ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง 23.2

Now you are reading ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง Chapter 23.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 23 เว่ยฉางเสียน (2)
โดย

“เจ้าเด็กนี่” สีหน้าของนางหลิวคนน้องมีประกายเก้อกระดาก รู้ว่าเมื่อครู่คำพูดของตนทำให้เว่ยฉางเสียนรู้สึกว่าไปกระทบกับวันเกิดนางเข้า ว่าเจอกับอากาศร้อน ราวกับไม่ชอบความยุ่งยาก จึงรีบกล่าวว่า “คนในครอบครัวรวมตัวกันเพื่อให้เจ้ามีความสุข เจ้าพูดอย่างนี้จะให้คุณหนูซ่งกับพี่สะใภ้เจ้ารวมถึงน้องสาวทั้งหลายคิดอย่างไร ยังคิดว่าเจ้าไม่อยากพบพวกเขาเสียอีก!”

นางหลิวคนน้องพูดไปยิ้มไปพยายามทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แม่นมคนสนิท นางเฉียวก็กล่าวว่า “ตระกูลเว่ยของเฟิ่งโจวเป็นตระกูลมีชื่อในแผ่นดิน คุณหนูรองเป็นบุตรสาวคนเดียวของสายตระกูลคนโตเพียงคนเดียว เป็นไข่มุกบนฝ่ามือ หากว่าวันเกิดคุณหนูรองยังไม่ดี ในแผ่นดินนี้ยังจะมีสักกี่คนที่ดีล่ะ?”

แม่เลี้ยงกับแม่นมกล่าวมาอย่างนี้แล้ว เว่ยฉางเสียนยังคงมีท่าทีเรียบนิ่ง “ท่านแม่คิดมากไปแล้ว ข้าก็เพียงรู้สึกเสียใจเองเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอื่น”

นางหลิวคนน้องได้ยินก็กล่าวพลางถอนหายใจว่า “วันดีๆ ไม่ต้องคิดเรื่องน่าเสียใจพวกนั้นแล้ว” แล้วกล่าวเสียงนุ่มว่า “รอให้ตระกูลหลิวส่งเด็กมาให้ เจ้าก็คอยสั่งสอนเขา ที่ว่าบุญคุณที่ให้กำเนิดสู้บุญคุณที่เลี้ยงดูไม่ได้ ก็คือบุตรบุญธรรม เจ้าเลี้ยงดูเขาแต่เล็ก จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ เลย”

ซ่งไจ้สุ่ยตากระตุก ในใจก็คิดว่าเว่ยฉางเสียนคิดมากง่ายจริงๆ มีบุตรสาวบุญธรรมอย่างนี้ คิดว่าปกตินางหลิวคนน้องคงปวดหัวไม่น้อย ขนาดกับแม่บุญธรรมยังอย่างนี้ มิน่าเว่ยฉางอิ๋งถึงได้ไม่ชอบพี่สาวคนนี้ เดิมหลิวหลี่เจ้าเสียสละชีพเพื่อประเทศ เว่ยฉางอิ๋งยังชื่นชอบการต่อสู้อีก ยังไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์พี่น้องกับเว่ยฉางเสียน แต่ก็ไม่ควรจะไม่ชอบใจภรรยาของเขาอย่างนี้

เพราะนางหลิวคนน้องพูดถึงเรื่องบุตรบุญธรรมขึ้นมา ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลหรืออารมณ์ อย่างไรเว่ยฉางอิ๋งก็ควรจะกล่าวถามบ้าง เว่ยฉางเสียนกล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าเองก็ยังไม่เคยเจอ เด็กน่ะหรือ…เห็นในจดหมายกล่าวว่าคล้ายหลี่เจ้าอยู่หลายส่วน”

“มีหน้าตาคล้ายกับพี่เขยรองหรือ?” บุตรบุญธรรมคนนี้ยังไม่ทันจะส่งมา เว่ยฉางเสียนยังชอบคิดมาก คำพูดอย่างนี้ตอบรับยากจริงๆ เว่ยฉางอิ๋งครุ่นคิดคำพูดอย่างรวดเร็ว แล้วจึงกล่าวออกไปแกนๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็นับว่ามีชะตาต้องกับพี่หญิงรอง”

นางหลิวคนน้องเห็นเว่ยฉางเสียนหันหน้าหนีไม่กล่าวอะไร ก็ได้แต่กล่าวแทนนางอย่างจนใจว่า “เด็กคนนั้นเพิ่งครบหนึ่งเดือนเมื่อครึ่งเดือนก่อน อีกสองวันก็มาถึงแล้ว”

เว่ยฉางอิ๋งพลันคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้แล้วกล่าวว่า “ท่านป้า ตอนนี้เด็กยังอยู่ที่ตงหูหรือ?”

“เด็กของตระกูลหลิวแน่นอนว่าต้องอยู่ที่ตงหู” นางหลิวคนน้องมองนางแล้วกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมฉางอิ๋งถามอย่างนี้หรือ?”

“ข้า…” คำมาถึงปากแต่เว่ยฉางอิ๋งกลับชะงักไป นางมองไปที่เว่ยฉางเสียนแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าเพียงแต่คิดว่าอากาศร้อนอย่างนี้ เด็กออกเดินทางไกล…”

นางหลิวคนน้องรีบกล่าวว่า “เด็กคนนั้นร่างกายแข็งแรงดีมาก ตลอดทางยังมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดอีก อย่างไรก็เป็นสายเลือดของตระกูลหลิว จะให้เขาต้องลำบากหรือ?”

“ข้าพูดมากไปแล้ว” เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกได้ว่าตนเองข้ามเส้นไปแล้ว จึงรีบกล่าวขอโทษ

“กับป้ายังเกรงใจหรือ?” นางหลิวคนน้องยิ้มอย่างสง่าแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจไปประโยคหนึ่ง ซ่งไจ้สุ่ยเองก็แทรกเข้ามากล่าวเรื่องทั่วๆ ไป เว่ยฉางเสียนพลันกล่าวว่า “คิดถึงว่าพี่สะใภ้คงใกล้จะไปถึงเรือนข้าแล้ว ข้าพาคุณหนูซ่งกับฉางอิ๋งกลับไปก่อนดีไหม?”

บุตรบุญธรรมคนนี้คิดมากขนาดนี้ ทั้งยังเป็นบุตรสาวของภรรยาเก่า และยังกำลังไว้ทุกข์ให้สามีอีก จะปฏิบัติอย่างไม่ดีด้วยก็ไม่ได้ เมื่อครู่นางหลิวคนน้องถูกนางทำเสียจนแทบหาทางลงไม่ได้ต่อหน้าทุกคน ตอนนี้แทบอยากจะให้นางรีบๆ ไปจากสายตาเร็วๆ จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องอย่างเมื่อครู่อีก จึงรีบกล่าวว่า “พูดคุยกันจนลืมเวลา…พวกเจ้ายังอายุน้อย อยู่กับข้าตรงนี้คงอึดอัดแล้ว รีบไปเถอะ”

ทั้งยังยิ้มและกำชับซ่งไจ้สุ่ยที่เพิ่งมาคารวะเป็นครั้งแรกว่าไม่ต้องเกรงใจ

เมื่อกล่าวลากับนางหลิวคนน้องและเดินออกไปจากเรือนแล้ว เว่ยฉางเสียนก็กล่าวว่า “น้องหญิงสี่และน้องหญิงห้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ?”

ในใจของเว่ยฉางอิ๋งคิด ‘เจ้าไม่มีทางไม่ถามเรื่องนี้จริงๆ’ นางแสร้างทำท่าทางถอนหายใจ “เช้าวันนี้อาสะใภ้สามไม่ค่อยสบายนัก น้องหญิงสี่กับน้องหญิงห้ากังวลใจ จึงอยู่ที่บ้านคอยปรนนิบัติดูแล และให้ข้านำของขวัญมาให้ พี่หญิงรองอย่าถือสาเลยนะ”

ได้ยินดังนั้นสีหน้าของเว่ยฉางเสียนก็เข้มขึ้น นางขมวดคิ้วแล้วกล่าวฮึเสียงเบาพลางกล่าวว่า “งั้นหรือ กลับบังเอิญขนาดนี้เลย?”

“ใช่แล้ว บางทีอาจเพราะหลายวันนี้อากาศร้อน กลางคืนวางถังน้ำแข็งมากก็เป็นได้” เว่ยฉางอิ๋งกล่าวราวกับเป็นเรื่องจริง

ซ่งไจ้สุ่ยเองก็กล่าวมาอย่างพอดีว่า “พี่หญิงรองไม่ต้องกังวล ฮูหยินเผยเพียงแค่ไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้น คิดว่าพักสักวันสองวันก็คงจะดีขึ้นมาแล้ว”

แน่นอนว่าที่เว่ยฉางเสียนสนใจไม่ใช่ร่างกายของนางเผย แต่ว่าเป็นนางเผยกับเว่ยเกาเหมียน เว่ยฉางเยี่ยนแสดงออกว่าจงใจหลีกเลี่ยงนาง แต่ว่าตอนนี้ซ่งไจ้สุ่ยกลับกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลราวสตรีที่งดงามอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ยังกล่าวว่าเว่ยฉางเสียนคือ ‘แบบอย่างของสตรี’ อีก เว่ยฉางเสียนอย่างไรก็ไม่มีทางหน้าไม่อายได้อย่างเว่ยฉางอิ๋ง ที่ภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถโยนหมวกทรงสูงลงไปเหยียบใต้เท้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของซ่งไจ้สุ่ยยังพิเศษมากอีก ทั้งยังมาอวยพรวันเกิดที่บ้านเป็นวันแรกด้วย อย่างไรก็ไม่สามารถที่จะไม่สนใจอะไรอย่างที่ทำกับน้องสาวหรือแม่บุญธรรมได้ จึงได้แต่ต้องยอมรับฐานะของหญิงเปี่ยมคุณธรรมและเอาใจใส่ไป นางกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์ว่า “เป็นอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

นางเองก็ไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่าคำพูดของซ่งไจ้สุ่ยกล่าวอะไรก็ดูเหมาะสม ตัวนางเองก็น่ามอง รู้สึกว่าน่าคบหา ตอนนี้นึกขึ้นมาได้ว่าอย่างไรคุณหนูตระกูลซ่งคนนี้ก็เป็นเว่ยฉางอิ๋งที่พามา เมื่อพบหน้าก็จัดการวางแผนนางก่อนแล้ว ในใจก็โมโหมาก สีหน้าเองก็มีความไม่พอใจขึ้นมาหลายส่วน เว่ยฉางอิ๋งกับซ่งไจ้สุ่ยเองก็ไม่มีทางไปเอาใจนาง ในเมื่อพูดคุยกันไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดคุยกัน

เป็นอย่างนี้กระทั่งมาถึงเรือนของเว่ยฉางเสียน เพิ่งจะเข้าไปก็มีสาวใช้ในชุดเรียบง่ายคนหนึ่งมารายงาน กล่าวว่าเมื่อครู่คุณชายรองกินแกงเม็ดบัวเข้าไปแล้วอาเจียนออกมา ดังนั้นฮูหยินใหญ่ที่เดิมมาอวยพรวันเกิดนางและเป็นผู้จัดเตรียมงานเลี้ยงให้นางอย่างนางซูเพราะกังวลในตัวของบุตรชายคนรองคนนี้ จึงรีบร้อนกลับไปดู และทิ้งสาวใช้คนนี้ให้รับโทษ

“กุยเอ๋ออาเจียนหรือ เป็นอะไรมากไหม?” เว่ยฉางเสียนได้ยินก็พลันตกใจ สีหน้าที่ปั้นมาตลอดทางให้เว่ยฉางอิ๋งกับซ่งไจ้สุ่ยดูก็พลันหายไป และถามขึ้นมาด้วยความกังวลทันที

คุณชายรองเว่ยซ่านกุยที่สาวใช้กล่าวถึง คือหลานชายคนที่สองจากภรรยาเอกของตวนจิ้นผิงกง เด็กคนนี้เพิ่งอายุได้สามปีเท่านั้น ได้ยินว่าเพราะหลังคลอดคนก่อนผ่านไปไม่นานฮูหยินซูก็ตั้งครรภ์เขาขึ้นมา ก่อนหน้านี้ตอนให้กำเนิดพี่ชาย คุณชายใหญ่เว่ยซ่านสื่อนั้นร่างกายเสียหายยังไม่ฟื้นฟู ดังนั้นบุตรคนที่สองเกิดมาจึงมีร่างกายไม่แข็งแรง เหมือนกันกับอาอย่างเว่ยเจิ้งหงที่ร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด

เพราะเหตุผลนี้ เว่ยซ่านกุยถือกำเนิดมาแล้วจึงกลายเป็นปมในใจของนางซูมาตลอด ยิ่งทำให้นางใส่ใจบุตรคนที่สองคนนี้มากกว่าบุตรชายคนโตมาก ได้ยินว่าเขาอาเจียนออกมาก็ใจร้อนดั่งไฟ รีบวางทุกอย่างแล้วกลับไปทันที แม้ว่าวันนี้จะต้องล่วงเกินน้องสามีก็ไม่สนแล้ว

ส่วนเว่ยฉางเสียนนั้น แม้ว่านางจะเป็นคนคิดมาก แต่ว่านางแต่งงานไปแล้วยังไม่ทันจะได้มีบุตรสามีก็มาตายจากไปก่อน ตอนนี้แม้ว่าจะขอบุตรชายบุญธรรมมาแล้ว แต่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดแท้ๆ กลับเป็นเหล่าหลานชายแซ่เว่ยต่างหากที่เป็นเลือดเนื้อตระกูลเดียวกับนาง นางเองก็ใส่ใจบุตรชายทั้งสองของเว่ยฉางซวี่มากมาโดยตลอด ตอนนี้กลับไม่มีอารมณ์จะไปสนใจคิดมากกับการที่นางซูไม่สนใจและทิ้งงานวันเกิดของตนแล้ว แต่กลับกังวลใจขึ้นมาแทน

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด