เสน่ห์คมดาบ 239

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 239 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“บอกไม่ได้” ไป๋ตี้พูดออกมาอย่างเย็นชา  

 

 

“อะไรนะ!” ดวงตาของว่านเฟิงหลิวเบิกกว้างแล้วโวยวายออมา “ข้าบอกพวกเจ้าหมดแล้วนะ”  

 

 

“พวกเราบอกเจ้าเมื่อไหร่ว่าหากเจ้าบอกเรื่องนี้แล้วเราจะบอกในสิ่งที่เจ้าอยากรู้” ไป๋ตี้ย้อนถามเรียบๆ  

 

 

ปากของว่านเฟิงหลิวกระตุก พูดไม่ออกเลย ไป๋ตี้ไม่ได้พูดเช่นนั้นจริงๆ เขาคิดอย่างนั้นไปเอง  

 

 

“เช่นนั้นพวกเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้ายังมีงานที่ต้องทำต่อ รอให้ข้าจัดการเรื่องงานประลองนี้ก่อนแล้วข้าจะหาที่พักที่ดีที่สุดให้พวกเจ้า” ดวงตาสีพีชที่มีเสน่ห์ของว่านเฟิงหลิวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าหากพวกเจ้าอยากเข้าร่วม ข้าก็ลงชื่อให้พวกเจ้าล่วงหน้าได้เลยนะ”  

 

 

“เหอะๆ!” เฮยหยู่ตัดบทอย่างไม่พอใจ  

 

 

“เขาปิดผนึกตัวเองแล้วเขานอนที่ไหน?” จู่ๆ ไป๋ตี้ก็ถามประโยคนี้ขึ้นมา  

 

 

“ไม่รู้ เจ้าลองไปดูที่ซากปรักหักพังที่พระราชวังดูสิ อาจจะพบอะไรบ้าง ช่วงสองสามวันนี้พวกเจ้าไปดูรอบๆ กันเองก่อนนะ ข้าไม่มีเวลาดูแลพวกเจ้าเลย” ว่านเฟิงหลิวตอบอย่างไม่จริงจังนัก จากนั้นก็หันไปมองชีอ้าวชวางแล้วพูดเสริม “แต่พวกเจ้าอย่าพาสาวสวยออกไปข้างนอกจะดีที่สุด แม้ว่าตอนนี้ดินแดนของข้าจะอยู่ในการควบคุมพิเศษ พวกอสูรปีศาจจึงลงมือได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าออกจากดินแดนข้าไปก็พูดยากนะ ตอนนี้พวกอสูรปีศาจที่มีมนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงมีไม่มากนัก แต่แน่นอนว่าหากเป็นภายในดินแดนของข้า เจ้าไปได้ทุกทีเลย สิ่งนี้ข้าให้เจ้า คุณหนูอ้าวชวางคนสวย เจ้าใส่ไว้นะ คนอื่นจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนของคฤหาสน์ข้า เวลาออกไปข้างนอกจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารบกวน” ว่านเฟิงหลิวเดินไปข้างๆ ชีอ้าวชวางแล้วหยิบตรากุหลาบออกมา ต่อจากนั้น ยังไม่ทันที่ชีอ้าวชวางจะได้มองการเคลื่อนไหวของว่านเฟิงหลิวเลย ตรากุหลาบนั้นก็ติดอยู่ที่คอเสื้อของนางแล้ว  

 

 

“รู้แล้ว” ไป๋ตี้ตอบเบาๆ เฮยหยู่มองตราดอกกุหลาบที่อยู่ใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวางแล้วสายตาของเขาก็ปรากฏความไม่พอใจออกมา  

 

 

ว่านเฟิงหลิวโบกมือเบาๆ เรียกสาวใช้คนสวยมาหนึ่งคน  

 

 

“พาเพื่อนๆ ของข้าไปพักผ่อน” ว่านเฟิงหลิวยิ้ม  

 

 

“ค่ะ นายท่าน” สาวใช้คนสวยก้มหน้าลงอย่างเคารพแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อแสดงท่าทางเชิญพวกไป๋ตี้ “เชิญทุกท่านตามข้ามาได้เลยค่ะ”  

 

 

สาวใช้พาพวกเขาไปที่พักที่เงียบสงบและจากไป ที่พักตรงนี้เป็นอาคารสองชั้นในลานที่เงียบสงบ ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนและส่วนด้านล่างเป็นห้องโถง ห้องหนังสือ ห้องรับประทานอาหาร ฯลฯ  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งคู่ต่างเงียบไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่  

 

 

ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ด้านข้างอย่างครุ่นคิดโดยไม่พูดอะไร  

 

 

เกิดความเงียบขึ้นในห้องโถง แมวล่าสมบัตินอนอยู่บนตักของชีอ้าวชวางและหาวอย่างเบื่อหน่าย  

 

 

ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ  

 

 

“เข้ามา” ไป๋ตี้พูดเบาๆ  

 

 

ประตูถูกผลักออกเบาๆ เผยให้เห็นใบหน้าของสาวใช้ที่มีเสน่ห์เมื่อครู่ สาวใช้คนสวยกระซิบ “มีจดหมายถึงพวกท่านทั้งสองค่ะ”  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเพิ่งมาถึงคฤหาสน์เจ้าเมืองนี้ได้สักพักก็มีจดหมายส่งมาแล้วหรือ?  

 

 

“นี่คือจดหมายของท่านไป๋ และนี่คือจดหมายของท่านเฮยค่ะ” สาวใช้คนสวยยื่นจดหมายในมือไปทางซ้ายและขวาด้วยท่าทางที่มีความสุข แต่เรื่องราวในนั้นไม่มีความสุขเลยสักนิด  

 

 

ไป๋ตี้กำลังจะยื่นมือไปหยิบ เฮยหยู่ก็คว้าจดหมายและพูดกับสาวใช้คนสวยอย่างเย็นชา “ใครให้เจ้าเอามาส่ง?”  

 

 

“นายท่านค่ะ” สาวใช้คนสวยตอบไปตามความจริง  

 

 

ไป๋ตี้ขมวดคิ้ว เฮยหยู่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาโบกมือและพูด “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเถอะ” ก็แค่สาวใช้คนหนึ่งคงถามอะไรไม่ได้มากหรอก ว่านเฟิงหลิวคิดจะทำอะไรเดี๋ยวอ่านจดหมายก็คงได้รู้เอง  

 

 

เฮยหยู่ยื่นจดหมายให้ไป๋ตี้แล้วเปิดจดหมายที่เป็นของเขาเอง พออ่านจดหมายจบ ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันที เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าไป๋ตี้เพิ่งอ่านจดหมายจบและใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมเช่นกัน ชีอ้าวชวางมองการแสดงออกของทั้งสองด้วยลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ  

 

 

“ไปกันเถอะ ข้าอยากรู้ให้แน่ชัดเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” ไป๋ตี้พูดอย่างเคร่งขรึม  

 

 

เฮยหยู่เงียบและมองตราดอกกุหลาบใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวางจากหางตา แต่จนสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยืนขึ้นช้าๆ เท่านั้น ชีอ้าวชวางพยักหน้าและอุ้มแมวล่าสมบัติยืนขึ้น ไป๋ตี้และเฮยหยู่ได้รับจดหมายจากใครกันแน่ เนื้อหาในจดหมายนั้นคืออะไรถึงทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปขนาดนั้น และโลกอสูรปีศาจเป็นอย่างไรกันแน่ นางเองก็อยากรู้เช่นกัน  

 

 

ชีอ้าวชวางเดินตามไป๋ตี้และเฮยหยู่ออกจากคฤหาสน์เจ้าเมือง ระหว่างทางชีอ้าวชวางก็แตะต่างหูสีม่วงที่หูของนางเบาๆ และนึกถึงเหลิ่งหลิงยวิ๋น ทำไมเหลิ่งหลิงยวิ๋นถึงจากไปโดยไม่บอกลาเลยนะ? ทำไปเพื่ออะไรกันแน่? คามิลล์ส่งนางเข้ามาในโลกอสูรปีศาจเช่นนี้ พี่ชายและพี่สาวคงจะเป็นห่วงนางมากเลยสิ? เฟิงอี้เซวียน…เขาล่ะ? ตอนนี้เขาจะกำลังร้อนใจตามหานางอยู่หรือไม่นะ?  

 

 

พอทั้งสามคนเดินมาถึงประตูคฤหาสน์เจ้าเมืองก็มีรถม้าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว และคนขับรถม้าก็บอกอย่างสุภาพว่าเจ้าเมืองสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว  

 

 

เฮยหยู่ช่วยชีอ้าวชวางขึ้นไปนั่งในรถม้าและหันไปพูดกับไป๋ตี้อย่างเย็นชา “ว่านเฟิงหลิวนั่นอยากให้โลกวุ่นวายเพื่อจะได้ทำให้จุดมุ่งหมายของเขาสำเร็จ”  

 

 

“วันไหนที่เขาซื่อตรงก็แสดงว่าวันนั้นไม่ใช่ตัวเขาแล้ว” ไป๋ตี้หลับตาลงและพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างเย็นชา เฮยหยู่แค่นเสียงอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรอีก  

 

 

ชีอ้าวชวางรู้สึกถึงอารมณ์ที่แปรปรวนของทั้งสองคนพวกเขาไม่ได้พูดอะไร และชีอ้าวชวางก็ไม่ได้ถาม นางทำเพียงแค่นั่งเงียบๆ นางรู้ดีว่าถ้าไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่อยากพูด ต่อให้ถามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก  

 

 

ในที่สุดรถม้าก็มาจอดลงตรงหน้าประตูใหญ่ที่งดงามและคนขับรถม้าก็ยิ้มอย่างเคารพ “ถึงแล้วครับท่านทั้งสอง นี่คือโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองครับ”  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่ออกจากรถม้าโดยมีชีอ้าวชวางอุ้มแมวล่าสมบัติตามหลังไป จากนั้นคนขับก็ขับรถม้าจากไป แต่ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่ได้ก้าวเท้าเข้าประตูไปแต่หันมามองชีอ้าวชวาง จากนั้นไป๋ตี้ก็พูด “อ้าวชวาง…”  

 

 

ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคร่งขรึมของไป๋ตี้และรอคำพูดต่อไปอย่างเงียบๆ  

 

 

“คนรู้จักของข้าและเฮยหยู่นัดเรามาเจอที่นี่เพราะอยากให้พวกเราช่วยเขาโดยการเข้าร่วมการประลองครั้งนี้” ไป๋ตี้พูดอย่างสงบ  

 

 

“ซึ่งไม่ใช่คนเดียวกัน” เฮยหยู่พูดอย่างเย็นชา  

 

 

ชีอ้าวชวางเข้าใจทันที คนที่เชิญไป๋ตี้และเฮยหยู่มาไม่ใช่คนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน เช่นนั้น หากไป๋ตี้และเฮยหยู่ตกลงตามคำเชิญของอีกฝ่าย พวกเขาก็จะกลายเป็นคู่แข่งกันและต้องแยกกัน  

 

 

“พวกเขาอยู่ในห้องที่ชั้นสอง อ้าวชวาง เจ้าไปกับข้าเถอะ” เฮยหยู่เอ่ยปากให้ชีอ้าวชวางไปกับเขา  

 

 

ไป๋ตี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร  

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึง นางไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากมาถึงโลกอสูรปีศาจ ไป๋ตี้และเฮยหยู่จะเป็นถึงขั้นนี้ด้วยความรวดเร็วขนาดนี้ ตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ก็พอจะมองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไม่ได้กลมเกลียวกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เห็นถึงขั้นว่าจะเป็นเหมือนน้ำกับไฟเช่นนี้  

 

 

“พวกเจ้า…” ชีอ้าวชวางพูดอย่างลังเล “พวกเจ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรือ? พวกเจ้าต้องเลือกช่วยกองกำลังคนละฝ่ายด้วยหรือ?”  

 

 

“เพื่อนหรือ?!” เฮยหยู่หัวเราะเยาะอย่างดูถูก “ข้าไปเป็นเพื่อนกับเจ้านี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตลกสิ้นดี ตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์พลังของข้าไม่ฟื้นคืนมา การที่สงบศึกกับเขาคือเวลาที่ข้ากำลังฟื้นพลังอยู่ต่างหาก”  

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึง นางนึกถึงตอนที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่พบกันในครั้งแรก พวกเขาดูไม่เป็นมิตรกันจริงๆ แต่ทั้งสองคนก็อยู่กันอย่างสงบสุขมาโดยตลอด แถมยังทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องนางอีกด้วย สายตาของชีอ้าวชวางมีความสงสัยปรากฏขึ้น  

 

 

ไป๋ตี้หลุบตาลงและพูดอย่างเย็นชา “ข้ากับเขาไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆ”  

 

 

คราวนี้ชีอ้าวชวางตกใจมาก ไป๋ตี้ผู้สงบนิ่งก็พูดคำเช่นนั้นออกมาเช่นกัน แบบนี้ก็แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็ไม่เคยเป็นมิตรกันเลยงั้นหรือ? ชีอ้าวชวางมองทั้งสองอย่างว่างเปล่าและพูดไม่ออกอยู่นาน สิ่งที่ชีอ้าวชวางไม่รู้ก็คือไป๋ตี้และเฮยหยู่มีความแข็งแกร่งเท่ากันมาโดยตลอด และพวกเขาก็เป็นนักรบที่อยู่ข้างกายราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เฮยหยู่ที่มีนิสัยไม่เคยยอมใครมักไม่พอใจกับการที่โลกอสูรปีศาจจัดอันดับให้พวกเขาทั้งสองอยู่คู่กันตลอด ดังนั้นเขาจึงกำหนดเป้าหมายไปที่ไป๋ตี้ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ถือว่าเป็นมิตรกันแน่นอน เพียงแต่ตอนที่ทั้งสองอยู่ที่โลกมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับชีอ้าวชวาง แต่พอกลับมาที่โลกอสูรปีศาจ ในเวลาที่ปัญหายิ่งใหญ่เช่นนี้ ความสัมพันธ์ที่พวกเขาสร้างไว้ในโลกมนุษย์นั้นจึงต้องจบลงไป  

 

 

“อ้าวชวาง เจ้าเลือกที่จะอยู่กับเขาหรืออยู่กับข้า?” เฮยหยู่ขมวดคิ้วมองชีอ้าวชวางและถามอย่างก้าวร้าว  

 

 

ไป๋ตี้มองและพูดอย่างเย็นชา “เจ้าหมายความว่าเจ้าตกลงจะช่วยคนๆ นั้นหรือ?”  

 

 

“หรือว่าเจ้าจะไม่ตกลง?” เฮยหยู่ยิ้มเยาะ และไป๋ตี้ก็เงียบลง เฮยหยู่หันไปมองชีอ้าวชวางและพูดต่อ “บอกมาสิ อ้าวชวาง เจ้าต้องเลือกหนึ่งในพวกเราได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!”  

 

 

ทั้งสามคนยืนอยู่ที่ประตูของโรงแรมอันงดงามและเฮยหยู่ก็ถามชีอ้าวชวางด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ส่วนไป๋ตี้ยังคงมีสีหน้าเย็นชาและไม่พูดอะไรเช่นเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่ชีอ้าวชวางทำอะไรไม่ถูก ไป๋ตี้และเฮยหยู่อยู่ในใจของนางคนละแบบ ไม่มีใครแทนที่ใครได้ และนางก็เริ่มคุ้นชินกับการที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่คอยอยู่เคียงข้างนางและคุ้นชินกับการเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับมากลายเป็นเช่นนี้  

 

 

เฮยหยู่และไป๋ตี้ต่างจับจ้องไปที่ชีอ้าวชวาง เฮยหยู่เร่งอย่างใจร้อน แต่สายตากลับมีความกังวลและร้อนใจ ในสายตาคนนอก ทั้งสามคนนี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าที่ซับซ้อน ผู้ชายสองคนกำลังบังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเลือก แต่สิ่งที่น่าแปลกคือผู้ชายทั้งสองเป็นอสูรปีศาจและผู้หญิงเป็นมนุษย์  

 

 

ทั้งสามคนเงียบ ชีอ้าวชวางขยับริมฝีปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แล้วก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังก่อน “ว้าว พี่ชาย พี่ดูนั่นสิ เจ้าตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของคนนั้นอ๊า! น่ารักมาก!”  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่หันไปมองและเห็นกลุ่มอสูรปีศาจแต่งตัวดียืนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมโดยมีชายหนุ่มรูปหล่อหน้านิ่ง ผมสีดำดวงตาสีน้ำตาลและสวมเสื้อผ้าหรูหรา เขากำลังมองมาที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่อย่างนิ่งเฉย ดูไม่รู้สึกว่าการที่ทั้งสองมาปรากฏตัวนั้นแปลกอะไรเลย ถัดจากเขาเป็นสาวสวยที่ดูคล้ายกับเขา แม้ว่าจะสวยมาก แต่ตรงบริเวณระหว่างคิ้วของนางกลับทำลายความงามนั้นไป  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เสน่ห์คมดาบ 239

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 239 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“บอกไม่ได้” ไป๋ตี้พูดออกมาอย่างเย็นชา  

 

 

“อะไรนะ!” ดวงตาของว่านเฟิงหลิวเบิกกว้างแล้วโวยวายออมา “ข้าบอกพวกเจ้าหมดแล้วนะ”  

 

 

“พวกเราบอกเจ้าเมื่อไหร่ว่าหากเจ้าบอกเรื่องนี้แล้วเราจะบอกในสิ่งที่เจ้าอยากรู้” ไป๋ตี้ย้อนถามเรียบๆ  

 

 

ปากของว่านเฟิงหลิวกระตุก พูดไม่ออกเลย ไป๋ตี้ไม่ได้พูดเช่นนั้นจริงๆ เขาคิดอย่างนั้นไปเอง  

 

 

“เช่นนั้นพวกเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้ายังมีงานที่ต้องทำต่อ รอให้ข้าจัดการเรื่องงานประลองนี้ก่อนแล้วข้าจะหาที่พักที่ดีที่สุดให้พวกเจ้า” ดวงตาสีพีชที่มีเสน่ห์ของว่านเฟิงหลิวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าหากพวกเจ้าอยากเข้าร่วม ข้าก็ลงชื่อให้พวกเจ้าล่วงหน้าได้เลยนะ”  

 

 

“เหอะๆ!” เฮยหยู่ตัดบทอย่างไม่พอใจ  

 

 

“เขาปิดผนึกตัวเองแล้วเขานอนที่ไหน?” จู่ๆ ไป๋ตี้ก็ถามประโยคนี้ขึ้นมา  

 

 

“ไม่รู้ เจ้าลองไปดูที่ซากปรักหักพังที่พระราชวังดูสิ อาจจะพบอะไรบ้าง ช่วงสองสามวันนี้พวกเจ้าไปดูรอบๆ กันเองก่อนนะ ข้าไม่มีเวลาดูแลพวกเจ้าเลย” ว่านเฟิงหลิวตอบอย่างไม่จริงจังนัก จากนั้นก็หันไปมองชีอ้าวชวางแล้วพูดเสริม “แต่พวกเจ้าอย่าพาสาวสวยออกไปข้างนอกจะดีที่สุด แม้ว่าตอนนี้ดินแดนของข้าจะอยู่ในการควบคุมพิเศษ พวกอสูรปีศาจจึงลงมือได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าออกจากดินแดนข้าไปก็พูดยากนะ ตอนนี้พวกอสูรปีศาจที่มีมนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงมีไม่มากนัก แต่แน่นอนว่าหากเป็นภายในดินแดนของข้า เจ้าไปได้ทุกทีเลย สิ่งนี้ข้าให้เจ้า คุณหนูอ้าวชวางคนสวย เจ้าใส่ไว้นะ คนอื่นจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนของคฤหาสน์ข้า เวลาออกไปข้างนอกจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารบกวน” ว่านเฟิงหลิวเดินไปข้างๆ ชีอ้าวชวางแล้วหยิบตรากุหลาบออกมา ต่อจากนั้น ยังไม่ทันที่ชีอ้าวชวางจะได้มองการเคลื่อนไหวของว่านเฟิงหลิวเลย ตรากุหลาบนั้นก็ติดอยู่ที่คอเสื้อของนางแล้ว  

 

 

“รู้แล้ว” ไป๋ตี้ตอบเบาๆ เฮยหยู่มองตราดอกกุหลาบที่อยู่ใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวางแล้วสายตาของเขาก็ปรากฏความไม่พอใจออกมา  

 

 

ว่านเฟิงหลิวโบกมือเบาๆ เรียกสาวใช้คนสวยมาหนึ่งคน  

 

 

“พาเพื่อนๆ ของข้าไปพักผ่อน” ว่านเฟิงหลิวยิ้ม  

 

 

“ค่ะ นายท่าน” สาวใช้คนสวยก้มหน้าลงอย่างเคารพแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อแสดงท่าทางเชิญพวกไป๋ตี้ “เชิญทุกท่านตามข้ามาได้เลยค่ะ”  

 

 

สาวใช้พาพวกเขาไปที่พักที่เงียบสงบและจากไป ที่พักตรงนี้เป็นอาคารสองชั้นในลานที่เงียบสงบ ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนและส่วนด้านล่างเป็นห้องโถง ห้องหนังสือ ห้องรับประทานอาหาร ฯลฯ  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งคู่ต่างเงียบไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่  

 

 

ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ด้านข้างอย่างครุ่นคิดโดยไม่พูดอะไร  

 

 

เกิดความเงียบขึ้นในห้องโถง แมวล่าสมบัตินอนอยู่บนตักของชีอ้าวชวางและหาวอย่างเบื่อหน่าย  

 

 

ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ  

 

 

“เข้ามา” ไป๋ตี้พูดเบาๆ  

 

 

ประตูถูกผลักออกเบาๆ เผยให้เห็นใบหน้าของสาวใช้ที่มีเสน่ห์เมื่อครู่ สาวใช้คนสวยกระซิบ “มีจดหมายถึงพวกท่านทั้งสองค่ะ”  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเพิ่งมาถึงคฤหาสน์เจ้าเมืองนี้ได้สักพักก็มีจดหมายส่งมาแล้วหรือ?  

 

 

“นี่คือจดหมายของท่านไป๋ และนี่คือจดหมายของท่านเฮยค่ะ” สาวใช้คนสวยยื่นจดหมายในมือไปทางซ้ายและขวาด้วยท่าทางที่มีความสุข แต่เรื่องราวในนั้นไม่มีความสุขเลยสักนิด  

 

 

ไป๋ตี้กำลังจะยื่นมือไปหยิบ เฮยหยู่ก็คว้าจดหมายและพูดกับสาวใช้คนสวยอย่างเย็นชา “ใครให้เจ้าเอามาส่ง?”  

 

 

“นายท่านค่ะ” สาวใช้คนสวยตอบไปตามความจริง  

 

 

ไป๋ตี้ขมวดคิ้ว เฮยหยู่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาโบกมือและพูด “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเถอะ” ก็แค่สาวใช้คนหนึ่งคงถามอะไรไม่ได้มากหรอก ว่านเฟิงหลิวคิดจะทำอะไรเดี๋ยวอ่านจดหมายก็คงได้รู้เอง  

 

 

เฮยหยู่ยื่นจดหมายให้ไป๋ตี้แล้วเปิดจดหมายที่เป็นของเขาเอง พออ่านจดหมายจบ ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันที เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าไป๋ตี้เพิ่งอ่านจดหมายจบและใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมเช่นกัน ชีอ้าวชวางมองการแสดงออกของทั้งสองด้วยลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ  

 

 

“ไปกันเถอะ ข้าอยากรู้ให้แน่ชัดเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” ไป๋ตี้พูดอย่างเคร่งขรึม  

 

 

เฮยหยู่เงียบและมองตราดอกกุหลาบใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวางจากหางตา แต่จนสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยืนขึ้นช้าๆ เท่านั้น ชีอ้าวชวางพยักหน้าและอุ้มแมวล่าสมบัติยืนขึ้น ไป๋ตี้และเฮยหยู่ได้รับจดหมายจากใครกันแน่ เนื้อหาในจดหมายนั้นคืออะไรถึงทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปขนาดนั้น และโลกอสูรปีศาจเป็นอย่างไรกันแน่ นางเองก็อยากรู้เช่นกัน  

 

 

ชีอ้าวชวางเดินตามไป๋ตี้และเฮยหยู่ออกจากคฤหาสน์เจ้าเมือง ระหว่างทางชีอ้าวชวางก็แตะต่างหูสีม่วงที่หูของนางเบาๆ และนึกถึงเหลิ่งหลิงยวิ๋น ทำไมเหลิ่งหลิงยวิ๋นถึงจากไปโดยไม่บอกลาเลยนะ? ทำไปเพื่ออะไรกันแน่? คามิลล์ส่งนางเข้ามาในโลกอสูรปีศาจเช่นนี้ พี่ชายและพี่สาวคงจะเป็นห่วงนางมากเลยสิ? เฟิงอี้เซวียน…เขาล่ะ? ตอนนี้เขาจะกำลังร้อนใจตามหานางอยู่หรือไม่นะ?  

 

 

พอทั้งสามคนเดินมาถึงประตูคฤหาสน์เจ้าเมืองก็มีรถม้าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว และคนขับรถม้าก็บอกอย่างสุภาพว่าเจ้าเมืองสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว  

 

 

เฮยหยู่ช่วยชีอ้าวชวางขึ้นไปนั่งในรถม้าและหันไปพูดกับไป๋ตี้อย่างเย็นชา “ว่านเฟิงหลิวนั่นอยากให้โลกวุ่นวายเพื่อจะได้ทำให้จุดมุ่งหมายของเขาสำเร็จ”  

 

 

“วันไหนที่เขาซื่อตรงก็แสดงว่าวันนั้นไม่ใช่ตัวเขาแล้ว” ไป๋ตี้หลับตาลงและพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างเย็นชา เฮยหยู่แค่นเสียงอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรอีก  

 

 

ชีอ้าวชวางรู้สึกถึงอารมณ์ที่แปรปรวนของทั้งสองคนพวกเขาไม่ได้พูดอะไร และชีอ้าวชวางก็ไม่ได้ถาม นางทำเพียงแค่นั่งเงียบๆ นางรู้ดีว่าถ้าไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่อยากพูด ต่อให้ถามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก  

 

 

ในที่สุดรถม้าก็มาจอดลงตรงหน้าประตูใหญ่ที่งดงามและคนขับรถม้าก็ยิ้มอย่างเคารพ “ถึงแล้วครับท่านทั้งสอง นี่คือโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองครับ”  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่ออกจากรถม้าโดยมีชีอ้าวชวางอุ้มแมวล่าสมบัติตามหลังไป จากนั้นคนขับก็ขับรถม้าจากไป แต่ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่ได้ก้าวเท้าเข้าประตูไปแต่หันมามองชีอ้าวชวาง จากนั้นไป๋ตี้ก็พูด “อ้าวชวาง…”  

 

 

ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคร่งขรึมของไป๋ตี้และรอคำพูดต่อไปอย่างเงียบๆ  

 

 

“คนรู้จักของข้าและเฮยหยู่นัดเรามาเจอที่นี่เพราะอยากให้พวกเราช่วยเขาโดยการเข้าร่วมการประลองครั้งนี้” ไป๋ตี้พูดอย่างสงบ  

 

 

“ซึ่งไม่ใช่คนเดียวกัน” เฮยหยู่พูดอย่างเย็นชา  

 

 

ชีอ้าวชวางเข้าใจทันที คนที่เชิญไป๋ตี้และเฮยหยู่มาไม่ใช่คนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน เช่นนั้น หากไป๋ตี้และเฮยหยู่ตกลงตามคำเชิญของอีกฝ่าย พวกเขาก็จะกลายเป็นคู่แข่งกันและต้องแยกกัน  

 

 

“พวกเขาอยู่ในห้องที่ชั้นสอง อ้าวชวาง เจ้าไปกับข้าเถอะ” เฮยหยู่เอ่ยปากให้ชีอ้าวชวางไปกับเขา  

 

 

ไป๋ตี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร  

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึง นางไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากมาถึงโลกอสูรปีศาจ ไป๋ตี้และเฮยหยู่จะเป็นถึงขั้นนี้ด้วยความรวดเร็วขนาดนี้ ตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ก็พอจะมองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไม่ได้กลมเกลียวกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เห็นถึงขั้นว่าจะเป็นเหมือนน้ำกับไฟเช่นนี้  

 

 

“พวกเจ้า…” ชีอ้าวชวางพูดอย่างลังเล “พวกเจ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรือ? พวกเจ้าต้องเลือกช่วยกองกำลังคนละฝ่ายด้วยหรือ?”  

 

 

“เพื่อนหรือ?!” เฮยหยู่หัวเราะเยาะอย่างดูถูก “ข้าไปเป็นเพื่อนกับเจ้านี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตลกสิ้นดี ตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์พลังของข้าไม่ฟื้นคืนมา การที่สงบศึกกับเขาคือเวลาที่ข้ากำลังฟื้นพลังอยู่ต่างหาก”  

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึง นางนึกถึงตอนที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่พบกันในครั้งแรก พวกเขาดูไม่เป็นมิตรกันจริงๆ แต่ทั้งสองคนก็อยู่กันอย่างสงบสุขมาโดยตลอด แถมยังทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องนางอีกด้วย สายตาของชีอ้าวชวางมีความสงสัยปรากฏขึ้น  

 

 

ไป๋ตี้หลุบตาลงและพูดอย่างเย็นชา “ข้ากับเขาไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆ”  

 

 

คราวนี้ชีอ้าวชวางตกใจมาก ไป๋ตี้ผู้สงบนิ่งก็พูดคำเช่นนั้นออกมาเช่นกัน แบบนี้ก็แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็ไม่เคยเป็นมิตรกันเลยงั้นหรือ? ชีอ้าวชวางมองทั้งสองอย่างว่างเปล่าและพูดไม่ออกอยู่นาน สิ่งที่ชีอ้าวชวางไม่รู้ก็คือไป๋ตี้และเฮยหยู่มีความแข็งแกร่งเท่ากันมาโดยตลอด และพวกเขาก็เป็นนักรบที่อยู่ข้างกายราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เฮยหยู่ที่มีนิสัยไม่เคยยอมใครมักไม่พอใจกับการที่โลกอสูรปีศาจจัดอันดับให้พวกเขาทั้งสองอยู่คู่กันตลอด ดังนั้นเขาจึงกำหนดเป้าหมายไปที่ไป๋ตี้ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ถือว่าเป็นมิตรกันแน่นอน เพียงแต่ตอนที่ทั้งสองอยู่ที่โลกมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับชีอ้าวชวาง แต่พอกลับมาที่โลกอสูรปีศาจ ในเวลาที่ปัญหายิ่งใหญ่เช่นนี้ ความสัมพันธ์ที่พวกเขาสร้างไว้ในโลกมนุษย์นั้นจึงต้องจบลงไป  

 

 

“อ้าวชวาง เจ้าเลือกที่จะอยู่กับเขาหรืออยู่กับข้า?” เฮยหยู่ขมวดคิ้วมองชีอ้าวชวางและถามอย่างก้าวร้าว  

 

 

ไป๋ตี้มองและพูดอย่างเย็นชา “เจ้าหมายความว่าเจ้าตกลงจะช่วยคนๆ นั้นหรือ?”  

 

 

“หรือว่าเจ้าจะไม่ตกลง?” เฮยหยู่ยิ้มเยาะ และไป๋ตี้ก็เงียบลง เฮยหยู่หันไปมองชีอ้าวชวางและพูดต่อ “บอกมาสิ อ้าวชวาง เจ้าต้องเลือกหนึ่งในพวกเราได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!”  

 

 

ทั้งสามคนยืนอยู่ที่ประตูของโรงแรมอันงดงามและเฮยหยู่ก็ถามชีอ้าวชวางด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ส่วนไป๋ตี้ยังคงมีสีหน้าเย็นชาและไม่พูดอะไรเช่นเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่ชีอ้าวชวางทำอะไรไม่ถูก ไป๋ตี้และเฮยหยู่อยู่ในใจของนางคนละแบบ ไม่มีใครแทนที่ใครได้ และนางก็เริ่มคุ้นชินกับการที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่คอยอยู่เคียงข้างนางและคุ้นชินกับการเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับมากลายเป็นเช่นนี้  

 

 

เฮยหยู่และไป๋ตี้ต่างจับจ้องไปที่ชีอ้าวชวาง เฮยหยู่เร่งอย่างใจร้อน แต่สายตากลับมีความกังวลและร้อนใจ ในสายตาคนนอก ทั้งสามคนนี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าที่ซับซ้อน ผู้ชายสองคนกำลังบังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเลือก แต่สิ่งที่น่าแปลกคือผู้ชายทั้งสองเป็นอสูรปีศาจและผู้หญิงเป็นมนุษย์  

 

 

ทั้งสามคนเงียบ ชีอ้าวชวางขยับริมฝีปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แล้วก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังก่อน “ว้าว พี่ชาย พี่ดูนั่นสิ เจ้าตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของคนนั้นอ๊า! น่ารักมาก!”  

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่หันไปมองและเห็นกลุ่มอสูรปีศาจแต่งตัวดียืนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมโดยมีชายหนุ่มรูปหล่อหน้านิ่ง ผมสีดำดวงตาสีน้ำตาลและสวมเสื้อผ้าหรูหรา เขากำลังมองมาที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่อย่างนิ่งเฉย ดูไม่รู้สึกว่าการที่ทั้งสองมาปรากฏตัวนั้นแปลกอะไรเลย ถัดจากเขาเป็นสาวสวยที่ดูคล้ายกับเขา แม้ว่าจะสวยมาก แต่ตรงบริเวณระหว่างคิ้วของนางกลับทำลายความงามนั้นไป  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+