[นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ 23 ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องเรียนรู้อีกแล้ว

Now you are reading [นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ Chapter 23 ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องเรียนรู้อีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ภายในดันเจี้ยนนั้นดูเหมือนซากปรักหักพังที่ทำจากหิน

 

ถนนค่อนข้างกว้าง ดูเหมือนว่าสามารถให้คนสิบคนเดินข้างกันแล้วสามารถผ่านไปได้

 

ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นแค่ทางเข้า ถึงมันจะดูคับแคบเพราะคนเยอะก็เถอะ

 

“ถ้าเราเข้าไปลึกๆ ก็จะเจอผู้คนน้อยลง ที่ชั้นนี้มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของเมืองแห่งดาบน่ะ”

 

ดันเจี้ยนนี้ดูเหมือนว่าจะมีโครงสร้างที่ลึกลงไปใต้ดิน

แค่ชั้นหนึ่งก็มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งเมือง ดังนั้นดันเจี้ยนนี้น่าจะมีขนาดใหญ่มาก

 

พวกเราเดินเข้าไปลึกขึ้นเพื่อเลี่ยงผู้คน

หลังจากนั้นไม่นานก็เจอร่างของคนหลายคนยืนอยู่ตรงด้านหน้า

 

“อะไรของคนพวกนี้เนี่ย? พวกเขาพยายามที่จะขวางทางของพวกเรา”

 

ไม่ทราบหน้าตา เพศหรืออายุเนื่องจากพวกเขาใส่ชุดเกราะเต็มตัว และหมวกก็มีเกราะปิดตรงหน้าด้วย

แต่ในมือถือดาบและพร้อมจะต่อสู้อย่างชัดเจน

 

“ไม่มีคนอยู่ในนั้น ชุดเกราะพวกนั้นเริ่มขยับ พวกมันคือสัตว์เวทที่เรียกว่าชุดเกราะมีชีวิต”

“สัตว์เวท? พวกนั้นเป็นสัตว์เวทงั้นเหรอ!”

“ใช่แล้ว ระวังตัวกันด้วยนะ”

 

หลังจากคุยกับลิเลียเสร็จก็หันมาผชิญหน้ากับชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังใกล้เข้ามา

น่าแปลกที่พวกนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแม้ว่าจะสวมชุดเกราะหนักอยู่

 

พวกนั้นเริ่มโจมตีเข้ามา

การฟันจากทางด้านซ้ายและด้านขวาในเวลาเดียวกัน….นี่มัน <ฟับดาบคู่>

 

“ช้ามาก”

 

ดาบของผมได้ทำลายหัวของชุดเกราะลง

 

“……..อะไรน่ะ?”

 

แม้ว่าหัวของพวกมันจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ว่าแขนของพวกมันก็ยังโจมตีต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“ระวังตัวด้วย! พวกมันไม่รู้สึกเจ็บปวด และไม่มีความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์”

 

อืม งั้นก็น่าจะรีบๆบอกกันหน่อยนะ

พรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์ลดลงเล็กน้อยหลังจากโดนฟัน

 

“ดูเหมือนว่าผลของการฝึกกับไรนะ เริ่มแสดงออกมานิดหน่อยแล้ว”

 

ชุดเกราะพวกนี้ค่อนข้างน่ารำคาญเพราะว่าไม่มีจุดตายเหมือนมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้ต่อ

ผมตัดแขนของชุดเกราะออก

ถ้าหากสูญเสียแขนไป พวกมันก็ไม่สามารถฟันดาบได้

 

“อืม ดูเหมือนว่ายังสามารถรับมือกับพวกมันได้?”

 

มันยังสามารถสู้ได้แม้ว่าจะไม่มีอาวุธ นั่นถือว่าค่อนข้างกล้าหาญเลย

ผมคิดว่าใครบางคนควรเรียนรู้สิ่งนี้นะ

 

หลังจากนั้นผมก็ตัดขาของพวกมันออก

 

*กึกกัก* หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงดังและล้มลงกับพื้น เนื่องจากพวกมันไม่มีแขนจึงไม่สามารถลุกขึ้นมายืนได้อีก แต่พวกมันก็พยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นมายืน

 

ทันในนั้นตัวที่สองและสามก็โจมตีเข้ามาทันที แต่ผมก็ทำให้มันไม่สามารถขยับได้แบบตัวแรก

 

“โอ้ว~ พวกมันหยุดเคลื่อนไหวแล้ว”

 

ชุดเกราะพวกนั้นส่งเสียงดังออกมาสักครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ได้เงียบลงราวกับว่าเป็นชุดเกราะว่างปล่าว

 

“ดันเจี้ยนนั้นได้มีการตัดการไหลของเวทมนตร์”

“หรือก็คือ สิ่งมีชีวิตในนี้ทั้งหมดล้วนเคลื่อนไหวด้วยพลังของเวทมนตร์ แต่พวกมันก็สามารถใช้สกิลของตัวเองได้?”

“ใช่ ถูกต้องแล้ว จริงๆแล้วในแห่งดันเจี้ยนนี้ มีเพียงชุดเกราะมีชีวิตปรากฏออกมาเท่านั้น แต่พวกมันสามารถใช้สกิลของนักดาบและอัศวินได้ ชุดเกราะมีชีวิตระดับต่ำสุดสามารถใช้สกิลของนักดาบได้เท่านั้น”

 

ลิเลียอธิบายว่า ยิ่งพวกเราเข้าไปลึก ชุดเกราะมีชีวิตที่ปรากฏออกมาก็จะแข็งแกร่งขึ้น

 

“ฉันยังไม่เคยพบ แต่ฉันได้ยินมาว่ามีชุดเกราะมีชีวิตที่สามารถใช้สกิลระดับสูงของนักดาบได้”

 

เข้าใจแล้ว

เป็นคำพูดที่ค่อนข้างน่าสนใจเลย

 

แม้ว่ามันจะแตกต่างกับการต่อสู้กับคนอยู่บ้าง แต่มันเป็นการฝึกที่ดีในการต่อสู้อย่างแน่นอน

 

ถัดไปอีกเล็กน้อยก็เจอชุดเกราะมีชีวิตอยู่อีกเช่นกัน

 

“ข-ขอให้พวกเราได้สู้ด้วย”

 

ลิเลียพูดขณะชักดาบของเธอออกมา

หลังจากพวกเราผ่านชุดเกราะระดับต่ำสุดมา มันค่อยข้างโอเคเลย

 

“จะว่าไปแล้ว ผมไม่เคยเห็นลิเลียสู้มาก่อนเลย เธอเป็นอาชีพอะไรงั้นเหรอ?”

“ฉันเป็นนักดาบเรเปียร์ ตอนนี้ฉันมีฉายาว่า’ลิเลียประกายแสง’อยู่ รู้จักไหม”

 

นักดาบเรเปียร์งั้นเหรอ

ดูเหมือนว่าอาชีพที่อยู่สูงกว่านักดาบเรเปียร์ก็คือเจ้าหญิงแห่งดาบ

 

ดังนั้นหมายความว่า

 

“ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากลิเลียเลย”

“หมายความว่ายังไงกันยะ!?”

 

ทุกๆชั้นในดันเจี้ยนจะมีวงเวทเคลื่อนย้ายติดตั้งเอาไว้อยู่ เพื่อให้กลับมาบนพื้นดินได้

 

โดยมันสามารถย้ายไปที่ชั้นที่เคยไปมาแล้วได้ และกลับมาบนพื้นดินจากชั้นนั้นได้

 

“นั่นค่อนข้างจะสะดวกเลย”

“ใช่แล้ว ดังนั้นถ้าพวกเรารู้สึกเหนื่อย ฉันแนะนำให้กลับไปบนพื้นดิน และพักผ่อนนะ”

 

ลิเลียเกลี้ยกล่อมให้พวกเรากลับไปบนพื้นดิน โดยใช้วงเวทเคลื่อนย้ายที่ติดตั้งเอาไว้ที่ทางเข้าชั้นสอง 

 

ดังนั้นพวกเราจึงได้กลับไปที่ดันเขี้ยนชั้นหนึ่งซึ่งมีผู้คนอยู่มากมาย

 

และครั้งต่อไปพวกเราไม่จำเป็นต้องผ่านชั้นแรกอีกครั้ง พวกเราสามารถเริ่มชั้นที่สองได้ทันที

 

หรือก็คือพวกเราใช้เวลาแค่ 6 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงชั้นที่สอง

ตามที่ได้ยินมา ที่นี่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก

 

ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยถึงจะได้ต่อสู้กับชุดเกราะมีชีวิตที่แข็งแกร่ง

 

“พวกเธอทั้งสองคนลงไปถึงชั้นอะไรแล้ว?”

“ฉันไปถึงชั้นที่สิบสองแล้ว”

“ฉันถึงชั้นที่สิบสี่”

“ถ้างั้น พวกเราสามารถเคลื่อนย้ายไปที่ชั้นนั้นพร้อมกันเลยได้ไหม?”

 

ทั้งคู่ส่ายหัว

 

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้ คนที่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ต้องเป็นคนที่เคยไปถึงชั้นนั้นมาก่อนเท่านั้น”

“ฉ-ฉันสามารถเริ่มที่ชั้น 14 ได้…แต่ว่าฉันอยากช่วยนาย”

“ไม่ เธอไม่ต้องไปกับเราก็ได้นะไรนะซัง?”

“หา- ไม่ แต่ว่า…ถ้าจะพูดแบบนั้นลิเลียก็เช่นกัน…!”

“ฉันต้องแนะนำคุณอาเรลไง ถ้าหากมีใครเข้ามาติดต่อกับเขาโดยตรง เราก็จะเสียเขาไป”

“อร๊ายยยย”

 

ไรนะกระแอ่มในลำคอด้วยความไม่พอใจ

 

(……..ช่วยอ่านบรรยากาศหน่อยสิ? ฉันต้องการอยู่กับคุณอาเรลตามลำพัง เพียงแค่สองคนเข้าใจไหม)

 

แม้ไม่ได้ยินเสียงนั้น แต่ว่าผมก็เข้าใจสิ่งที่ลิเลียพูดกับตัวเองได้

ให้ตายเหอะ

ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้

 

ฉันยินดีนะ ถ้าหากไรนะจะไปด้วยกัน

“ฟู่~ อา~ !?”

 

ไรนะส่งเสียงแปลกๆออกมา

 

“อะ-อะ-อะ-อะไร-…..น-นาย จ-จะแกล้งฉันไปถึงไหน…!?”

“? ผมไม่ได้จะแกล้งนะ”

 

ทำไมเธอถึงหน้าแดงกันนะ?

 

Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ 23 ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องเรียนรู้อีกแล้ว

Now you are reading [นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ Chapter 23 ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องเรียนรู้อีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ภายในดันเจี้ยนนั้นดูเหมือนซากปรักหักพังที่ทำจากหิน

 

ถนนค่อนข้างกว้าง ดูเหมือนว่าสามารถให้คนสิบคนเดินข้างกันแล้วสามารถผ่านไปได้

 

ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นแค่ทางเข้า ถึงมันจะดูคับแคบเพราะคนเยอะก็เถอะ

 

“ถ้าเราเข้าไปลึกๆ ก็จะเจอผู้คนน้อยลง ที่ชั้นนี้มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของเมืองแห่งดาบน่ะ”

 

ดันเจี้ยนนี้ดูเหมือนว่าจะมีโครงสร้างที่ลึกลงไปใต้ดิน

แค่ชั้นหนึ่งก็มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งเมือง ดังนั้นดันเจี้ยนนี้น่าจะมีขนาดใหญ่มาก

 

พวกเราเดินเข้าไปลึกขึ้นเพื่อเลี่ยงผู้คน

หลังจากนั้นไม่นานก็เจอร่างของคนหลายคนยืนอยู่ตรงด้านหน้า

 

“อะไรของคนพวกนี้เนี่ย? พวกเขาพยายามที่จะขวางทางของพวกเรา”

 

ไม่ทราบหน้าตา เพศหรืออายุเนื่องจากพวกเขาใส่ชุดเกราะเต็มตัว และหมวกก็มีเกราะปิดตรงหน้าด้วย

แต่ในมือถือดาบและพร้อมจะต่อสู้อย่างชัดเจน

 

“ไม่มีคนอยู่ในนั้น ชุดเกราะพวกนั้นเริ่มขยับ พวกมันคือสัตว์เวทที่เรียกว่าชุดเกราะมีชีวิต”

“สัตว์เวท? พวกนั้นเป็นสัตว์เวทงั้นเหรอ!”

“ใช่แล้ว ระวังตัวกันด้วยนะ”

 

หลังจากคุยกับลิเลียเสร็จก็หันมาผชิญหน้ากับชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังใกล้เข้ามา

น่าแปลกที่พวกนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแม้ว่าจะสวมชุดเกราะหนักอยู่

 

พวกนั้นเริ่มโจมตีเข้ามา

การฟันจากทางด้านซ้ายและด้านขวาในเวลาเดียวกัน….นี่มัน <ฟับดาบคู่>

 

“ช้ามาก”

 

ดาบของผมได้ทำลายหัวของชุดเกราะลง

 

“……..อะไรน่ะ?”

 

แม้ว่าหัวของพวกมันจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ว่าแขนของพวกมันก็ยังโจมตีต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“ระวังตัวด้วย! พวกมันไม่รู้สึกเจ็บปวด และไม่มีความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์”

 

อืม งั้นก็น่าจะรีบๆบอกกันหน่อยนะ

พรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์ลดลงเล็กน้อยหลังจากโดนฟัน

 

“ดูเหมือนว่าผลของการฝึกกับไรนะ เริ่มแสดงออกมานิดหน่อยแล้ว”

 

ชุดเกราะพวกนี้ค่อนข้างน่ารำคาญเพราะว่าไม่มีจุดตายเหมือนมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้ต่อ

ผมตัดแขนของชุดเกราะออก

ถ้าหากสูญเสียแขนไป พวกมันก็ไม่สามารถฟันดาบได้

 

“อืม ดูเหมือนว่ายังสามารถรับมือกับพวกมันได้?”

 

มันยังสามารถสู้ได้แม้ว่าจะไม่มีอาวุธ นั่นถือว่าค่อนข้างกล้าหาญเลย

ผมคิดว่าใครบางคนควรเรียนรู้สิ่งนี้นะ

 

หลังจากนั้นผมก็ตัดขาของพวกมันออก

 

*กึกกัก* หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงดังและล้มลงกับพื้น เนื่องจากพวกมันไม่มีแขนจึงไม่สามารถลุกขึ้นมายืนได้อีก แต่พวกมันก็พยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นมายืน

 

ทันในนั้นตัวที่สองและสามก็โจมตีเข้ามาทันที แต่ผมก็ทำให้มันไม่สามารถขยับได้แบบตัวแรก

 

“โอ้ว~ พวกมันหยุดเคลื่อนไหวแล้ว”

 

ชุดเกราะพวกนั้นส่งเสียงดังออกมาสักครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ได้เงียบลงราวกับว่าเป็นชุดเกราะว่างปล่าว

 

“ดันเจี้ยนนั้นได้มีการตัดการไหลของเวทมนตร์”

“หรือก็คือ สิ่งมีชีวิตในนี้ทั้งหมดล้วนเคลื่อนไหวด้วยพลังของเวทมนตร์ แต่พวกมันก็สามารถใช้สกิลของตัวเองได้?”

“ใช่ ถูกต้องแล้ว จริงๆแล้วในแห่งดันเจี้ยนนี้ มีเพียงชุดเกราะมีชีวิตปรากฏออกมาเท่านั้น แต่พวกมันสามารถใช้สกิลของนักดาบและอัศวินได้ ชุดเกราะมีชีวิตระดับต่ำสุดสามารถใช้สกิลของนักดาบได้เท่านั้น”

 

ลิเลียอธิบายว่า ยิ่งพวกเราเข้าไปลึก ชุดเกราะมีชีวิตที่ปรากฏออกมาก็จะแข็งแกร่งขึ้น

 

“ฉันยังไม่เคยพบ แต่ฉันได้ยินมาว่ามีชุดเกราะมีชีวิตที่สามารถใช้สกิลระดับสูงของนักดาบได้”

 

เข้าใจแล้ว

เป็นคำพูดที่ค่อนข้างน่าสนใจเลย

 

แม้ว่ามันจะแตกต่างกับการต่อสู้กับคนอยู่บ้าง แต่มันเป็นการฝึกที่ดีในการต่อสู้อย่างแน่นอน

 

ถัดไปอีกเล็กน้อยก็เจอชุดเกราะมีชีวิตอยู่อีกเช่นกัน

 

“ข-ขอให้พวกเราได้สู้ด้วย”

 

ลิเลียพูดขณะชักดาบของเธอออกมา

หลังจากพวกเราผ่านชุดเกราะระดับต่ำสุดมา มันค่อยข้างโอเคเลย

 

“จะว่าไปแล้ว ผมไม่เคยเห็นลิเลียสู้มาก่อนเลย เธอเป็นอาชีพอะไรงั้นเหรอ?”

“ฉันเป็นนักดาบเรเปียร์ ตอนนี้ฉันมีฉายาว่า’ลิเลียประกายแสง’อยู่ รู้จักไหม”

 

นักดาบเรเปียร์งั้นเหรอ

ดูเหมือนว่าอาชีพที่อยู่สูงกว่านักดาบเรเปียร์ก็คือเจ้าหญิงแห่งดาบ

 

ดังนั้นหมายความว่า

 

“ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากลิเลียเลย”

“หมายความว่ายังไงกันยะ!?”

 

ทุกๆชั้นในดันเจี้ยนจะมีวงเวทเคลื่อนย้ายติดตั้งเอาไว้อยู่ เพื่อให้กลับมาบนพื้นดินได้

 

โดยมันสามารถย้ายไปที่ชั้นที่เคยไปมาแล้วได้ และกลับมาบนพื้นดินจากชั้นนั้นได้

 

“นั่นค่อนข้างจะสะดวกเลย”

“ใช่แล้ว ดังนั้นถ้าพวกเรารู้สึกเหนื่อย ฉันแนะนำให้กลับไปบนพื้นดิน และพักผ่อนนะ”

 

ลิเลียเกลี้ยกล่อมให้พวกเรากลับไปบนพื้นดิน โดยใช้วงเวทเคลื่อนย้ายที่ติดตั้งเอาไว้ที่ทางเข้าชั้นสอง 

 

ดังนั้นพวกเราจึงได้กลับไปที่ดันเขี้ยนชั้นหนึ่งซึ่งมีผู้คนอยู่มากมาย

 

และครั้งต่อไปพวกเราไม่จำเป็นต้องผ่านชั้นแรกอีกครั้ง พวกเราสามารถเริ่มชั้นที่สองได้ทันที

 

หรือก็คือพวกเราใช้เวลาแค่ 6 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงชั้นที่สอง

ตามที่ได้ยินมา ที่นี่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก

 

ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยถึงจะได้ต่อสู้กับชุดเกราะมีชีวิตที่แข็งแกร่ง

 

“พวกเธอทั้งสองคนลงไปถึงชั้นอะไรแล้ว?”

“ฉันไปถึงชั้นที่สิบสองแล้ว”

“ฉันถึงชั้นที่สิบสี่”

“ถ้างั้น พวกเราสามารถเคลื่อนย้ายไปที่ชั้นนั้นพร้อมกันเลยได้ไหม?”

 

ทั้งคู่ส่ายหัว

 

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้ คนที่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ต้องเป็นคนที่เคยไปถึงชั้นนั้นมาก่อนเท่านั้น”

“ฉ-ฉันสามารถเริ่มที่ชั้น 14 ได้…แต่ว่าฉันอยากช่วยนาย”

“ไม่ เธอไม่ต้องไปกับเราก็ได้นะไรนะซัง?”

“หา- ไม่ แต่ว่า…ถ้าจะพูดแบบนั้นลิเลียก็เช่นกัน…!”

“ฉันต้องแนะนำคุณอาเรลไง ถ้าหากมีใครเข้ามาติดต่อกับเขาโดยตรง เราก็จะเสียเขาไป”

“อร๊ายยยย”

 

ไรนะกระแอ่มในลำคอด้วยความไม่พอใจ

 

(……..ช่วยอ่านบรรยากาศหน่อยสิ? ฉันต้องการอยู่กับคุณอาเรลตามลำพัง เพียงแค่สองคนเข้าใจไหม)

 

แม้ไม่ได้ยินเสียงนั้น แต่ว่าผมก็เข้าใจสิ่งที่ลิเลียพูดกับตัวเองได้

ให้ตายเหอะ

ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้

 

ฉันยินดีนะ ถ้าหากไรนะจะไปด้วยกัน

“ฟู่~ อา~ !?”

 

ไรนะส่งเสียงแปลกๆออกมา

 

“อะ-อะ-อะ-อะไร-…..น-นาย จ-จะแกล้งฉันไปถึงไหน…!?”

“? ผมไม่ได้จะแกล้งนะ”

 

ทำไมเธอถึงหน้าแดงกันนะ?

 

Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+