True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1160 ไม่ปรานี

Now you are reading True Martial World พิภพเทพยุทธ์ Chapter 1160 ไม่ปรานี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1160 ไม่ปรานี

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์อี้ ข้าน้อยจะจดจำบุญคุณนี้ไปชั่วชีวิต!”

ตอนนี้ต่งเส่าชิงตื่นเต้นอย่างไม่มีอะไรเทียบ เขาคารวะให้อี้อวิ๋นไม่หยุด

อี้อวิ๋นประคองเจ้าสำนักต่งและพูดว่า “ท่านเจ้าสำนักต่งอย่ารีบดีใจเกินไป ข้าไม่ได้รักษาอาการป่วยของลูกสาวเจ้าทั้งหมด เพียงแค่ทำให้พิษในร่างถอยตัวลงเท่านั้น หากวันหน้ามันมีโอกาสก็อาจกลับมาอีก”

“หา? นี่…”

ต่งเส่าชิงตกใจ คำพูดของอี้อวิ๋นทำให้เขาเป็นกังวลมาก ครั้งนี้ลูกสาวเขารอดมาได้เพราะมีอี้อวิ๋น แต่ครั้งหน้าจะทำอย่างไร?

“เจ้าสำนักต่งโปรดวางใจ ข้าไม่ทอดทิ้งอาการป่วยของลูกสาวท่านแน่นอน เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เพื่อช่วยลูกสาวท่าน ข้าเองก็สงสัยเรื่องนี้มากเช่นกัน”

อี้อวิ๋นรู้สึกว่าสิ่งชั่วร้ายนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

ฟังคำพูดอี้อวิ๋นแล้วต่งเส่าชิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรจริงๆ เขาติดค้างอี้อวิ๋นมากเกินไปแล้ว

“เช่นนั้น…” อี้อวิ๋นมองไปที่จั่วชิวปั๋วพร้อมพูดว่า “ท่านปรมาจารย์จั่วชิว ท่านดูแล้วโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยที่ข้าหลอมใช่ของจริงหรือไม่?”

จั่วชิวปั๋วเลิกคิ้วขึ้น แม้ในใจจะไม่อยากยอมรับ แต่เรื่องที่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยที่อี้อวิ๋นหลอมมีคุณภาพสูงกว่าเขาก็เป็นเรื่องจริง

เขาพยักหน้าพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ย่อมเป็นของจริง”

“เช่นนั้น…” อี้อวิ๋นลุกขึ้นมองไปที่จั่วชิวเฮ่าอวี้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายจั่วชิว ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วว่าหากข้าหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสำเร็จ โอสถที่หลอมสำเร็จก็จะเป็นข้า ทั้งเจ้ายังจะจ่ายค่าหลอมโอสถให้เป็นสองเท่า ส่วนเรื่องมือของเจ้า…”

“อี้อวิ๋น นี่เจ้า…”

จั่วชิวเฮ่าอวี้หน้าซีด เขาเป็นจอมยุทธ์คนหนึ่ง หากถูกตัดมือก็จะทำให้พลังลดลงอย่างหนัก!

ตอนแรกเขาคิดว่าจะใช้ตำแหน่งคุณชายแห่งหอเซียนสรรพสิ่งมาทำให้อี้อวิ๋นไม่กล้าแตะต้องเขา ตอนนี้การเดิมพันจบลงแล้ว แต่อี้อวิ๋นกลับจะยังคงลงมือกับเขาอีก

“อี้อวิ๋น เจ้าอย่ารังแกกันเกินไป หรือเจ้าอยากเป็นศัตรูกับหอเซียนสรรพสิ่ง?”

เสียงของจั่วชิวเฮ่าอวี้ดังขึ้นข้างหูอี้อวิ๋น เขายกหอเซียนสรรพสิ่งออกมาขู่ มันเป็นฟางช่วยชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของเขา

“คุณชายอี้อย่าได้เอาจริงเอาจังเกินไป เรื่องก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่น อย่าได้ถือโทษเอาความเลย” ผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังจั่วชิวเฮ่าอวี้พูดขึ้น

“นั่นน่ะสิขอรับ อะไรละเว้นได้ก็ควรละเว้น คุณชายอี้ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”

มีคนในฝูงชนพูดคล้อยตาม กระโดดออกมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในเวลานี้ก็เป็นวิธีที่ชาญฉลาด ไม่แน่ว่าเมื่อขจัดความขัดแย้งนี้สำเร็จก็จะได้มิตรภาพจากจั่วชิวเฮ่าอวี้

ส่วนเรื่องอี้อวิ๋น ทุกคนไม่คิดว่าอี้อวิ๋นว่าอี้อวิ๋นจะตัดมือจั่วชิวเฮ่าอวี้จริงๆ คุณชายของหอเซียนสรรพสิ่งถูกเด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งตัดมือ นี่ใช่เรื่องธรรมดาที่ไหนกัน?

พวกเขาคิดว่าอี้อวิ๋นคงจะหาเหตุผลมาถอนตัวเรื่องนี้ ท้ายที่สุดก็จะแปรเปลี่ยนจากเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก

“เรื่องล้อเล่นหรือ?” อี้อวิ๋นหัวเราะขึ้นมา เขาลูบแหวนมิติเบาๆ ดาบฟันเลื่อยแผ่นหนาเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

รูปร่างของดาบเล่มนี้ดูเกินจริงมาก ดูแล้วเหมือนฟันออกมาจากมีดตัดหญ้าเล่มใหญ่ นี่คืออาวุธที่อี้อวิ๋นหาอย่างไม่ใส่ใจในแหวนมิติ แม้คุณภาพจะไม่ได้ดีอะไร แต่รูปร่างของมันก็ทำให้ตื่นตกใจมาก

จั่วชิวเฮ่าอวี้ลนลานขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอี้อวิ๋นเอาจริง

“อี้อวิ๋น เจ้าจะสู้ให้ตายตกกันไปข้างหนึ่งจริงๆ หรือ?”

“ตายตกกันไปข้างหนึ่ง? น้ำหน้าอย่างเจ้าก็มีคุณสมบัติด้วย?” อี้อวิ๋นส่งเสียงเย็นๆ แล้วเดินเข้ามาหาจั่วชิวเฮ่าอวี้

“ท่านอาปู่หก!” จั่วชิวเฮ่าอวี้หันไปขอความช่วยเหลือจากจั่วชิวปั๋ว

จั่วชิวปั๋วขมวดคิ้วเบาๆ อย่างไรจั่วชิวเฮ่าอวี้ก็เป็นเด็กรุ่นหลังที่เขาหวังว่าจะได้ดีคนหนึ่ง แต่จะให้เขาขอร้องเด็กคนหนึ่งเพราะเรื่องนี้ก็รู้สึกน่าละอายจริงๆ

แม้จะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่จั่วชิวปั๋วก็พูดว่า “สหายน้อยอี้ หลานชายข้าทำผิดต่อเจ้าก็เป็นเรื่องไม่สมควร แต่ครั้งนี้เจ้าช่วยแปลงความบาดหมางให้เป็นสันติภาพเพื่อเห็นแก่หน้าข้าได้หรือไม่ หอเซียนสรรพสิ่งจะไม่ผิดต่อเจ้าแน่นอน”

“เห็นแก่หน้าเจ้า?” อี้อวิ๋นหัวเราะ “ข้าเพิ่งรู้จักเจ้าวันนี้ ไม่ทราบว่าหน้าเจ้ามีประโยชน์อะไรกับข้าบ้างกัน? ข้าขอถามหนึ่งประโยค หากวันนี้คนที่แพ้คือข้า หลานชายเจ้าจะตัดมือข้า ไม่ทราบว่าเจ้าจะออกหน้าแทนข้าและพูดว่า ‘แปลงความบาดหมางเป็นสันติภาพ’ หรือไม่?”

อี้อวิ๋นพูดเสียดสีอย่างไม่ไว้หน้า สีหน้าจั่วชิวปั๋วแข็งทื่อไป เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเขาที่เป็นปรมาจารย์โอสถระดับสูงของเมืองสรรพสิ่งและเป็นผู้อาวุโสของหอเซียนสรรพสิ่งจะถูกเด็กคนหนึ่งมองข้ามอย่างสิ้นเชิง!

“ดี! ดีมาก! วีรบุรุษกำเนิดในเด็กหนุ่มมาตั้งแต่โบราณจริงๆ คนหนุ่มสาวจะฮึกเหิมก็เป็นเรื่องดี แต่บางครั้งก็นำภัยมาสู่ตน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ควรเหลือทางถอยให้ตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะเสียใจภายหลังก็ไม่ทันการแล้ว”

จั่วชิวปั๋วพูดเสียงทุ้ม ในตอนนี้เองที่เจ้าเมืองฉินหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ในเมื่อปรมาจารย์จั่วชิวพูดแบบนี้ เช่นนั้นก็ต้องยอมรับผลพนัน ปฏิบัติตามที่เดิมพันไว้เถอะ”

ขณะที่เจ้าเมืองฉินพูดก็โบกมือเบาๆ มิติข้างกายจั่วชิวเฮ่าอวี้ถล่มลงเป็นกรงมิติที่ขังเขาเอาไว้

“เจ้าเมืองฉิน ท่านทำอะไรน่ะ!”

จั่วชิวเฮ่าอวี้หน้าซีดเผือด แต่เขาต้านทานการกักขังของเจ้าเมืองฉินได้ที่ไหนกัน?

ในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นก้าวเท้าออกมา ลำแสงดาบสาดกระพริบ

ฉัวะ!

คมดาบฟาดผ่านอากาศ จั่วชิวเฮ่าอวี้ห้องโหยหวน มือทั้งสองข้างของเขาถูกตัดตั้งแต่ต้นแขนลงมา โลหินสาดกระเซ็น

จากนั้นอี้อวิ๋นก็ดีดนิ้ว ไฟหยางบริสุทธิ์สายหนึ่งพุ่งเข้ากลืนกินมือกลางอากาศที่ถูกตัด

ฟู่ฟู่ฟู่!

ไฟหยางบริสุทธิ์แผดเผา เพียงไม่กี่อึดใจ แขนคู่นี้ที่ถูกตัดของจั่วชิวเฮ่าอวี้ก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

ในเมื่อเดิมพันไว้ด้วยมือคู่หนึ่งอี้อวิ๋นก็ไม่มีทางตัดออกมาแล้วมอบคืนให้จั่วชิวเฮ่าอวี้ เพราะทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ตัด ด้วยกำลังที่หอเซียนสรรพสิ่งมี การเชื่อมต่อแขนกลับเข้าไปก็ทำได้ง่ายมาก แต่หากแขนถูกทำลาย เช่นนั้นการจะสร้างขึ้นใหม่ก็ยากแล้ว!

วัตถุดิบฟ้าดินที่ทำให้แขนขางอกกลับมาใหม่ได้มีราคาสูงเกินไป หอเซียนสรรพสิ่งอาจไม่ทุ่มเทราคาขนาดนี้ให้คุณชายคนหนึ่งเสมอไป และต่อให้ทุ่มเทแล้ว แขนที่งอกออกมาใหม่ก็ไม่เคยผ่านการหล่อหลอมจากกฎและพลังปราณ เทียบกับแขนเดิมแล้วก็ด้อยกว่ามาก ต้องมาเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้น เส้นทางแห่งยุทธ์พิการไปแล้วครึ่งหนึ่ง

จั่วชิวเฮ่าอวี้มองแขนตัวเองถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เขารู้สึกเหมือนโดนต่อยเข้าที่ศีรษะอย่างรุนแรง สับสนงุนงงไปหมด

เขาร่วงตกจากคุณชายชั้นสูงมาเป็นคนพิการภายในไม่กี่อึดใจ!

“แขนของข้า…แขนของข้า…”

เมื่อแขนเขาพิการ ฐานะในหอเซียนสรรพสิ่งของเขาก็จะตกต่ำลงมาก หอเซียนสรรพสิ่งคงไม่มอบวัตถุดิบฟ้าดินที่ทำให้แขนงอกขึ้นใหม่แก่คนพิการแบบเขาเช่นกัน

จั่วชิวเฮ่าอวี้จ้องอี้อวิ๋น ดวงตามีจิตสังหารอย่างรุนแรง

อี้อวิ๋นไม่สนใจเรื่องนี้

‘สหายน้อยนี้ช่างเด็ดขาดไม่น้อย เจ้าไม่กลัวว่าจะทำให้หอเซียนสรรพสิ่งไม่พอใจหรือ?’ เจ้าเมืองฉินหัวเราะ ปราณเสียงของเขาดังขึ้นข้างหูอี้อวิ๋น

อี้อวิ๋นส่ายหน้าพูดว่า ‘ข้าย่อมไม่อยากมีเรื่องกับกลุ่มอิทธิพลในเมืองสรรพสิ่ง แต่ข้าต้องอยู่เมืองนี้อย่างน้อยสามปี ใครไม่มาหาเรื่องข้า ข้าก็ไม่หาเรื่องใคร หากข้าเอาแต่อดทนก็มีแต่จะถูกคนอื่นมองว่ารังแกง่าย ถึงเวลานั้นก็มีปัญหามากขึ้นอีก!’

อี้อวิ๋นรู้ดีว่าในเวลาสามปีที่เขาอยู่เมืองสรรพสิ่งจะเกิดคลื่นลูกใหญ่ ไม่พูดถึงอย่างอื่น ลำพังแค่ห้องหออวิ๋นซินของเขาก็ขัดประโยชน์โรงโอสถหลายแห่ง หากปล่อยให้คนอื่นรังแกก็คงถูกกลืนกลายในไม่ช้าก็เร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด