออกไปจากประตูปราสาทได้โอกาสรอดชีวิตก็จะเพิ่มขึ้น แม้จะถูกไล่ตามแต่ก็จัดการได้ง่ายกว่ามาก เพราะไม่ได้เป็นพื้นที่ที่ถูกจำกัดแบบในเมือง สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการออกไปข้างนอก หลังจากนี้จะไปทางไหนต่อนั้นเป็นเรื่องที่ค่อยขบคิดหลังจากหนีไปจากเมืองนี้ให้ได้ก่อน 

 

 

ดังนั้นผมจึงจัดการความคิด ขณะที่กำลังเดินไปตามทางนั้นเอง 

 

 

ฟิ้ว! 

 

 

เสียงแหวกผ่านอากาศดังชัดเจน เมื่อหันไปมองตามเสียงก็เห็นเปลวไฟที่ลุกโชนกับควันไฟโขมงและรู้สึกถึงบางอย่างที่ยื่นออกมาในความมืด มันใกล้เข้ามาแล้ว  

 

 

ผมหันไปโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันจิตสังหารที่สงบลงไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

ลมหนาวที่พัดผ่านลำคอรุนแรงพอสมควร มันเป็นการโจมตีที่แปลกประหลาด ผมได้ยินเสียงของหญิงสาวเมื่อเปิดใช้โสตประสาทจนถึงขีดจำกัด 

 

 

“ปราศจากสิ่งกีดขวาง กระสุนปีศาจ!” 

 

 

พลังงานร้อนแรงจากด้านหลังจู่โจมพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่น 

 

 

 

 

 

[ตรวจพบการโจมตีด้วยเวทมนตร์ เกียรติยศแห่งสวรรค์, เกียรติยศแห่งดวงตะวันมีผลร่วมกันและตอบสนอง] 

 

 

[ตรวจพบการโจมตีด้วยเวทมนตร์ ทักษะแฝง, พรคุ้มครองแห่งสงคราม (ระดับ:EX) ตอบสนอง] 

 

 

[เกียรติยศแห่งสวรรค์, เกียรติยศแห่งดวงตะวันป้องกันสมบูรณ์แบบ! ตัดสินให้ปกป้องโดยสมบูรณ์!] 

 

 

 

 

 

ผมรู้สึกถึงเศษเสี้ยวเล็กๆ ที่กระทบแนวป้องกัน แต่ก็เท่านั้นแหละ ไม่เกิดความเสียหายใดๆ อย่างไรก็ตามผมรู้ระยะทางและตำแหน่งจากการโจมตีเมื่อครู่แล้ว ผมเงยหน้าขึ้นจับจ้องชั้นสามของตึกที่ยังคงหลงเหลือสภาพและดีดตัวขึ้นทันทีหลังจากยืนยันแล้วว่าเงามืดสลัวนั่นกำลังเล็งเป้ามาที่ผม 

 

 

เมื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของออร์โธรส ลอง บู๊ทส์และพลังของการเคลื่อนย้ายในพริบตา ผมก็มาถึงอาคารอย่างรวดเร็วและมาอยู่ใต้ดาดฟ้า ได้ยินเสียงนักธนูส่งเสียงเบาๆ แต่ก็รับมือได้อย่างยอดเยี่ยม ความสับสนจบลงในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเห็นผมซึ่งกระโดดขึ้นมาด้านบน หล่อนก็เหนี่ยวสายธนูทันที 

 

 

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! 

 

 

หล่อนยิ่งเพียงครั้งเดียว แต่กลับได้ยินเสียงลูกธนูถึงหกดอก ลูกธนูสีเข้มพุ่งขึ้นไปในอากาศ เปลี่ยนทิศทางราวกับกำลังเต้นรำและยึดครองทั้งหกทิศ มันเหมือนกับลูกศรที่มีชีวิต 

 

 

ในไม่ช้าลูกศรสีดำก็เริ่มพุ่งเข้ามาจากทุกด้านพร้อมๆ กัน 

 

 

ผมคว้าดาบล่องหนอย่างใจเย็น และทันทีที่ลูกธนูเข้ามาในรัศมี ผมก็เหวี่ยงดาบเป็นวงกลมขนาดใหญ่ มันอาบไล้ไปด้วยพลังเวท แสงสีน้ำเงินยังหลงเหลือในอากาศและวาดเป็นครึ่งวงกลม เมื่อลูกธนูปะทะกับครึ่งวงกลมนั้นก็เกิดแรงสะเทือนรุนแรงบนข้อมือ 

 

 

ปัง! 

 

 

ลูกธนู ไม่สิ กระสุนปีศาจถูกกวาดออกไปและกระเด็นออกไปเหมือนพัด เมื่อผมวิ่งผ่านเศษซากที่แตกกระจายก็ค่อยๆ เห็นใบหน้าของพวกเร่ร่อนที่ยิงธนูใส่ผมชัดขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมองไม่เห็นรายละเอียดใต้จมูกที่ถูกปิดด้วยผ้าคุมสีดำ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิงผมยาว รูปร่างผอมบาง และดวงตาของหล่อนที่มองมาที่ผมนั้นกำลังเบิกกว้าง 

 

 

ผมใช้พลังลงไปที่ดาบล่องหนและฟันอย่างแรง 

 

 

ฉับ! 

 

 

‘อะไรเนี่ย’ 

 

 

ดาบล่องหนฟาดลงบริเวณที่หญิงสาวเล็งมาที่ผมเมื่อครู่ แต่หล่อนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ส่วนใหญ่ตัดผ่านอากาศไป แต่ก็รู้สึกได้ที่ปลายดาบ 

 

 

ผมมองด้านหน้าด้วยความแปลกใจ เห็นพวกเร่ร่อนถอยไปด้านหลัง ตรงกลางของเสื้อฉีกขาด ผิวที่เผยให้เห็นของหล่อนมีเลือดไหลพร้อมกับรอยแผลเล็กน้อย  

 

 

นักธนูเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อเห็นผมกวาดลูกธนูทิ้งไป หล่อนก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว ผมค่อนข้างถูกใจข้อมูลผู้เล่นและความสามารถในการสังเกตการณ์ แต่น่าเสียดายที่หล่อนเป็นพวกเร่ร่อน 

 

 

ผมจับท่าทางและวิ่งไปทางนักธนู การต่อสู้จบลงแล้ว พวกเร่ร่อนเก่งกาจในฐานะนักธนู แต่นี่เป็นเรื่องของระยะทาง ยิ่งในทางแคบๆ เช่นนี้นักธนูไม่มีทางเอาชนะผมได้ได้ 

 

 

นักธนูพยายามหนีออกไปจากที่นี่ หล่อนขยับเท้าเดินถอยหลังพยายามทุกทางเพื่อเปิดเส้นทาง แต่คะแนนความคล่องแคล่วของผมคือเก้าสิบแปดพอยต์และผมยังสวมออร์โธรส ลอง บู๊ทส์ ไม่ว่านักธนูจะเก่งแค่ไหน ก็ยังห่างไกลจากผมมากนัก  

 

 

ระยะทางลดลงแบบที่ผมแทงดาบล่องหนถึงตัวหล่อนได้ในสองวินาที ดวงตาของนักธนูเหนือผ้าปิดปากดูสิ้นหวัง ผมเหยียบเท้าซ้ายลงบนพื้นเต็มแรงและแทงดาบล่องหนออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

ฉึก! 

 

 

“อั่ก!” 

 

 

ดาบที่มองไม่เห็นทางทะลุผ่านเสื้อที่ฉีกขาดไปถึงหน้าอกของนักธนู รู้สึกได้ว่ามันแทงผ่านเข้าไปในเนื้อหนังอ่อนนุ่ม และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ผมระเบิดพลังเวทเต็มที่ 

 

 

ปัง! ตู้ม! 

 

 

การระเบิดครั้งใหญ่ปะทุจากภายในราวกับมีใครวางระเบิดไว้ในร่าง คะแนนความทนทานของนักธนูไม่สามารถทนต่อแรงระเบิดได้ แขนขาจึงฉีกขาดและกระจัดกระจายในอากาศ ชิ้นส่วนของร่างกายกระเด็นไปทั่ว เลือดร้อนๆ ที่กระเด็นออกมาจากการระเบิดเปื้อนผมทั้งตัว 

 

 

“ฟู่ว “ 

 

 

‘วันนี้อาบเลือดทั้งตัวเลยแฮะ’ 

 

 

โล่งใจกับการกำจัดยอดฝีมือได้ครู่หนึ่ง ผมก็หันไปมองด้านหลัง หลังจากพ่นเลือดที่ไหลเข้าปากออกมาแล้ว ประตูปราสาทว่างเปล่า ไม่ มันไม่ได้ว่างเปล่าเหรอก โกยอนจูมองผมทางโบกไม้โบกมืออย่างไม่สะทกสะท้าน 

 

 

สมาชิกเผ่ากำลังรอผมโดยไม่ออกไปข้างนอก 

 

 

หลังจากหันกลับไปหาสมาชิกเผ่า ผมก็กระโดดไปทางประตูปราสาท 

 

 

ในที่สุดก็หนีรอดสมใจสักที 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” 

 

 

แพคซอยอนซอยอนตะโกนไปรอบๆ พวกเขาสะดุ้งเฮือกกับเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของหล่อน 

 

 

ดงซูที่มักจะพูดไปเรื่อยเปื่อย แฮยอนที่บ่นพึมพำไม่สนใจใคร และกาอินที่ไม่เต็มเต็งต่างก็ปิดปากเงียบ พวกเขารู้ดี แพคซอยอนใจกว้างต่อลูกน้องที่น่ารัก แต่ถ้าคลั่งขึ้นมาหล่อนก็จะเผยด้านที่โหดร้ายออกมาโดยไร้ซึ่งความเมตตา 

 

 

ที่จริงตอนนี้แพคซอยอนจวนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ตอนที่ได้ยินว่าขาดการติดต่อไปก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อมาถึงจัตุรัสและวาร์ปเกตก็พบว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดจากลูกน้องของตนหล่อนก็ระเบิดลง 

 

 

แม้ว่าพวกผู้เล่นจะถูกสังหารอย่างโหดเ**้ยมเพื่อบรรเทาความโกรธในหัวของหล่อน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายโกรธเลย 

 

 

แพคซอยอนเป็น ‘พวกเร่ร่อนตัวจริง’ เป็นพวกเร่ร่อนที่มีด้านขาวดำชัดเจนจนเรียกได้ว่าไม่ปกติ ถึงจะมีความสามารถเป็นอันดับสอง แต่ฮยอนก็ไม่สบายใจนักที่จะมอบหน้าที่บังคับบัญชาให้หล่อน 

 

 

แพคซอยอนมองกริชที่มีเลือดหยดติ๋งๆ และพูดเสียงต่ำ 

 

 

“บอกฉันอีกทีสิว่าตอนนี้สูญเสียไปกี่คนแล้ว” 

 

 

“…” 

 

 

คำถามของแพคซอยอนพุ่งไปยังพัคดงซู เขาถูกกดดันด้วยท่าทางน่ากลัวจึงได้แต่มองไปรอบๆ พลางกลืนน้ำลาย แต่ทันทีที่หญิงสาวส่งสายตาดุดันมา เขาก็รีบอ้าปากตอบ 

 

 

“ที่จัตุรัสหกสิบห้าคน ที่วาร์ปเกตเจ็ดสิบเจ็ดคน รวมที่ถูกฆ่าตายไปก็เป็นร้อยสี่สิบสองคนครับ” 

 

 

“…” 

 

 

“แล้วก็ความเสียหายบริเวณที่พักอาศัยของชาวเมือง…จนถึงตอนนี้ยืนยันได้แล้วทั้งหมดร้อยนี่สิบเก้าคน…กำลังค้นหาที่เหลืออยู่ครับ” 

 

 

“อ้า…ถ้างั้นก็ตายไปแล้วสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดคนงั้นเหรอ เป็นความเสียหายที่ได้รับการยืนยันแล้วใช่ไหม” 

 

 

แพคซอยอนถามกลับด้วยใบหน้าไม่คาดหวังใดๆ ดงซูพยักหน้าเจื่อนๆ จากนั้นหญิงสาวก็กรีดร้องเสียงดังอีกครั้ง 

 

 

“เวรเอ๊ย!” 

 

 

แพคซอยอนขว้างกริชที่ใช้ประจำออกไปและขยี้หัวด้วยมือทั้งสอง 

 

 

จำนวนของพวกเร่ร่อนที่เข้ายึดมิวล์มีทั้งหมดสองพันแปดร้อยคน แน่นอนว่าเป็นจำนวนที่มากกว่าตัวผู้เล่นในมิวล์ แต่พวกเขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถ 

 

 

นอกจากผู้นำและกองกำลังใต้บังคับบัญชาของเขาบางส่วนแล้ว ก็ถือว่าพวกเขาเป็นผู้ที่มีความสามารถระดับสูงเลยทีเดียว 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด