True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1103

Now you are reading True Martial World พิภพเทพยุทธ์ Chapter 1103 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 ทำลายขยายฟ้า

จะไปที่ไหน?

ซินเอ๋อร์นิ่งค้างไปชั่วครู่ ร้านความลับเทพไม่เหลืออยู่แล้ว เมืองแสงหยกก็ไม่กล้ากลับ พวกนางมีที่ไปที่ไหนกัน?

เดิมทีนางคิดจะพูดความจริง ทว่าเยวี่ยเซี่ยวกลับพูดแทรกก่อนซินเอ๋อร์ว่า “เรียนคุณชาย พวกข้ารู้จักโอเสซิสแห่งหนึ่งในทะเลทรายกลบอาทิตย์ โอเอซิสนี้ค่อนข้างซ่อนเร้น พวกข้าไปหลบภัยที่นั่นได้เจ้าค่ะ”

โอเอซิส?

อี้อวิ๋นมองเยวี่ยเซี่ยว เมื่อเห็นสาวน้อยคนอื่นๆ ไม่ได้มีสีหน้าผ่อนคลายแม้แต่น้อยเมื่อเยวี่ยเซี่ยวพูดถึงโอเอซิส อี้อวิ๋นก็รู้ว่าโอเอซิสนี้คงไม่เข้าท่าอะไรนัก

ตอนนี้ทะเลทรายกลบอาทิตย์กำลังวุ่นวาย ยอดฝีมือจำนวนมากรวมตัวกันที่นี่ ยังจะมีโอเอซิสอะไร ‘ซ่อนเร้น’ อีก? หากซ่อนเร้นจริงๆ แล้วสาวน้อยอ่อนแออย่างเยวี่ยเซี่ยวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

จากที่นี่ไปโอเอซิสผืนนั้นก็เกรงว่ามีระยะทางยาวไกลและเต็มไปด้วยอันตราย หากมีองครักษ์ก็คงดีอยู่บ้าง แต่หากมีแค่พวกนางเพียงลำพังก็เกรงว่าไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็คงเจอเหตุไม่คาดคิดแล้ว

“เจ้าพูดเช่นนี้เพราะกลัวจะรบกวนข้าหรือ?”

อี้อวิ๋นเข้าใจขึ้นมาทันที ตอนนี้ทะเลทรายกลบอาทิตย์มีปรากฏการณ์ ตัวเขายังเสี่ยงภัยจากการถูกไล่ฆ่าของวังวิถีเจ็ดดารา เป้าหมายของการแปลงโฉมกลับมาที่นี่ก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว นั่นคือมาเพื่อสมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์

เยวี่ยเซี่ยวที่นิสัยเริ่มเป็นผู้ใหญ่เล็กน้อยย่อมเล็งเห็นถึงจุดนี้

นางรู้ว่าหากพวกนางทั้งกลุ่มติดตามอี้อวิ๋นก็จะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ อี้อวิ๋นคงไม่ต้องตามหาสมบัติกันพอดี แค่ปกป้องพวกนางก็ยุ่งมากแล้ว ดังนั้นนางจึงพูดเรื่องที่หลบภัยที่ไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อยอย่างโอเอซิส

“ช่างเถอะ พวกเจ้ามากับข้าแล้วกัน!”

ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็โบกมือเรียกเจดีย์ขนาดเล็กออกมา

นี่คือเจดีย์เทพจุติของราชาชิงหยาง

ตอนที่อยู่โลกไม้ฟ้าพยับหมอก ในฐานะที่เจดีย์เทพจุติเป็นวัตถุโจมตีและป้องกันของอี้อวิ๋นจึงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ทว่าพลังภายในเจดีย์ก็ถูกใช้ไปจนหมด ตอนนี้เวลาผ่านมานาน เจดีย์เทพจุติได้ดูดซึมปราณฟ้าดินจนค่อยๆ ฟื้นฟูพลังได้ส่วนหนึ่ง แม้ตอนนี้จะยังไม่มีอานุภาพเหมือนเก่าแต่ก็ใช้ได้ตามปกติ

“พวกเจ้าเข้ามาให้หมดเถอะ ไม่ต้องต่อต้าน”

ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังพูด บนเจดีย์เทพจุติก็มีแสงสีฟ้าส่องออกมาม้วนพวกซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเซี่ยวทั้งสิบหกคนเข้าไป

จากนั้นพวกนางก็มาปรากฏอยู่ในโลกขนาดเล็กอันงดงาม นี่คือมิติอิสระภายในเจดีย์เทพจุติ

“นี่คือ…”

พวกซินเอ๋อร์มองไปรอบด้านอย่างตื่นตะลึง เทียบกับทะเลทรายกลบอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงและฆ่าคนปล้นสมบัติแล้ว ที่นี่ก็เป็นดังสวรรค์อันสุขสงบ

หลายวันมานี้จิตใจของพวกซินเอ๋อร์ตึงเครียดและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อได้มายังสถานที่แห่งนี้อย่างฉับพลันก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ไว้ข้าจะพาพวกเจ้าไปพบจีสุ่ยเยียนในอนาคต”

อี้อวิ๋นคิดแล้วก็นำคัมภีร์วิชาและโอสถจำนวนหนึ่งออกมามอบให้สาวน้อยทั้งสิบหกคน

“พวกเจ้าอาจต้องอยู่ในนี้เป็นเวลานาน เลือกฝึกวิชาพวกนี้ตามสบายแล้วกัน”

สิ่งที่อี้อวิ๋นนำออกมาไม่ใช่วิชาชั้นสูงอะไร บางวิชาราชาชิงหยางทิ้งไว้ในห้องตำราอย่างไม่ใส่ใจ บางวิชาอี้อวิ๋นก็ได้หลังจากที่สังหารศัตรู ราชาชิงหยางกับอี้อวิ๋นต่างก็ไม่ฝึกวิชาเหล่านี้ วางทิ้งไว้เฉยๆ ก็เสียของ ไม่สู้เอามาให้พวกนางศึกษาจะดีกว่า

แต่วิชาที่อี้อวิ๋นไม่สนใจเหล่านี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงสำหรับพวกซินเอ๋อร์

เยวี่ยเซี่ยวพลิกแผ่นหยกดูแค่สองสามชิ้นก็ต้องตกตะลึง วิชาที่นางฝึกก่อนหน้านี้มีชื่อว่า ‘ดาบจันทร์เสี้ยว’ วิชานี้ร้านความลับเทพซื้อมาจากงานประมูล ทั้งยังมีแค่สองเล่มแรก ส่วนที่เหลือขาดหายไป

แต่เมื่อนำมาเทียบกับบรรดาวิชาที่อี้อวิ๋นนำออกมาอย่างไม่ใส่ใจพวกนี้ เช่นนั้นแม้แต่วิชา ‘ดาบจันทร์เสี้ยว’ ที่ครบสมบูรณ์ก็ยังดูห่างชั้นไปมาก

วิชาล้ำค่าที่ทำให้เกิดการแย่งชิงในงานประมูลได้เลยกลับถูกอี้อวิ๋นโยนออกมาเหมือนโยนผักกาดขาว ยากจะจินตนาการได้จริงๆ ว่าอี้อวิ๋นเก็บสะสมอะไรไว้บ้าง

“คุณชาย…วิชาพวกนี้ล้ำค่าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ…”

“พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีข้าก็ไม่ใช้วิชาพวกนี้อยู่แล้ว พวกเจ้าอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ข้าออกไปก่อนล่ะ”

อี้อวิ๋นพูดจบก็เงาร่างกระพริบออกจากเจดีย์เทพจุติ

ทิ้งไว้เพียงสาวน้อยสิบหกนางที่กำลังงงงัน จากนรกมาสวรรค์เป็นการเปลี่ยนพลิกที่มากเกินไปจนพวกนางรู้สึกเหมือนกำลังฝัน

“พวกเราปลอดภัยแล้ว!” ซินเอ๋อร์ผู้ใสซื่อและอายุแค่สิบสี่สิบห้าปีกระโดดอย่างดีใจ การได้เข้าที่พำนักของอี้อวิ๋นในทะเลทรายกลบอาทิตย์ที่มีคนดีคนเลวปะปนกันทำให้พวกนางรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

มิติภายในเจดีย์เทพจุติกว้างใหญ่มาก อี้อวิ๋นยกพื้นที่ทั้งชั้นให้พวกเยวี่ยเซี่ยว นอกจากที่นี่จะเป็นโลกขนาดเล็กอันงดงามแล้วยังมีตำหนักห้องพักอยู่ด้วย สาวน้อยทั้งสิบหกหาที่พักของตัวเองแล้วเริ่มชีวิตที่ทั้งสงบและมีความสุข

กฎแห่งการทำลายล้างยังคงปกคลุมรอบด้าน อี้อวิ๋นดีดลูกไฟหยางบริสุทธิ์ออกมาสองสามลูกเพื่อเผาศพพวกเหยียนเทียนชงให้เป็นธุลี จากนั้นก็เก็บพลังแห่งการทำลายล้างทั้งหมดกลับคืน เขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างจึงย่อมหายไปเช่นกัน

ตอนนี้จอมยุทธ์หลายคนกำลังรีบมาที่นี่ พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จอมยุทธ์ที่รุดหน้าเข้ามาต่างมีพลังจำกัด ยอดฝีมือที่แท้จริงไปอยู่ในทะเลทรายกลบอาทิตย์กันหมดแล้ว

อี้อวิ๋นไม่สนใจจอมยุทธ์อ่อนแอเหล่านี้แม้แต่น้อย เงาร่างเขากระพริบออกไป ผู้คนยังไม่ทันเห็นหน้าเขาชัดก็พุ่งออกจากฝูงชนไปแล้ว

เขาไม่ได้ไปจากที่นี่ในทันที แต่เลือกมาที่เมืองแสงหยก

ในจวนร้านขยายฟ้าของเมืองแสงหยก ณ เวลานี้ เหยียนผิงชวนกำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้โบราณอย่างเรียกได้ว่าสุขสมหวัง

ในฐานะที่เป็นผู้นำของร้านขยายฟ้า ไม่นานมานี้ร้านของเขาเพิ่งกลืนยึดร้านความลับเทพหยางสมบูรณ์ภายใต้การควบคุมของเขากับเหยียนเทียนชงผู้เป็นหลายชาย

นับจากนี้ร้านขยายฟ้าก็เป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่อันดับสองของเมืองแสงหยกรองจากร้านประมูลเจ็ดดารา

“ไม่รู้ว่าชงเอ๋อร์จะดึงคุณชายหยกโลหิตให้เป็นพวกสำเร็จหรือเปล่า มอบสาวน้อยให้เป็นคู่นอนเขามากถึงเพียงนั้น คุณชายหยกโลหิตน่าจะพอใจ…”

เหยียนผิงชวนลูบคางอย่างค่อนข้างลำพองใจ เหยียนเทียนชงเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ ได้เรียบร้อยจนเขาภูมิใจในหลานคนนี้ หากได้คุณชายหยกโลหิตมาเป็นพวกอีกคน เช่นนั้นฐานะของร้านขยายฟ้าก็จะยิ่งมั่นคง

“นายท่านวางใจเถิด เรื่องที่คุณชายจัดการต้องไม่มีข้อผิดพลาดแน่นอน”

ตรงหน้าเหยียนผิงชวนมีผู้อาวุโสของร้านขยายฟ้านั่งกันอยู่สองสามคน แต่ละคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่ทำลายร้านความลับเทพก็ย่อมมีการแบ่งสมบัติ พวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสต่างได้ประโยชน์อย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงสมบัติ สาวน้อยคู่หลับนอนที่คุณชายหยกโลหิตไม่เลือกอาจถูกแบ่งมาให้พวกเขาบันเทิงใจด้วยก็ได้

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกถึงจิตสังหารอันน่ากลัวที่ปกคลุมลงมา จากนั้นรอบตัวก็มืดขมุกขมัว ใจทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกกดดันที่ยากจะบรรยาย

“ใคร!?”

“ผู้ใด!”

เหยียนผิงชวนตื่นตัวขึ้นมา เขาลุกตัวขึ้นจากเก้าอี้ไม้โบราณ

“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่กัดหมด แบบนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาทีละคน” อี้อวิ๋นปรากฎตัวตรงหน้าเหยียนผิงชวน ข้างกายมีดาบบินพันหิมะร่ายรำ

อี้อวิ๋นรู้มานานแล้วว่าร้านขยายฟ้าเป็นคนอย่างไร เช่นนั้นคนที่นั่งหาผลประโยชน์อยู่ที่นี่ย่อมไม่มีคนใดบริสุทธิ์ สมควรตายกันทั้งนั้น

“พวกข้าไม่รู้จักเจ้า ไม่มีความแค้นใดๆ ต่อกัน เจ้าเป็นใครกันแน่ คิดจะทำอะไร? หากต้องการเงินทองข้าก็มอบให้ได้”

เหยียนผิงชวนค่อยๆ สงบลง หลายวันมานี้ทะเลทรายกลบอาทิตย์เต็มไปด้วยพวกเสือสิงห์กระทิงแรด ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่มีคนรู้ชื่อเสียงของร้านขยายฟ้าจึงมาปล้นสะดม ขอเพียงอีกฝ่ายมีความต้องการ ไม่ได้มุ่งมาสังหารใคร เช่นนั้นเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

“ความแค้นก็นับว่าไม่มีจริงๆ แต่ข้ามาแก้แค้นให้คนอื่น จีสุ่ยเยียนดีกับข้าไม่น้อย เข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกที่ล้ำค่าที่สุดก็มอบให้ข้า เป็นเรื่องสมควรที่ข้าจะช่วยนางทำลายร้านขยายฟ้า”

สีหน้าเหยียนผิงชวนเปลี่ยนพลิกทันทีเมื่ออี้อวิ๋นพูดเช่นนี้ “เจ้าคืออี้อวิ๋น!?”

“ใช่!”

อี้อวิ๋นถูกวังวิถีเจ็ดดาราไล่ฆ่าอยู่ไม่ใช่หรือ? เขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

เหยียนผิงชวนคิดอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้เขามีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน

“ชะ…ช้าก่อน! เจ้าอย่าฆ่าข้า เจ้าจะทำลายร้านขยายฟ้าเพราะร้านความลับเทพดีต่อเจ้า เช่นนั้นขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ร้านขยายฟ้าของข้าจะดีต่อเจ้ามากกว่าร้านความลับเทพเป็นสิบเท่า” เหยียนผิงชวนกลัวแล้วจริงๆ เขาถูกเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋นห่อหุ้มไว้ภายใน ลำพังแค่เขตแดนวิถีนี้ก็ทำให้เขาสูญเสียความกล้าที่จะต่อต้านแล้ว

“ข้าไม่ต้องการสมบัติ หลานเจ้าไปนรกก่อนเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเดี๋ยวนี้!”

ชงเอ๋อร์…ตายแล้ว!?

หัวใจเหยียนผิงชวนแทบจะหยุดเต้น แต่จากนั้นลำแสงดาบที่เป็นดังหิมะก็กลืนกินเขาอย่างสมบูรณ์…

……

อี้อวิ๋นออกจากเมืองแสงหยกในอีกครึ่งเค่อต่อมา แกนกลางสำคัญของร้านขยายฟ้าถูกอี้อวิ๋นกวาดล้างหมด เหยียนผิงชวนกับผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งถูกอี้อวิ๋นสังหารและทำลายซากศพขจัดร่องรอย

เช่นนี้แล้วร้านขยายฟ้าจึงย่อมตกอยู่ในความวุ่นวายแน่นอน ไม่อาจเลี่ยงความตกต่ำ ดังนั้นจึงไม่อาจมีใจคิดร้ายต่อร้านความลับเทพต่อ

ส่วนเรื่องที่จะสร้างร้านความลับเทพขึ้นใหม่ก็ปล่อยให้จีสุ่ยเยียนเป็นคนทำเถอะ

ไม่กี่เค่อต่อมาอี้อวิ๋นก็มายังค่ายกลส่งข้ามที่อยู่ใกล้เมืองแสงหยกอีกครั้ง

เขาไม่แม้แต่จะผ่านองครักษ์ที่ดูแลค่ายกลส่งข้ามนี้ด้วยซ้ำ แต่ใช้กฎแห่งมิติที่ฝึกฝนมากระตุ้นค่ายกลโดยตรง วินาทีต่อมาก็ท่องผ่านความว่างเปล่าไปยังส่วนลึกของทะเลทรายกลบอาทิตย์ที่อยู่ห่างไปแสนลี้ ส่วนองครักษ์ที่ดูแลค่ายกลก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองทัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด