Mystical Journey 181 ความลับและข้อเสนอ (1)

Now you are reading Mystical Journey Chapter 181 ความลับและข้อเสนอ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 181 ความลับและข้อเสนอ (1)

หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองเขาอย่างสงบ มีเพียงรอยยิ้มที่อ่อนโยนเท่านั้น

“ซานฟราน นายจะไปหรือไม่! ช่วยตอบให้ชัดๆ ที!” เสียงดังขึ้นจากเงาร่างสีดำด้านหลัง

คิ้วของซานฟรานขมวดขึ้น ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าอ่อนโยนของหญิงสาว รอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่นทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

“พี่ ทำไมพี่ไม่พูดล่ะ หรือคนข้างหลังหนวกหูเกินไป”

“ใช่ ต้องเป็นเพราะเจ้านั่นเสียงดังเกินไปแน่ๆ ผมก็ไม่เหม็นขี้หน้าเขาเหมือนกัน คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ก็ไม่ชอบเขาด้วย พี่รอก่อนนะ ผมจะฆ่าเขาเดี๋ยวนี้แหละ!”

จู่ๆ ร่างของเขาก็โดดลอยขึ้นหายตัวไป แล้วพุ่งตรงไปยังเงาดำที่ทางเข้าวิหาร

ทันใดนั้น ร่างของเขาก็แผ่เงาดำอันน่าสะพรึงออกมามากมาย ราวกับโคลนตมจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมไปทั่วทั้งวิหารในชั่วพริบตา

“ซานฟราน นาย!!” เงาร่างสีดำทั้งตกใจและโมโห เสียงโครมครามที่รุนแรงดังออกมาจากโคลมตมสีดำไม่หยุด

“นายเป็นบ้าอะไรไปอีกแล้ว!!!” จู่ๆ เงาร่างของชายชราก็ส่งเสียงบ่นอู้อี้ ก่อนจะมีเสียงแหวกอากาศพุ่งทะลุผ่านโคลนตมสีดำแล้วหนีลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว

ซานฟรานเดินออกจากโคลนสีดำด้วยความรู้สึกเสียใจบนใบหน้า

“ผมยังอ่อนแอเกินไป… พี่สาว พี่ว่าถ้าผมแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย ผมจะฆ่าตาแก่น่ารำคาญนั่นได้ในเสี้ยววินาทีหรือเปล่า” เขามองไปทางหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นหญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้ายังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้น ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นอีกครั้ง

แต่แล้ว ดวงตาของเขาก็พร่ามัว ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตรงหน้าของเขาว่างเปล่าไม่เหลืออะไร

ความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“พี่ พี่โมโหอีกแล้วหรือ ผมทำให้พี่ผิดหวัง” เขาลูบคอซ้ายของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง

“แผลเป็นแห่งเวลาของผมยาวขึ้นอีกนิดแล้ว พี่เห็นหรือเปล่า เล็กๆ แบบนี้… ขอคำนวณแป๊บนึง…ผมสามารถมีชีวิตต่อได้อีกสองวันแล้ว!” รอยยิ้มใสซื่อแบบเด็กน้อยปรากฏบนหน้าของเขา

“หนึ่งเดือนกับห้าวันช่างยาวนานนัก…รอยแผลเป็นแห่งเวลาของผมไม่เคยมีสักครั้งที่ยาวขนาดนี้ พี่ พี่ก็มีความสุขเหมือนกันใช่ไหม”

ที่เชิงเขา เงาร่างสีดำปรากฏขึ้น เงาร่างซวนเซนั้นยืนนิ่งประคองตัวกับต้นไม้ใหญ่

ทันใดนั้น เงาร่างสีแดงก็ปรากฏขึ้นข้างๆ เขาก็คือนกฟินซ์เพลิง สีหน้าของเขาเฉยเมยราบเรียบ บริเวณเอวมีดาบแห่งแฟร์รี่ห้อยอยู่ เขาเงยหน้ามองขึ้นไปที่วิหารหินด้านบน

“ซานฟรานเป็นบ้าอีกแล้วเหรอ”

“ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากอยู่กับไอ้บ้านั่นอีกแล้ว! พวกนาย ใครยินดีก็ตามมา!” น้ำเสียงหงุดหงิดของชายชราดังออกมาจากเงามืด

นกฟินซ์เพลิงหรี่ตามองวิหารหินด้านบน

“แต่เดิมซานฟรานก็เป็นคนบ้า คุ้มดีคุ้มร้าย อย่าไปยั่วโมโหเขาก็พอ เขาน่ะเป็นคนน่าสงสาร”

“น่าสงสาร!! เขาน่าสงสาร? แล้วใครมาสงสารฉันบ้างล่ะ!!” เงาดำคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว” เขาเป็นคนที่ควรจะหายไปตั้งนานแล้ว! รอยแผลเป็นแห่งเวลาเป็นตัวกำหนดว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน เขาอาศัยการดูดซับเลือดอมตะและพลังชีวิตของคนอื่นเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง! คุ้มดีคุ้มร้ายอะไรกัน! ฉันว่ามันบ้าโดยสมบูรณ์มาตั้งนานแล้ว!”

“การดูดพลังชีวิตเพื่อต่อรอยแผลเป็นแห่งเวลาจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อห่างไปซักช่วงระยะหนึ่ง เมื่อดูดซับมากขึ้น รอยแผลเป็นแห่งเวลาก็จะยิ่งต่อต้าน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะสั้นลงเรื่องๆ ซานฟราน…เขาคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว” นกฟินซ์เพลิงนิ่งเงียบสักพักแล้วเดินไปที่ภูเขา “อย่าไปเอาเรื่องเอาราวกับเขาเลย”

*******************

เวลาต่อนี้ไป กาเรนสงบจิตพักฟื้นร่างกายอยู่ที่เมืองเลคซิตี้

ยาของอันเดอร์เลชท์มีประสิทธิภาพดีมาก สามารถกำจัดหนองที่บาดแผลได้อย่างรวดเร็ว บาดแผลที่ได้จากมูลามหาอุจจ์เป็นหลุมๆ ค่อนข้างวุ่นวาย ยากจะสมาน พอๆ กับบาดแผลจากหนามเกล็ดหิมะเลย

สิ่งนี้ยังทำให้ความสามารถในการรักษาตัวเองของกาเรนไม่สามารถแสดงผลได้รวดเร็วนัก

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ขจัดหนองออกแล้ว อาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณสมบัติความแข็งแรงคงที่ถึงระดับขีดสุดของมนุษย์นำมาซึ่งพลังการรักษาตัวเองที่รวดเร็วอันน่าสะพรึง

กาเรนเดินหมากและเรียนรู้แลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้กับอันเดอร์เลชท์ทุกวันในคฤหาสน์ จากนั้นก็ฟังรายงานที่รวบรวมมาจากทุกๆ ด้าน

อาการบาดเจ็บค่อยๆ ดีขึ้นในแต่ละวัน

เพียงแต่ สถานการณ์ในสหพันธรัฐมีความซับซ้อนวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ กองเรือที่สามของรัฐบาลกลางที่ประจำการอยู่ที่ท่าเรือในน่านน้ำอาณาเขตได้เปิดศึกกับกองทัพขนาดเล็กของเวสต์แมนและกองเรือบลูเบิร์ดของจักรวรรดิแล้ว

อำนาจของสหพันธรัฐนั้นเหลือล้น ในขณะที่กำลังรบของจักรวรรดินั้นแกร่งกล้า หากใช้กองเรือที่สามเป็นกำลังหลักต่อสู้กับกองทัพขนาดเล็กของเวสต์แมน หากไม่มีอะไรผิดพลาด สถานการณ์ควรจะจบลงอย่างสมบูรณ์

ทุกคนต่างก็คิดว่าสหพันธรัฐจะชนะศึกในครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน และมัวแต่พิจารณาว่าเวสต์แมนจะโต้กลับอย่างไร

แต่ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้ทุกประเทศทั่วโลกต่างก็ต้องตะลึง

กองเรือที่สามของสหพันธรัฐล้มครืนทั้งกระดาน เรือรบเหล็กสิบสองลำถูกทำลายทั้งหมดภายในเวลาเพียงยี่สิบนาที

แม้แต่จักรวรรดิเวสต์แมนเองก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ตอนที่ได้รับโทรเลขยังคิดว่านี่เป็นกลอุบายหลอกล่อศัตรูของสหพันธรัฐ

กองเรือบลูเบิร์ดของเวสต์แมนเป็นเพียงหนึ่งในยี่สิบสามกองเรือขนาดเล็กของจักรวรรดิ เรือทุกลำเป็นเรือติดอาวุธที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประจำการในน่านน้ำที่มีเกาะแก่งมากมาย และเคยผ่านสงครามกับประเทศขนาดกลางและขนาดเล็กมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยแสดงแสนยานุภาพให้เห็น แต่นี่กลับเอาชนะกองเรือที่สามซึ่งเป็นกองเรือหลักของสหพันธรัฐได้

ทันใดนั้น โฉมหน้าที่แท้จริงของสหพันธรัฐทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยต่อสายตาของทุกประเทศในที่สุด

หนี้ทางการทหาร คลังของชาติร่อยหรอ เรือรบขาดการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเป็นเวลานาน ทหารไม่ได้รับการฝึกที่ดี เจ้าหน้าที่ฉ้อฉล แม้แต่ขีปนาวุธก็ต่ำกว่ามาตรฐานมากมาย เกราะของเรือประจัญบานทั้งหมดก็ถูกแทนที่ด้วยโลหะราคาถูกและคุณภาพความแข็งต่ำ

นับตั้งแต่สงครามเขตแดน สหพันธรัฐก็ย่อยยับอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสงคราม ไม่ว่าประเทศไหนๆ ต่างก็มองสหพันธรัฐเป็นยักษ์ใหญ่ ไม่กล้าเริ่มสงครามด้วยเหตุผลง่ายๆ หลายครั้งที่กองทัพบกได้รับชัยชนะมาอย่างง่ายดายทำให้พวกตัวใหญ่ในกองทัพลำพองใจ

ภายในห้องชงชาของคฤหาสน์ กาเรนยกถ้วยชาดำที่สาวใช้เติมให้พลางมองหนังสือพิมพ์ในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อักษรตัวใหญ่หนึ่งบรรทัดพิมพ์อยู่บนพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ขาวดำชัดเจน [ใครจะเป็นผู้ชำระแค้นให้แก่วิญญาณของวีรชนกองเรือที่สามที่จากไป!

“สถานการณ์ไม่สู้ดีเลย” อันเดอร์เลชท์นั่งตรงข้ามกับเขา ในมือก็มีหนังสือพิมพ์รายวันของสหพันธรัฐอยู่เช่นกัน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์กระบอกเสียงตัวแทนของประเทศ

“ไม่ใช่ไม่สู้ดี แต่แย่มากเลยล่ะ” กาเรนพูดเสริมพลางวางแก้วชาดำลง “เนื่องจากบริษัทเดอะนิวเวสต์ประสบความสำเร็จในการเปิดเส้นทางเดินเรือ แต่แบ่งผลประโยชน์กับเวสต์แมนไม่ลงตัว จึงทำให้เกิดความขัดแย้งและกระตุ้นให้เกิดสงคราม แต่หากสหพันธรัฐไม่ได้ออกมาตรการตอบโต้ในทางปฏิบัติเพื่อชดเชยศักดิ์ศรีที่เสียไปในการรบทางทะเลครั้งนี้ เกรงว่าจะอันตรายจริงๆ”

“มาตรการรับมือที่แท้จริงก็คงจะระดมกองทัพที่เก้า ก็ต้องรอดูครั้งนี้” อันเดอร์เลชท์ขมวดคิ้วเช่นกัน ความสงบสุขของประเทศเกี่ยวพันกับประชากรทุกคน ท้ายที่สุดเมื่อไปต่างประเทศ สิ่งแรกที่ชาวต่างชาติเห็นก็คือสัญชาติของตัวเอง หากประเทศเบื้องหลังไม่แข็งแกร่ง ทุกอย่างก็จะไม่ราบรื่นไปเสียหมด

ในใจของคนทั้งสองรู้สึกหนักอึ้ง แต่สิ่งนี้อยู่นอกเหนืออำนาจส่วนบุคคล ไม่ว่าศักยภาพของพวกเขาจะสูงแค่ไหน แต่จะใช้ไปสู้กับเรือรบที่มีขีปนาวุธอย่างนั้นหรือ ลำพังเรือรบลำหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีลูกเรือเป็นร้อยชีวิต มากหน่อยก็มีหลักพัน ต่อให้คนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ในทะเลก็ต้องมีเรือถึงจะเคลื่อนที่ได้ ต่อให้ขึ้นเรือรบแล้วจัดการสังหารผู้คนทั้งหมด แต่เวลาที่ใช้ทั้งหมด ก็เพียงพอให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างความได้เปรียบโดยรวม

ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ เมื่อเผชิญกับสงครามจริงๆ โดยเฉพาะการรบทางเรือและทางอากาศ ในใจมีเพียงความรู้สึกอับจนอย่างสุดซึ้ง

ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ

“เข้ามาได้”

กาเรนวางหนังสือพิมพ์ลงและปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ

แจ็คในชุดเครื่องแบบทหารสีขาวเดินเข้ามา

“หัวหน้าสำนัก วัตถุดิบที่คุณต้องการเตรียมไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว เราได้เชิญนักปรุงยาโดยเฉพาะมาปรุงน้ำยาให้เสร็จแล้ว จะไปดูตอนนี้เลยไหม”

“เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาก็พอแล้ว” กาเรนขมวดคิ้วมองไปที่แจ็ค “คุณควรจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ดีและพัฒนาความแข็งแกร่งของคุณ ราชามังกรแปดมือรับปากจะมาหรือเปล่า”

“ไม่ครับ คุณโยดาออกจากคฤหาสน์คุณเซทท์ไปตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เด็กชายคนนั้นก็ออกไปกับเขาด้วย” แจ็คตอบสั้นๆ “นอกจากนี้ อายุของผมไม่เหมือนกับซินเทีย การฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่น่าจะมีผลกับผมมากนัก ผมชัดเจนในตัวเลือกของผม”

กาเรนไม่พูดอะไรอีก เขามองอันเดอร์เลชท์

“อยากไปไหม”

“ไม่ไป เดี๋ยวผมจะไปว่ายน้ำ ผมไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรงแบบคุณ ผมต้องใช้การออกกำลังกายที่แตกต่างกันเพื่อปรับความยืดหยุ่นของร่างกาย” อันเดอร์เลชท์โบกมือ

“ความยืดหยุ่นของร่างกาย? ถ้าร่างกายของคุณแข็งแรงพอล่ะ? ก็ไม่ต้องวุ่นวายแบบนั้นแล้วใช่หรือเปล่า” กาเรนถามพลางลุกขึ้นยืน

“แน่นอนสิ น่าเสียดายที่ผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็มุ่งความสนใจไปที่จุดสูงสุดเพียงสิ่งเดียว ถ้าทำอะไรแบบหยิบโหย่ง ต่อให้เป็นผม ก็ไม่สามารถไปถึงระดับสูงได้” อันเดอร์เลชท์ส่ายหัวอย่างจนใจ

“ผมมีเคล็ดลับที่สามารถทำให้สมรรถภาพร่างกายของคุณดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ได้ คุณสนใจไหมล่ะ” จู่ๆ กาเรนก็พูดขึ้น “ผลข้างเคียงไม่มาก การระเบิดพลังก็น่าทึ่งมาก”

“โอ๋? ที่แท้คุณก็มีเคล็ดลับแบนนี้?” ดวงตาของอันเดอร์เลชท์เป็นประกายทันที “เงื่อนไขอะไรล่ะ?!”

กาเรนส่ายหัวและยิ้ม

“แค่ปฏิสัมพันธ์ต่อกันน่ะ”

อันเดอร์เลชท์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและจ้องมองกาเรนด้วยสายตาที่ซับซ้อนและอธิบายไม่ได้

“คุณรู้ราคาค่างวดของเคล็ดลับที่มีผลข้างเคียงไม่มากบ้างไหม”

“แน่นอน” กาเรนย่อมรู้ดี ตอนที่เขาแลกเปลี่ยนกับโกลเด้นริงหมายเลขสิบ เขาต้องใช้ผลประโยชน์จำนวนมากเข้าแลกกว่าจะได้มา ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง กิจการ เหมือนแร่ ฯลฯ มูลค่าที่จ่ายไปน่าจะมีหลักร้อยล้าน ซึ่งเป็นทรัพย์สินหนึ่งในห้าของสำนักเมฆขาวในตอนนั้นเลยทีเดียว

อันเดอร์เลชท์ก้มหัวลงและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

“ก็ได้ บังเอิญผมก็มีเคล็ดวิชาเหมือนกัน พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันเถอะ”

กาเรนผงะเล็กน้อย

สาเหตุที่เขาใจกว้างมากเป็นเพราะอย่างไรก็ตามอันเดอร์เลชท์อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา เจ้าหมอนี่เสพติดศิลปะการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ แล้วยังจำได้ว่าเคยติดหนี้น้ำใจเขาอยู่ อุตส่าห์เอายามาให้เขา นับว่าเป็นคนที่พึ่งพาได้

ในโลกนี้ นักสู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้มีเพียงน้อยนิด คนทั้งสองที่โคจรมาพบกันอีกครั้งต่างก็เป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้ พอได้พูดคุยกันก็รู้สึกสนิทสนมกันทันที ประสบการณ์ศิลปะการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน

ระยะเวลาการฝึกฝนของกาเรนนั้นสั้น ขาดซึ่งประสบการณ์ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย แต่ในส่วนประสบการณ์ต่อสู้จริงและการเผชิญหน้ากับความเป็นความตายนั้นมีมากมาย ส่วนอันเดอร์เลชท์ขาดประสบการณ์ในการประมือกับคู่ต่อสู้ระดับสูง ทำให้ยากที่จะมองเห็นตำแหน่งและทิศทางในอนาคตของตัวเอง

คนทั้งสองสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้พอดี

ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองก็มาถึงพื้นหินโล่งๆ สีขาวด้านหลังคฤหาสน์

พื้นที่โล่งถูกปูด้วยแผ่นหินสีขาวขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสนามประลองศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ นานๆ ครั้งก็สามารถใช้สำหรับให้ยอดฝีมือได้แลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้กัน

รอบๆ สนามรายล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ รอบนอกเป็นกำแพงสีดำสูงถึงห้าเมตร ซึ่งติดตั้งตาข่ายไฟฟ้าไว้

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด