Memorize เล่มที่ 19 30

Now you are reading Memorize Chapter เล่มที่ 19 30 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คิมซูฮยอนเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง แล้วจึงไปหยุดยืนอยู่ที่ต้นไม้ในป่าใหญ่ เขายันลำตัวอีกฝ่ายให้จนชิดกับต้นไม้ หลังจากนั้นจึงใช้ดาบแทงเข้าไปยังหน้าท้องของไซม่อน

“แค่ก! อึ้ก!”

ร่างกายของเขาอิดโรยลงไปทุกขณะ เลือดไหลทะลักออกมาจากริมฝีปากไม่ขาดสาย แต่คิมซูฮยอนก็ไม่ได้แยแส เขาสะบัดมือสองข้างไปมา พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ยืนยันไปหมดทุกอย่างแล้วแท้ๆ… แล้วต้องทำไงถึงจะดึงออกมาได้ล่ะเนี่ย”

แค่ก แค่ก!

“แล้วนี่จะคุยกันรู้เรื่องไหม รู้งี้น่าจะเรียนภาษาอังกฤษสักหน่อยนะ”

“กะ…แก…!”

ในระหว่างนั้นไซม่อนดึงสติกลับมาได้สำเร็จ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาของเขาแดงเถือก จนไม่สามารถมองหาตาขาวเหมือนมนุษย์ปกติได้…นัยน์ตาเหมือนปิศาจ

คิมซูฮยอนนิ่งเงียบ ไม่พูดจา เขามองดูสายตานั้นแล้วพูดว่า

“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”

“ปล่อยหนังสือนั่นซะ! ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”

“แค่ฉันมองนัยน์ตาปิศาจของนาย ฉันก็กลัวขนลุกขนพองแล้วเนี่ย”

คิมซูฮยอนพูดจบ ก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาทันที โดยมือที่ยื่นออกมานั้น ได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เห็นอีกด้วย

หลังจากนั้น เขาจึงใช้นิ้วโป้งที่ว่าจิ้มเข้าไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของไซม่อนทันทีทันใด

“อ๊าก! อ๊ากกก!”

ดวงตาของไซม่อนถูกบดขยี้อย่างแรง ไซม่อนทำได้แค่ตะโกนออกมาสุดเสียงอีกครั้งเท่านั้น

คิมซูฮยอนถอนนิ้วมือออกมา สายเลือดสีแดงฉานค่อยๆ ไหลรินตามลงมาด้วย บริเวณเบ้าตาที่ถูกบดขยี้นั้น มีทั้งเลือดไหลผสมปนเปมาพร้อมกับน้ำตา ตอนนี้ไซม่อนคอพับไปเสียแล้ว

“ถ้าจะให้นายถูกฆ่าตายไปทั้งอย่างนี้ ฉันคงอึดอัดน่าดู ค่อยๆ ดึงออกทีละส่วน ทีละส่วนดีไหม”

คิมซูฮยอนเอียงคออยู่ชั่วครู่หนึ่ง คราวนี้จับแขนทั้งสองข้างของไซม่อนเอาไว้ ไซม่อนถึงกับตัวสั่นเทา แม้ดวงตาทั้งสองข้างของไซม่อนจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกได้ว่าแขนตัวเองกำลังถูกจับตรึงไว้อยู่ ลางสังหรณ์ของเขากำลังบอกว่าคราวนี้คงจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ

“อ…อย่า! อย่านะเว้ย!”

ไซม่อนรีบส่ายหน้าจ้าละหวั่น แต่คิมซูฮยอนก็ได้ใช้พลังทั้งหมด ในการฉุดกระชากแขนของอีกฝ่ายไปทางซ้ายที ขวาทีอย่างรุนแรง

“อ…อ๊ากก!”

ทันใดนั้นแขนที่ถูกอีกฝ่ายกระชากก็ได้เริ่มปริออกจากร่าง

ทั้งเนื้อในและกระดูกเผยออกมาให้เห็นเต็มสองตา ร่างกายของไซม่อนเริ่มฉีกขาด

“อ๊ากกก”

เสียงกรีดร้องของไซม่อนดังลั่นสนั่นป่าทึบ

ดวงตาที่ถูกบดบี้ แขนที่ฉีกขาด หน้าท้องที่โดนแทง

ความเจ็บปวดนี้ทำให้ไซม่อนไม่สามารถควบคุมสติต่อไปได้อีกแล้ว ใบหน้าที่เคยสุขุม เย็นชาเสมอมา บัดนี้กลับบิดเบี้ยวจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ริมฝีปากที่เอาแต่ยิ้มเยาะเรื่อยมา บัดนี้ก็มีฟองฟอดสีขาวไหลรินออกมาไม่หยุดหย่อน และบัดนี้เขาได้หยุดนิ่ง คงเป็นเพราะที่ผ่านมาเอาแต่กรีดร้องจนแทบจะหมดหายใจ

“อึ้ก…”

ไซม่อนกำลังเสียใจ

เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาด แต่กระนั้นก็ยังคงมั่นอกมั่นใจ เพราะเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดเช่นเดียวกัน

แต่…เขาไม่นึกว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ความอิดโรย ไร้ซึ่งพละกำลัง พร้อมที่จะถูกทำลายได้ทุกเมื่อ

‘ระดับ’ ช่างแตกต่างเสียจริง

ตอนที่เขายอมรับกับสิ่งนั้นได้ ภายในร่างกายของไซม่อนก็พลันเกิดความรู้สึกผสมผสานกันระหว่างสิ่งสองสิ่ง

อย่างไรก็ชนะไม่ได้อยู่แล้ว

กลัว

ขายขี้หน้าชะมัด

ฉันอยากอยู่ต่อ

หมดกำลังใจแล้ว กลัวไปหมด เสียศักดิ์ศรีที่สุด ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร…ได้อย่างไรกัน

ณ วินาทีที่เขาเกิดความคิดเช่นนั้นเอง

“โอ๊ยยย”

ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนพลันก่อตัวขึ้นบริเวณท้องน้อย

[ยังไงก็…เวลาแห่งการเจรจาคงมาถึงอีกครั้งแล้วล่ะ]

เสียงอันแสนแผ่วเบาดังขึ้นมา จึงทำให้ความคิดของไซม่อนชะงักลง

ไซม่อนจึงถามกลับไป

“วะ…เวลาแห่งการเจรจาหรือ?”

[คิกๆ! ใช่ งั้นขอถามอะไรสักอย่างสิ ไซม่อน ไครมส์]

อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า ขอถามอะไรสักอย่างดู ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไซม่อนเงี่ยหูตั้งใจฟังอย่างไม่รู้ตัว

เสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้ ทั้งทุ้ม ทั้งต่ำก็จริง แต่กระนั้นก็ยังหวานจับใจ และแล้วเสียงที่ว่าก็ได้ดังขึ้นมาภายในอีกครั้ง

[อยากได้พลังไหมเล่า]

“พลัง…งั้นเหรอ”

[ก็พลังที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ที่นายกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ไงเล่า!]

ไซม่อนพยักหน้าตอบรับ

* * *

บัดนี้ไซม่อนห้อยศีรษะลงไม่รับรู้สิ่งใดแล้ว ไม่รู้ว่าท่าทีอันสง่าผ่าเผยเมื่อครู่ก่อนๆ หายไปไหนเสียหมด ผมมองดูเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าชั่วครู่ พลังดวงตาที่สามนั้นยังคงเปิดใช้งานมาตั้งแต่ตอนเริ่มสงครามแล้ว

ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)

1. ชื่อ (Name) : Simon (ปีที่ 6)

2. คลาส (Class) : ราชาแห่งเลือด (Secret, Monarch Of Blood, Master)

3. ถิ่นกำเนิด (Nation) : เนบิวล่า (Nebula)

4. ชนเผ่า (Clan) : ไทแรนต์ (Tyrant)

5. นามแท้ · สัญชาติ : กษัตริย์ทรราชผู้บ้าคลั่งเลือด, ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน · สหรัฐอเมริกา

6. เพศ (Sex) : ชาย (22)

7. ส่วนสูง · น้ำหนัก : 174.4 ซม. · 62.3 กก.

8. อุปนิสัย : ชั่ว · ไม่มีระเบียบ (Evil · Chaos)

[พละกำลัง 31] [ความทนทาน 32] [ความคล่องแคล่ว 64] [ความแข็งแกร่ง 43] [พลังเวท 94] [โชค 77]

(คะแนนพลังเหลือ 0 คะแนน)

ได้รับการเนรมิตหนที่หนึ่งจากบีเอลซีบับ (Beelzebub)[1] หรือปิศาจแห่งการทำลายล้าง, ได้รับเมล็ดพันธุ์ของเทพเนอร์กัล[2]

ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน

วัตถุประสงค์ที่ทำให้ผมยอมเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ คือ เพื่อมาลงโทษไซม่อน ผู้เล่นที่กำลังจะเข้ายึดครองทวีปตะวันตกในอนาคต ส่วนเหตุผลน่ะอยู่ในชื่อเสียงอันเลื่องลือของมันแล้วไงล่ะ ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน’ น่ะ

สมัยรอบที่หนึ่งนั้น ไซม่อนได้พ่ายแพ้ในสงครามที่เปิดฉากกับฝ่ายตะวันออกในครั้งที่สอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องระหกระเหินกลับทวีปตะวันตกไป หลังจากนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้เขาได้รับการตื่นรู้จาก ‘เทพเนอร์กัลแห่งสายลับ’ ซึ่งความจริงในจุดนี้ดูเหมือนจะถูกเปิดเผยออกมาช้าไปเสียหน่อย

และเนอร์กัลผู้ตื่นรู้ผู้นั้น ได้ใช้ชีวิตมาอย่างเงียบสงบมาตลอด แต่แล้วก็เขาผู้นี้อีกนี่แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญ คอยก่อเรื่องชุลมุนวุ่นวายไปทั่วทั้งทวีป โดยเริ่มจากทวีปตะวันตกเป็นที่แรก

โดยส่วนตัวผมคิดว่า เขาเป็นเพียงผลิตผลที่เกิดขึ้นมาจากความบังเอิญ เมื่อครั้นที่เบลเฟกอร์ถูกอัญเชิญเข้ามาก็เท่านั้น เรียกว่าเป็นความหายนะที่เกิดขึ้นเพราะความไม่ตั้งใจ และความโลภมากของพลเมืองสมัยโบราณได้ไหมเล่าเนี่ย

ทว่าเนอร์กัลนั้น ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับกรณีของเบลเฟกอร์ได้เลยแม้แต่น้อย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้ว ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน’ อย่างไรล่ะ การที่ทวยเทพถูกอัญเชิญลงมาด้วยความไม่ตั้งใจ กับการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งซาตาน จนมันเติบโตและเข้าครอบครองร่างกายได้สำเร็จในภายหลังนั้น ไม่ว่าจะมองให้เหมือนกันอย่างไร สุดท้ายมันก็ยังมีข้อแตกต่างอยู่วันยังค่ำ

การฆ่ามันให้ตายๆ ไป จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก แต่…

ถ้าผมทำแบบนั้น วินาทีที่เจ้าของร่างกายตายไป ประสิทธิภาพของเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ในเจ้าของร่างก็จะสูญสิ้นไปด้วย จะเห็นได้ว่ามันทำหน้านี่เชื่อมสายสัมพันธ์กันไว้อยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เมล็ดพันธุ์นั่นจะเป็นต้นกำเนิดแห่งทวยเทพแต่อย่างใด เมื่อผ่านขั้นตอนการเพาะเมล็ดพันธุ์มา จนสามารถเข้าครอบครองร่างได้สำเร็จ ตอนนั้นแหละที่ต้นกำเนิดที่แท้จริงของมันจึงจะยอมปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็น

“อือ…อือ…”

เสียงครวญครางดังแว่วเข้ามาในหู ผมจึงเหลือบสายตาไปมอง

ไซม่อนกำลังหายใจครืดคราดๆ เหมือนจะล้มลงให้ได้เสียในตอนนี้ ผมเห็นเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเกิดความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย

“อือออ…”

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ไซม่อนก็เงยหน้าขึ้นมา เมื่อผมได้สบตากับเจ้าหมอนั่น จึงสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆ บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ผมกำลังจะขยี้ตาอยู่แล้วเชียว แต่แล้วก็ได้เห็นนัยน์ตาสีแดงคล้ำที่กำลังปะทุอยู่ในแววตาของเขา

หรือว่า…จะเริ่มแล้วเหรอ

ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมา ประจวบเหมาะกับร่างกายของไซม่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างพอดิบพอดี

ผิวขาวๆ ของเขาเริ่มมีรอยด่างสีแดงเข้มแต่งแต้มทั่วทุกจุด เมื่อรอยด่างนั่นบังเกิดขึ้นทั่วทั้งร่าง มันจึงได้ปกคลุมร่างกายของเขาจนมืดสนิท และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ผิวหนังของเขาจึงเริ่มพองตัวขึ้น

“อ๊ากกก!”

เสียงร้องดังลั่นขึ้นมา เสียงที่ผมได้ยินนั้น ทั้งดุดันและโหดร้าย เหมือนกับไม่ใช่เสียงของไซม่อนเลยแม้แต่น้อย

ร่างกายที่พองขึ้นนั้น พองตัวมากต่อไปเรื่อยๆ ทุกขณะ เหมือนกับลูกโป่งไม่มีผิด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผิวหนังของเขาเริ่มฉีกขาดออกจากกัน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าสยดสยอง น่าขยะแขยงสิ้นดี หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงไม่กล้ามายืนดูอะไรแบบนี้แน่ๆ

หลังจากนั้นจึงบังเกิดควันสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาจากผิวหนังที่เกิดการฉีกขาด ผมเห็นเช่นนั้นแล้วรู้สึกอึดอัดใจ จึงได้จับเกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น และในตอนนั้นเอง

เปรี๊ยะ!

ตูม!

[1] บีเอลซีบับ พญาแมลงวัน หรือราชาแห่งแมลงวัน เป็นตัวแทนของบาปตะกละ

[2] เนอร์กัล เทพแห่งปรโลกตามความเชื่อเมื่อสมัยเมโสโปเตเมีย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด