Mystical Journey 174 เสียดาย (2)

Now you are reading Mystical Journey Chapter 174 เสียดาย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 174 เสียดาย (2)

“ที่นี่ถือเป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนทั่วไปแล้ว หากไม่มีโอสถวิเศษของผู้อาวุโสปาโร่ ก็ไม่มีทางเข้าไปยังส่วนลึกของภูเขาตามลำพังได้” คนชุดขาวที่เป็นผู้นำอธิบายเสียงเบาๆ “พื้นที่ทั้งหมดข้างหน้าปกคลุมไปด้วยละอองพิษที่ไม่รู้องค์ประกอบ คนที่ไม่มีโอสถวิเศษก็จะเปื่อยเน่าจนเสียชีวิต” เขาชำเลืองมองกาเรน “แต่ก็แน่นอนว่าร่างกายของคุณกาเรนอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น”

กาเรนและคนอื่นๆ ไม่ได้ใส่ใจนัก กาเรนเองก็ยอมรับอย่างเงียบๆ ว่าในฐานะแม่ทัพสวรรค์ของสำนักหมัดศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทักษิณ เขาก็ถือเป็นสมาชิกคนหนึ่งเช่นกัน เดิมที การมาในครั้งนี้ก็มีนัยของการแลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว

เพียงแต่ระดับอย่างพวกเขา ไม่ว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ ผลที่ตามมาก็จะใหญ่หลวงมาก ดังนั้นหัวหน้าสำนักหมัดศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทักษิณจึงรับกาเรนและพรรคพวกไปยังส่วนลึกของเทือกเขาสกายลาร์คก่อนล่วงหน้า ก็เพื่อหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบนี้ให้ได้มากที่สุด

การเข้าไปในภูเขาอย่างเงียบๆ ล่วงหน้าคงไม่สามารถปิดบังทุกคนได้ แต่อย่างน้อยๆ คนส่วนใหญ่ก็จะไม่รู้ นอกจากนี้ พื้นที่ก็ถูกขวางกั้นโดยละอองพิษ ซึ่งน่าจะซ่อนเร้นจากผู้คนจำนวนมากได้สำเร็จ

ศึกระหว่างกาเรนและปักษาขาวกำปั้นเทวดานั้นถูกจัดเป็นความลับสุดยอดของสำนักมาช้านาน นอกจากผู้อาวุโสผู้นำสองสามคนแล้ว คนอื่นๆ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รับชมการต่อสู้

ทางด้านของกาเรน ได้พาเลโอ ซินเทีย และแจ็คมาด้วยเท่านั้น สำหรับซินเทียและแจ็คนั้นไม่ต้องห่วงเลย พวกเขาไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้ในระดับนักสู้เลย จึงไม่ส่งผลกระทบอะไรทั้งสิ้น ในขณะที่เลโอนั้น กาเรนต้องการฝึกฝนให้เขาเป็นผู้ใต้บัญชาการที่เก่งกาจของตน จึงพามาด้วยเป็นกรณีพิเศษ

หลังจากกำชับข้อควรระวังสั้นๆ แล้ว กลุ่มคนในชุดขาวก็นำทางไปยังส่วนลึกของเทือกเขาสกายลาร์คต่อไป พวกเขาออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสามของเมื่อวาน จนถึงตอนนี้ พวกเขาเพิ่งจะเข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาสกายลาร์ค ระยะทางยังอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงน้ำตก

ในขณะที่กำลังเดินทางอย่างรีบเร่ง ระหว่างทางได้ปรากฏหมอกควันสีเขียวอ่อนลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ โดยส่วนใหญ่แผ่กระจายไปทั่วผิวน้ำทะเลสาบ บางส่วนลอยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ ราวกับเส้นใยโปร่งแสงที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ

กาเรนและคนอื่นๆ ยังคงจ่อขวดเล็กๆ ไว้ใต้จมูก กลิ่นเขียวอ่อนๆ ของหญ้าได้ปิดกั้นอากาศจากภายนอก

ถึงอย่างนั้น ซินเทียและแจ็คต่างก็รู้สึกคันไปทั่วทั้งร่างกาย ทั้งคู่ตื่นตกใจจนประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

กาเรนขมวดคิ้วขึ้น พลางยื่นมือขวาไปข้างหน้า เพียงชั่วพริบตา เขาคว้าหมับเส้นสีเขียวบางๆ อย่างแม่นยำ

เส้นสีเขียวนี้พุ่งออกมาจากป่าด้านซ้ายและกำลังจะตรงเข้าใส่คอของผู้หญิงชุดขาวที่อยู่ด้านหน้า

ฟ่อๆ…

เส้นบางๆ พันเกี่ยวมือของกาเรนเกิดเป็นเสียงเหมือนงู

เวลานี้ คนชุดขาวและพวกซินเทียก็เพิ่งจะสังเกตเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างพิสดารตัวนี้

มันมีลักษณะเหมือนลวดเหล็กสีเขียว ไม่มีหัวหรือหาง เป็นเพียงสายสีเขียวที่บิดตัวไปมาตลอดเวลา เสียงที่ได้ยินนี่ก็ไม่รู้เลยว่ามาจากส่วนไหน

ถ้ามันไม่ขยับคงไม่มีใครคิดว่านี่คือสิ่งมีชีวิต

“ไส้เดือนฝอยสีเขียว!!” ผู้นำในชุดขาวหน้าเปลี่ยนสี “การิน เธอเอาของที่ทำจากเหล็กเข้ามาด้วยใช่ไหม!!” เขาใช้สายตาเข้มงวดจ้องมองหญิงสาวชุดขาวที่ถูกโจมตีทันที

“ฉัน…ฉันแค่สวมแหวนเหล็กสีน้ำเงิน… นี่คือของขวัญวันเกิดจากลูกชายของฉัน” การิน หญิงในชุดขาวตอบตะกุกตะกัก

“แหวนเหล็กสีน้ำเงิน? ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วสินะ!” ผู้นำชุดขาวพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “รีบทิ้งไปซะ! เธอรู้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณกาเรน เธอตายไปแล้ว! ไส้เดือนฝอยสีเขียวน่ะ ชอบของที่ทำจากเหล็กที่สุด ความสามารถไม่เท่าไรยังกล้าเอาแหวนเหล็กนี่มาด้วย เธอนี่มันน่าโมโหจริงๆ”

“ฉันขอโทษ…” การินรีบดึงแหวนเหล็กออกจากมือแล้วโยนเข้าไปในป่า

โดยรวดเร็ว เส้นลวดสีเขียวจำนวนมากในป่าพุ่งเข้าหาแหวนอย่างดุเดือด ห่อหุ้มจนแหวนกลายเป็นลูกบอลสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังคงยุกยิกบิดตัวไปมา

ทุกคนต่างรู้สึกขนลุกซู่ขึ้น

กาเรนขมวดคิ้วและมองเส้นสีเขียวที่พันอยู่รอบนิ้ว มันเหมือนลวดเหล็กแข็งๆ เส้นเล็กๆ สีเขียวๆ

เขายกมืออีกข้างขึ้นมาจับไส้เดือนฝอยสีเขียว แล้วดึงเบาๆ แต่มันแข็งเกินธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น ปลายทั้งสองด้านของไส้เดือนฝอยสีเขียวยังคงพยายามทิ่มแทงผิวหนัง ดูเหมือนมันคิดอยากจะเจาะเข้าไปในเส้นเลือดที่มือของกาเรน ตำแหน่งที่มันเลือกเจาะคือตำแหน่งทั้งหมดที่มีเส้นเลือดสีเขียวๆ

กิ๊งๆ!

เสียงของเข็มที่เรียวแหลมทิ่มแทงพื้นผิวโลหะยังคงก้องกังวานไม่หยุด ผู้คนรอบข้างที่เห็นต่างอดขนลุกไม่ได้

โดยเฉพาะกลุ่มคนในชุดขาว พวกเขาไม่ได้มองที่ไส้เดือนฝอยสีเขียว แต่มองที่กาเรน

พวกเขาต่างรู้ดีถึงความร้ายกาจและความน่ากลัวของไส้เดือนฝอยสีเขียว นอกจากลำตัวของหนอนประหลาดชนิดนี้จะแข็งมากแล้ว พละกำลังก็สูงมาก ส่วนปลายก็แหลมคม ซึ่งสามารถเจาะทะลุแม้กระทั่งแผ่นเหล็กที่มีความหนาเท่าเล็บ

แต่เมื่อปะทะเข้ากับผิวหนังของกาเรน กลับมีเพียงเสียงกระทบประหลาดๆ แบบนี้

เมื่อเห็นไส้เดือนฝอยสีเขียวโจมตีกาเรนอย่างเปล่าประโยชน์ครั้งแล้วครั้งเล่า กลุ่มคนในชุดขาวต่างก็รู้สึกเข็ดฟันขึ้นมา

“ไส้เดือนชนิดนี้…” กาเรนขมวดคิ้ว “เลโอ ซินเทีย แจ็ค พวกนายต้องระวังอย่าให้พวกมันลอบโจมตีได้นะ ถอดของที่ทำจากเหล็กออกจากร่างกายทั้งหมดแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ”

“ไม่เหลือเลยสักชิ้น”

เลโอก็พยักหน้าตอบรับด้วยเช่นกัน

“ผมจะฆ่าพวกมันให้หมดทันทีที่พวกมันจู่โจมเข้ามา” เขาสวมถุงมือหนาหนังกลับสีดำ

“ระวังหน่อยก็ดี ไส้เดือนชนิดนี้วุ่นวายนิดหน่อย” กาเรนขมวดคิ้วลึกขึ้น

เขาจับปลายไส้เดือนฝอยสีเขียวด้วยมือทั้งสองแล้วดึงเบาๆ

แกร๊ก!!

ไส้เดือนฝอยสีเขียวถูกดึงออกเป็นสองส่วนทันที

แต่ที่น่าแปลกก็คือไส้เดือนฝอยสีเขียวทั้งสองส่วนยังคงบิดตัวยุกยิกไปมา ดูเหมือนมันจะไม่เป็นอะไรเลย นอกจากนี้ มันได้กลายเป็นสองตัวและยังคงโจมตีเส้นเลือดบนมือของกาเรนพร้อมๆ กัน

“พลังชีวิตแข็งแกร่งจริงๆ” กาเรนประสานฝ่ามือเข้าด้วยกันแล้วหมุนไปมาเหมือนหินโม่เสียงดับกรึ๊บกรั๊บ ไส้เดือนฝอยสีเขียวก็ถูกบดกลายเป็นผงร่วงลงมาจากฝ่ามือของเขา

“คุณกาเรน ยังมีอุปสรรคเล็กน้อยรออยู่ข้างหน้า คุณและเพื่อนของคุณระวังตัวด้วย” ชายผู้นำในชุดขาวเอ่ยเตือนให้ระมัดระวัง

หญิงสาวในชุดขาวที่ชื่อการินได้รับคำสั่งให้เดินทางกลับ

คนที่เหลือก็เดินทางต่อไป

ไม่นานนัก พวกของกาเรนก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างอีรุงตุงนังมากขึ้นเรื่อยๆ

แมงมุมสีดำขนาดเท่าอ่างล้างหน้า ปลาคาร์พสีขาวริมทะเลสาบที่มีเขี้ยวเต็มไปหมดกำลังจ้องมองทุกคนอย่างตะกละตะกราม มดดำขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ที่อยู่ในพุ่มไม้

สิ่งมีชีวิตจำพวกแมลงที่น่ากลัวผิดธรรมชาติต่างปรากฏตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง

ซินเทียและแจ็คตกใจกลัวจนตัวเกร็งไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็คอยระวังตัวอยู่เสมอ

แม้แต่ราชันมวยเลโอยังรู้สึกขนหัวลุกจนต้องเปล่งพลังสังหารจางๆ ออกมา เพื่อพยายามสกัดกั้นสิ่งมีชีวิตบางอย่างไม่ให้เข้าใกล้ หากปล่อยให้แมลงมีพิษเหล่านี้เข้าใกล้ แม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ ก็อาจจะมีปัญหาได้

มีเพียงกาเรนเท่านั้นที่สีหน้ายังคงเป็นปกติ แม้ในใจจะรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงเดินตามคนชุดขาวไปอย่างสงบ

เสื้อผ้าที่กลุ่มคนชุดขาวจัดให้ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการโจมตีของแมลงพิษหลายชนิด แต่กาเรนไม่ปกปิดทั่วทั้งร่างกายด้วยเสื้อผ้าชนิดนี้ ดังนั้นจึงมีแมลงแปลกๆ บินเช้ามากัดเขาอยู่เป็นครั้งคราว

แต่เมื่อสัมผัสกับผิวหนังของเขา พวกมันก็จะรู้สึกชาและรีบดีดตัวออกทันที แต่สุดท้ายก็ตายเมื่อร่วงลงสู่พื้นดิน

ด้วยระดับของกาเรน ลำพังแค่พลังกัมปนสะท้อนกลับที่น่าสะพรึงกลัวของพลังปราณเพิ่มความแข็งแกร่งก็สามารถจัดการกับแมลงมีพิษเหล่านี้ได้โดยตรง

สำหรับเขาแล้ว ขอแค่ไม่ถูกทลายด่านป้องกัน ไม่มีอะไรเป็นภัยคุกคามทั้งสิ้น

เขาในตอนนี้ พลัง เลือดลม จิตวิญญาณหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวหลั่งไหลหล่อเลี้ยงร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา แม้แต่อวัยวะภายในที่เปราะบางก็ยังได้รับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

คนกลุ่มหนึ่งเดินตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยง หลังจากกินขนมปังและเนื้อแห้งที่พวกเขานำมาด้วยแล้วก็รีบเดินทางต่อไป จนถึงช่วงบ่าย ก็ได้ยินเสียงน้ำไหลดังขึ้นที่ข้างหน้า

ยิ่งก้าวเดินไปด้านหน้า เสียงกึกก้องก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากเลี้ยวเลาะไปมาอยู่สองสามรอบ ในไม่ช้า ทุกคนก็มาถึงริมทะเลสาบ

ทางด้านขวาของทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบด้านขวาเกิดจากน้ำที่ตกลงมาจากผาสูง ก่อตัวเป็นน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสามสิบเมตรกระแทกกับแอ่งน้ำสีเขียวอ่อนด้านล่าง

พวกเขาเดินเลาะไปตามเส้นทางในป่าด้านซ้ายของน้ำตก ไม่นานนักก็เดินมาถึงแท่นหินสีขาวขนาดใหญ่ข้างสระน้ำ

ม่านน้ำตกมีลักษณะเหมือนผ้าขาวที่ห้อยอยู่บนหน้าผาสีดำซึ่งมีความสูงหลายสิบเมตร เบื้องล่างสระน้ำรูปวงรีสีเขียวอ่อนด้านหน้า มีชายชราชุดขาวนั่งอยู่บนหินพร้อมเบ็ดตกปลา

ชายชรานั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงคันเบ็ดที่ไหวเบาๆ ไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

กาเรนเดินตามคนชุดขาวไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังชายชรา สายตาของเขาน่าทึ่ง ดูเหมือนเขาจะมองเห็นหนอนสีเขียวตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ

หนอนชนิดนี้เหมือนหนอนปี่แปะรุ่นขยายใหญ่ที่มีขาสั้นๆ แปดขาและมีเปลือกแข็งที่หลัง ลำตัวกลมป้อม มีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้า

เมื่อได้ยินเสียงที่ด้านหลัง ชายชราวางคันเบ็ดลงช้าๆ แล้วใช้หินก้อนใหญ่กดทับเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกลับหลังหัน

“นานแล้วที่ไม่ได้มาหาฉันที่นี่ บอนดี้ตัวน้อย พริบตาเดียวก็โตขึ้นขนาดนี้แล้ว” เขามองชายในชุดขาวที่เป็นผู้นำ

“เพราะคุณปู่ดูแลผมเป็นอย่างดี” ชายผู้นำในชุดขาวตอบพร้อมทั้งก้มหัวด้วยความนอบน้อม

“พาคนนอกมาด้วยหรือ” จู่ๆ ชายชราก็หันไปเห็นพวกของกาเรนทั้งสี่คน ทันใดนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องที่กาเรนและเลโอทันที “พวกเขาเป็นคนในสำนักของเราด้วยหรือ”

กาเรนขมวดคิ้ว ดูท่าแล้ว ตาเฒ่าคนนี้คงใช้ชีวิตอย่างสันโดษในหุบเขานานเกินไป ถึงได้ไม่สนใจอะไรโลกภายนอกเลย ไม่รู้อะไรสักอย่าง ตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม

“ผู้อาวุโสปาโร่ ปักษาขาวกำปั้นเทวดาใช่หรือไม่” เขาถามออกมา “ผมชื่อกาเรน”

ชายชราผงะเล็กน้อย “นานมากแล้วที่ไม่มีใครเรียกฉันด้วยฉายาแบบนี้” เขาฉีกยิ้ม “คุณมีธุระอะไร ดูจากอายุแล้ว คุณสามารถบรรลุจิตสังหารระดับแบบนี้ได้ คงไม่ใช่คนที่มีพื้นเพธรรมดาๆ หรอก ใช่ไหม”

“ผมมาที่นี่เพื่อขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสเกี่ยวกับวิถีการต่อสู้” กาเรนขยับขึ้นไปข้างหน้าและหยุดยืนตรงหน้าทุกคน

ชายในชุดขาวก้าวถอยหลังหลีกทางให้ ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ ถอยตาม เพื่อเหลือที่ว่างให้คนทั้งสอง

กาเรนยืนตรงเอามือไพล่หลัง

“ผมเคยประมือกับอังศราสองครั้งด้วยกัน เขาเคารพและชื่นชมในตัวคุณมาก เขาคิดว่าคุณคือนักสู้ร่วมสมัยที่แข็งแกร่งที่สุด ถือเป็นตัวแทนของสุดยอดแห่งศิลปะการต่อสู้! ในฐานะนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ ผมอยากจะขอคำชี้แนะจากคุณ”

“อังศรา?” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของปาโร่กำลังย้อนนึกความหลัง “เขาเป็นอัฉริยะที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็หยิ่งผยองมากเช่นกัน ฉันกับเขาไม่เคยลงรอยกันเลย คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดถึงฉันแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ”

เขาดึงสติคืนกลับมา ก่อนจะจับจ้องไปที่สองมือของกาเรน แล้วส่ายศีรษะเบาๆ

“น่าเสียดาย ฉันวางมือไปตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว คุณกลับไปเถอะ ฉันจะไม่สู้กับคุณ”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด