ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 105 สองร้อยเจ็ดสิบ

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 105 สองร้อยเจ็ดสิบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 สองร้อยเจ็ดสิบ

ในกล่องหยก มียาลูกกลอนที่กำลังละลายอยู่เม็ดหนึ่ง รวมไปถึงตัวยาน้ำกว่าครึ่งกล่องนั่น ส่งกลิ่นหอมคลุ้งไปทั้งถ้ำในพริบตา

สวี่ชิงไม่รู้ว่าลูกกลอนวาฬวิญญาณคืออะไร แต่เขาเข้าใจสมุนไพร เวลานี้หลังจากดมไปครั้งหนึ่ง ความคิดก็เกิดการแยกแยะส่วนประกอบที่อยู่ด้านในทันที

“ดอกป้านเฟิง ใบร้อยหญ้า เมล็ดซูเหอ… แล้วก็ยังมีกลิ่นชิงเซียง บัวหลิงเซียว” สวี่ชิงพึมพำ มือขวายกขึ้นเหมือนจะพัดกลิ่นหอมส่งเข้าจมูกเพื่อดมอย่างละเอียด

“และยังมีตมทองสมุทรด้วย!”

สวี่ชิงสายตาเปลี่ยนเป็นลึกซึ้ง มองไปยังกล่องหยกที่ไม่ห่างออกไปนัก ในใจก็วิเคราะห์ขึ้นมา

ส่วนประกอบยาลูกกลอนนี้ซับซ้อนมาก ยากที่จะรู้ตัวส่วนประกอบตัวยาทั้งหมดได้จากกลิ่น ทำได้แค่พิจารณาตัวยาหลักสำคัญไม่กี่อย่างด้านในเท่านั้น

แต่ว่าด้วยระดับความรู้ด้านวิถีพิษของเขา รวมเข้ากับความรู้ด้านพืชพันธุ์ ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงสรรพคุณส่วนใหญ่ว่าช่วยเรื่องบำรุงเป็นหลัก ถึงอย่างไรทุกสรรพสิ่งก็ล้วนมีพลังวิญญาณระดับหนึ่งแฝงไว้อยู่แล้ว โดยเฉพาะจำพวกพืช

หลักการของยาบำรุง อันที่จริงก็คือนำเอาพลังวิญญาณด้านในพืชพันธุ์คั้นออกมาด้วยวิธีการพิเศษ แล้วทำให้มันกลายเป็นพลังบำเพ็ญที่ผู้บำเพ็ญสามารถดูดซับเข้าไปได้

‘ในยาลูกกลอนนี้ ยังมีตัวยาอีกหลายอย่างที่แฝงกลิ่นคาวเลือดบางส่วนเอาไว้ด้วย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร และชื่อตัวยามีคำว่าวาฬอยู่ด้วย หรือจะเป็นเลือดของอสูรแห่งท้องทะเลกัน’ หลังจากสวี่ชิงครุ่นคิด มือขวาก็ยกขึ้นคว้าอากาศ และกล่องหยกก็ลอยเข้ามา ร่อนลงในมือของเขา

‘ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ถ้าแค่กระตุ้นความเร็วการละลายของมัน ก็น่าจะพอทำได้’ สวี่ชิงหรี่ตาลง ล้วงเอาสมุนไพรส่วนหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ หลังจากครุ่นคิดก็เริ่มจัดเตรียมให้เข้าชุด แล้วใส่เข้าไปในกล่องหยก

เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม ฟ้าราตรีด้านนอกมาเยือนอีกครั้ง ลมหิมะก็เหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อวาน ปกคลุมผืนดินจนกลบร่องรอยทั้งหมดบนพื้นดินไป และปิดคลุมถ้ำที่สวี่ชิงเลือกมาแห่งนี้จนมิด

มีเพียงเสียงลมครืนครันที่หิมะไม่อาจปิดกั้นได้สมบูรณ์ ลอดเข้ามารางๆ จากทางเข้า ขณะสะท้อนก้องที่หูสวี่ชิง เขาก็ลืมตาขึ้นมองไปยังกล่องหยกตรงหน้า

ยาลูกกลอนที่เดิมทีละลายไปกว่าครึ่งแล้วเม็ดนั้น เวลานี้หายไปจนหมดแล้ว ละลายลงอย่างสมบูรณ์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวยาน้ำ และตัวยาน้ำนี้มีสีใสแจ่มชัดมาก กลิ่นยาที่เข้มข้นก็เปลี่ยนเป็นเจือจางลง

มองตัวยาน้ำ จากนั้นสวี่ชิงก็ยกขึ้นมาดื่มทันที

พริบตาที่ตัวยาน้ำไหลจากคอหอยลงไปในท้อง ความร้อนที่ยากจะพรรณนาวูบหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาจากในร่างกายเขาฉับพลัน คลื่นความร้อนนี้ตรงกันข้ามกับความหนาวเย็นด้านนอกอย่างชัดเจน เวลานี้ราวกับจะระเบิดออก แผ่ซ่านไปยังชีพจรทุกเส้นทั่วร่างสวี่ชิง และหล่อเลี้ยงเข้าสู่ในเลือดเนื้อ

เหมือนกับว่าร่างกายเองก็ล้วนสูดรับเข้าไป สูดรับพลังวิญญาณของตัวยาน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายในเวลานี้

สวี่ชิงร่างสั่นเทิ้ม ดวงตามีประกายประหลาด เขาสัมผัสได้ถึงสรรพคุณยาที่น่าตกตะลึงของยาลูกกลอนเม็ดนี้ และรู้สึกเชื่อถือคำพูดของบรรพจารย์สำนักวัชระมากขึ้น

โดยเฉพาะการต้านทานพิษของร่างกายแต่เดิม ทำให้เขาเวลานี้กระตุ้นคัมภีร์แปรสมุทรออกมาอย่างสุดกำลังโดยไม่ลังเล พริบตานั้น ทะเลวิญญาณเก้าสิบเจ็ดจั้งในร่างกายเขาที่ได้รับมาตอนทะลวงขั้นเก้าด้านนอกเกาะกิ้งก่าทะเลระเบิดขึ้นในเวลานี้

จากเก้าสิบเจ็ดจั้งขยายไปถึงเก้าสิบแปดจั้ง!

ยังไม่สิ้นสุด ทะเลวิญญาณยังคงขยายต่อเนื่องภายใต้การสนับสนุนของพลังวิญญาณจากตัวยาน้ำนี้ เพียงพริบตาก็ไปถึงเก้าสิบเก้า ไปถึง…หนึ่งร้อยจั้ง!

พริบตาที่ไปถึงหนึ่งร้อยจั้ง ในดวงตาสวี่ชิงระเบิดแสงม่วงแยงตาออกมา การหายใจของเขาหอบถี่เล็กน้อย ร้อยจั้งของทะเลวิญญาณทำให้คัมภีร์แปรสมุทรของเขาทะลวงขั้น จากขั้นเก้ายกระดับสู่ขั้นที่สิบ!

ไปถึงขีดจำกัดของศิษย์ส่วนใหญ่ที่เรียนวิชาจากคัมภีร์แปรสมุทร!

คัมภีร์แปรสมุทรแบ่งออกเป็นสิบขั้น ในทุกขั้นล้วนมีการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณมหาศาล มีพลังสะกดกลิ่นอายทะเลต้องห้ามที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พลานุภาพและพลังแฝงของมันมีมากกว่าพรรคเล็กสำนักน้อยอยู่มาก พูดได้ว่าเป็นหนึ่งในวิชาระดับสูง

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมศิษย์ยอดเขาลำดับเจ็ดจึงแข็งแกร่ง

แต่มันก็มีขีดจำกัด ขั้นหนึ่งทะเลวิญญาณสิบจั้ง ขั้นสิบทะเลวิญญาณร้อยจั้ง นี่เป็นขีดจำกัดของวิชา แต่ขีดจำกัดนี้ก็ใช่ว่าจะคงที่!

อันที่จริงบางครั้งก็มีศิษย์ที่สามารถทลายขีดจำกัดนี้ได้ ยกระดับทะเลวิญญาณไปยังระดับที่ยิ่งใหญ่กว่า เพียงแต่ว่าคนเช่นนี้มีอยู่น้อยมาก ต่อให้มี ส่วนใหญ่ก็เพิ่มได้อีกประมาณสี่สิบห้าสิบจั้งเท่านั้น

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ คนที่สามารถทะลวงขีดจำกัดได้ก็ล้วนเป็นผู้ที่โดดเด่นทั้งสิ้น

และสวี่ชิงตอนแรกก็วิเคราะห์ไว้แล้ว ข้อจำกัดการฝึกบำเพ็ญคัมภีร์แปรสมุทรของศิษย์จนกลายเป็นขีดจำกัดขึ้นมาก็คือไอพลังประหลาด!

ผู้บำเพ็ญขณะฝึกบำเพ็ญ ไอพลังประหลาดในร่างกายจะเพิ่มขึ้นไม่หยุด สะสมเข้าทุกวันคืน ต่อให้มียาลูกกลอนคอยกำจัดไปบ้าง แต่นั่นก็แก้ไม่ตรงจุด

หลังจากผ่านวันคืนอันยาวนาน ในที่สุดก็จะมีไอพลังประหลาดหยั่งรากลึกมั่นคง สวี่ชิงพิจารณาว่ายิ่งมีไอพลังประหลาดมากเท่าไร ขีดจำกัดของคัมภีร์แปรสมุทรก็จะยิ่งมั่นคงขึ้นไปอีก

แต่ในตัวเขานี้…ร่างกายไม่มีไอพลังประหลาด

‘ที่ส่งผลกระทบกับขอบเขตทะเลวิญญาณของข้า ไม่ใช่ไอพลังประหลาด แต่อยู่ที่ขีดจำกัดที่ร่างกายของข้ารับไหว’

ในดวงตาสวี่ชิงเปล่งประกายสีม่วง สัมผัสถึงพลังวิญญาณสรรพคุณยาที่ยังคงปะทุอยู่ในร่างกายเวลานี้ ในใจรู้สึกตกตะลึงอย่างมากต่อยาลูกกลอนที่บรรพจารย์สำนักวัชระเตรียมไว้เม็ดนี้มาก

‘ลูกกลอนเม็ดนี้ สำหรับบรรพจารย์สำนักวัชระแล้ว จะต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมากแน่นอน…’

สวี่ชิงคิดถึงจุดนี้ ในดวงตาเผยความเด็ดขาดออกมา ไม่ว่าจะอันตรายที่อาจมีอยู่ในสำนักถัดจากนี้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะความกระหายของตัวเขาเอง ทำให้เขาอยากจะรู้มากว่าทะเลวิญญาณของตนเองสามารถไปได้ถึงขอบเขตใด

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก กระตุ้นคัมภีร์แปรสมุทรอีกครั้ง สูดรับพลังวิญญาณทั้งหมดที่มาจากยาลูกกลอน และกายเนื้อของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน กระทั่งเงาป๋าด้านหลังเวลานี้ก็ยังแปรเปลี่ยน สูดลมหายใจเข้าออกอย่างเต็มกำลังขึ้นมา

โลกภายนอกไม่ได้ยินเสียงครืนครันที่ดังก้องราวกับเป็นคลื่นยักษ์ที่ระเบิดโถมขึ้นมาอยู่ในหัวสวี่ชิง ทะเลวิญญาณในร่างกายเขาขยายขึ้นอีกครั้งในพริบตานี้

หนึ่งร้อยหนึ่ง หนึ่งร้อยสามสิบเอ็ด หนึ่งร้อยหกสิบเอ็ด…

การขยายออกของทะเลวิญญาณน่ากลัวอย่างมาก คืบคลานไปจนถึงระดับสองร้อยสามสิบจั้งตามเวลาที่ไหลผ่าน แต่ยังไม่สิ้นสุด ยังขยายออกไปอีก

การทะลวงขั้นที่น่าตกตะลึงนี้ ทำให้สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ร่างกายมีความแข็งแกร่งของพลานุภาพแผ่ออกมามากกว่าก่อนหน้านี้มาก

กระทั่งก่อตัวเป็นกระแสวน ทำให้ตอนที่สายลมหิมะด้านนอกเข้ามาใกล้ล้วนบิดเบี้ยว และเมื่อมองอย่างละเอียดขอบเขตการบิดเบี้ยวนี้ ก็เหมือนกับพื้นที่ทะเลวิญญาณในร่างกายสวี่ชิงไม่ผิดเพี้ยน สองร้อยสามสิบจั้ง

ยังขยายต่อได้อีก!

สองร้อยสี่สิบจั้ง สองร้อยห้าสิบจั้ง สองร้อยหกสิบจั้ง…

ยาในร่างกายเขาในที่สุดก็เริ่มสลายไปจากการระเบิดออก

ตำแหน่งถ้ำที่สวี่ชิงอยู่ ปรากฏการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึงท่ามกลางสายลมหิมะ ในอาณาเขตสองร้อยกว่าจั้ง ลมพายุพัดกวาดไปทั้งแปดทิศราวกับปรากฎการณ์ประหลาด

ยังดีที่สถานที่ที่เขาเลือกไม่ใช่ทุ่งสีชาด ค่อนข้างห่างไกล รอบด้านไม่มีผู้คน โดยเฉพาะลมพายุขนาดยักษ์ในตอนนี้

ดังนั้น ภาพนี้จึงไม่ถูกพบเห็นโดยผู้ใด

“จากบันทึกของคัมภีร์แปรสมุทร นับตั้งแต่สมัยโบราณ คนที่แข็งแกร่งที่สุดในยอดเขาลำดับเจ็ด ทะเลวิญญาณระดับรวมปราณไปถึงสองร้อยเจ็ดสิบจั้ง…”

สวี่ชิงลืมตา สองมือประกบปางโบกไปทั้งสองด้าน คุณสมบัติตัวยาที่ค่อยๆ สลายไปในร่างกาย ถูกเขาบีบเค้นสุดกำลัง และในปางนี้ พลังวิญญาณที่ผสมปนเปจากที่รกร้างนี้ก็หลั่งทะลักเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

แม้ผสมปนเป ทว่าส่วนที่ถูกสูดรับเข้ามาก็น้อยมาก แต่ในเวลานี้ในฐานะประโยชน์ของผู้ช่วยก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ดังนั้นในพลังวิญญาณรอบด้านที่กำลังหลั่งทะลัก พริบตาที่คุณสมบัติยาในร่างกายเขาสลายไปอย่างรวดเร็ว ทะเลวิญญาณในร่างกายสวี่ชิงก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง

สองร้อยหกสิบสาม สองร้อยหกสิบหก สองร้อยหกสิบเก้า…

จนถึง สองร้อยเจ็ดสิบจั้ง!

อาณาเขตสองร้อยเจ็ดสิบจั้งสั่นสะเทือน ส่งเสียงครืนครันไปทั่วทั้งตัวถ้ำ ลมหิมะสลายหาย พื้นดินพังทลาย ระเบิดแตกออกไปรอบด้าน เผยให้เห็นหลุมลึกขนาดยักษ์รวมไปถึงสวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น!

คลื่นพลังวิญญาณที่น่ากลัวกำลังไหลเวียนอยู่บนตัวเขา ลมหิมะรอบด้านไม่กล้าเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย และเงาป๋าด้านหลังเขาก็แหงนหน้าขึ้นคำราม พลังร้อนแรงในร่างกายยิ่งปะทุมากขึ้น เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

มองเห็นว่ารอยแตกบนตัวเงาป๋ามีมากขึ้น หินหนืดในตัวก็มีสีแดงมากขึ้น คลื่นปราณความร้อนกวาดไปทั่วทิศ จนทำให้ลมหิมะกลายเป็นน้ำฝน และระเหยกลายเป็นไอขาวลอยคุ้งขึ้นฟ้าทันที

และด้านหลังเงาป๋า เหมือนมีสองจุดบวมนูนขึ้นรางๆ ราวกับว่ามีปีกเนื้อกำลังดิ้นรนอยู่ข้างใน คิดจะงอกออกมา

สวี่ชิงลืมตาโพลงจากการเจิดจ้าของแสงม่วง เขาก้มหน้าลงมองร่างกายตนเอง สัมผัสถึงทะเลวิญญาณในร่างกายครู่หนึ่ง กลิ่นอายที่ทำให้ตัวเขาเองก็ยังต้องตกตะลึง กำลังแผ่ซ่านอยู่บนร่างกายเขา

ดวงตาเขาค่อยๆ เผยประกายออกมา

“รวมปราณขั้นบริบูรณ์!”

สวี่ชิงพึมพำ เขาเทียบกับบรรพจารย์สำนักวัชระดู หลังพิจารณาแล้วก็รู้สึกว่าตนเองเวลานี้ไม่จำเป็นต้องโจมตีด้วยความเป็นเทพ ไม่ต้องใช้วิชากับดาบสวรรค์แล้วก็วิถีพิษ เขาก็สามารถสะกดบรรพจารย์สำนักวัชระได้

พอคิดถึงจุดนี้ มือขวาสวี่ชิงก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้า อสูรคอยาวบรรพกาลที่แปลงมาจากวาฬมังกรทะเลต้องห้ามของเขาก็ปรากฏตัวทันที ขยายตัวขึ้นกลางอากาศ หลังจากขยายไปจนถึงสองร้อยเจ็ดสิบจั้ง ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิด ก็หดลงมาอย่างรวดเร็วจนเหลือร้อยจั้ง

และยังมีทะเลวิญญาณในร่างกายเขาที่ถูกหดลงมาด้วย

เพราะความเคยชินของสวี่ชิง ความเฉียบแหลมจะเปิดเผยออกมาหมดจนในพริบตาที่ระเบิดออกมาเท่านั้น

หลังจากแสร้งเก็บพลังลงมา สวี่ชิงจึงลุกขึ้นยืน ในดวงตาเผยประกายดุดัน และมีความคาดหวังเฝ้ารออยู่ลึกๆ

เขารู้สึกว่าทะเลวิญญาณของตนเอง ยังไม่ถึงขีดจำกัด เหมือนว่ายังมีที่เหลืออยู่อีก

“จะเป็นเช่นนี้หรือไม่ หลังจากนี้จะรู้กัน!”

ร่างกายสวี่ชิงโยกไหวและพุ่งออกไปราวสายอัสนี ออกห่างจากที่แห่งนี้ ทะยานออกไปท่ามกลางราตรี

เขาจะไปเมืองอีกเมืองหนึ่ง และกลับไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิตผ่านที่นั่น

เขาออกมาหนึ่งเดือนกว่า ตอนนี้เรื่องทั้งหมดล้วนคลี่คลายแล้ว พลังบำเพ็ญของตนเองเพิ่มขึ้น ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวกลับ กลับไปดูว่าเรื่องราวของเผ่าเงือกกับองค์ชายสามสงบลงแล้วหรือยัง

สวี่ชิงใช้ยันต์บินทะยานมาตลอดทางเช่นนี้ ผ่านไปสามวันในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย นั่นคือเมืองย่อยด้านนอกทุ่งสีชาดของเจ็ดเนตรโลหิต

พอย่างเข้าไปในนี้ เขาไม่ได้หยุดเท้าลง แต่เข้าไปในค่ายกลส่งข้ามทันที

มาถึงจุดที่ตั้งค่ายกลส่งข้าม สวี่ชิงจ่ายค่าใช้จ่าย หลังจากเหยียบเข้าไป เขาก็เงยหน้ามองไปทางทิศของทุ่งสีชาดที่ห่างออกไป ในใจผ่อนลมหายใจโล่ง

ผ่านไปนาน ในที่สุดสวี่ชิงก็ดึงเสี้ยนหนามที่ตำอยู่ในใจชิ้นนี้ออกไปได้เสียที แม้จุดจบของบรรพจารย์สำนักวัชระจะไม่ใช่ความตาย แต่บทสรุปเช่นนี้ สวี่ชิงก็รู้สึกว่าเขารับได้

“ต่อจากนี้ไป ถ้าหากสำนักทั้งหมดยังปกติ เช่นนั้นข้าก็นอนหลับได้อย่างสบายใจเสียที” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ ในใจ แสงค่ายกลส่งข้ามเจิดจ้า คลื่นแสงแผ่มาทางเขาจากด้านข้างฉับพลัน ในพริบตาเงาร่างของเขาก็ถูกกลืนลงไป

ครู่ต่อมา เงาของสวี่ชิงในค่ายกลส่งข้ามก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยจากการสลายไปของคลื่นแสง

ลมหิมะยังคงร่วงโรยลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมพื้นดินทั้งผืนจนกลายเป็นกระดาษสีขาว เผยความกระจ่างชัดออกมา

สะอาดสะอ้าน

ความหนาวเย็นยังคงแผ่ซ่านไปทั่วทิศ รุกล้ำเข้าสู่พื้นที่รกร้างทีละชุ่นๆ จนกลายเป็นจิตสังหารที่ไร้ซึ่งความปราณี

โหดร้ายทารุณ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด