เสน่ห์คมดาบ 262

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 262 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ปีศาจน่ารังเกียจ เจ้า…” ทูตสวรรค์สิบสองปีกกระอักเลือดออกมาและพูด เลือดที่เขาพ่นออกมามีฟันผสมอยู่ด้วย

“ไม่เล่นแล้ว น่าเบื่อ!” นายน้อยไม่รอให้ทูตสวรรค์สิบสองปีกพูดจบ ใบหน้าของนางเย็นชา แรงกดขี่ข่มเหงในดวงตาลุกโชนขึ้นทันที จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นและเปลวไฟสีดำก็ล้อมทูตสวรรค์เหล่านั้นไว้

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังก้องในห้องโถงนี้ แต่ทะลุออกไปข้างนอกไม่ได้ และยังคงบาดแก้วหูทำให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่

ชีอ้าวชวางตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นทูตสวรรค์ถูกเผาทั้งเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเผาไหม้ของวิญญาณด้วย!

นี่คือความแข็งแกร่งของนายน้อย นี่คือนิสัยธรรมชาติของนายน้อย…

นายน้อยเหลือบมองในขณะที่กำลังชื่นชมกับวิธีการตายที่เจ็บปวดเช่นนี้

ไม่ช้า ร่างของทูตสวรรค์เหล่านั้นก็ถูกเผาไหม้ และสิ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นคือหัวใจของทูตสวรรค์สองสามดวงที่ส่องแสงสีขาว

“หึ! พวกเขาได้เปรียบอีกแล้ว” นายน้อยตัดบทอย่างดูถูกและเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับวางมือที่ท้ายทอยอย่างไม่พอใจ คำว่าพวกเขาที่นางหมายถึงก็คือทูตสวรรค์ที่อยู่รอบตัวมาริลิน พลังบริสุทธิ์เหล่านี้ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ดูดซับเข้าไป

มาริลิน ชาร์ล็อตต์ และคนอื่นๆ ปรากฏตัวหลังจากนายน้อยจากไป และพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่หัวใจทูตสวรรค์บนพื้นด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ในหัวยังมีภาพที่น่าสยดสยองอยู่

นายน้อย ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

มาริลินดีใจที่นางไม่เป็นศัตรูกันคนๆ นี้ โหดร้ายมากจริงๆ

มาริลินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายน้อยได้อย่างไรล่ะ นางก็คิดว่าเป็นเพียงปีศาจธรรมดาที่มีพลังน่ากลัวเท่านั้น ไม่รู้ว่านายน้อยเป็นปีศาจตัวน้อยที่ใครเจอก็ต้องตาย แม้แต่ในโลกภูตผีปีศาจ เหล่านายพลมาเจอนางยังต้องหนีกันเลย จะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ล่ะ?

ชีอ้าวชวางรู้จักตัวตนของนายน้อย และตอนนี้ก็รู้จักนายน้อยดีขึ้นเล็กน้อย นายน้อยดูเหมือนจะยังไม่รู้อะไรมากนัก แค่เพียงแค่ทำตามอารมณ์ของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ

ไม่ว่าอย่างไร ทูตสวรรค์ที่ศาสนจักรส่งมาก็ถูกนายน้อยจัดการไปอย่างง่ายดาย และคนอื่นๆ ก็ไม่มีโอกาสลงมือเลย

ต่อไปมาริลินก็พยายามอย่างหนักเพื่อขยายอิทธิพลของนาง

ผู้คนที่อยู่ในเมืองออร์ลีนส์และผู้คนที่อยู่เมืองใกล้เคียงมาทำความเคารพนางไม่ขาดสาย เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้คน มีเยาวชนเข้ามาร่วมคัดเลือกมากขึ้นและภูมิใจในความเป็นทูตสวรรค์ ในไม่ช้าทูตสวรรค์มาริลินก็มีทูตสวรรค์สี่ปีกขึ้นแล้ว

แต่ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนรออยู่ก็ไม่ได้ข่าวที่จะทำให้พวกเขาพอใจ เหล่าทูตสวรรค์ที่ถูกส่งออกไปหายไปราวกับหินที่จมลงไปในมหาสมุทร

พลังของมาริลินก็เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้น

หลังจากซิสทัลโจมตีหลายครั้งก็ถูกคนของมาริลินก็ขับไล่ได้สำเร็จ ชื่อเสียงของมาริลินก็เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

เมืองออร์ลีนส์ทั้งเมืองเป็นเหมือนงานเทศกาลดอกไม้ เสียงปรบมือส่งไปยังศาลแห่งแสงและทูตสวรรค์ของมาริลิน

ชีอ้าวชวางนอนอยู่ที่หน้าต่างอย่างเบื่อหน่ายและมองผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่ถนนด้านล่าง แมวล่าสมบัติก็นอนบนหัวของชีอ้าวชวางอย่างเกียจคร้านและมองลงไปเช่นกัน

“คามิลล์…” ชีอ้าวชวางพึมพำ

“มีอะไรหรือ?” คามิลล์ถามเบาๆ ขณะชงชากุหลาบ

“ท่านว่าคนเหล่านี้สมองของพวกเขาว่างไปหรือไม่? ซิสทัลไม่ได้ทำอะไรที่ชั่วร้าย แต่คนเหล่านี้เกลียดเขาจนเข้ากระดูก ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่แท้จริงระหว่างวิหารแห่งความมืดกับวิหารแห่งแสง แต่พวกเขาต่อสู้กันตลอดทั้งวัน วิหารแห่งแสงคิดจะกำจัดวิหารแห่งความมืดมาตลอด ความสำคัญของสิ่งนี้คืออะไร?” ชีอ้าวชวางถามอย่างไม่เป็นทางการ

“นี่คือความเชื่อในการใช้ชีวิตและการพึ่งพาทางจิตวิญญาณของพวกเขา” คามิลล์ยิ้มและนำถ้วยน้ำชามาให้ “สั้นๆ เลยนะ พวกเขาเบื่อและต้องหาอะไรทำ”

ชีอ้าวชวางลุกขึ้นหยิบถ้วยน้ำชาในมือของคามิลล์ แต่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของคามิลล์ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้กำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำ เช่นเดียวกับสงครามศักดิ์สิทธิ์! เพียงเพราะความเบื่อหน่ายของคนเหล่านี้จึงนำไปสู่การทำลายชีวิตของพวกเขา! จะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้

พลังของมาริลินแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และศาสนจักรเพรสไบโทเรียนก็ทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขาจะต้องดำเนินการครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้

แต่มันจะไม่เป็นไปตามที่พวกเขาปรารถนาหรอก

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรุก

ผู้ที่ลงมือก่อนคือผู้ที่แข็งแกร่ง

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชีอ้าวชวาง

ในเวลานี้เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“คุณหนูอ้าวชวาง มีแขกของมาหาค่ะ” สาวใช้ในชุดสีขาวพูดกับชีอ้าวชวางด้วยความเคารพ

แขกหรือ? นางรู้จักใครในโลกเทพเจ้าด้วยหรือ?

ชีอ้าวชวางมองไปที่คามิลล์อย่างสงสัย

จะเป็นใครกันนะ?

ชีอ้าวชวางครุ่นคิดแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ารู้จักใครในโลกเทพเจ้า

หรือว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่หรือเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะมาหานาง

แต่ถ้าพวกเขามาหานาง จะเป็นทางการเช่นนี้หรือ? น่าจะไม่

ดังนั้นคนที่มาน่าจะไม่ใช่คนในพวกเขาเอา เช่นนั้นจะเป็นใครล่ะ?

ชีอ้าวชวางเดินไปที่ห้องประชุมโดยมีสาวใช้นำไป และเมื่อเดินไปที่ประตู นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันที่ไพเราะอยู่ภายในนั้น “เหอะๆ เจ้าดีกว่าแองเจลิก้าอีก ยัยนั่นเป็นสุนักจิ้งจอกเจ้าเล่ห์วันๆ เอาแต่พูดกับพกศาสนจักร”

ดูเหมือนจะเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน?

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยและค้นหาเสียงอันไพเราะที่สุดในใจนาง และทันใดนั้นนึกได้ นี่มันเสียงของเทพมังกรหรือ?

ชีอ้าวชวางจำได้เป็นอย่างดี แต่เทพเจ้ามังกรมาทำอะไรที่นี่ล่ะ? มาหานางทำไมอีก?

พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้และหัวเราะ ชายชราสติไม่ดีนี่คือเทพเจ้ามังกรหรือ? ซิสทัลก็อยู่และกำลังคุยกับเทพเจ้ามังกรอย่างสนุกสนาน ตอนที่วิหารแห่งแสงวิบัติครั้งนั้น เทพเจ้ามังกรก็ส่งมังกรจำนวนมากไปทำเป็นไปเยี่ยมชม ซิสทัลจึงดูเป็นมิตรกับเทพเจ้ามังกรมาก

“อา ฮ่าๆ เด็กน้อย มาสิๆ มาให้ข้าดูหน่อย” เทพมังกรกวักมือเรียกด้วยความรักเมื่อเขาเห็นชีอ้าวชวางเดินเข้ามา

ชีอ้าวชวางกะพริบตาและมองไปที่ใบหน้าที่มีความสุขของเทพเจ้ามังกรและรู้สึกเสียศูนย์เล็กน้อย

“ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้าไม่เคยเจอข้าแต่ข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว…” เทพเจ้ามังกรยิ้มและโบกมือให้ชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางลังเลเล็กน้อยและเดินไป

ชีอ้าวชวางไม่เข้าใจ ทำไมเทพมังกรถึงมองนางด้วยความรักใคร่เช่นนี้? มีเรื่องเกินจริงแบบเจอคนรักที่พลัดพรากจากกันมาหลายปีหรือไม่? นางไม่รู้เลยว่าเทพมังกรนั้นไร้ยางอาย หลังจากรู้นิสัยใจคอของนางแล้ว เทพมังกรก็ได้แนะนำนางในฐานะเพื่อนแล้ว ไม่เป็นไรที่นางไม่รู้ตอนนี้ก็ดี ถ้ารู้ก็ไม่รู้เลยว่าจะขำหรือจะร้องดี

“ฝ่าบาท สวัสดี” ชีอ้าวชวางทักทายอย่างระมัดระวัง ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนที่นางจะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้ แม้แต่ศาลแห่งแสงก็พอใจกับเขา เขาเซ็นสัญญาว่าจะไม่รังแกผู้อ่อนแอใครๆ ก็จินตนาการถึงพลังที่แท้จริงของเขาได้

“ฮ่าๆ เด็กน้อย ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตรองอะไร มา มานั่งที่นี่” เทพเจ้ามังกรตบตำแหน่งข้างๆ เขาแล้วขยับให้ชีอ้าวชวางนั่ง

ชีอ้าวชวางนั่งลงและมองไปที่ชายชราผู้มีพลังคนนี้โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

“เจ้าชื่อชีอ้าวชวาง?” เทพเจ้ามังกรถามด้วยรอยยิ้ม

“อืม” ชีอ้าวชวางพยักหน้า

“ดีมาก ดีมาก ข้าชอบนิสัยของเจ้ามาก ต้องขอบคุณเจ้า ลูกหลานของข้าที่อยู่บนโลกจึงฉลาดขึ้นมาหน่อย” เทพเจ้ามังกรยื่นมือออกมาตบไหล่ของชีอ้าวชวางจนกระดูกแทบจะแตกเลย

ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าชายชราใจดีกับนางมาก?

“ฝ่าบาทมาคราวนี้มีเรื่องอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างห้วนๆ

“โอ้ มาร่วมสนุกด้วย เป็นการเที่ยวชมสถานที่ด้วย” เทพเจ้าเหล่ตาของเขาและยิ้ม

เที่ยวชม?! ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ในตอนแรกมังกรดำได้นำมังกรออกมา เรียกว่ามาเที่ยวชมสถานที่เพื่อให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ตอนนี้ชายชราเทพเจ้ามังกรพูดคำเช่นนั้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และหัวใจของเขาเต้น รู้สึกว่าชายชราคนนี้จะกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวายนะ มีเรื่องอะไรตรงไหนเขาก็จะไปที่นั่น!

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย วังแห่งแสงที่มีเทพเจ้ามังกรอยู่ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากกว่าฝ่ายของศาสนจักรเพรสไบโทเรียนนะ ตอนนี้โลกยังไม่รู้ว่ามาริลินตัดขาดกับศาสนจักรเพรสไบทีเรียนและมาริลินใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาพลังของนางเอง คิดว่าศาสนจักรเพรสไบทีเรียนคงใช้มาตรการที่แท้จริงและทรงพลังในไม่ช้า หากมาริลินยังคงพัฒนาเช่นนี้ ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจะกลายเป็นประวัติศาสตร์

“การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี” ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าลิ้นของนางเป็นปมเล็กน้อยและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ตัวตนและความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้พิเศษมาก ไม่ใช่คนที่จะหลอกง่ายๆ แน่นอน

“จริงสิ เดี๋ยวอีกสักพักออสตินจะมานะ ดูเหมือนว่าจะพาเพื่อนๆ มาด้วย” เทพเจ้ามังกรหัวเราะและดูเหมือนเขาจะมีพลังมากขึ้นเมื่อพูดถึงออสติน

“เพื่อน?” ชีอ้าวชวางอึ้งและทันใดนั้นก็เข้าใจว่าหมายถึงไป๋ตี้และเฮยหยู่ หรือเหลิ่งหลิวยวิ๋น? แต่ออสตินคือใครกัน?

“ออสตินเป็นเทพเจ้าเอลฟ์ และเขาชอบการพนันมาก” ซิสทัลพูดเสริมข้างๆ ชีอ้าวชวางจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่นางถูกเทพเจ้าแห่งความมือตีตราเอาไว้ เดิมทีนางกับท่านอาจารย์คลิฟคิดจะไปขอให้เขาช่วยปลดตราออกให้หน่อย แต่ดูเหมือนว่าเทพเจ้าเอลฟ์ซึ่งก็คือออสตินแพ้พนันและรับปากไปก่อนแล้วว่าจะไม่ปลดตราออกให้ ไม่พูดก็ดีแล้ว พอพูดชีอ้าวชวางก็นึกถึงเรื่องนี้เลย

ชีอ้าวชวางมองซิสทัลอย่างดุร้าย ดูเหมือนว่าซิสทัลจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้และรีบปิดปาก ไม่พูดอะไรทันที

“เป็นเด็กเย็นชาผมสีเงิน พวกเขาน่าจะมาที่นี่เร็วๆ นี้” เทพมังกรไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของซิสทัล แต่ยังคงพูดอย่างมีความสุขว่าเทพเจ้าเอลฟ์อยู่กับใคร

เหลิ่งหลิงยวิ๋น!

หลิงยวิ๋นเขาอยู่กับเทพเจ้าเอลฟ์นี่เอง

แต่เทพเจ้าเหล่านี้มารวมตัวกันเพื่ออะไร? มันเกี่ยวข้องกับสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้หรือไม่? ไม่น่าจะใข่นะ เทพเจ้าเอลฟ์และเทพมังกรไม่น่าจะเข้ามาแทรกแซงสิ่งต่างๆ ของโลกเทพเจ้า ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของศาลแห่งแสง ไม่ใช่ว่าพวกเขาเข้ามายุ่งไม่ได้ แต่พวกเขาไม่อยากมายุ่ง แต่ว่าตอนที่ช่วยมาริลินให้กลายเป็นเทพีแห่งแสงคนใหม่ พวกเขาทั้งหมดกลับมาปรากฏตัวที่นี่ทำไมกัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เสน่ห์คมดาบ 262

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 262 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ปีศาจน่ารังเกียจ เจ้า…” ทูตสวรรค์สิบสองปีกกระอักเลือดออกมาและพูด เลือดที่เขาพ่นออกมามีฟันผสมอยู่ด้วย

“ไม่เล่นแล้ว น่าเบื่อ!” นายน้อยไม่รอให้ทูตสวรรค์สิบสองปีกพูดจบ ใบหน้าของนางเย็นชา แรงกดขี่ข่มเหงในดวงตาลุกโชนขึ้นทันที จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นและเปลวไฟสีดำก็ล้อมทูตสวรรค์เหล่านั้นไว้

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังก้องในห้องโถงนี้ แต่ทะลุออกไปข้างนอกไม่ได้ และยังคงบาดแก้วหูทำให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่

ชีอ้าวชวางตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นทูตสวรรค์ถูกเผาทั้งเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเผาไหม้ของวิญญาณด้วย!

นี่คือความแข็งแกร่งของนายน้อย นี่คือนิสัยธรรมชาติของนายน้อย…

นายน้อยเหลือบมองในขณะที่กำลังชื่นชมกับวิธีการตายที่เจ็บปวดเช่นนี้

ไม่ช้า ร่างของทูตสวรรค์เหล่านั้นก็ถูกเผาไหม้ และสิ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นคือหัวใจของทูตสวรรค์สองสามดวงที่ส่องแสงสีขาว

“หึ! พวกเขาได้เปรียบอีกแล้ว” นายน้อยตัดบทอย่างดูถูกและเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับวางมือที่ท้ายทอยอย่างไม่พอใจ คำว่าพวกเขาที่นางหมายถึงก็คือทูตสวรรค์ที่อยู่รอบตัวมาริลิน พลังบริสุทธิ์เหล่านี้ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ดูดซับเข้าไป

มาริลิน ชาร์ล็อตต์ และคนอื่นๆ ปรากฏตัวหลังจากนายน้อยจากไป และพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่หัวใจทูตสวรรค์บนพื้นด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ในหัวยังมีภาพที่น่าสยดสยองอยู่

นายน้อย ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

มาริลินดีใจที่นางไม่เป็นศัตรูกันคนๆ นี้ โหดร้ายมากจริงๆ

มาริลินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายน้อยได้อย่างไรล่ะ นางก็คิดว่าเป็นเพียงปีศาจธรรมดาที่มีพลังน่ากลัวเท่านั้น ไม่รู้ว่านายน้อยเป็นปีศาจตัวน้อยที่ใครเจอก็ต้องตาย แม้แต่ในโลกภูตผีปีศาจ เหล่านายพลมาเจอนางยังต้องหนีกันเลย จะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ล่ะ?

ชีอ้าวชวางรู้จักตัวตนของนายน้อย และตอนนี้ก็รู้จักนายน้อยดีขึ้นเล็กน้อย นายน้อยดูเหมือนจะยังไม่รู้อะไรมากนัก แค่เพียงแค่ทำตามอารมณ์ของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ

ไม่ว่าอย่างไร ทูตสวรรค์ที่ศาสนจักรส่งมาก็ถูกนายน้อยจัดการไปอย่างง่ายดาย และคนอื่นๆ ก็ไม่มีโอกาสลงมือเลย

ต่อไปมาริลินก็พยายามอย่างหนักเพื่อขยายอิทธิพลของนาง

ผู้คนที่อยู่ในเมืองออร์ลีนส์และผู้คนที่อยู่เมืองใกล้เคียงมาทำความเคารพนางไม่ขาดสาย เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้คน มีเยาวชนเข้ามาร่วมคัดเลือกมากขึ้นและภูมิใจในความเป็นทูตสวรรค์ ในไม่ช้าทูตสวรรค์มาริลินก็มีทูตสวรรค์สี่ปีกขึ้นแล้ว

แต่ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนรออยู่ก็ไม่ได้ข่าวที่จะทำให้พวกเขาพอใจ เหล่าทูตสวรรค์ที่ถูกส่งออกไปหายไปราวกับหินที่จมลงไปในมหาสมุทร

พลังของมาริลินก็เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้น

หลังจากซิสทัลโจมตีหลายครั้งก็ถูกคนของมาริลินก็ขับไล่ได้สำเร็จ ชื่อเสียงของมาริลินก็เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

เมืองออร์ลีนส์ทั้งเมืองเป็นเหมือนงานเทศกาลดอกไม้ เสียงปรบมือส่งไปยังศาลแห่งแสงและทูตสวรรค์ของมาริลิน

ชีอ้าวชวางนอนอยู่ที่หน้าต่างอย่างเบื่อหน่ายและมองผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่ถนนด้านล่าง แมวล่าสมบัติก็นอนบนหัวของชีอ้าวชวางอย่างเกียจคร้านและมองลงไปเช่นกัน

“คามิลล์…” ชีอ้าวชวางพึมพำ

“มีอะไรหรือ?” คามิลล์ถามเบาๆ ขณะชงชากุหลาบ

“ท่านว่าคนเหล่านี้สมองของพวกเขาว่างไปหรือไม่? ซิสทัลไม่ได้ทำอะไรที่ชั่วร้าย แต่คนเหล่านี้เกลียดเขาจนเข้ากระดูก ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่แท้จริงระหว่างวิหารแห่งความมืดกับวิหารแห่งแสง แต่พวกเขาต่อสู้กันตลอดทั้งวัน วิหารแห่งแสงคิดจะกำจัดวิหารแห่งความมืดมาตลอด ความสำคัญของสิ่งนี้คืออะไร?” ชีอ้าวชวางถามอย่างไม่เป็นทางการ

“นี่คือความเชื่อในการใช้ชีวิตและการพึ่งพาทางจิตวิญญาณของพวกเขา” คามิลล์ยิ้มและนำถ้วยน้ำชามาให้ “สั้นๆ เลยนะ พวกเขาเบื่อและต้องหาอะไรทำ”

ชีอ้าวชวางลุกขึ้นหยิบถ้วยน้ำชาในมือของคามิลล์ แต่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของคามิลล์ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้กำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำ เช่นเดียวกับสงครามศักดิ์สิทธิ์! เพียงเพราะความเบื่อหน่ายของคนเหล่านี้จึงนำไปสู่การทำลายชีวิตของพวกเขา! จะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้

พลังของมาริลินแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และศาสนจักรเพรสไบโทเรียนก็ทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขาจะต้องดำเนินการครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้

แต่มันจะไม่เป็นไปตามที่พวกเขาปรารถนาหรอก

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรุก

ผู้ที่ลงมือก่อนคือผู้ที่แข็งแกร่ง

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชีอ้าวชวาง

ในเวลานี้เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“คุณหนูอ้าวชวาง มีแขกของมาหาค่ะ” สาวใช้ในชุดสีขาวพูดกับชีอ้าวชวางด้วยความเคารพ

แขกหรือ? นางรู้จักใครในโลกเทพเจ้าด้วยหรือ?

ชีอ้าวชวางมองไปที่คามิลล์อย่างสงสัย

จะเป็นใครกันนะ?

ชีอ้าวชวางครุ่นคิดแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ารู้จักใครในโลกเทพเจ้า

หรือว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่หรือเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะมาหานาง

แต่ถ้าพวกเขามาหานาง จะเป็นทางการเช่นนี้หรือ? น่าจะไม่

ดังนั้นคนที่มาน่าจะไม่ใช่คนในพวกเขาเอา เช่นนั้นจะเป็นใครล่ะ?

ชีอ้าวชวางเดินไปที่ห้องประชุมโดยมีสาวใช้นำไป และเมื่อเดินไปที่ประตู นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันที่ไพเราะอยู่ภายในนั้น “เหอะๆ เจ้าดีกว่าแองเจลิก้าอีก ยัยนั่นเป็นสุนักจิ้งจอกเจ้าเล่ห์วันๆ เอาแต่พูดกับพกศาสนจักร”

ดูเหมือนจะเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน?

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยและค้นหาเสียงอันไพเราะที่สุดในใจนาง และทันใดนั้นนึกได้ นี่มันเสียงของเทพมังกรหรือ?

ชีอ้าวชวางจำได้เป็นอย่างดี แต่เทพเจ้ามังกรมาทำอะไรที่นี่ล่ะ? มาหานางทำไมอีก?

พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้และหัวเราะ ชายชราสติไม่ดีนี่คือเทพเจ้ามังกรหรือ? ซิสทัลก็อยู่และกำลังคุยกับเทพเจ้ามังกรอย่างสนุกสนาน ตอนที่วิหารแห่งแสงวิบัติครั้งนั้น เทพเจ้ามังกรก็ส่งมังกรจำนวนมากไปทำเป็นไปเยี่ยมชม ซิสทัลจึงดูเป็นมิตรกับเทพเจ้ามังกรมาก

“อา ฮ่าๆ เด็กน้อย มาสิๆ มาให้ข้าดูหน่อย” เทพมังกรกวักมือเรียกด้วยความรักเมื่อเขาเห็นชีอ้าวชวางเดินเข้ามา

ชีอ้าวชวางกะพริบตาและมองไปที่ใบหน้าที่มีความสุขของเทพเจ้ามังกรและรู้สึกเสียศูนย์เล็กน้อย

“ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้าไม่เคยเจอข้าแต่ข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว…” เทพเจ้ามังกรยิ้มและโบกมือให้ชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางลังเลเล็กน้อยและเดินไป

ชีอ้าวชวางไม่เข้าใจ ทำไมเทพมังกรถึงมองนางด้วยความรักใคร่เช่นนี้? มีเรื่องเกินจริงแบบเจอคนรักที่พลัดพรากจากกันมาหลายปีหรือไม่? นางไม่รู้เลยว่าเทพมังกรนั้นไร้ยางอาย หลังจากรู้นิสัยใจคอของนางแล้ว เทพมังกรก็ได้แนะนำนางในฐานะเพื่อนแล้ว ไม่เป็นไรที่นางไม่รู้ตอนนี้ก็ดี ถ้ารู้ก็ไม่รู้เลยว่าจะขำหรือจะร้องดี

“ฝ่าบาท สวัสดี” ชีอ้าวชวางทักทายอย่างระมัดระวัง ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนที่นางจะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้ แม้แต่ศาลแห่งแสงก็พอใจกับเขา เขาเซ็นสัญญาว่าจะไม่รังแกผู้อ่อนแอใครๆ ก็จินตนาการถึงพลังที่แท้จริงของเขาได้

“ฮ่าๆ เด็กน้อย ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตรองอะไร มา มานั่งที่นี่” เทพเจ้ามังกรตบตำแหน่งข้างๆ เขาแล้วขยับให้ชีอ้าวชวางนั่ง

ชีอ้าวชวางนั่งลงและมองไปที่ชายชราผู้มีพลังคนนี้โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

“เจ้าชื่อชีอ้าวชวาง?” เทพเจ้ามังกรถามด้วยรอยยิ้ม

“อืม” ชีอ้าวชวางพยักหน้า

“ดีมาก ดีมาก ข้าชอบนิสัยของเจ้ามาก ต้องขอบคุณเจ้า ลูกหลานของข้าที่อยู่บนโลกจึงฉลาดขึ้นมาหน่อย” เทพเจ้ามังกรยื่นมือออกมาตบไหล่ของชีอ้าวชวางจนกระดูกแทบจะแตกเลย

ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าชายชราใจดีกับนางมาก?

“ฝ่าบาทมาคราวนี้มีเรื่องอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างห้วนๆ

“โอ้ มาร่วมสนุกด้วย เป็นการเที่ยวชมสถานที่ด้วย” เทพเจ้าเหล่ตาของเขาและยิ้ม

เที่ยวชม?! ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ในตอนแรกมังกรดำได้นำมังกรออกมา เรียกว่ามาเที่ยวชมสถานที่เพื่อให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ตอนนี้ชายชราเทพเจ้ามังกรพูดคำเช่นนั้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และหัวใจของเขาเต้น รู้สึกว่าชายชราคนนี้จะกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวายนะ มีเรื่องอะไรตรงไหนเขาก็จะไปที่นั่น!

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย วังแห่งแสงที่มีเทพเจ้ามังกรอยู่ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากกว่าฝ่ายของศาสนจักรเพรสไบโทเรียนนะ ตอนนี้โลกยังไม่รู้ว่ามาริลินตัดขาดกับศาสนจักรเพรสไบทีเรียนและมาริลินใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาพลังของนางเอง คิดว่าศาสนจักรเพรสไบทีเรียนคงใช้มาตรการที่แท้จริงและทรงพลังในไม่ช้า หากมาริลินยังคงพัฒนาเช่นนี้ ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจะกลายเป็นประวัติศาสตร์

“การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี” ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าลิ้นของนางเป็นปมเล็กน้อยและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ตัวตนและความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้พิเศษมาก ไม่ใช่คนที่จะหลอกง่ายๆ แน่นอน

“จริงสิ เดี๋ยวอีกสักพักออสตินจะมานะ ดูเหมือนว่าจะพาเพื่อนๆ มาด้วย” เทพเจ้ามังกรหัวเราะและดูเหมือนเขาจะมีพลังมากขึ้นเมื่อพูดถึงออสติน

“เพื่อน?” ชีอ้าวชวางอึ้งและทันใดนั้นก็เข้าใจว่าหมายถึงไป๋ตี้และเฮยหยู่ หรือเหลิ่งหลิวยวิ๋น? แต่ออสตินคือใครกัน?

“ออสตินเป็นเทพเจ้าเอลฟ์ และเขาชอบการพนันมาก” ซิสทัลพูดเสริมข้างๆ ชีอ้าวชวางจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่นางถูกเทพเจ้าแห่งความมือตีตราเอาไว้ เดิมทีนางกับท่านอาจารย์คลิฟคิดจะไปขอให้เขาช่วยปลดตราออกให้หน่อย แต่ดูเหมือนว่าเทพเจ้าเอลฟ์ซึ่งก็คือออสตินแพ้พนันและรับปากไปก่อนแล้วว่าจะไม่ปลดตราออกให้ ไม่พูดก็ดีแล้ว พอพูดชีอ้าวชวางก็นึกถึงเรื่องนี้เลย

ชีอ้าวชวางมองซิสทัลอย่างดุร้าย ดูเหมือนว่าซิสทัลจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้และรีบปิดปาก ไม่พูดอะไรทันที

“เป็นเด็กเย็นชาผมสีเงิน พวกเขาน่าจะมาที่นี่เร็วๆ นี้” เทพมังกรไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของซิสทัล แต่ยังคงพูดอย่างมีความสุขว่าเทพเจ้าเอลฟ์อยู่กับใคร

เหลิ่งหลิงยวิ๋น!

หลิงยวิ๋นเขาอยู่กับเทพเจ้าเอลฟ์นี่เอง

แต่เทพเจ้าเหล่านี้มารวมตัวกันเพื่ออะไร? มันเกี่ยวข้องกับสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้หรือไม่? ไม่น่าจะใข่นะ เทพเจ้าเอลฟ์และเทพมังกรไม่น่าจะเข้ามาแทรกแซงสิ่งต่างๆ ของโลกเทพเจ้า ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของศาลแห่งแสง ไม่ใช่ว่าพวกเขาเข้ามายุ่งไม่ได้ แต่พวกเขาไม่อยากมายุ่ง แต่ว่าตอนที่ช่วยมาริลินให้กลายเป็นเทพีแห่งแสงคนใหม่ พวกเขาทั้งหมดกลับมาปรากฏตัวที่นี่ทำไมกัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เสน่ห์คมดาบ 262

Now you are reading เสน่ห์คมดาบ Chapter 262 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ปีศาจน่ารังเกียจ เจ้า…” ทูตสวรรค์สิบสองปีกกระอักเลือดออกมาและพูด เลือดที่เขาพ่นออกมามีฟันผสมอยู่ด้วย

“ไม่เล่นแล้ว น่าเบื่อ!” นายน้อยไม่รอให้ทูตสวรรค์สิบสองปีกพูดจบ ใบหน้าของนางเย็นชา แรงกดขี่ข่มเหงในดวงตาลุกโชนขึ้นทันที จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นและเปลวไฟสีดำก็ล้อมทูตสวรรค์เหล่านั้นไว้

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังก้องในห้องโถงนี้ แต่ทะลุออกไปข้างนอกไม่ได้ และยังคงบาดแก้วหูทำให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่

ชีอ้าวชวางตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นทูตสวรรค์ถูกเผาทั้งเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเผาไหม้ของวิญญาณด้วย!

นี่คือความแข็งแกร่งของนายน้อย นี่คือนิสัยธรรมชาติของนายน้อย…

นายน้อยเหลือบมองในขณะที่กำลังชื่นชมกับวิธีการตายที่เจ็บปวดเช่นนี้

ไม่ช้า ร่างของทูตสวรรค์เหล่านั้นก็ถูกเผาไหม้ และสิ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นคือหัวใจของทูตสวรรค์สองสามดวงที่ส่องแสงสีขาว

“หึ! พวกเขาได้เปรียบอีกแล้ว” นายน้อยตัดบทอย่างดูถูกและเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับวางมือที่ท้ายทอยอย่างไม่พอใจ คำว่าพวกเขาที่นางหมายถึงก็คือทูตสวรรค์ที่อยู่รอบตัวมาริลิน พลังบริสุทธิ์เหล่านี้ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ดูดซับเข้าไป

มาริลิน ชาร์ล็อตต์ และคนอื่นๆ ปรากฏตัวหลังจากนายน้อยจากไป และพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่หัวใจทูตสวรรค์บนพื้นด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ในหัวยังมีภาพที่น่าสยดสยองอยู่

นายน้อย ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

มาริลินดีใจที่นางไม่เป็นศัตรูกันคนๆ นี้ โหดร้ายมากจริงๆ

มาริลินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายน้อยได้อย่างไรล่ะ นางก็คิดว่าเป็นเพียงปีศาจธรรมดาที่มีพลังน่ากลัวเท่านั้น ไม่รู้ว่านายน้อยเป็นปีศาจตัวน้อยที่ใครเจอก็ต้องตาย แม้แต่ในโลกภูตผีปีศาจ เหล่านายพลมาเจอนางยังต้องหนีกันเลย จะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ล่ะ?

ชีอ้าวชวางรู้จักตัวตนของนายน้อย และตอนนี้ก็รู้จักนายน้อยดีขึ้นเล็กน้อย นายน้อยดูเหมือนจะยังไม่รู้อะไรมากนัก แค่เพียงแค่ทำตามอารมณ์ของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ

ไม่ว่าอย่างไร ทูตสวรรค์ที่ศาสนจักรส่งมาก็ถูกนายน้อยจัดการไปอย่างง่ายดาย และคนอื่นๆ ก็ไม่มีโอกาสลงมือเลย

ต่อไปมาริลินก็พยายามอย่างหนักเพื่อขยายอิทธิพลของนาง

ผู้คนที่อยู่ในเมืองออร์ลีนส์และผู้คนที่อยู่เมืองใกล้เคียงมาทำความเคารพนางไม่ขาดสาย เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้คน มีเยาวชนเข้ามาร่วมคัดเลือกมากขึ้นและภูมิใจในความเป็นทูตสวรรค์ ในไม่ช้าทูตสวรรค์มาริลินก็มีทูตสวรรค์สี่ปีกขึ้นแล้ว

แต่ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนรออยู่ก็ไม่ได้ข่าวที่จะทำให้พวกเขาพอใจ เหล่าทูตสวรรค์ที่ถูกส่งออกไปหายไปราวกับหินที่จมลงไปในมหาสมุทร

พลังของมาริลินก็เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้น

หลังจากซิสทัลโจมตีหลายครั้งก็ถูกคนของมาริลินก็ขับไล่ได้สำเร็จ ชื่อเสียงของมาริลินก็เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

เมืองออร์ลีนส์ทั้งเมืองเป็นเหมือนงานเทศกาลดอกไม้ เสียงปรบมือส่งไปยังศาลแห่งแสงและทูตสวรรค์ของมาริลิน

ชีอ้าวชวางนอนอยู่ที่หน้าต่างอย่างเบื่อหน่ายและมองผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่ถนนด้านล่าง แมวล่าสมบัติก็นอนบนหัวของชีอ้าวชวางอย่างเกียจคร้านและมองลงไปเช่นกัน

“คามิลล์…” ชีอ้าวชวางพึมพำ

“มีอะไรหรือ?” คามิลล์ถามเบาๆ ขณะชงชากุหลาบ

“ท่านว่าคนเหล่านี้สมองของพวกเขาว่างไปหรือไม่? ซิสทัลไม่ได้ทำอะไรที่ชั่วร้าย แต่คนเหล่านี้เกลียดเขาจนเข้ากระดูก ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่แท้จริงระหว่างวิหารแห่งความมืดกับวิหารแห่งแสง แต่พวกเขาต่อสู้กันตลอดทั้งวัน วิหารแห่งแสงคิดจะกำจัดวิหารแห่งความมืดมาตลอด ความสำคัญของสิ่งนี้คืออะไร?” ชีอ้าวชวางถามอย่างไม่เป็นทางการ

“นี่คือความเชื่อในการใช้ชีวิตและการพึ่งพาทางจิตวิญญาณของพวกเขา” คามิลล์ยิ้มและนำถ้วยน้ำชามาให้ “สั้นๆ เลยนะ พวกเขาเบื่อและต้องหาอะไรทำ”

ชีอ้าวชวางลุกขึ้นหยิบถ้วยน้ำชาในมือของคามิลล์ แต่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของคามิลล์ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้กำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำ เช่นเดียวกับสงครามศักดิ์สิทธิ์! เพียงเพราะความเบื่อหน่ายของคนเหล่านี้จึงนำไปสู่การทำลายชีวิตของพวกเขา! จะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้

พลังของมาริลินแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และศาสนจักรเพรสไบโทเรียนก็ทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขาจะต้องดำเนินการครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้

แต่มันจะไม่เป็นไปตามที่พวกเขาปรารถนาหรอก

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรุก

ผู้ที่ลงมือก่อนคือผู้ที่แข็งแกร่ง

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชีอ้าวชวาง

ในเวลานี้เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“คุณหนูอ้าวชวาง มีแขกของมาหาค่ะ” สาวใช้ในชุดสีขาวพูดกับชีอ้าวชวางด้วยความเคารพ

แขกหรือ? นางรู้จักใครในโลกเทพเจ้าด้วยหรือ?

ชีอ้าวชวางมองไปที่คามิลล์อย่างสงสัย

จะเป็นใครกันนะ?

ชีอ้าวชวางครุ่นคิดแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ารู้จักใครในโลกเทพเจ้า

หรือว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่หรือเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะมาหานาง

แต่ถ้าพวกเขามาหานาง จะเป็นทางการเช่นนี้หรือ? น่าจะไม่

ดังนั้นคนที่มาน่าจะไม่ใช่คนในพวกเขาเอา เช่นนั้นจะเป็นใครล่ะ?

ชีอ้าวชวางเดินไปที่ห้องประชุมโดยมีสาวใช้นำไป และเมื่อเดินไปที่ประตู นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันที่ไพเราะอยู่ภายในนั้น “เหอะๆ เจ้าดีกว่าแองเจลิก้าอีก ยัยนั่นเป็นสุนักจิ้งจอกเจ้าเล่ห์วันๆ เอาแต่พูดกับพกศาสนจักร”

ดูเหมือนจะเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน?

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยและค้นหาเสียงอันไพเราะที่สุดในใจนาง และทันใดนั้นนึกได้ นี่มันเสียงของเทพมังกรหรือ?

ชีอ้าวชวางจำได้เป็นอย่างดี แต่เทพเจ้ามังกรมาทำอะไรที่นี่ล่ะ? มาหานางทำไมอีก?

พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้และหัวเราะ ชายชราสติไม่ดีนี่คือเทพเจ้ามังกรหรือ? ซิสทัลก็อยู่และกำลังคุยกับเทพเจ้ามังกรอย่างสนุกสนาน ตอนที่วิหารแห่งแสงวิบัติครั้งนั้น เทพเจ้ามังกรก็ส่งมังกรจำนวนมากไปทำเป็นไปเยี่ยมชม ซิสทัลจึงดูเป็นมิตรกับเทพเจ้ามังกรมาก

“อา ฮ่าๆ เด็กน้อย มาสิๆ มาให้ข้าดูหน่อย” เทพมังกรกวักมือเรียกด้วยความรักเมื่อเขาเห็นชีอ้าวชวางเดินเข้ามา

ชีอ้าวชวางกะพริบตาและมองไปที่ใบหน้าที่มีความสุขของเทพเจ้ามังกรและรู้สึกเสียศูนย์เล็กน้อย

“ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้าไม่เคยเจอข้าแต่ข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว…” เทพเจ้ามังกรยิ้มและโบกมือให้ชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางลังเลเล็กน้อยและเดินไป

ชีอ้าวชวางไม่เข้าใจ ทำไมเทพมังกรถึงมองนางด้วยความรักใคร่เช่นนี้? มีเรื่องเกินจริงแบบเจอคนรักที่พลัดพรากจากกันมาหลายปีหรือไม่? นางไม่รู้เลยว่าเทพมังกรนั้นไร้ยางอาย หลังจากรู้นิสัยใจคอของนางแล้ว เทพมังกรก็ได้แนะนำนางในฐานะเพื่อนแล้ว ไม่เป็นไรที่นางไม่รู้ตอนนี้ก็ดี ถ้ารู้ก็ไม่รู้เลยว่าจะขำหรือจะร้องดี

“ฝ่าบาท สวัสดี” ชีอ้าวชวางทักทายอย่างระมัดระวัง ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนที่นางจะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้ แม้แต่ศาลแห่งแสงก็พอใจกับเขา เขาเซ็นสัญญาว่าจะไม่รังแกผู้อ่อนแอใครๆ ก็จินตนาการถึงพลังที่แท้จริงของเขาได้

“ฮ่าๆ เด็กน้อย ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตรองอะไร มา มานั่งที่นี่” เทพเจ้ามังกรตบตำแหน่งข้างๆ เขาแล้วขยับให้ชีอ้าวชวางนั่ง

ชีอ้าวชวางนั่งลงและมองไปที่ชายชราผู้มีพลังคนนี้โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

“เจ้าชื่อชีอ้าวชวาง?” เทพเจ้ามังกรถามด้วยรอยยิ้ม

“อืม” ชีอ้าวชวางพยักหน้า

“ดีมาก ดีมาก ข้าชอบนิสัยของเจ้ามาก ต้องขอบคุณเจ้า ลูกหลานของข้าที่อยู่บนโลกจึงฉลาดขึ้นมาหน่อย” เทพเจ้ามังกรยื่นมือออกมาตบไหล่ของชีอ้าวชวางจนกระดูกแทบจะแตกเลย

ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าชายชราใจดีกับนางมาก?

“ฝ่าบาทมาคราวนี้มีเรื่องอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างห้วนๆ

“โอ้ มาร่วมสนุกด้วย เป็นการเที่ยวชมสถานที่ด้วย” เทพเจ้าเหล่ตาของเขาและยิ้ม

เที่ยวชม?! ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ในตอนแรกมังกรดำได้นำมังกรออกมา เรียกว่ามาเที่ยวชมสถานที่เพื่อให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ตอนนี้ชายชราเทพเจ้ามังกรพูดคำเช่นนั้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และหัวใจของเขาเต้น รู้สึกว่าชายชราคนนี้จะกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวายนะ มีเรื่องอะไรตรงไหนเขาก็จะไปที่นั่น!

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย วังแห่งแสงที่มีเทพเจ้ามังกรอยู่ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากกว่าฝ่ายของศาสนจักรเพรสไบโทเรียนนะ ตอนนี้โลกยังไม่รู้ว่ามาริลินตัดขาดกับศาสนจักรเพรสไบทีเรียนและมาริลินใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาพลังของนางเอง คิดว่าศาสนจักรเพรสไบทีเรียนคงใช้มาตรการที่แท้จริงและทรงพลังในไม่ช้า หากมาริลินยังคงพัฒนาเช่นนี้ ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจะกลายเป็นประวัติศาสตร์

“การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี” ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าลิ้นของนางเป็นปมเล็กน้อยและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ตัวตนและความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้พิเศษมาก ไม่ใช่คนที่จะหลอกง่ายๆ แน่นอน

“จริงสิ เดี๋ยวอีกสักพักออสตินจะมานะ ดูเหมือนว่าจะพาเพื่อนๆ มาด้วย” เทพเจ้ามังกรหัวเราะและดูเหมือนเขาจะมีพลังมากขึ้นเมื่อพูดถึงออสติน

“เพื่อน?” ชีอ้าวชวางอึ้งและทันใดนั้นก็เข้าใจว่าหมายถึงไป๋ตี้และเฮยหยู่ หรือเหลิ่งหลิวยวิ๋น? แต่ออสตินคือใครกัน?

“ออสตินเป็นเทพเจ้าเอลฟ์ และเขาชอบการพนันมาก” ซิสทัลพูดเสริมข้างๆ ชีอ้าวชวางจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่นางถูกเทพเจ้าแห่งความมือตีตราเอาไว้ เดิมทีนางกับท่านอาจารย์คลิฟคิดจะไปขอให้เขาช่วยปลดตราออกให้หน่อย แต่ดูเหมือนว่าเทพเจ้าเอลฟ์ซึ่งก็คือออสตินแพ้พนันและรับปากไปก่อนแล้วว่าจะไม่ปลดตราออกให้ ไม่พูดก็ดีแล้ว พอพูดชีอ้าวชวางก็นึกถึงเรื่องนี้เลย

ชีอ้าวชวางมองซิสทัลอย่างดุร้าย ดูเหมือนว่าซิสทัลจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้และรีบปิดปาก ไม่พูดอะไรทันที

“เป็นเด็กเย็นชาผมสีเงิน พวกเขาน่าจะมาที่นี่เร็วๆ นี้” เทพมังกรไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของซิสทัล แต่ยังคงพูดอย่างมีความสุขว่าเทพเจ้าเอลฟ์อยู่กับใคร

เหลิ่งหลิงยวิ๋น!

หลิงยวิ๋นเขาอยู่กับเทพเจ้าเอลฟ์นี่เอง

แต่เทพเจ้าเหล่านี้มารวมตัวกันเพื่ออะไร? มันเกี่ยวข้องกับสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้หรือไม่? ไม่น่าจะใข่นะ เทพเจ้าเอลฟ์และเทพมังกรไม่น่าจะเข้ามาแทรกแซงสิ่งต่างๆ ของโลกเทพเจ้า ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของศาลแห่งแสง ไม่ใช่ว่าพวกเขาเข้ามายุ่งไม่ได้ แต่พวกเขาไม่อยากมายุ่ง แต่ว่าตอนที่ช่วยมาริลินให้กลายเป็นเทพีแห่งแสงคนใหม่ พวกเขาทั้งหมดกลับมาปรากฏตัวที่นี่ทำไมกัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+