เสน่ห์คมดาบ 215

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 215 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉียวฉู่ซินขมวดคิ้ว “อ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าอ้าวชวางกำลังจะไปลากัคน่ะสิ? ไม่ได้นะ! ข้าอยากไปด้วย! ข้าไม่อยากแยกกับอ้าวชวางอีกแล้ว” เฉียวฉู่ซินพูดแล้วก็เข้าไปกอดแขนชีอ้าวชวาง

 

 

“เจ้าตามนางไปก็ไปถ่วงนางเสียเปล่าๆ ตอนนี้เจ้าอ่อนแอมาก ข้าไม่ได้อยากให้นางไปที่ลากัค แต่นี่เพื่อฝึกฝนและพัฒนาความแข็งแกร่งของนางเอง” คามิลล์พูดประโยคนี้จบ เฉียวฉู่ซินก็หยุดนิ่งและมองไปที่คามิลล์อย่างไม่พอใจ แต่นางเข้าใจว่าคามิลล์กำลังพูดความจริง แม้ว่านางจะแข็งแกร่งกว่านักธนูทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับชีอ้าวชวางแล้ว นางถือได้ว่าอ่อนแอมากๆ

 

 

“ไปฝึกฝนหรือ? จะไปที่ไหนล่ะ?” ไม่ใช่ชีอ้าวชวางคนเดียวในกลุ่ม แต่ทุกคนต่างก็สงสัย

 

 

“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเจ้าเพียงแค่ต้องอยู่และช่วยข้า ไม่มีข้อโต้แย้งใช่หรือไม่?” คามิลล์จิบชาอย่างสบายใจแล้วมองเหลิ่งหลิงยวิ๋น จากนั้นก็มองไปที่จินเหยียน

 

 

การแสดงออกของทุกคนค่อนข้างซับซ้อนแต่ก็ไม่มีใครคัดค้าน

 

 

มีเพียงออสต้าเท่านั้นที่มองไปที่ชีอ้าวชวางและพูดเบาๆ “ข้าจะคอยดู”

 

 

คามิลล์ยักไหล่ “ตามแต่เจ้าเลย” คามิลล์ไม่ได้นับเอลฟ์ผู้นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

 

คามิลล์วิเคราะห์สถานการณ์ให้ชัดเจนและจัดแจงทุกอย่างแล้ว วิธีการที่เด็ดเดี่ยวและแน่วแน่เช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น

 

 

“เจ้าพาทุกคนลงไปพักผ่อนนะ” คามิลล์สั่งสีเฉ่าซื่ออย่างนุ่มนวล

 

 

สีเฉ่าซื่อเด้งตัวขึ้นทันที และทำท่าทางเชิญทุกคนด้วยรอยยิ้มที่น่ารัก “ทุกคนโปรดตามข้ามา เชิญไปอาบน้ำร้อนที่ห้องนอนของพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยออกมากินข้าวกัน”

 

 

ออสต้าลุกขึ้นยืนก่อน เป็นนิสัยปกติของเอลฟ์ที่จะรักความสะอาด คนอื่นๆ ก็ลุกยืนขึ้นและเดินตามสีเฉ่าซื่อและสีเฉ่าฉีที่เป็นผู้นำทางและจัดสรรห้องให้กับทุกคนไป

 

 

เพียงพริบตาก็เหลือเพียงคามิลล์และชีอ้าวชวางที่อยู่ในห้องโถง

 

 

เกิดความเงียบขึ้นโดยรอบ

 

 

ชีอ้าวชวางค่อยๆ หันหน้าไปมองคามิลล์แล้วเผยอริมฝีปาก จากนั้นก็ปิดไปอีกครั้ง ในขณะนี้หัวใจของนางซับซ้อนมาก ทำไมเขาถึงอยากช่วยตนเองนะ? ชีอ้าวชวางตระหนักได้ว่าตนเองไม่เข้าใจเขาเลย ทำไมเขาถึงช่วยตนเองเช่นนี้ล่ะ? ช่วยด้วยการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอันพาแกรนด์และวิหารแห่งแสงแล้วเป็นศัตรูกับพวกเขาน่ะหรือ การที่คามิลล์เข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่านั่นเป็นเพียงแค่ความสนุกชั่วคราวของเขา ชีอ้าวชวางหาเหตุผลที่คามิลล์จะช่วยตนเองด้วยวิธีนี้ไม่ได้เลย

 

 

คามิลล์กลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆ ของชีอ้าวชวางแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ“อย่าคิดหาเหตุผลว่าทำไมข้าถึงอยากทำเช่นนี้เลย เจ้าแค่ต้องรู้ไว้ว่าข้าจะบรรเทาความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับ และข้าจะล้างเจ้าออกจากมลทินที่เจอ หากเจ้ารู้สึกไม่เข้าใจ เจ้าก็มองเสียว่าข้าแค่เบื่อมากแล้วหาอะไรทำก็แล้วกัน”

 

 

ชีอ้าวชวางจำได้ว่าคามิลล์ต้องการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างของนางด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เขาบอกว่าเพราะมันน่าเบื่อเกินไปจึงหาอะไรทำ “ท่านบอกให้ข้าเพิ่มความแข็งแกร่งใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางถามด้วยความสงสัย

 

 

“แล้วข้าจะบอกเจ้านะ เอาละ ตอนนี้ไปอาบน้ำร้อนพักผ่อนได้แล้ว หลังอาหารเย็นข้ามีเรื่องที่ต้องพูดอีกมากเลย” คามิลล์ชักมือกลับยิ้มๆ และเดินจากไป

 

 

ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ค่อยๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสที่หัวของนางอย่างอบอุ่น ตอนที่มือใหญ่ของคามิลล์วางไว้ตรงนี้มันอบอุ่นมาก ไม่ใช่แค่อบอุ่นตรงนี้ แต่ยังอบอุ่นอยู่ในใจของนางด้วย ความรู้สึกนี้ทำให้ชีอ้าวชวางนึกอะไรได้มากเลย ความอบอุ่นที่ห่างหายไปนานนี้ช่างอบอุ่นใจยิ่งนัก ชีอ้าวชวางนึกถึงแคทเธอรีนและคนๆ หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว คนที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดียวกับแคทเธอรีนแม่แท้ๆ ของนาง…

 

 

ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ และกลับไปอาบน้ำที่ห้อง

 

 

มืออาหารค่ำวันนี้ อุดมสมบูรณ์มากเป็นพิเศษ

 

 

อาหารเลิศรสวางอยู่เต็มโต๊ะ แถมยังมีหมูหันอยู่กลางโต๊ะยาวด้วย ด้านหน้าของออสต้ามีอาหารมังสวิรัติที่หรูหราสำหรับเอลฟ์ผู้รักความสงบและไม่กินเนื้อสัตว์ ลู่ย่ารินไวน์หอมกรุ่นให้ทุกคนแล้วก้าวถอยหลังไป

 

 

“คะ…” วัลโดกำลังจะเรียกคามิลล์แล้วก็เปลี่ยนคำเรียกอย่างชาญฉลาด “ท่านรองหัวหน้า ข้าอยากจะถามว่าท่านจะให้อ้าวชวางไปที่ไหนหรือ?”

 

 

คามิลล์ยกแก้วขึ้น เขายิ้มและพูดเบาๆ “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”

 

 

ทุกคนมองหน้ากันอย่างซับซ้อน แต่คามิลล์ยังคงยิ้มอย่างใจเย็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิแล้วจิบไวน์อย่างสง่างาม คามิลล์ต้องการทำอะไรกันแน่? ช่างลึกลับจริงๆ

 

 

“สิ่งที่เจ้าต้องทำคือร่วมมือกับข้าเพื่อรวบโยซาลี่” คามิลล์ปรายตามองไปที่ผู้คนในห้องโถงและพูดอย่างสบายๆ “แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็ถอนตัวไปในตอนนี้ได้เลย”

 

 

ห้องโถงเงียบไปชั่วขณะ แผนก่อนหน้านี้ของคามิลล์ก็ทำให้พวกเขาหาช่องโหว่ไม่ได้เลย ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร ในตอนนี้คามิลล์ประหลาดมาก มันแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงเลย มันต่างตรงไหนกันนะ? ดูเหมือนว่าจะมีความโกรธจางๆ อยู่ภายใต้รอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบนั้น?

 

 

อันพาแกรนด์ วิหารแห่งแสง

 

 

คามิลล์ยกแก้ว ทุกคนก็ยกแก้ว

 

 

คามิลล์จิบไวน์ในแก้วอย่างช้าๆ แสงเย็นชาน่ากลัวอยู่ในส่วนลึกของดวงตาเขา อันพาแกรนด์ วิหารแห่งแสง พร้อมที่จะแบกรับความโกรธของข้าหรือไม่?

 

 

ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงพลางคิดถึงสิ่งที่คามิลล์พูดในวันนี้และแผนการที่เขาเตรียม แต่มีคำถามในใจคือ คามิลล์เป็นแค่นักวิชาการและนักฆ่าที่มีชื่อเสียงจริงหรือ? มันเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ? นักฆ่าที่ทำอะไรตามที่ใจต้องการ นักฆ่าอันดับหนึ่ง เขาช่วยชีอ้าวชวางมากขนาดนี้มีจุดประสงค์อะกันแน่? มีคนที่คิดเหมือนกันอีกก็คือจินเหยียนและวัลโด พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคามิลล์ถึงต้องการช่วยชีอ้าวชวางขนาดนี้

 

 

แต่ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการช่วยเหลือชีอ้าวชวาง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หากเขาทำอะไรเพื่อทำร้ายชีอ้าวชวาง ตนเองจะไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่นอน!

 

 

ตอนนี้ชีอ้าวชวางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ในขณะที่ไป๋ตีและเฮยหยู่นอนอยู่บนหมอนนุ่มๆ พวกเขาเหลือบตามองอย่างสบายๆ และพักผ่อนต่อ

 

 

กระจกดอกบัว นางจำได้ว่าซือคงหลินบอกว่าเขาจะปรากฏตัวเมื่อนางฝึกถึงขั้นที่สิบสอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถึงจุดที่เป็นคอขวดและบรรลุไม่ได้เลย

 

 

ในขณะที่ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น

 

 

“เข้ามา” ชีอ้าวชวางมองไปที่ประตูห้องนอนและพูดเบาๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว คนๆ นั้นคือคามิลล์

 

 

คามิลล์เปิดประตูและเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ท่านรองหัวหน้าผู้ชาญฉลาด ทำไมถึงมาหาข้าดึกขนาดนี้ล่ะ?” ชีอ้าวชวางถามพร้อมเอียงหัว ขณะที่คามิลล์ปิดประตูและเดินไปช้าๆ

 

 

“อ้าวชวาง เจ้าจำสิ่งที่ข้าบอกว่าข้าต้องการให้เจ้าเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าได้หรือไม่?” คามิลล์นั่งลงที่ข้างเตียงและถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ท่านเพิ่งพูดไปคืนนี้ ข้าจะลืมเร็วอย่างนั้นได้หรือ” ชีอ้าวชวางกลอกตาใส่คามิลล์แล้วพูดอย่างไม่พอใจ

 

 

“อ้าวชวาง เจ้ารู้ไหมว่าในโลกนี้มีกี่มิติ?” คามิลล์ถาม

 

 

“โลกมนุษย์ โลกอสูร โลกปีศาจ โลกเทพเจ้า” ชีอ้าวชวางตอบ

 

 

คามิลล์ยิ้มจางๆ “เจ้าพูดถูกครึ่งหนึ่ง”

 

 

“หมายความว่าอะไรคะ?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย คามิลล์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้รู้สึกแปลกๆ

 

 

ใบหน้าของคามิลล์แสดงให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ชีอ้าวชวางคุ้นเคยอีกครั้ง “สถานที่ที่ข้าจะส่งเจ้าไปนั้นอันตรายมาก แต่ความเสี่ยงและผลกำไรก็อยู่ในระดับเดียวกันเลย นอกจากนี้ยังมีสมบัติที่เสริมความแข็งแกร่งให้เจ้าได้ด้วย ตอนนี้เจ้าต่อสู้กับทูตสวรรค์แปดปีกได้เพียงองค์เดียวเท่านั้น เจ้าจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าโดยเร็วที่สุด” คามิลล์รู้ดีว่าชีอ้าวชวางต่อสู้กับทูตสวรรค์แปดปีกได้ แต่หากทูตสวรรค์แปดปีกมาพร้อมกันสององค์แล้วโจมตีนางในเวลาเดียวกัน นางอาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้ โชคดีที่ทูตสวรรค์ที่สูงที่สุดที่ลงมาโลกได้คือทูตสวรรค์แปดปีก ส่วนทูตสวรรค์สิบปีกและสิบสองปีกมาไม่ได้

 

 

“อะไรนะ?” ชีอ้าวชวางตะลึง

 

 

“หอกเงินจากสิ่งประดิษฐ์สังหารเทพเจ้าอยู่ในมือเจ้าใช่หรือไม่?” คามิลล์ยิ้ม “เอาออกมาสิ มันจะช่วยประหยัดแรงได้อีกมากเลย”

 

 

ใจของชีอ้าวชวางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แต่ก็ยังคงเอาสิ่งนั้นออกมา

 

 

“เหอะๆ มันยังไม่ถูกเปิดจริงๆ คนพวกนี้ไม่รู้จริงๆ หรือว่านี่คือกุญแจมิติ?” คามิลล์รับหอกเงินจากชีอ้าวชวางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไปอย่างมาก คามิลล์! เขาคือใครกันแน่?

 

 

“จงไปที่ส่วนลึกของหุบเขาทางทิศตะวันตก ไปรับแก่นแท้ของไฟแล้วร่ายคาถานี้” คามิลล์โน้มตัวเข้าไปข้างหูของชีอ้าวชวางและร่ายคาถาสั้นๆ ด้วยเสียงต่ำ “จำไว้ว่าเจ้าต้องท่องคาถาเมื่อได้มันมาแล้ว และข้าจะพาเจ้าออกมา ที่แห่งนั้นไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะไปอยู่ได้เป็นเวลานาน”

 

 

ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ด้วยความประหลาดใจ แล้วคามิลล์ก็วางหอกเงินไว้ในอากาศและมันก็ลอยอยู่เงียบๆ แบบนั้น

 

 

“เส้นทางสู่ความโกลาหล จงเปิด!” คามิลล์หรี่ตาเล็กน้อยแล้วเคาะนิ้วเบาๆ จากนั้นหอกเงินที่ลอยอยู่ในอากาศก็หมุนช้าๆ มันหมุนไปรอบๆ แล้วก็หยุดลง จากนั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนเป็นวงกลมที่มีแสงจางๆ ซึ่งไม่ได้สลายไป

 

 

“ไปสิ อ้าวชวาง จำไว้ว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ตายในนั้น” คามิลล์หันไปมองชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ หลังจากพูดแล้วเขาก็ยิ้มบางๆ และดึงชีอ้าวชวางเข้ามาจูบที่หน้าผากอย่างรวดเร็วแล้วดึงชีอ้าวชวางให้เข้าไปในวงกลมนั้นโดยที่ไม่รอให้ชีอ้าวชวางมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ส่วนไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่เพิ่งตื่นขึ้นยังไม่ทันได้สติก็ถูกคามิลล์คว้าด้วยมือข้างเดียวแล้วส่งพวกเขาเข้าไปในวงกลมนั้นด้วยกันเลย

 

 

สิ่งที่ชีอ้าวชวางได้เห็นสุดท้ายนั้นแปลกประหลาดมาก เพราะว่าชีอ้าวชวางเห็นชัดเจนเลยว่าดวงตาของคามิลล์มีแสงประหลาดเกิดขึ้น ถ้าไม่ได้มองผิดไป ดวงตานั้นข้างหนึ่งเป็นสีดำ ข้างหนึ่งเป็นสีแดง!

 

 

คามิลล์เป็นใครกันแน่?!

 

 

พอชีอ้าวชวางพร้อมกันไป๋ตี้และเฮยหยู่หายเข้าไปในวงกลมนั้นแล้ว คามิลล์ก็เก็บกอหเงิน แล้วสีตาของเขาก็กลับมาเป็นสีฟ้าเช่นเดิม

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เสน่ห์คมดาบ 215

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 215 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉียวฉู่ซินขมวดคิ้ว “อ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าอ้าวชวางกำลังจะไปลากัคน่ะสิ? ไม่ได้นะ! ข้าอยากไปด้วย! ข้าไม่อยากแยกกับอ้าวชวางอีกแล้ว” เฉียวฉู่ซินพูดแล้วก็เข้าไปกอดแขนชีอ้าวชวาง

 

 

“เจ้าตามนางไปก็ไปถ่วงนางเสียเปล่าๆ ตอนนี้เจ้าอ่อนแอมาก ข้าไม่ได้อยากให้นางไปที่ลากัค แต่นี่เพื่อฝึกฝนและพัฒนาความแข็งแกร่งของนางเอง” คามิลล์พูดประโยคนี้จบ เฉียวฉู่ซินก็หยุดนิ่งและมองไปที่คามิลล์อย่างไม่พอใจ แต่นางเข้าใจว่าคามิลล์กำลังพูดความจริง แม้ว่านางจะแข็งแกร่งกว่านักธนูทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับชีอ้าวชวางแล้ว นางถือได้ว่าอ่อนแอมากๆ

 

 

“ไปฝึกฝนหรือ? จะไปที่ไหนล่ะ?” ไม่ใช่ชีอ้าวชวางคนเดียวในกลุ่ม แต่ทุกคนต่างก็สงสัย

 

 

“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเจ้าเพียงแค่ต้องอยู่และช่วยข้า ไม่มีข้อโต้แย้งใช่หรือไม่?” คามิลล์จิบชาอย่างสบายใจแล้วมองเหลิ่งหลิงยวิ๋น จากนั้นก็มองไปที่จินเหยียน

 

 

การแสดงออกของทุกคนค่อนข้างซับซ้อนแต่ก็ไม่มีใครคัดค้าน

 

 

มีเพียงออสต้าเท่านั้นที่มองไปที่ชีอ้าวชวางและพูดเบาๆ “ข้าจะคอยดู”

 

 

คามิลล์ยักไหล่ “ตามแต่เจ้าเลย” คามิลล์ไม่ได้นับเอลฟ์ผู้นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

 

คามิลล์วิเคราะห์สถานการณ์ให้ชัดเจนและจัดแจงทุกอย่างแล้ว วิธีการที่เด็ดเดี่ยวและแน่วแน่เช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น

 

 

“เจ้าพาทุกคนลงไปพักผ่อนนะ” คามิลล์สั่งสีเฉ่าซื่ออย่างนุ่มนวล

 

 

สีเฉ่าซื่อเด้งตัวขึ้นทันที และทำท่าทางเชิญทุกคนด้วยรอยยิ้มที่น่ารัก “ทุกคนโปรดตามข้ามา เชิญไปอาบน้ำร้อนที่ห้องนอนของพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยออกมากินข้าวกัน”

 

 

ออสต้าลุกขึ้นยืนก่อน เป็นนิสัยปกติของเอลฟ์ที่จะรักความสะอาด คนอื่นๆ ก็ลุกยืนขึ้นและเดินตามสีเฉ่าซื่อและสีเฉ่าฉีที่เป็นผู้นำทางและจัดสรรห้องให้กับทุกคนไป

 

 

เพียงพริบตาก็เหลือเพียงคามิลล์และชีอ้าวชวางที่อยู่ในห้องโถง

 

 

เกิดความเงียบขึ้นโดยรอบ

 

 

ชีอ้าวชวางค่อยๆ หันหน้าไปมองคามิลล์แล้วเผยอริมฝีปาก จากนั้นก็ปิดไปอีกครั้ง ในขณะนี้หัวใจของนางซับซ้อนมาก ทำไมเขาถึงอยากช่วยตนเองนะ? ชีอ้าวชวางตระหนักได้ว่าตนเองไม่เข้าใจเขาเลย ทำไมเขาถึงช่วยตนเองเช่นนี้ล่ะ? ช่วยด้วยการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอันพาแกรนด์และวิหารแห่งแสงแล้วเป็นศัตรูกับพวกเขาน่ะหรือ การที่คามิลล์เข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่านั่นเป็นเพียงแค่ความสนุกชั่วคราวของเขา ชีอ้าวชวางหาเหตุผลที่คามิลล์จะช่วยตนเองด้วยวิธีนี้ไม่ได้เลย

 

 

คามิลล์กลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆ ของชีอ้าวชวางแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ“อย่าคิดหาเหตุผลว่าทำไมข้าถึงอยากทำเช่นนี้เลย เจ้าแค่ต้องรู้ไว้ว่าข้าจะบรรเทาความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับ และข้าจะล้างเจ้าออกจากมลทินที่เจอ หากเจ้ารู้สึกไม่เข้าใจ เจ้าก็มองเสียว่าข้าแค่เบื่อมากแล้วหาอะไรทำก็แล้วกัน”

 

 

ชีอ้าวชวางจำได้ว่าคามิลล์ต้องการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างของนางด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เขาบอกว่าเพราะมันน่าเบื่อเกินไปจึงหาอะไรทำ “ท่านบอกให้ข้าเพิ่มความแข็งแกร่งใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางถามด้วยความสงสัย

 

 

“แล้วข้าจะบอกเจ้านะ เอาละ ตอนนี้ไปอาบน้ำร้อนพักผ่อนได้แล้ว หลังอาหารเย็นข้ามีเรื่องที่ต้องพูดอีกมากเลย” คามิลล์ชักมือกลับยิ้มๆ และเดินจากไป

 

 

ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ค่อยๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสที่หัวของนางอย่างอบอุ่น ตอนที่มือใหญ่ของคามิลล์วางไว้ตรงนี้มันอบอุ่นมาก ไม่ใช่แค่อบอุ่นตรงนี้ แต่ยังอบอุ่นอยู่ในใจของนางด้วย ความรู้สึกนี้ทำให้ชีอ้าวชวางนึกอะไรได้มากเลย ความอบอุ่นที่ห่างหายไปนานนี้ช่างอบอุ่นใจยิ่งนัก ชีอ้าวชวางนึกถึงแคทเธอรีนและคนๆ หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว คนที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดียวกับแคทเธอรีนแม่แท้ๆ ของนาง…

 

 

ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ และกลับไปอาบน้ำที่ห้อง

 

 

มืออาหารค่ำวันนี้ อุดมสมบูรณ์มากเป็นพิเศษ

 

 

อาหารเลิศรสวางอยู่เต็มโต๊ะ แถมยังมีหมูหันอยู่กลางโต๊ะยาวด้วย ด้านหน้าของออสต้ามีอาหารมังสวิรัติที่หรูหราสำหรับเอลฟ์ผู้รักความสงบและไม่กินเนื้อสัตว์ ลู่ย่ารินไวน์หอมกรุ่นให้ทุกคนแล้วก้าวถอยหลังไป

 

 

“คะ…” วัลโดกำลังจะเรียกคามิลล์แล้วก็เปลี่ยนคำเรียกอย่างชาญฉลาด “ท่านรองหัวหน้า ข้าอยากจะถามว่าท่านจะให้อ้าวชวางไปที่ไหนหรือ?”

 

 

คามิลล์ยกแก้วขึ้น เขายิ้มและพูดเบาๆ “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”

 

 

ทุกคนมองหน้ากันอย่างซับซ้อน แต่คามิลล์ยังคงยิ้มอย่างใจเย็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิแล้วจิบไวน์อย่างสง่างาม คามิลล์ต้องการทำอะไรกันแน่? ช่างลึกลับจริงๆ

 

 

“สิ่งที่เจ้าต้องทำคือร่วมมือกับข้าเพื่อรวบโยซาลี่” คามิลล์ปรายตามองไปที่ผู้คนในห้องโถงและพูดอย่างสบายๆ “แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็ถอนตัวไปในตอนนี้ได้เลย”

 

 

ห้องโถงเงียบไปชั่วขณะ แผนก่อนหน้านี้ของคามิลล์ก็ทำให้พวกเขาหาช่องโหว่ไม่ได้เลย ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร ในตอนนี้คามิลล์ประหลาดมาก มันแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงเลย มันต่างตรงไหนกันนะ? ดูเหมือนว่าจะมีความโกรธจางๆ อยู่ภายใต้รอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบนั้น?

 

 

อันพาแกรนด์ วิหารแห่งแสง

 

 

คามิลล์ยกแก้ว ทุกคนก็ยกแก้ว

 

 

คามิลล์จิบไวน์ในแก้วอย่างช้าๆ แสงเย็นชาน่ากลัวอยู่ในส่วนลึกของดวงตาเขา อันพาแกรนด์ วิหารแห่งแสง พร้อมที่จะแบกรับความโกรธของข้าหรือไม่?

 

 

ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงพลางคิดถึงสิ่งที่คามิลล์พูดในวันนี้และแผนการที่เขาเตรียม แต่มีคำถามในใจคือ คามิลล์เป็นแค่นักวิชาการและนักฆ่าที่มีชื่อเสียงจริงหรือ? มันเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ? นักฆ่าที่ทำอะไรตามที่ใจต้องการ นักฆ่าอันดับหนึ่ง เขาช่วยชีอ้าวชวางมากขนาดนี้มีจุดประสงค์อะกันแน่? มีคนที่คิดเหมือนกันอีกก็คือจินเหยียนและวัลโด พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคามิลล์ถึงต้องการช่วยชีอ้าวชวางขนาดนี้

 

 

แต่ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการช่วยเหลือชีอ้าวชวาง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หากเขาทำอะไรเพื่อทำร้ายชีอ้าวชวาง ตนเองจะไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่นอน!

 

 

ตอนนี้ชีอ้าวชวางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ในขณะที่ไป๋ตีและเฮยหยู่นอนอยู่บนหมอนนุ่มๆ พวกเขาเหลือบตามองอย่างสบายๆ และพักผ่อนต่อ

 

 

กระจกดอกบัว นางจำได้ว่าซือคงหลินบอกว่าเขาจะปรากฏตัวเมื่อนางฝึกถึงขั้นที่สิบสอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถึงจุดที่เป็นคอขวดและบรรลุไม่ได้เลย

 

 

ในขณะที่ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น

 

 

“เข้ามา” ชีอ้าวชวางมองไปที่ประตูห้องนอนและพูดเบาๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว คนๆ นั้นคือคามิลล์

 

 

คามิลล์เปิดประตูและเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ท่านรองหัวหน้าผู้ชาญฉลาด ทำไมถึงมาหาข้าดึกขนาดนี้ล่ะ?” ชีอ้าวชวางถามพร้อมเอียงหัว ขณะที่คามิลล์ปิดประตูและเดินไปช้าๆ

 

 

“อ้าวชวาง เจ้าจำสิ่งที่ข้าบอกว่าข้าต้องการให้เจ้าเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าได้หรือไม่?” คามิลล์นั่งลงที่ข้างเตียงและถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ท่านเพิ่งพูดไปคืนนี้ ข้าจะลืมเร็วอย่างนั้นได้หรือ” ชีอ้าวชวางกลอกตาใส่คามิลล์แล้วพูดอย่างไม่พอใจ

 

 

“อ้าวชวาง เจ้ารู้ไหมว่าในโลกนี้มีกี่มิติ?” คามิลล์ถาม

 

 

“โลกมนุษย์ โลกอสูร โลกปีศาจ โลกเทพเจ้า” ชีอ้าวชวางตอบ

 

 

คามิลล์ยิ้มจางๆ “เจ้าพูดถูกครึ่งหนึ่ง”

 

 

“หมายความว่าอะไรคะ?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย คามิลล์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้รู้สึกแปลกๆ

 

 

ใบหน้าของคามิลล์แสดงให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ชีอ้าวชวางคุ้นเคยอีกครั้ง “สถานที่ที่ข้าจะส่งเจ้าไปนั้นอันตรายมาก แต่ความเสี่ยงและผลกำไรก็อยู่ในระดับเดียวกันเลย นอกจากนี้ยังมีสมบัติที่เสริมความแข็งแกร่งให้เจ้าได้ด้วย ตอนนี้เจ้าต่อสู้กับทูตสวรรค์แปดปีกได้เพียงองค์เดียวเท่านั้น เจ้าจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าโดยเร็วที่สุด” คามิลล์รู้ดีว่าชีอ้าวชวางต่อสู้กับทูตสวรรค์แปดปีกได้ แต่หากทูตสวรรค์แปดปีกมาพร้อมกันสององค์แล้วโจมตีนางในเวลาเดียวกัน นางอาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้ โชคดีที่ทูตสวรรค์ที่สูงที่สุดที่ลงมาโลกได้คือทูตสวรรค์แปดปีก ส่วนทูตสวรรค์สิบปีกและสิบสองปีกมาไม่ได้

 

 

“อะไรนะ?” ชีอ้าวชวางตะลึง

 

 

“หอกเงินจากสิ่งประดิษฐ์สังหารเทพเจ้าอยู่ในมือเจ้าใช่หรือไม่?” คามิลล์ยิ้ม “เอาออกมาสิ มันจะช่วยประหยัดแรงได้อีกมากเลย”

 

 

ใจของชีอ้าวชวางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แต่ก็ยังคงเอาสิ่งนั้นออกมา

 

 

“เหอะๆ มันยังไม่ถูกเปิดจริงๆ คนพวกนี้ไม่รู้จริงๆ หรือว่านี่คือกุญแจมิติ?” คามิลล์รับหอกเงินจากชีอ้าวชวางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไปอย่างมาก คามิลล์! เขาคือใครกันแน่?

 

 

“จงไปที่ส่วนลึกของหุบเขาทางทิศตะวันตก ไปรับแก่นแท้ของไฟแล้วร่ายคาถานี้” คามิลล์โน้มตัวเข้าไปข้างหูของชีอ้าวชวางและร่ายคาถาสั้นๆ ด้วยเสียงต่ำ “จำไว้ว่าเจ้าต้องท่องคาถาเมื่อได้มันมาแล้ว และข้าจะพาเจ้าออกมา ที่แห่งนั้นไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะไปอยู่ได้เป็นเวลานาน”

 

 

ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ด้วยความประหลาดใจ แล้วคามิลล์ก็วางหอกเงินไว้ในอากาศและมันก็ลอยอยู่เงียบๆ แบบนั้น

 

 

“เส้นทางสู่ความโกลาหล จงเปิด!” คามิลล์หรี่ตาเล็กน้อยแล้วเคาะนิ้วเบาๆ จากนั้นหอกเงินที่ลอยอยู่ในอากาศก็หมุนช้าๆ มันหมุนไปรอบๆ แล้วก็หยุดลง จากนั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนเป็นวงกลมที่มีแสงจางๆ ซึ่งไม่ได้สลายไป

 

 

“ไปสิ อ้าวชวาง จำไว้ว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ตายในนั้น” คามิลล์หันไปมองชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ หลังจากพูดแล้วเขาก็ยิ้มบางๆ และดึงชีอ้าวชวางเข้ามาจูบที่หน้าผากอย่างรวดเร็วแล้วดึงชีอ้าวชวางให้เข้าไปในวงกลมนั้นโดยที่ไม่รอให้ชีอ้าวชวางมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ส่วนไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่เพิ่งตื่นขึ้นยังไม่ทันได้สติก็ถูกคามิลล์คว้าด้วยมือข้างเดียวแล้วส่งพวกเขาเข้าไปในวงกลมนั้นด้วยกันเลย

 

 

สิ่งที่ชีอ้าวชวางได้เห็นสุดท้ายนั้นแปลกประหลาดมาก เพราะว่าชีอ้าวชวางเห็นชัดเจนเลยว่าดวงตาของคามิลล์มีแสงประหลาดเกิดขึ้น ถ้าไม่ได้มองผิดไป ดวงตานั้นข้างหนึ่งเป็นสีดำ ข้างหนึ่งเป็นสีแดง!

 

 

คามิลล์เป็นใครกันแน่?!

 

 

พอชีอ้าวชวางพร้อมกันไป๋ตี้และเฮยหยู่หายเข้าไปในวงกลมนั้นแล้ว คามิลล์ก็เก็บกอหเงิน แล้วสีตาของเขาก็กลับมาเป็นสีฟ้าเช่นเดิม

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+