Mystical Journey 179 เข้าใกล้ (1)

Now you are reading Mystical Journey Chapter 179 เข้าใกล้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 179 เข้าใกล้ (1)

ปีที่แล้ว ซานฟรานมาที่นี่ แล้วก็ได้ประมือกับปาโร่

ปีที่แล้ว ปาโร่วางมือและถูกครอบงำ

ทันใดนั้น กาเรนก็เข้าใจความสัมพันธ์ก่อนหลัง

ในตอนนั้นที่ซานฟรานบังเอิญปรากฏตัวขึ้นที่เขตรัฐแกรนต์และเมืองเอลิซ่า ชัดเจนว่ามีจุดประสงค์พิเศษ ไม่แน่ว่าตอนนั้นเขาอาจจะมาเพื่อประลองกับปาโร่ก็เป็นได้

แต่ปักษาขาวบอกแล้วว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเขาไม่มีวิธีพิเศษในการฟื้นฟูตัวเอง อย่างนั้นแล้ว ตอนนี้ซานฟรานก็คงจะบาดเจ็บเช่นเดียวกัน

ทว่า ตอนที่ปาโร่ได้รับบาดเจ็บยังอยู่ในสภาวะจิตใจปกติ ต่อมาภายหลังถึงได้ถูกครอบงำ อาการบาดเจ็บของซานฟรานก็คงไม่สามารถฟื้นฟูได้โดยง่าย

กาเรนพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้มาตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากน้ำตก

ขณะที่เดินกลับไปยังริมทะเลสาบ คนทั้งสี่ต่างก็ไม่ได้พูดอะไร

เสื้อคลุมสีดำคลุมร่างของกาเรนไว้มิดชิด ทำให้อีกสามคนมองไม่เห็นอาการบาดเจ็บในตอนนี้ของเขาได้ชัดเจน

“หัวหน้ากาเรน อาการบาดเจ็บของคุณเป็นอย่างไรบ้าง” ราชันมวยเลโอถามพลางขมวดคิ้ว

“ไม่หนักไม่เบา แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร” กาเรนชำเลืองมองเขาแล้วตอบเบาๆ

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ใบหน้าของเลโอผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ครั้งนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว พวกเราจะทำอะไรต่อ”

ฝีเท้าของกาเรนหยุดชะงัก “กลับไปที่รัฐแกรนด์ก่อนเถอะ ผมตระหนักอะไรบางอย่างได้จากการต่อสู้กับปาโร่ในครั้งนี้ เมื่อกลับไปถึง ผมต้องพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บ เรื่องอื่นๆ พวกคุณดูแลกันตามสมควรได้เลย แต่ขอให้รีบแจ้งผมทันทีที่ข่าวขององค์กรป้ายพยับมาถึง”

“ครับ”

เลโอพยักหน้า

เมื่อซินเทียและแจ็คได้ยินว่าอาการบาดเจ็บของกาเรนไม่ร้ายแรง พวกเขาก็โล่งใจทันที ชะตากรรมปัจจุบันของพวกเขาต่างก็เชื่อมโยงกับกาเรน หากกาเรนล้ม พวกเขาเองก็คงจะไม่มีจุดจบที่ดีแน่

“ฉันให้รถม้ามารออยู่ใกล้ๆ เขตเมือง เดี๋ยวออกจากที่นี่แล้ว ฉันจะเป็นคนนำทางเอง” ซินเทียพูด

“อือ”

กาเรนแค่ตอบรับเบาๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

ปากก็บอกกับทุกคนว่า อาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ตัวเขาเองรู้ดีว่าตอนนี้สภาพของเขาไม่ใช่แค่เลวร้ายธรรมดา

ในการต่อสู้กับปาโร่ มูลามหาอุจจ์ของเขาไม่ใช้ไม้เด็ดที่อาศัยพลังทำลายล้าง ความร้ายกาจจริงๆ อยู่ที่ตำแหน่งที่ถูกมูลามหาอุจจ์โจมตีจิกเอาเศษเนื้อชิ้นเล็กๆ หลุดออก ยากที่บาดแผลจะสมานได้

การห้ามเลือดชั่วคราวเมื่อสักครู่เป็นผลพวงมาจากการบังคับให้กล้ามเนื้อรวมเข้าด้วยกัน

นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครือข่ายพลังมืดที่แข็งแกร่งกว่ากระบวนท่าทั่วไปมาก พลังมืดชนิดนี้ทำให้เส้นประสาทรอบๆ บาดแผลในขณะนั้นชา และไม่รู้สึกเลยว่ามีเลือดไหล

‘สามจุดบริเวณหน้าอกและท้อง สิบสองจุดบนหลัง และแปดจุดบนแขนขา… ในนั้น ห้าจุดมีเลือดออกภายใน สามจุดเป็นบาดแผลอย่างเดียว และที่เหลือเป็นบาดแผลที่เส้นประสาทชา’

กาเรนตรวจสอบสภาพร่างกายของเขาในขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ในแถบคุณสมบัติเบื้องใต้รัศมีการมองเห็นของเขา ค่าความแข็งแรงลดลงถึงห้าแต้มด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่รุนแรงเกินไป รวมถึงพลังปราณแข็งที่ถูกทำลายทำให้ระดับโดยรวมต่ำลง

‘สำหรับอวัยวะภายใน อวัยวะตันทั้งห้า[1]ถูกเคลื่อนย้ายในระดับที่แตกต่างกัน หัวใจฉีกขาดในระดับหนึ่ง ความสามารถในการฟื้นฟูถูกยับยั้ง ไม่รู้ว่าปาโร่ใช้เคล็ดวิชาอะไร”

กาเรนยื่นมือออกมาจากผ้าคลุม หลังมือของเขาขาวซีดจนน่ากลัว มีเพียงเลือดฝาดเล็กน้อยเท่านั้น

‘ลองใช้คะแนนคุณสมบัติดูหน่อยว่าจะได้ผลหรือไม่’

เขาลองใช้แต้มคุณสมบัติที่ยังใช้ไม่หมดใส่เพิ่มเข้าไปในแถบค่าความแข็งแรง

น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย หลังจากที่ค่าความแข็งแรงเลือนรางไปครู่หนึ่ง ก็กลับคืนสู่สถานะเดิม ร่างกายเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงสัญญาณของการฟื้นตัวใดๆ เลย

‘ดูท่าแล้ว คราวนี้คงต้องรอให้ร่างกายๆ ค่อยๆ ฟื้นตัวเองแล้ว’ เขาขมวดคิ้ว ‘ด้วยอาการบาดเจ็บแบบนี้ แล้วพลังการฟื้นฟูยังใช้ไม่ได้อีก ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่แย่นัก เราคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ หนึ่งเดือนถึงจะฟื้นตัวได้เต็มที่’

เรื่องยุ่งยากของสำนักมารวารณก็ยังไม่คลี่คลาย เขาในตอนนี้จึงทำได้เพียงกลับไปพักฟื้นและนั่งบัญชาการในสำนักสาขาหลัก

ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ได้ประมือกับคู่ต่อสู้มากมาย กาเรนไม่เคยพ่ายแพ้เลย จนกระทั่งถึงระดับนี้ในตอนนี้ เดิมทีเขาเข้าใจว่าตัวเองจะไม่มีทางเจอกับสภาพที่น่าสังเวชแบบนี้อีกแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าแค่การศึกษาแลกเปลี่ยนกันในครั้งนี้จะทำให้เขาตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้

แม้ว่าเขาจะอ่อนด้อยกว่าซานฟรานและปาโร่เล็กน้อย แต่ข่าวดีก็คือ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาได้ก้าวย่ำเข้าสู่ระดับสูงสุดแล้ว

ในบรรดานักสู้ที่เคยได้พบมา ไม่ว่าจะได้ยินหรือได้เจอด้วยตัวเอง มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่สามารถเทียบได้กับเขาในปัจจุบัน กระทั่งอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ

ขณะที่ย้อนคิดถึงรูปแบบกระบวนท่าของปาโร่ ร่างกายกาเรนก็เริ่มสั่นเล็กน้อย อาการบาดเจ็บที่อวัยวะภายในถูกปรับสมดุลอย่างช้าๆ

***************

สิบกว่าวันต่อมา…

การต่อสู้ระหว่างกาเรน หัวหน้าสำนักเมฆขาว และปาโร่ ปักษาขาวกำปั้นศักดิ์สิทธิ์ ได้จบสิ้นลงโดยไม่มีใครรู้

ในเวลาต่อมา ผลของการต่อสู้ครั้งนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งโลกศิลปะการต่อสู้ในเขตใต้

ผลการต่อสู้คือทั้งสองเสมอกัน ซึ่งเป็นผลที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของใครหลายคน กาเรนในฐานะยอดนักสู้รุ่นใหม่สามารถเสมอกันกับหมัดศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ในชั่วข้ามคืน โทรเลขจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถูกส่งไปยังทุกส่วนของโลกแห่งศิลปะการต่อสู้

การต่อสู้ครั้งนี้ ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งระดับมหาอำนาจของกาเรนแล้ว เขตรัฐแกรนต์ซึ่งเป็นที่มั่นของสำนักเมฆขาวได้กลายเป็นพื้นที่ที่หลายต่อหลายสำนักเตือนให้ลูกศิษย์ของตนค่อยเฝ้าระวัง

นอกจากนี้ สถานะของสำนักเมฆขาวได้พุ่งขึ้นสู่ระดับเดียวกับสำนักหมัดศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทักษิณและสำนักดาราจักร

ในส่วนขององค์กรป้ายพยับและสำนักดาบทรายแดงนั้น องค์กรป้ายพยับกำลังเจรจากับสำนักเมฆขาวในเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการรวมบริวารเข้าด้วยกัน หนึ่งในสามของราชันมวยได้ทรยศสำนัก อีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังเหลืออีกคนหัวเดียวกระเทียมลีบ เหลือชื่อแต่ในนามเท่านั้น

สำหรับสำนักดาบทรายแดง ในคืนที่ทีมล่าสังหารและกาเรนต่อสู้กัน จู่ๆ พวกเขาก็หายวับไปจากสายตาของทุกคนโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เลย นอกจากนี้ ทรัพย์สินจำนวนมากยังถูกขายทอดให้กับสำนักรอบข้าง รวมถึงสำนักดาราจักรและสำนักเมฆขาวอีกด้วย

ทั่วทั้งเขตใต้แห่งสหพันธรัฐ ได้เปลี่ยนท่าทีไปตามรูปแบบของสามสำนักใหญ่

สำนักหมัดศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทักษิณ สำนักดาราจักร และสำนักเมฆขาว ในบรรดาสามสำนักนี้ อิทธิพลของสำนักเมฆขาวอ่อนแอที่สุด พวกเขาแค่ยึดที่มั่นอยู่ในเขตรัฐและเสริมความแข็งแกร่งภายในเท่านั้น ไม่มีความตั้งใจจะขยายสำนักออกนอกเขตรัฐแกรนต์เลย ส่วนพื้นที่นอกเขตรัฐขององค์กรป้ายพยับที่บรรณาการมาให้ทั้งหมดก็ได้ส่งต่อให้อีกสองสำนักใหญ่ที่เหลือ

สำนักหมัดศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทักษิณได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและสามารถพิชิตสำนักเล็กๆ จำนวนมากจนกลายเป็นรูปแบบสหพันธ์

นับตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างกาเรนและปาโร่ สำนักดาราจักรก็ไม่ค่อยออกหน้าออกตา ได้ยินมาว่าอันเดอร์เลชท์ออกจากการเก็บตัวฝึกวิชาแล้ว

*****************

เมืองเลคซิตี้ เขตรัฐแกรนต์

คฤหาสน์สีขาวกลางเขาในเขตชานเมืองล้อมรอบด้วยป่าเมเปิ้ลสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วน

ในป่าเมเปิ้ลนอกประตูคฤหาสน์

ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งเดินหมากกันอยู่ที่โต๊ะหิน

ใบเมเปิ้ลสีแดงสองสามใบและเมล็ดที่มีลักษณะคล้ายดอกแดนดิไลออนร่วงหล่นลงมาบนโต๊ะหินสีขาวเป็นครั้งคราว แต่ก็ถูกคนทั้งสองดีดออกไปได้อย่างแม่นยำ

ชายหนุ่มทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งร่างใหญ่กำยำและมีผ้าพันแผลสีดำพันทั่วร่างกาย อีกคนหล่อเหลา ผมดำยาวประบ่า และปิดตาข้างหนึ่งด้วยผ้าสีดำ

หมากล้อมบนโต๊ะประกอบด้วยหมากสีดำรูปทรงสี่เหลี่ยมและทรงกลม ชายหนุ่มร่างกำยำเป็นคนวางหมากทรงเหลี่ยม ในขณะที่หมากทรงกลมเป็นของชายหนุ่มที่มีตาข้างเดียว

“ได้ยินมาว่าคุณท้าประลองกับปาโร่ ฉันจึงรีบมาที่นี่ทันทีที่ออกจากการเก็บตัว คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างคุณจะมีช่วงเวลาที่น่าสังเวชแบบนี้ด้วย” ชายหนุ่มตาเดียวก็คืออันเดอร์เลชท์จากสำนักดาราจักร เวลานี้ เขาสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ด้านนอกมีเสื้อคลุมสีดำที่มีลายดาวขอบสีเงินที่ข้อมือ ดูน่าเกรงขามพิเศษ

“ถ้าไม่เชื่อ คุณไปลองเองก็จบ” ร่างกายท่อนบนของกาเรนถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีดำจนมิด ส่วนท่อนล่าง เขาสวมกางเกงผ้าไหมสีดำและรองเท้าบู๊ตหนัง ท่านั่งหลังตรงบนเก้าอี้และดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย ให้ความรู้สึกถึงพลังที่แข็งทื่อ ผมของเขาถูกตัดสั้น มือขวายังมีเฝือกพันอยู่

“ผมยังเอาชนะคุณไม่ได้เลย ไปท้าประลอง ไม่เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งหรือ” อันเดอร์เลชท์ยิ้ม “แต่ไม่ช้าก็เร็ว ปาโร่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่ผมต้องเหนือกว่า ตอนนี้มีคุณเพิ่มมาอีกคน ไหนบอกผมหน่อยสิ ถ้าผมฆ่าคุณในหนึ่งดาบนี้ ผมจะได้ครองตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนใต้นี้หรือเปล่า”

“ดูเหมือนคุณจะได้รับอะไรดีๆ มากมายจากการเก็บตัวฝึกฝนในครั้งนี้” กาเรนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ พลางเอื้อมมือหยิบหมากขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้ววางลงบนกระดานเบาๆ “น่าเสียดาย ผมต่างหากที่รุกฆาตคุณ”

ทันใดนั้นกระดานหมากล้อมก็ตกอยู่ในสถานการณ์อับจน หมากล้อมทรงกลมของอันเดอร์เลชท์ถูกล้อมอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงพื้นที่ว่างตำแหน่งเดียวสำหรับหมากตาสุดท้าย เมื่อใดก็ตามที่วางหมากลงไป เขาจะแพ้ทันที

“ประสิทธิภาพยาของคุณดีจริงๆ” กาเรนขยับร่างกาย “ผมรู้สึกว่ายากำลังออกฤทธิ์ บริเวณที่ติดเชื้อเป็นหนองไม่ได้แย่ลง ขอบคุณมาก”

นับตั้งแต่วันนั้นที่เขากลับมา อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็เริ่มแย่ลง บาดแผลจากถูกมูลามหาอุจจ์ก็เริ่มเป็นหนอง กว่าจะควบคุมได้ก็ต้องใช้ตัวยาหายากที่ต้องวิจัยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงไม่ดีขึ้น

สิบกว่าวัน อาการบาดเจ็บที่อวัยวะภายในดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังคงไม่หายดี

“เดี๋ยวกินยาช่วยด้วย ก็น่าจะลดการติดเชื้อได้” อันเดอร์เลชท์วางหมากในมืออย่างเหนื่อยหน่าย “ช่างเถอะ ผมแพ้อีกแล้ว ไม่คิดเลยว่านอกจากศิลปะการต่อสู้แล้ว การวางหมากของคุณก็ยังวิปริตอีก”

เขาลุกขึ้นยืน แล้วหยิบขวดยาเล็กๆ สีแดงออกมาจากกระเป๋าโยนให้กาเรน “นี่คือยารักษาบาดแผลของสำนักดาราจักร น่าจะใช้ได้ผลนะ คุณมีแขกมาหา ผมขอตัวไปฝึกดาบก่อน มีธุระก็มาหาผมได้ ที่เดิม”

สิ้นเสียงลมพัด อันเดอร์เลชท์ก็หายตัวไปทันที ทิ้งไว้เพียงใบเมเปิ้ลสีแดงสองสามใบที่ปลิวอยู่บนพื้นเท่านั้น

โต๊ะหินและเก้าอี้ที่กาเรนนั่งอยู่มีกลิ่นอายสไตล์แบบตะวันออกที่ชัดเจน เขาให้ช่างหินทำขึ้นมาตามความทรงจำของเขาเอง ถือเป็นการระลึกถึงประเทศจีนบนโลกอีกด้วย

หลังจากที่ค่อยๆ เก็บหมากล้อมทีละตัวลงในกล่องแล้ว กาเรนก็วางหมากล้อมทั้งสองกล่องลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบขวดยาสีแดงขึ้นมาดู แล้วเก็บใส่ไว้ในกระเป๋า

รอบด้านของป่าเมเปิ้ลเป็นสีแดงสด มีใบไม้สีแดงสีเขียวร่วงหล่นอยู่เต็มพื้น ให้ความรู้สึกเหมือนพรม

เมื่อมองไปที่ที่อันเดอร์เลชท์เพิ่งจะจากไป กาเรนก็รู้สึกปลงอนิจจาเล็กน้อย

อันเดอร์เลชท์แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ไม่ใช่ความแข็งแกร่งเล็กๆ น้อยๆ แต่แข็งแกร่งกว่าตอนที่พบกันครั้งแรกมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามาท้าประลองกับตนด้วยความมั่นใจขนาดนี้ ขนาดตอนนั้นถูกบีบให้ใช้เคล็ดวิชาประกายแสงกระพริบ เขาก็ยังใช้ได้ตามที่ใจต้องการ

กาเรนลองประเมินอย่างคร่าวๆ ดู มองจากภายนอก ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอันเดอร์เลชท์นั้นได้เข้าใกล้อัจฉริยะระดับแนวหน้าของ สำนักดาบทรายแดงอย่างคาร์กแล้ว แต่ภาพรวมนั้น ยังไม่รู้ว่าจะมีเคล็ดลับอะไรอีก

ที่ด้านนอกป่าเมเปิล มีเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาดังลอยมา

“หัวหน้า ผมพาพวกเขามาแล้ว” เสียงของแจ็คดังมาจากข้างหลังไม่ไกลนัก

“เข้ามาสิ” กาเรนตอบกลับอย่างสงบนิ่ง

………………………………………………………………

[1] อวัยวะตันทั้งห้า (อู่จั้ง ) หมายถึงอวัยวะภายในทั้งห้า ได้แก่ หัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไต

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด