การกลับมาของฮีโร่ 53

Now you are reading การกลับมาของฮีโร่ Chapter 53 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 53

หลังจากซูฮยอนหยิบดาบแกรมขึ้นมา….ดวงตาของฟอลเคินก็กลายเป็นสีดำทมิฬ

ร่างกายของเขาเริ่มกลายร่างเป็นอิโกลัสอีกครั้ง

“อย่างงี้นี้เอง…เขายังคงต่อสู้กับมันในจิตใต้สำนึกอยู่สินะ”ซูฮยอนคิด

ช่างน่าเศร้าอะไรเช่นนี้

ฟอลเคินต่อสู้กับครึ่งมังกรครึ่งปีศาจใต้จิตสำนึกอยู่ทุกวี่ทุกวัน ซูฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะทรมานมากขนาดไหน…

เหตุผลที่ฟอลเคินสามารถออกมาพูดคุยกับซูฮยอนได้ เป็นเพราะมอนสเตอร์อิโกลัสถูก [หอกปราบมังกร – เนียร์] โจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เลยทำให้จิตใต้สำนึกของฟอลเคินออกมาสูดอากาศภายนอกได้แปปหนึ่ง

“เพื่อเรียกเขาออกมาอีกครั้ง….”

วุป

ดาบแกรมของซูฮยอนถูกเปลวเพลิงห่อหุ้มอีกรอบ

“ฉันคงต้องเฉือนร่างกายของมันเป็นชิ้นๆซะก่อน”ซูฮยอนคิด

ฉัวะ ฉัวะ

โฮกกกกกกกกกกกก

ทุกครั้งๆที่ซูฮยอนฟาดดาบลงบนร่างของอิโกลัส บาดแผลของมันที่เริ่มสมานก็ฉีกขาดอีกครั้ง

เปลวเพลิงที่ร้อนระอุและความคมของดาบทำให้บาดแผลของอิโกลัสเต็มไปด้วยกลิ่นไหม้เหมือนเนื้อย่างที่หอมฉุย

ดาบของซูฮยอนที่เคยฟันมันเข้า แต่พอผ่านไปสักพัก ซูฮยอนกลับรู้สึกว่าดาบเริ่มสะกิดมันไม่เข้า

เหตุเป็นเพราะโลหิตของอิโกลัสเริ่มซ่อมแซมผิวหลังของมัน จนสร้างเกล็ดโลหิตที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้สำเร็จ…….โลหิตก็เปรียบเสมือนมวลสารเวทมนตร์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ทำให้มันมีประสิทธิภาพเหมือนเกล็ดแท้ๆของมัน

“เฮ้อ…เป็นมอนสเตอร์ที่น่าหงุดหงิดเป็นบ้า”

ในขณะที่ซูฮยอนกำลังอารมณ์เสีย อยู่ๆก้อนโลหิตของอิโกลัสก็ลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า

ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็นใบมีดที่แหลมคม

สกิลที่อิโกลัสใช้ออกมา มันเป็นสกิลประจำตัวของฟอลเคิล ที่อัศวินโบราณมักใช้ออกมาเป็นประจำ

“มันเป็นดาบโลหิตจริงๆด้วย”ซูฮยอนพูด

ดาบโลหิตหลายสิบเล่มเริ่มก่อตัวขึ้นแล้วเล็งทิศทางไปที่ซูฮยอน

ซูฮยอนหันไปมองอิโกลัสที่รอบๆตัวของมัน เริ่มมีดาบโลหิต ลอยอยู่เต็มไปหมด….แถมแต่ละเล่ม ยังมีพลังเวทย์ผสมอยู่ด้วยมหาศาล

แต่การทำลายดาบโลหิต คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับซูฮยอน

“ฉันจะทำลายมันให้ดู”

หมับ

ซูฮยอนมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ว่าตัวเขาน่าจะหลุดการโจมตีของอิโกลัสได้โดยไม่ยากเย็น เพราะทักษะดาบของเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร

ฟิ้ว ฟิ้ว

ฉัวะ ฉัวะ

ทุกๆครั้งที่ซูฮยอนฟาดดาบไปเบื้องหน้า….ไม่ว่าดาบโลหิตจะพุ่งมาเยอะแค่ไหน แต่ดาบแกรมในมือก็ตัดมันได้อย่างง่ายดาย…เหมือนปุยฝ้าย

อิโกลัสคิดไม่ถึงว่าซูฮยอนจะปัดป้องการโจมตีของมันได้โดยไม่มีบาดแผล

มันใช้สายตาที่มืดมิดมองไปทางซูฮยอนด้วยความตกใจ

“ย๊ากกกก”

ดาบโลหิตพุ่งโจมตีซูฮยอนมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีหมด ทำให้ซูฮยอนเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อย

ในขณะที่ซูฮยอนฟาดดาบตอบโต้กลับไป สายตาของเขาก็มองไปที่ร่างของอิโกลัสทุกครั้ง

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังเหนื่อยตายก่อนแน่ๆ ฉันควรโฟกัสไปที่ร่างกายของมันมากกว่า ถ้างั้น…”

ฟรึ่บ

เสียงฉีกกระชากอากาศดังออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว

ทันใดนั้นร่างกายของซูฮยอนก็ไปโผล่อยู่ด้านหลังของอิโกลัส

“โฮกกก.”

เปรี้ยง

ซูฮยอนที่กำลังง้างดาบฟันลงไปกลางหลังของอิโกลัสกลับถูกหางของมันสะบัดโจมตีจนร่างกายของเขาตกลงไปสู่พื้นเบื้องล่าง

ซูฮยอนพยายามยันร่างของตัวเองขึ้นมา แขน ขา ของเขาสั่นเท่าไปหมด…

[สกิล : ฮีโร่อมตะ ถูกเปิดใช้งาน]

[พละกำลังและความแข็งแกร่งกำลังฟื้นฟู สเตตัสและสถานะผิดปกติถูกฟื้นฟู]

[ความสามารถกายภาพถูกยกระดับขึ้น]

บาดแผลบนร่างกายของซูฮยอนเริ่มกับมาหายดีเหมือนเดิมอีกครั้ง

ซูอยอนคิดไว้อยู่แล้ว…ในการผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ สกิลติดตัวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ที่ผ่านมาซูฮยอนไม่รู้เลยว่าสกิลฮีโร่อมตะที่ครอบครองอยู่มีผลเป็นยังไง

ฉะนั้นซูฮยอนจึงลองเดิมพันไปกับการตัดสินใจของเขา และแล้วในที่สุดความสงสัยในใจของเขาก็ถูกไขออกสักที

ร่างกายของซูฮยอนเบาดุจปุยเมฆที่ลอยอยู่ตามสายลม

ที่สำคัญพลังในร่างกายก็เอ่อล้นออกมาจนสัมผัสได้จากบรรยากาศรอบๆ

ร่างกายของซูฮยอนตอนนี้อยู่ในสภาพพร้อมรบ..เลือดลมภายในของเขาสูบฉีดจนรู้สึกได้ถึงความกระปรี้กระเปร่า

“ต่อจากนี้ ฉันต้องทำมันให้สำเร็จ”

ซูฮยอนกำหมัดแล้วจ้องมองไปที่หางของอิโกลัส ที่โจมตีเขาเมื่อครู่

“ฉันจะตัดหางของแกออกมาซะ”

ซูฮยอนถ่ายเท-พลังเวทย์ลงไปในดาบแกรมแล้วฟาดไปทางอิโกลัส

ซูอยอนเหวี่ยงดาบไปเบาๆ แต่เส้นรัศมีของดาบแกรมที่ปล่อยออกไป กลับใหญ่จนสามารถตัดอากาศออกเป็น 2 ส่วนได้

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความประมาทหรือเพราะมันเหิมเกริม เจ้าอิโกลัสกลับไม่หลบการโจมตีของซูฮยอน มันบินอยู่เฉยๆกลางอากาศ ราวกับมองดูมนุษย์ตัวเล็กจ้อยจะทำอะไรต่อไป

ฉัวะ

หางของอิโกลัสที่ดูแกร่งแรงกลับถูกตัดออกจากันเหมือนเต้าหู้

สภาพหางของอิโกลัสที่ถูกดาบของซูฮยอนตัดจนขาด..มันมีสภาพเนียนกริ๊บจนน่าเลี่ยมทองเก็บสะสมจริงๆ

มันเนียนขนาดที่อิโกลัสเองก็ยังไม่รู้ว่าหางของมันถูกดาบของซูฮยอนกลืนกินหายไปแล้ว

แต่ในไม่ช้า อิโกลัสก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะร่างกายของมันมีน้ำหนังเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

มันจึงหันไปมองส่วนหลัง เพื่อไขข้อข้องใจว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ ทำไมร่างของมันถึงรู้สึกเบาหวิวขึ้นขนาดนี้

ก๊าซซซซ

เมื่ออิโกลัสเห็นว่าหางที่สง่างามของมันหายไป มันก็คำรามออกมาอย่างโหยหวน เหมือนกำลังพิโรธที่มนุษย์ตัวเล็กจ้อย อย่างซูฮยอนกล้าตัดหางของมัน

“หึ…ร้องโหยหวนต่อไปเถอะ ฉันจะทำให้แกทรมานมากกว่านี้อีก”

เมื่อได้ยินคำพูดถากถางของซูฮยอน อิโกลัสก็จ้องเขม็งไปทางซูฮยอนด้วยสายตาดุร้าย

“…!”

หลังจากมองไปได้ไม่นานอยู่ๆอิโกลัสก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ…

“มองอะไรของแก หน้าฉันเหมือนบรรพบุรุษแกหรือไง”

“อ่อแกหมายถึงเจ้านี่หรือป่าว ใครบอกว่าฉันเตรียมมาอันเดียว?”

[หอกปราบมังกร – เนียร์]

อาวุธที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็จริง แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหนห้ามใช้อันที่ 2 ซักหน่อย

ซึ่งซูฮยอนได้เตรียมมันมา 2 อัน เพื่อการนี้โดยเฉพาะ..

อันที่ 1 ซูฮยอนเตรียมมาเพื่อสร้างรอยแผลบนร่างกายของอิโกลัส

และอันที่ 2 เขาเตรียมมาเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง

“พวกเรามาจบเรื่องราวทั้งหมดกันเถอะ”

ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ ยังไงซูฮยอนก็รู้อยู่แล้วว่าจะโจมตีซ้ำไปที่จุดไหน….

เพราะมันมีอยู่แค่จุดเดียวเท่านั้นที่ซูฮยอนคิดว่าน่าจะได้ผลมากที่สุด

จุดที่ว่าก็คือหลังของอิโกลัส

เขาก้าวขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะย่อตัวลงมาแล้วขว้างออกไป

ปัง

โฮกกกก

อิโกลัสกระพือปีกแล้วเอี้ยวตัวหลบการโจมตี หอกที่ซูฮยอนขว้างออกไปพุ่งทะลุไปด้านหลัง

แต่มีเหรอซูฮยอนจะพลาดท่าได้ง่ายๆ หอกที่บินอยู่กลางอากาศอยู่ๆก็เปลี่ยนวิถีกะทันหัน

ก่อนที่จะระเบิดตัวเองกลางอากาศ เหมือนเข็มเล่มเล็กๆนับหมื่นเล่ม….

เมื่อมันกระจายกันจนถึงขีดสุด มันก็พุ่งโจมตีเข้าด้านหลังของอิโกลัสอย่างจังเหมือนกับมีระบบล็อกเป้าอัตโนมัติ

ฉึก ฉึก ฉึก

ก๊าซซซซ

ร่างกายของอิโกลัสถูก [หอกปราบมังกร – เนียร์] เจาะจนเป็นรูพรุน

หอกที่ซูฮยอนขว้างออกไปมันรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า เพราะซูฮยอนอัดพลังเวทย์ลงไปมากเป็นพิเศษ เพื่อหวังปลิดชีพมันในการโจมตีครั้งนี้

ปีกของอีโกลัสหลังจากโดนการโจมตีของซูอยอน มันก็อยู่ในสภาพรุ่งริ่ง ไม่ใช่แค่ปีกเท่านั้น แม้แต่เกล็ดที่ปกคลุมร่างกายของมันก็ถูกกะเทาะออกไปจนเกือบหมด

เมื่อปีกเกิดการฉีกขาด อิโกลัสจึงเริ่มทรงตัวอยู่บนอากาศไม่ได้ ไม่นานร่างกายของก็ทิ้งดิ่งลงพื้น…

ก๊าซซซ

ตูม

อิโกลัสชนกระแทกเข้ากับตึกสูงแห่งหนึ่ง ด้วยขนาดร่างกายที่ใหญ่โตทำให้ตัวตึกเริ่มรับน้ำหนักไม่ไหว

ตึกเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่มันจะถล่มลงไปเบื้องล่าง

เมื่อร่างของมันตกสู้พื้นดิน อิโกลัสก็นอนแน่นิ่ง ไม่ว่ามันจะพยายามขยับร่างกายมากแค่ไหน

มันก็ทำไม่ได้…ซูฮยอนกระโดดไปยืนอยู่ใกล้ๆกับมัน แล้วสังเกตุปฏิกิริยาการตอบสนองของอิโกลัส

“ดูจากสภาพของมัน ถ้าปล่อยมันทิ้งไว้ เดี๋ยวมันก็แห้งตายไปเอง”

ถึงแม้อิโกลัสจะเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง แต่จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของอิโกลัสก็คือ อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตที่ต่ําเตี้ยเรี่ยดิน ด้วยบาดแผลที่ร้ายแรงขนาดนี้ มันก็เหมือนอยู่ในสภาพตายทั้งเป็น…

ซูฮยอนเดินไปเหยียบบนหลังของมัน..

ทันใดนั้นโลหิตที่ไหลรินออกมาก็เริ่มก่อตัวเป็นเงามนุษย์

“ผมจะถามอีกครั้ง”

ซูฮยอนเดินเข้าไปใกล้ร่างกายโลหิตก่อนถามออกมา

“ท่านจำได้หรือยังว่าตัวเองเป็นใคร?”

“ข้าคือ…”

“ข้าคือ ฟอลเคิน อัศวินแห่ง เทสเซอร์รัม”

“ท่านจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว?”

“ใช่ ข้าจำได้ทุกอย่าง”

ฟอลเคินตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เหตุผลที่ฟอลเคินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่ใช่เป็นเพราะตื่นเต้นหรือดีใจ แต่เป็นเพราะความเสียใจ

หลังจากที่ความทรงจำกลับคือมา ฟอลเคินก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆมากมายไม่ว่าจะดีหรือร้าย เขาก็จำได้ขึ้นใจ

“ขะ..ข้าฆ่าพวกเขาด้วยน้ำมือของข้า”

เมื่อฟอลเคินหลอมร่วมกับอิโกลัส

ทำให้สัญชาตญาณของอิโกลัสเริ่มเข้าครอบงำฟอลเคิน จนทำให้สติสัมปชัญญะของเขาถูกอิโกลัสกลืนกิน เมื่ออยู่ในร่างกายอิโกลัสสิ่งที่มันทำคือการล่ามนุษย์เพื่อเป็นอาหาร…เมื่อความทรงจำของฟอลเคินหวนขึ้นมา เขาก็จำได้อย่างขึ้นใจไม่ว่าจะเสียงกรีดร้องของชาวบ้านตาดำๆหรือรสชาติของเนื้อมนุษย์ที่ฟอลเคินเคยลิ้มลอง

“อุ๊ป”

ฟอลเคินเริ่มรู้สึกมวนท้องจนอยากอาเจียนออกมา แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับอิโกลัส ทำให้ร่างกายของเขาไม่ใช่มนุษย์ กระทั้งน้ำตาฟอลเคินยังไม่มี

ฟอลเคินพยายามล่วงมือลงคอเพื่อในตัวเองอ้วกออกมา แต่มันกลับไม่ได้ผล

ที่พุ่งออกมามีแต่น้ำลายเท่านั้น…

“เฮ้อ…ผมก็ไม่อยากขัดจังหวะหรอกนะ แต่ทำแบบนั้นไปชาวบ้านที่ท่านกินเข้าไปก็ไม่ออกมาหรอก”ซูฮยอนกล่าว

“คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้หรอกนะ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ตัวตนของท่านไม่ใช่หรือไง”

“ข้า..”ฟอลเคินนั้งคุยเข้าลงกับพื้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่

“แต่ข้าฆ่าพวกเขาทุกคน”

“ข้าเขมือบพวกเขาลงไปในท้องของข้า”

“ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องราวมันจะลงเอยเยี้ยงนี้ ข้าคงไม่…”

“ถ้าท่านรู้…ท่านจะไม่ทำแบบนี้สินะ…แต่ท่านจะปล่อยให้อาณาจักรล่มสลายจริงๆงั้นเหรอ?”

เมื่อฟอลเคินได้ยินเสียงของซูฮยอน เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้า

“หรือว่าผมพูดผิด…อย่าบอกนะว่าท่านจะปล่อยในอาณาจักรล่มสลายจริงๆ?”

“นั่นมัน..”

“เห็นไหม ถ้าท่านย้อนเวลากลับไปได้ ท่านก็ยังทำแบบเดิมอยู่ดี ฉะนั้นท่านอย่าจมปลักอยู่กับอดีตนักเลย อย่างน้อยการตัดสินใจของท่านก็สามารถช่วยอาณาจักรไว้ได้”

คำพูดของซูฮยอนเป็นไปตามความคิดของฟอลเคินแบบเป๊ะๆ ถ้ายอมเวลากลับไปได้จริงๆ เขาก็อาสาทำแบบเดิม ในฐานะที่เป็นถึงอัศวินของอาณาจักร เขาไม่ยอมยืนเฉยๆเพื่อรอดูความพังพินาศของอาณาจักรแน่นอน

“เรื่องราวที่ผ่านมาจึงไม่ใช้ความผิดของท่าน อย่างน้อยการกระทำของท่านกระสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้อีกหลายหมื่นหลายพัน ท่านเคยได้ยินคำว่าตกกระไดพลอยโจนหรือเปล่าล่ะ”

“แต่ว่า..”

“แต่อะไรอีก..ตัวเองยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยอาณาจักรเอาไว้แท้ๆ แต่ตัวเองกลับมานึกเสียใจ”

ซูฮยอนเดินมาหาฟอลเคินแล้วตบไหล่เบาๆก่อนพูด “ท่านควรยกความเสียใจออกจากบ่าไปซะ ท่านพยายามมามากพอแล้ว ฟอลเคิน”

“….”

ฟอลเคินก้มหน้าลงกับคำพูดของซูฮยอน

ดวงตาสีดำที่มืดมิดของฟอลเคิน….เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นดวงตาที่เหมือนมนุษย์ปกติ

ในขณะที่อิโกลัสกำลังสิ้นชีวิต..สติสัมปชัญญะและอารมณ์ของฟอลเคินก็เริ่มกลับคืนมา..

“เฮ้อน่าขายหน้าจริงๆ ที่ทำให้เจ้ามาเห็นสภาพหน้าสมเพชของข้าแบบนี้”ฟอลเคินกล่าว

“จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าเลย ข้าในนามของอัศวินแห่งอาณาจักรเทสเซอร์รัม ข้าขออุทิศร่างกายนี้ให้แด่เจ้าจากหัวใจ.”

“เฮ้อ…ในที่สุดก็มีคนหยุดข้าได้สักที”

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมไม่ได้ช่วยทำมันให้ฟรีๆหรอกนะ”

“เจ้าหมายถึงอะไร?”

“ไอเทมชิ้นนั้น ท่านคงไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกแล้ว งั้นผมขอได้ไหม”

“ไอเทม? อันไหนกัน?”ฟอลเคินจมลงสู่หวงความคิด

“ฮ่า ฮ่า เจ้าหมายถึงสิ่งนี้งั้นเหรอ…ข้าตกใจจริงๆที่เจ้ารู้จักมันด้วย ทั้งๆที่ไม่ใช่คนจากโลกฝั่งนั้นแท้ๆ”

“ผมอ่านเจอในหนังสือ ก็เลยรู้จักมันมาบาง”

“ช่างมันเถอะ… เจ้าพูดถูกข้าคงไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกแล้ว ข้าขอมอบมันให้กับเจ้าแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า ในที่สุดข้าก็หลุดพ้นจากบ่วงกรรมสักที่”

ถ้าอิโกลัสหมดลมหายใจเมื่อไหร่ ชีวิตที่เหลือของฟอลเคินก็ได้เวลากลับบ้านเก่า

ฟอลเคินน่าจะเสียชีวิตไปนานแล้วหลังจากต่อสู้กับอิโกลัส แต่ด้วยโชคชะตาทำให้ร่างกายของเขาหลอมร่วมเข้ากับมัน..

ถึงกายเนื้อสูญสิ้น แต่จิตใต้สำนึกของฟอลเคินยังอยู่ดี…..ไม่ว่าอิโกลัสจะทำอะไรฟอลเคินก็รู้สึกได้ตลอด

แต่เขาตัวคนเดียวก็หยุดการอาละวาดของมันไม่ได้

ก๊าซซซ

ช่วงท้องของอิโกลัสที่แบนราบเริ่มพ่องตัวขึ้น เหมือนมันกำลังพ่นอะไรซักอย่างออกมา

ซูอยอนจ้องมองไปทางอิโกลัส ก่อนที่ปากของมันจะขย้อนชุดเกราะออกมา

“เก็บมันไว้ดีๆ เจ้ามีคุณสมบัติในการถือครองมัน”ฟอลเคินกล่าว

ตอนนี้ฟอลเคินสามารถควบคุณสติปัญญาของอิโกลัสได้ตามใจปรารถนา ที่เป็นเช่นนี้เพราะร่างกายและวิญญาณของอิโกลัสเต็มไปด้วยความบอบช้ําเกินเยียวยา

ชุดเกราะที่อิโกลัสขย้อนออกมา คือของขวัญที่ฟอลเคินตั้งใจมอบให้ซูฮยอน

ซึ่งซูฮยอนเองก็เล็งของชิ้นนี้ไว้แต่แรกอยู่แล้ว

“ผมขอน้อมรับด้วยความเต็มใจ”ซูฮยอนยืนมือออกไปหยิบชุดเกราะขึ้นมา

“ฮ่า ฮ่า ด้วยความยินดี”

ฟอลเคินค่อยๆปิดเปลือกตาลง

ร่ากายที่สร้างมาจากโลหิตเริ่มเกิดการแตกตัว..ซึ่งมันเป็นสัญญาณเตือนว่า เวลาที่เหลือของเขาเริ่มใกล้เข้ามา

“ในที่สุด…ข้าก็ได้เวลาพักผ่อนสักที่”ฟอลเคินกล่าว

ฟอลเคินต่อสู้กับอิโกลัสมาหลายปีจนจิตวิญญาณของเขาเริ่มอ่อนล้า แต่เมื่อมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขากลับกล่าวออกมาด้วยความหมดห่วง

ซูฮยอนที่อายุไม่ถึง 30 ปี อดจิตนาการไม่ได้เลยจริงๆว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดไหน

ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของซูฮยอนคือวีรบุรุษตัวจริงเสียงจริง

ซูฮยอนก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อไว้อาลัยแด่ฟอลเคิน

“ขอให้ท่านพักผ่อนโดยสบายใจ ไปเป็นเทวดาตัวน้อยบนสรวงสวรรค์”

‘ขอให้การตายของท่านผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความทรมาน คุณงามความดีที่ท่านเคยก่อไว้ ขอให้ชาติหน้าท่านเกิดในครอบครัวที่รักท่านและทะนุถนอมเหมือนดอกลิลลี่ที่บานสะพรั่ง’ซูฮยอนอธิษฐานพรให้ฟอลเคินด้วยความจริงใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด