[นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu 43 งานเลี้ยงอำลา ค่ายวันเดียว (ตอนปลาย)

Now you are reading [นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu Chapter 43 งานเลี้ยงอำลา ค่ายวันเดียว (ตอนปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แล้ว จู่ ๆ มือถือก็สั่น

พอเอาขึ้นมาดู ก็เป็นข้อความบางอย่างจากรุ่นพี่โทวโกะ

ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ห่างกันไปแค่ 5 เมตร

ผมเปิดดูข้อความ

 

 

 

(โทวโกะ) ขากลับให้ฉันนั่งรถเธอนะ

 

(ยูว) ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ว่ามันจะไม่ผิดสังเกตหรอครับ?

(ยูว) ตอนขามาก็มารถของรุ่นพี่คาโมกุระอยู่นี่ครับ?

 

(โทวโกะ) เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก คาซุมิจะไปคุยให้เอง

(โทวโกะ) วันนี้เทตซึยะดูดึงดันน่ะ เพราะงั้นขากลับฉันไม่อยากนั่งรถเทตซึยะเลยค่ะ!

 

 

 

—— สรุปก็คือวันนี้ คาโมกุระพยายามดึงดันจะลากรุ่นพี่โทวโกะไปที่ไหนสักแห่ง ว่างั้นสินะ ——

 

ข้างในผมรู้สึกถึงความโกรธอย่างอธิบายไม่ถูกที่ลุกโชนขึ้นมา

จะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนั้นได้เด็ดขาด!

 

(ยูว) เข้าใจแล้วครับ ขากลับกรุณาขึ้นรถของผมเถอะครับ ให้ผมเอ่ยปากชวนรุ่นพี่โทวโกะดีไหมครับ?

 

ถ้าถึงยามคับขัน ต่อให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะความแตกยังไง ผมจะพารุ่นพี่โทวโกะกลับด้วยให้ได้!

 

(โทวโกะ) ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะให้คาซุมิเป็นคนเอ่ยปากชวนให้เอง

 

ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร แต่เถียงไปตรงนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้

อีกอย่างในที่ที่ทุกคนอยู่ ถ้าผมกับรุ่นพี่โทวโกะเล่นมือถือกันนาน ๆ สองคนล่ะก็ ใครสักคนอาจจะนึกผิดปกติขึ้นมาก็เป็นได้

 

(ยูว) เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นไว้พบกันครับ

 

พอบอกอย่างนั้นก็ปิดมือถือ

 

—— แม่งเอ้ย ไอ้คาโมกุระ! ——

 

แต่ทว่าในสาธารณะ คาโมกุระก็เป็นแฟนหนุ่มของรุ่นพี่โทวโกะ ส่วนผมเป็นคนนอก

เวลาแบบนี้ กลับเคลื่อนไหวโจ่งแจ้งไม่ได้ ทำเอาใจอยู่ไม่สุข

 

—— แต่ว่า หากเกิดอะไรขึ้นไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็จะปกป้องรุ่นพี่โทวโกะไว้ ——

 

ผมตั้งใจไว้อย่างนั้น

 

 

 

ถัดจากไก่ย่างกับซุปมิเนสโตรเน่ ของหวานที่นำออกมาเป็นโยเกิร์ตผสมผลไม้กระป๋องเองก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

ด้วยอย่างนี้จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาอย่างเท่าเทียมกัน

ถึงจะรำคาญที่ถูกคาเรนมา ‘แสดงตัวว่าแฟนสาวน่ะคือชั้น’ อย่างไม่สบอารมณ์เป็นครั้งคราวก็เถอะ

 

หลังจากบาร์บีคิวเสร็จ ก็เล่นจานร่อนบ้าง วอลเล่ย์บอลบ้างเล็กน้อย

ถึงขว้างจับจานร่อนจะเป็นเฉพาะของผู้ชาย แต่ก็น่าตื่นเต้นพอสมควร

จากนั้นตัวกวนก็โผเข้ามาคนนึง

 

“คาเรนเล่นด้วยสิ~”

 

การขว้างจับจานร่อน จะมีคนนึงขว้าง ส่วนหกคนก็จะวิ่งไล่จับด้วยมือเดียว

แน่นอนว่า คาเรนซึ่งเป็นผู้หญิง ไม่มีหวังชนะเลย

ถึงจะต่อให้คาเรนก็แล้ว ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าแม้แต่จับก็ยังไม่ได้เลย

พูดตามตรง คาเรนเข้ามาทำให้เสียหมด

 

“มาเล่นวอลเลย์บอลกันไหมครับ? จะได้เล่นด้วยกันกับผู้หญิงคนอื่นได้ด้วย”

 

ผมเสนอไปอย่างนั้น

เราเรียกผู้หญิงที่ดูอยู่รอบ ๆ แล้วก็เล่นเกมที่ได้ทั้งชายหญิงอย่าง ‘เดาะกันได้กี่ครั้ง’ กันอย่างรักใคร่กลมเกลียว

 

 

 

ในที่สุดก็ได้เวลากลับ

ตอนที่ผมกำลังนึกเป็นห่วงรุ่นพี่โทวโกะ และกำลังเก็บอุปกรณ์ทำบาร์บีคิวอยู่นั้น คุณคาซุมิก็มาพร้อมกับรุ่นพี่โทวโกะ

 

“อิชชิกิคุง รถของเธอเนี่ยมินิวากอนใช่มั้ยนะ?”

 

จุดหนึ่งคุณคาซุมิก็มาถามด้วยเสียงดัง

 

“ครับ ใช่อยู่หรอกครับ?”

 

“เบาะหลังทำให้เอนราบได้ใช่ไหม?”

 

“ทำได้แน่นอนครับ”

 

ตอนนั้นคุณคาซุมิ ก็เพิ่มเสียงขึ้นไปอีก

พูดอย่างกับให้ทุกคนแถวนั้นได้ยิน

 

“ถ้างั้น ขากลับให้ฉันกับโทวโกะติดรถเธอไปด้วยได้มั้ย? โทวโกะดูเหมือนจะเจ็บหลังน่ะ ถ้าให้นั่งคงจะทรมานแย่เลย”

 

เข้าใจละ เอาอย่างนั้นสินะ

ทั้งผม รุ่นพี่โทวโกะ คุณคาซุมิเอง ทุกคนบ้านก็อยู่ใกล้กัน

อีกอย่างเวลาเจ็บหลัง ก็ต้องเอนตัวนอนเอา

ด้วยรถนั่งของคาโมกุระ ถ้านั่งอยู่บนรถในท่านั่งเป็นเวลานาน ๆ ต้องทรมานน่าดู

 

“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมให้ ทั้งสองคนมาขึ้นรถผมได้เลยครับ”

 

ผมเองก็ตอบอย่างนั้นด้วยเสียงดัง

ตอนนั้นเอง คาโมกุระก็โผเข้ามาหาด้วยหน้าเปลี่ยนสี

 

“เฮ้ย พูดอะไรเห็นแก่ตัวอย่างนั้น? มาก็มาด้วยกัน โทวโกะน่ะกลับกับผมเอง”

 

ผมจ้องไปที่คาโมกุระ

อย่างกับจะยอมให้ทำอะไรตามใจแกไปได้ตลอดเถอะ

 

“รุ่นพี่โทวโกะดูเจ็บหลังอยู่นะครับ ถ้าเป็นรถโดยสารจะยิ่งทำให้ปวดหลังยิ่งแย่ลงไปอีกได้นะครับ เรื่องนั้น ถ้าเป็นรถมินิวากอนของผมที่เบาะหลังปรับให้ราบได้ ก็จะกลับในท่าเอนนอนได้ แบบนั้นแรงที่กระทบกับหลังก็จะน้อยด้วยครับ”

 

“รถของผมเองพับเบาะที่นั่งเอา แบบนั้นก็ได้นี่”

 

“ก็เพราะคิดว่าแบบนั้นมันจะเจ็บ คุณคาซุมิถึงได้บอกว่าเป็นรถผมดีกว่าไม่ใช่หรอครับ?”

 

ทุกคนมารวมตัวกันว่า ‘ส่งเสียงอะไรกัน’

ในกลุ่มนั้นคุณคาซุมิก็ก้าวออกมาข้างหน้า

 

“คุณคาโมกุระ โทวโกะบอกว่าเจ็บหลังมากเลยน่ะ แล้วก็บอกว่าจากนี้ถ้าต้องนั่งรถโดยสารกลับไม่รู้กี่ชั่วโมงคงจะทนไม่ไหวแน่ เพราะงั้นฉันถึงได้ขอร้องอิชชิกิคุงน่ะ”

 

แต่ว่าคาโมกุระเองก็ไม่ยอมถอย

 

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นแฟนของโทวโกะ เรื่องนั้นผมจะดูแลให้ดีระหว่างกลับ ถ้าโทวโกะเจ็บจนทนไม่ไหวล่ะก็ ค่อยพักระหว่างทางกลับก็ได้ เพราะอย่างนั้นผมควรจะเป็นคนพาโทวโกะกลับบ้านเอง”

 

ไอเวรนี่ ทั้ง ๆ ที่เธอบ่นปวดหลังแบบนี้ ยังคิดจะพาเธอไปที่ไหนอีกเรอะ?

 

“โทวโกะน่ะ บอกกับที่บ้านแล้วว่าจะกลับมาวันนี้ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ดูเหมือนจะมีธุระด้วย จะให้ไปพักที่ไหนเนี่ย ไม่ได้ใส่ใจความสะดวกของโทวโกะเลยนะคะ?”

 

ตรงนั้นเอง รุ่นพี่นากาซากิชั้นปีสามก็มาด้วย

เขาอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่อยู่คนละเอกกับพวกเรา ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า

เป็นประธานของชมรมนี้

 

“เห้ย คาโมกุระ คุณโทวโกะบอกว่าเจ็บหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้อย่าฝืนนักเลย ให้กลับบ้านท่านอนกับรถอิชชิกิก็ได้นี่”

 

“แต่ว่ามัน…”

 

“ในฐานะแฟนก็คงจะเป็นห่วงอยู่หรอก แต่คุณคาซุมิบอกว่าจะไปด้วยกันนะ ไม่มีปัญหาหรอก”

 

นอกจากนี้ึคาโมกุระก็จ้องมาที่พวกเราอยู่พักหนึ่ง

ท้ายที่สุดคุณนากาซากิก็พูด

 

“ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นล่ะก็ คาโมกุระ แกก็ขับตามหลังรถอิชชิกิไปก็ได้นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็โทรไปหาเขาก็ได้”

 

“เข้าใจแล้ว นากาซากิ ไม่ได้เป็นห่วงถึงขนาดนั้นซะหน่อย”

 

คาโมกุระ ในตอนท้ายก็จ้องมาที่ผมอีกครั้งนึง แล้วก็ไปจากตรงนั้น

 

 

 

“อย่างนี้นี่เอง เป็นมาอย่างนั้นสินะ”

 

ในรถระหว่างกลับ คนที่ว่าก็คืออิชิดะ

สุดท้ายแล้ว รถของผมก็มีผมกับอิชิดะ แล้วก็รุ่นพี่โทวโกะกับคุณคาซุมินั่งกันอยู่

 

“โธ่เอ้ย คุณคาโมกุระเนี่ย ไม่นึกว่าจะหมกมุ่นถึงขนาดนี้เลยเนอะ”

 

คุณคาซุมิประหลาดใจพลางยิ้มเหมือนแกล้ง

 

“เทตสึยะน่ะเป็นพวกที่พอตัวเองได้พูดครั้งนึงแล้วล่ะก็ ไม่ยอมถอยง่าย ๆ เลย จะดึงดันความคิดของตัวเองไปให้ถึงที่สุดเลยล่ะ”

 

“ครั้งนี้ผมเองก็ ไม่คิดจะถอยเหมือนกันนะครับ”

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้

 

“ก็เพราะรู้อย่างนั้นไง ชั้นเลยเข้าไปแทรกน่ะ เพราะอิชชิกิคุงเองนี่ก็แสดงทีท่าจะสู้แบบไม่เหมือนปกติเลยล่ะนะ”

 

คุณคาซุมิพูดไปหัวเราะไป

ตัวเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โจ่งแจ้งขนาดนั้น แต่คนรอบข้างเขาดูออกขนาดนั้นเลยหรอ?

ว่าก็ว่าไป อนาคตข้างหน้าต้องลำบากแน่เชียว

สุดท้ายรุ่นพี่โทวโกะก็สรุป

 

“แต่ว่าช่วยได้มากจริง ๆ วันนี้เทตสึยะค่อนข้างดึงดัน ฉันเองก็กลัวเหมือนกันค่ะ ต้องขอบคุณคาซุมิกับอิชชิกิคุงที่ช่วยไว้ได้เลยค่ะ”

 

ว่าอย่างนั้นก็ก้มหัวลงเล็กน้อย

คุณคาซุมิก็ลูบหัวรุ่นพี่โทวโกะตอนนั้นเบา ๆ ประมาณว่า ‘โอ๋ ๆ นะ’

 

“ไม่เป็นไร! ให้เป็นหน้าที่ชั้นเถอะ ไม่ปล่อยให้โทวโกะเป็นเหยื่อของผู้ชายใจคดอย่างนั้นหรอกนะ!”

 

“อิชชิกิคุง ขอบคุณจริง ๆ นะ ตอนที่ปกป้องฉันให้ ดีใจมากเลยล่ะ”

 

เธอกระซิบข้างหูเบา ๆ

คำพูดนั้น รู้สึกเหมือนจะแฝงความเร่าร้อนอยู่ยังไง หรือเราคิดไปเองกันนะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu 43 งานเลี้ยงอำลา ค่ายวันเดียว (ตอนปลาย)

Now you are reading [นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu Chapter 43 งานเลี้ยงอำลา ค่ายวันเดียว (ตอนปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แล้ว จู่ ๆ มือถือก็สั่น

พอเอาขึ้นมาดู ก็เป็นข้อความบางอย่างจากรุ่นพี่โทวโกะ

ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ห่างกันไปแค่ 5 เมตร

ผมเปิดดูข้อความ

 

 

 

(โทวโกะ) ขากลับให้ฉันนั่งรถเธอนะ

 

(ยูว) ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ว่ามันจะไม่ผิดสังเกตหรอครับ?

(ยูว) ตอนขามาก็มารถของรุ่นพี่คาโมกุระอยู่นี่ครับ?

 

(โทวโกะ) เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก คาซุมิจะไปคุยให้เอง

(โทวโกะ) วันนี้เทตซึยะดูดึงดันน่ะ เพราะงั้นขากลับฉันไม่อยากนั่งรถเทตซึยะเลยค่ะ!

 

 

 

—— สรุปก็คือวันนี้ คาโมกุระพยายามดึงดันจะลากรุ่นพี่โทวโกะไปที่ไหนสักแห่ง ว่างั้นสินะ ——

 

ข้างในผมรู้สึกถึงความโกรธอย่างอธิบายไม่ถูกที่ลุกโชนขึ้นมา

จะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนั้นได้เด็ดขาด!

 

(ยูว) เข้าใจแล้วครับ ขากลับกรุณาขึ้นรถของผมเถอะครับ ให้ผมเอ่ยปากชวนรุ่นพี่โทวโกะดีไหมครับ?

 

ถ้าถึงยามคับขัน ต่อให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะความแตกยังไง ผมจะพารุ่นพี่โทวโกะกลับด้วยให้ได้!

 

(โทวโกะ) ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะให้คาซุมิเป็นคนเอ่ยปากชวนให้เอง

 

ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร แต่เถียงไปตรงนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้

อีกอย่างในที่ที่ทุกคนอยู่ ถ้าผมกับรุ่นพี่โทวโกะเล่นมือถือกันนาน ๆ สองคนล่ะก็ ใครสักคนอาจจะนึกผิดปกติขึ้นมาก็เป็นได้

 

(ยูว) เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นไว้พบกันครับ

 

พอบอกอย่างนั้นก็ปิดมือถือ

 

—— แม่งเอ้ย ไอ้คาโมกุระ! ——

 

แต่ทว่าในสาธารณะ คาโมกุระก็เป็นแฟนหนุ่มของรุ่นพี่โทวโกะ ส่วนผมเป็นคนนอก

เวลาแบบนี้ กลับเคลื่อนไหวโจ่งแจ้งไม่ได้ ทำเอาใจอยู่ไม่สุข

 

—— แต่ว่า หากเกิดอะไรขึ้นไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็จะปกป้องรุ่นพี่โทวโกะไว้ ——

 

ผมตั้งใจไว้อย่างนั้น

 

 

 

ถัดจากไก่ย่างกับซุปมิเนสโตรเน่ ของหวานที่นำออกมาเป็นโยเกิร์ตผสมผลไม้กระป๋องเองก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

ด้วยอย่างนี้จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาอย่างเท่าเทียมกัน

ถึงจะรำคาญที่ถูกคาเรนมา ‘แสดงตัวว่าแฟนสาวน่ะคือชั้น’ อย่างไม่สบอารมณ์เป็นครั้งคราวก็เถอะ

 

หลังจากบาร์บีคิวเสร็จ ก็เล่นจานร่อนบ้าง วอลเล่ย์บอลบ้างเล็กน้อย

ถึงขว้างจับจานร่อนจะเป็นเฉพาะของผู้ชาย แต่ก็น่าตื่นเต้นพอสมควร

จากนั้นตัวกวนก็โผเข้ามาคนนึง

 

“คาเรนเล่นด้วยสิ~”

 

การขว้างจับจานร่อน จะมีคนนึงขว้าง ส่วนหกคนก็จะวิ่งไล่จับด้วยมือเดียว

แน่นอนว่า คาเรนซึ่งเป็นผู้หญิง ไม่มีหวังชนะเลย

ถึงจะต่อให้คาเรนก็แล้ว ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าแม้แต่จับก็ยังไม่ได้เลย

พูดตามตรง คาเรนเข้ามาทำให้เสียหมด

 

“มาเล่นวอลเลย์บอลกันไหมครับ? จะได้เล่นด้วยกันกับผู้หญิงคนอื่นได้ด้วย”

 

ผมเสนอไปอย่างนั้น

เราเรียกผู้หญิงที่ดูอยู่รอบ ๆ แล้วก็เล่นเกมที่ได้ทั้งชายหญิงอย่าง ‘เดาะกันได้กี่ครั้ง’ กันอย่างรักใคร่กลมเกลียว

 

 

 

ในที่สุดก็ได้เวลากลับ

ตอนที่ผมกำลังนึกเป็นห่วงรุ่นพี่โทวโกะ และกำลังเก็บอุปกรณ์ทำบาร์บีคิวอยู่นั้น คุณคาซุมิก็มาพร้อมกับรุ่นพี่โทวโกะ

 

“อิชชิกิคุง รถของเธอเนี่ยมินิวากอนใช่มั้ยนะ?”

 

จุดหนึ่งคุณคาซุมิก็มาถามด้วยเสียงดัง

 

“ครับ ใช่อยู่หรอกครับ?”

 

“เบาะหลังทำให้เอนราบได้ใช่ไหม?”

 

“ทำได้แน่นอนครับ”

 

ตอนนั้นคุณคาซุมิ ก็เพิ่มเสียงขึ้นไปอีก

พูดอย่างกับให้ทุกคนแถวนั้นได้ยิน

 

“ถ้างั้น ขากลับให้ฉันกับโทวโกะติดรถเธอไปด้วยได้มั้ย? โทวโกะดูเหมือนจะเจ็บหลังน่ะ ถ้าให้นั่งคงจะทรมานแย่เลย”

 

เข้าใจละ เอาอย่างนั้นสินะ

ทั้งผม รุ่นพี่โทวโกะ คุณคาซุมิเอง ทุกคนบ้านก็อยู่ใกล้กัน

อีกอย่างเวลาเจ็บหลัง ก็ต้องเอนตัวนอนเอา

ด้วยรถนั่งของคาโมกุระ ถ้านั่งอยู่บนรถในท่านั่งเป็นเวลานาน ๆ ต้องทรมานน่าดู

 

“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมให้ ทั้งสองคนมาขึ้นรถผมได้เลยครับ”

 

ผมเองก็ตอบอย่างนั้นด้วยเสียงดัง

ตอนนั้นเอง คาโมกุระก็โผเข้ามาหาด้วยหน้าเปลี่ยนสี

 

“เฮ้ย พูดอะไรเห็นแก่ตัวอย่างนั้น? มาก็มาด้วยกัน โทวโกะน่ะกลับกับผมเอง”

 

ผมจ้องไปที่คาโมกุระ

อย่างกับจะยอมให้ทำอะไรตามใจแกไปได้ตลอดเถอะ

 

“รุ่นพี่โทวโกะดูเจ็บหลังอยู่นะครับ ถ้าเป็นรถโดยสารจะยิ่งทำให้ปวดหลังยิ่งแย่ลงไปอีกได้นะครับ เรื่องนั้น ถ้าเป็นรถมินิวากอนของผมที่เบาะหลังปรับให้ราบได้ ก็จะกลับในท่าเอนนอนได้ แบบนั้นแรงที่กระทบกับหลังก็จะน้อยด้วยครับ”

 

“รถของผมเองพับเบาะที่นั่งเอา แบบนั้นก็ได้นี่”

 

“ก็เพราะคิดว่าแบบนั้นมันจะเจ็บ คุณคาซุมิถึงได้บอกว่าเป็นรถผมดีกว่าไม่ใช่หรอครับ?”

 

ทุกคนมารวมตัวกันว่า ‘ส่งเสียงอะไรกัน’

ในกลุ่มนั้นคุณคาซุมิก็ก้าวออกมาข้างหน้า

 

“คุณคาโมกุระ โทวโกะบอกว่าเจ็บหลังมากเลยน่ะ แล้วก็บอกว่าจากนี้ถ้าต้องนั่งรถโดยสารกลับไม่รู้กี่ชั่วโมงคงจะทนไม่ไหวแน่ เพราะงั้นฉันถึงได้ขอร้องอิชชิกิคุงน่ะ”

 

แต่ว่าคาโมกุระเองก็ไม่ยอมถอย

 

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นแฟนของโทวโกะ เรื่องนั้นผมจะดูแลให้ดีระหว่างกลับ ถ้าโทวโกะเจ็บจนทนไม่ไหวล่ะก็ ค่อยพักระหว่างทางกลับก็ได้ เพราะอย่างนั้นผมควรจะเป็นคนพาโทวโกะกลับบ้านเอง”

 

ไอเวรนี่ ทั้ง ๆ ที่เธอบ่นปวดหลังแบบนี้ ยังคิดจะพาเธอไปที่ไหนอีกเรอะ?

 

“โทวโกะน่ะ บอกกับที่บ้านแล้วว่าจะกลับมาวันนี้ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ดูเหมือนจะมีธุระด้วย จะให้ไปพักที่ไหนเนี่ย ไม่ได้ใส่ใจความสะดวกของโทวโกะเลยนะคะ?”

 

ตรงนั้นเอง รุ่นพี่นากาซากิชั้นปีสามก็มาด้วย

เขาอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่อยู่คนละเอกกับพวกเรา ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า

เป็นประธานของชมรมนี้

 

“เห้ย คาโมกุระ คุณโทวโกะบอกว่าเจ็บหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้อย่าฝืนนักเลย ให้กลับบ้านท่านอนกับรถอิชชิกิก็ได้นี่”

 

“แต่ว่ามัน…”

 

“ในฐานะแฟนก็คงจะเป็นห่วงอยู่หรอก แต่คุณคาซุมิบอกว่าจะไปด้วยกันนะ ไม่มีปัญหาหรอก”

 

นอกจากนี้ึคาโมกุระก็จ้องมาที่พวกเราอยู่พักหนึ่ง

ท้ายที่สุดคุณนากาซากิก็พูด

 

“ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นล่ะก็ คาโมกุระ แกก็ขับตามหลังรถอิชชิกิไปก็ได้นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็โทรไปหาเขาก็ได้”

 

“เข้าใจแล้ว นากาซากิ ไม่ได้เป็นห่วงถึงขนาดนั้นซะหน่อย”

 

คาโมกุระ ในตอนท้ายก็จ้องมาที่ผมอีกครั้งนึง แล้วก็ไปจากตรงนั้น

 

 

 

“อย่างนี้นี่เอง เป็นมาอย่างนั้นสินะ”

 

ในรถระหว่างกลับ คนที่ว่าก็คืออิชิดะ

สุดท้ายแล้ว รถของผมก็มีผมกับอิชิดะ แล้วก็รุ่นพี่โทวโกะกับคุณคาซุมินั่งกันอยู่

 

“โธ่เอ้ย คุณคาโมกุระเนี่ย ไม่นึกว่าจะหมกมุ่นถึงขนาดนี้เลยเนอะ”

 

คุณคาซุมิประหลาดใจพลางยิ้มเหมือนแกล้ง

 

“เทตสึยะน่ะเป็นพวกที่พอตัวเองได้พูดครั้งนึงแล้วล่ะก็ ไม่ยอมถอยง่าย ๆ เลย จะดึงดันความคิดของตัวเองไปให้ถึงที่สุดเลยล่ะ”

 

“ครั้งนี้ผมเองก็ ไม่คิดจะถอยเหมือนกันนะครับ”

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้

 

“ก็เพราะรู้อย่างนั้นไง ชั้นเลยเข้าไปแทรกน่ะ เพราะอิชชิกิคุงเองนี่ก็แสดงทีท่าจะสู้แบบไม่เหมือนปกติเลยล่ะนะ”

 

คุณคาซุมิพูดไปหัวเราะไป

ตัวเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โจ่งแจ้งขนาดนั้น แต่คนรอบข้างเขาดูออกขนาดนั้นเลยหรอ?

ว่าก็ว่าไป อนาคตข้างหน้าต้องลำบากแน่เชียว

สุดท้ายรุ่นพี่โทวโกะก็สรุป

 

“แต่ว่าช่วยได้มากจริง ๆ วันนี้เทตสึยะค่อนข้างดึงดัน ฉันเองก็กลัวเหมือนกันค่ะ ต้องขอบคุณคาซุมิกับอิชชิกิคุงที่ช่วยไว้ได้เลยค่ะ”

 

ว่าอย่างนั้นก็ก้มหัวลงเล็กน้อย

คุณคาซุมิก็ลูบหัวรุ่นพี่โทวโกะตอนนั้นเบา ๆ ประมาณว่า ‘โอ๋ ๆ นะ’

 

“ไม่เป็นไร! ให้เป็นหน้าที่ชั้นเถอะ ไม่ปล่อยให้โทวโกะเป็นเหยื่อของผู้ชายใจคดอย่างนั้นหรอกนะ!”

 

“อิชชิกิคุง ขอบคุณจริง ๆ นะ ตอนที่ปกป้องฉันให้ ดีใจมากเลยล่ะ”

 

เธอกระซิบข้างหูเบา ๆ

คำพูดนั้น รู้สึกเหมือนจะแฝงความเร่าร้อนอยู่ยังไง หรือเราคิดไปเองกันนะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+