รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ 71 : สงครามประชิด

Now you are reading รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ Chapter 71 : สงครามประชิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ

ตอนที่ 71 : สงครามประชิด

ตัวตนระดับหายนะนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของโลกใบนี้เป็นรองเพียงเหล่าเทพเท่านั้นตัวของลู่หมิงเองก็ไม่เคยพบเห็นตัวตนระดับแบบจะๆมาก่อนยกเว้นเพียงราชินีอาเวล

ตัวตนระดับหายนะนั้นมีความแข็งแกร่งพอที่จะทําลายประเทศและยึดครองทวีปได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอนว่ามันอาจจะเกินจริงไปบ้างแต่ถึงอย่างงั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เป็นของจริงเหล่าผู้อยู่บนจุดสูงสุดอยู่เหนือห่วงโซ่อา หารใดๆเหล่าตัวตนระดับหายนะ

ส่วนตัวลู่หมิงเองก็ไม่เคยพบเจอกับคนเหล่านี้ด้วยตาตัวเองมาก่อนเพียงได้ยินแต่คําบอกเล่าเท่านั้นซึ่งแต่ละคนก็ไม่น่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้

แต่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีชีวิตอยู่จริงก็มีทั้งหมด 4 คน คนแรกคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ลําดับที่ 1 ของอาณาจักรแห่งแสงเขานั้นจะออกเผยตัวตนออกมาก็ตอนเพียงเมืองหลวงแห่งแสงมีภัยเท่านั้นนอกเหนือจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ลําดับอื่นๆ

คนที่ 2 คือจักรพรรดิมังกรเพลิงอีกนัซเรื่องราวแท้จริงเกี่ยวกับเขานั้นยังคงเป็นปริศนาแต่ก็มีคนเคยพบเห็นตัวตนของเขาอยู่บ่อยครั้งตามพื้นที่ภูเขาไฟขนาดใหญ่

คนที่ 3 นั้นเขาถูกเรียกว่า ผู้ชักนําความตายราอูลตัวตนของเขานั้นไม่แน่นอนแต่เชื่อกันว่าเขานั้นจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมี

เหตุการณ์สําคัญๆหรือสงครามขนาดใหญ่เท่านั้นเพื่อเก็บเกี่ยววิญญาณคนตายและนําพาพวกเขาไปสู่ดินแดนผู้ล่วงลับ

เรื่องเล่าของราอูลนั้นอาจจะดูเกินจริงแต่กลับกลายเป็นว่ามีผู้เล่นหลายคนเคยพบเจอกับเขาระหว่างเข้าร่วมสงคราม

ส่วนคนสุดท้ายนั้นก็คือราชินีแห่งเอลฟ์อาเวลนั่นเองในตอนแรกลู่หมิงก็แปลกใจเล็กน้อยที่ได้รู้ว่าตัวของราชินีอาเวลเป็นหนึ่งในตัวตนระดับหายนะเพราะดูจากภายนอกที่ดูเป็นสาวงามจิตใจดีแต่ภายในกลับซุกซ่อนพลังที่สามารถยึดครองทวีปได้แบบนี้ก็ทําเอาลู่หมิงทําตัวไปถูกไปวันนึงเต็มๆ

หลังจากคิดอะไรเพลินๆอยู่สักพักลู่หมิงก็ติดต่อไปหาซูรั่วหลิน เพื่อแนะนําแนวทางของนักเวทย์ให้กับเธอน่าตกใจที่เมื่อเขาติดต่อไปซูรั่วหลินดูจะดีใจแปลกๆแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก

หลังจากการแนะนําอันยาวนานลู่หมิ งก็ตัดสินวางสายก่อนจากซูรั่วหลินก็ได้ถามคําถามที่น่าสงสัยออกมา

[ นายจะกลับมาเมื่อไหร่ ? ]

ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหากเร็วหน่อยก็คงสี่เดือน หากช้าก็คงหก

ซูรั่วหลินได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อน จะอวยพรให้ลู่หมิงเดินทางปลอดภัยและก็วางสายไปหลังจากวางสายลู่หมิงก็กลับมาฝึกฝนเวทมนต์ต่อ

ในตอนนี้ลู่หมิงชินกับการใช้เวทมนต์ มากขึ้นแล้ว ข้อดีของเวทมนต์เอลฟ์โบราณก็คือไม่จําเป็นจะต้องร่ายวงแหวนเวทย์หรือทําสัญลักษณ์สื่อกลางเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากเวทมนต์ของเอลฟ์ โบราณนั้นเป็นการดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้เลยโดยตรงแตกต่างจากเวทมนต์ปกติที่เป็นการหยิบยืมจึงจําเป็นต้องการสัญลักษณ์สื่อกลางในการเชื่อมต่อ

ในระหว่างนั้นก็ได้มีเอลฟ์สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาในสวนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อาหารเย็นพร้อมกับแล้วค่ะ”

ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณและเดินตรงไปยังห้องอาหารลู่หมิงนั้นถูกราชินีอาเวลบังคับให้มาทานอาหารเย็นกับเธอทุกวันเนื่องจากเธอสังเกตว่าลู่หมิงนั้นมักจะฝึกเวท มนต์จนลืมเวลาอาหารเย็นอยู่เสมอ

แน่นอนว่าลู่หมิงไม่ได้ปฏิเสธคําสั่งนี้เขากลับชอบเสียอีกที่ได้มานั่งทานอาหารเย็นกับหญิงสาวที่งดงามแบบนี้

ในขณะที่กําลังทานอาหารเย็นกันอยู่นั้นลู่หมิงก็ได้เอ่ยถามกับราชินีอาเวล

“การประชุมเป็นยังไงบ้างครับ ?”

ราชินีอาเวลที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะมีกองทัพยกมาจากทางตอนใต้ของอาณาจักรดูเหมือนจะมุ่งเป้ามาที่พวกเราเสียด้วย”

ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีกองทัพ ? นี้ความคิดบ้าๆของเขาเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ ? มีไอโง่คนไหนกันที่มันกล้ามาบุกรุกอาณาจักรเอลฟ์

อาณาจักรเอลฟ์นั้นถือเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ถูกนับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนอกจากตัวตนระดับหายนะอย่างราชินีอาเวลแล้วยังมีเอลฟ์ที่แข็งแกร่งอีกมากมายนับไม่ถ้วนอาณาจักรและถึงแม้ภายนอกเอลฟ์นั้นจะดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบแต่กลับมีกองทัพที่แข็งแกร่งประจําการอยู่

นี่ยังไม่รวมกับเหล่าเอลฟ์ผู้พิทักษ์และดรูอิดที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่พิเศษมากๆอีกด้วยหากจะเทียบกับมนุษย์แล้วล่ะก็ก็ เหมือนกับหน่วยพิเศษลับที่รวมเหล่าหัวกะทิในประเทศของรัฐบาลนั่นแหละ

แล้วยังงี้ใครมันจะกล้ามาโจมตีอาณาจักรเอลฟ์อีกเล่าแต่วันนี้กลับมีไอโง่บางคนกําลังยกทัพมาโจมตีที่นี้งั้นเหรอ ?

ลู่หมิงส่ายหัวก่อนจะถามไปว่า

“จํานวนเท่าไหร่เหรอครับ ?”

“น่าจะราวๆสองถึงสามแสนคนเลยล่ะ”

ลู่หมิงตกตะลึงกับจํานวนทหารที่กําลังใกล้เข้ามาก่อนจะพูดออกมาด้วยความสงสัย

“พวกนั้นจะมาฆ่าตัวตายหมู่งั้นเหรอ ?”

ราชินีอาเวลที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกมนุษย์นั้นจะคิดว่าพวกเราอ่อนแอถึงขั้นกล้ายกทัพมาขนาดนี้คงไม่รู้สินะว่าเอลฟ์นั้นสามารถทําอะไรได้บ้าง”

เมื่อราชินีอาเวลพูดจบก็ยิ้มออกมาแม้รอยยิ้มจะดูงดงามแต่สําหรับลู่หมิงแล้วรอยยิ้มนั้นราวกับคําสั่งประหารเลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ 71 : สงครามประชิด

Now you are reading รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ Chapter 71 : สงครามประชิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ

ตอนที่ 71 : สงครามประชิด

ตัวตนระดับหายนะนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของโลกใบนี้เป็นรองเพียงเหล่าเทพเท่านั้นตัวของลู่หมิงเองก็ไม่เคยพบเห็นตัวตนระดับแบบจะๆมาก่อนยกเว้นเพียงราชินีอาเวล

ตัวตนระดับหายนะนั้นมีความแข็งแกร่งพอที่จะทําลายประเทศและยึดครองทวีปได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอนว่ามันอาจจะเกินจริงไปบ้างแต่ถึงอย่างงั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เป็นของจริงเหล่าผู้อยู่บนจุดสูงสุดอยู่เหนือห่วงโซ่อา หารใดๆเหล่าตัวตนระดับหายนะ

ส่วนตัวลู่หมิงเองก็ไม่เคยพบเจอกับคนเหล่านี้ด้วยตาตัวเองมาก่อนเพียงได้ยินแต่คําบอกเล่าเท่านั้นซึ่งแต่ละคนก็ไม่น่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้

แต่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีชีวิตอยู่จริงก็มีทั้งหมด 4 คน คนแรกคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ลําดับที่ 1 ของอาณาจักรแห่งแสงเขานั้นจะออกเผยตัวตนออกมาก็ตอนเพียงเมืองหลวงแห่งแสงมีภัยเท่านั้นนอกเหนือจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ลําดับอื่นๆ

คนที่ 2 คือจักรพรรดิมังกรเพลิงอีกนัซเรื่องราวแท้จริงเกี่ยวกับเขานั้นยังคงเป็นปริศนาแต่ก็มีคนเคยพบเห็นตัวตนของเขาอยู่บ่อยครั้งตามพื้นที่ภูเขาไฟขนาดใหญ่

คนที่ 3 นั้นเขาถูกเรียกว่า ผู้ชักนําความตายราอูลตัวตนของเขานั้นไม่แน่นอนแต่เชื่อกันว่าเขานั้นจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมี

เหตุการณ์สําคัญๆหรือสงครามขนาดใหญ่เท่านั้นเพื่อเก็บเกี่ยววิญญาณคนตายและนําพาพวกเขาไปสู่ดินแดนผู้ล่วงลับ

เรื่องเล่าของราอูลนั้นอาจจะดูเกินจริงแต่กลับกลายเป็นว่ามีผู้เล่นหลายคนเคยพบเจอกับเขาระหว่างเข้าร่วมสงคราม

ส่วนคนสุดท้ายนั้นก็คือราชินีแห่งเอลฟ์อาเวลนั่นเองในตอนแรกลู่หมิงก็แปลกใจเล็กน้อยที่ได้รู้ว่าตัวของราชินีอาเวลเป็นหนึ่งในตัวตนระดับหายนะเพราะดูจากภายนอกที่ดูเป็นสาวงามจิตใจดีแต่ภายในกลับซุกซ่อนพลังที่สามารถยึดครองทวีปได้แบบนี้ก็ทําเอาลู่หมิงทําตัวไปถูกไปวันนึงเต็มๆ

หลังจากคิดอะไรเพลินๆอยู่สักพักลู่หมิงก็ติดต่อไปหาซูรั่วหลิน เพื่อแนะนําแนวทางของนักเวทย์ให้กับเธอน่าตกใจที่เมื่อเขาติดต่อไปซูรั่วหลินดูจะดีใจแปลกๆแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก

หลังจากการแนะนําอันยาวนานลู่หมิ งก็ตัดสินวางสายก่อนจากซูรั่วหลินก็ได้ถามคําถามที่น่าสงสัยออกมา

[ นายจะกลับมาเมื่อไหร่ ? ]

ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหากเร็วหน่อยก็คงสี่เดือน หากช้าก็คงหก

ซูรั่วหลินได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อน จะอวยพรให้ลู่หมิงเดินทางปลอดภัยและก็วางสายไปหลังจากวางสายลู่หมิงก็กลับมาฝึกฝนเวทมนต์ต่อ

ในตอนนี้ลู่หมิงชินกับการใช้เวทมนต์ มากขึ้นแล้ว ข้อดีของเวทมนต์เอลฟ์โบราณก็คือไม่จําเป็นจะต้องร่ายวงแหวนเวทย์หรือทําสัญลักษณ์สื่อกลางเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากเวทมนต์ของเอลฟ์ โบราณนั้นเป็นการดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้เลยโดยตรงแตกต่างจากเวทมนต์ปกติที่เป็นการหยิบยืมจึงจําเป็นต้องการสัญลักษณ์สื่อกลางในการเชื่อมต่อ

ในระหว่างนั้นก็ได้มีเอลฟ์สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาในสวนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อาหารเย็นพร้อมกับแล้วค่ะ”

ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณและเดินตรงไปยังห้องอาหารลู่หมิงนั้นถูกราชินีอาเวลบังคับให้มาทานอาหารเย็นกับเธอทุกวันเนื่องจากเธอสังเกตว่าลู่หมิงนั้นมักจะฝึกเวท มนต์จนลืมเวลาอาหารเย็นอยู่เสมอ

แน่นอนว่าลู่หมิงไม่ได้ปฏิเสธคําสั่งนี้เขากลับชอบเสียอีกที่ได้มานั่งทานอาหารเย็นกับหญิงสาวที่งดงามแบบนี้

ในขณะที่กําลังทานอาหารเย็นกันอยู่นั้นลู่หมิงก็ได้เอ่ยถามกับราชินีอาเวล

“การประชุมเป็นยังไงบ้างครับ ?”

ราชินีอาเวลที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะมีกองทัพยกมาจากทางตอนใต้ของอาณาจักรดูเหมือนจะมุ่งเป้ามาที่พวกเราเสียด้วย”

ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีกองทัพ ? นี้ความคิดบ้าๆของเขาเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ ? มีไอโง่คนไหนกันที่มันกล้ามาบุกรุกอาณาจักรเอลฟ์

อาณาจักรเอลฟ์นั้นถือเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ถูกนับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนอกจากตัวตนระดับหายนะอย่างราชินีอาเวลแล้วยังมีเอลฟ์ที่แข็งแกร่งอีกมากมายนับไม่ถ้วนอาณาจักรและถึงแม้ภายนอกเอลฟ์นั้นจะดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบแต่กลับมีกองทัพที่แข็งแกร่งประจําการอยู่

นี่ยังไม่รวมกับเหล่าเอลฟ์ผู้พิทักษ์และดรูอิดที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่พิเศษมากๆอีกด้วยหากจะเทียบกับมนุษย์แล้วล่ะก็ก็ เหมือนกับหน่วยพิเศษลับที่รวมเหล่าหัวกะทิในประเทศของรัฐบาลนั่นแหละ

แล้วยังงี้ใครมันจะกล้ามาโจมตีอาณาจักรเอลฟ์อีกเล่าแต่วันนี้กลับมีไอโง่บางคนกําลังยกทัพมาโจมตีที่นี้งั้นเหรอ ?

ลู่หมิงส่ายหัวก่อนจะถามไปว่า

“จํานวนเท่าไหร่เหรอครับ ?”

“น่าจะราวๆสองถึงสามแสนคนเลยล่ะ”

ลู่หมิงตกตะลึงกับจํานวนทหารที่กําลังใกล้เข้ามาก่อนจะพูดออกมาด้วยความสงสัย

“พวกนั้นจะมาฆ่าตัวตายหมู่งั้นเหรอ ?”

ราชินีอาเวลที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกมนุษย์นั้นจะคิดว่าพวกเราอ่อนแอถึงขั้นกล้ายกทัพมาขนาดนี้คงไม่รู้สินะว่าเอลฟ์นั้นสามารถทําอะไรได้บ้าง”

เมื่อราชินีอาเวลพูดจบก็ยิ้มออกมาแม้รอยยิ้มจะดูงดงามแต่สําหรับลู่หมิงแล้วรอยยิ้มนั้นราวกับคําสั่งประหารเลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+