แม่มดสาวมุ้งมิ้ง 20 กระโดดตึก

Now you are reading แม่มดสาวมุ้งมิ้ง Chapter 20 กระโดดตึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 20 กระโดดตึก

เมื่อสัปดาห์ก่อนฮันเป่าเมยได้โทรไปแจ้งหลี่หยูว่าเธอต้องการเปลื่ยนชื่อเจ้าของบ้านเป็นฮันจ้าวหยางผู้เป็นบิดา เนื่องจากเธอมีแผนการณ์บางอย่างอยู่ในใจ

 

หลังจากย้ายบ้านแล้วมารดาของเธอก็ลาออกจากงานเพราะพวกเขาวางแผนว่าจะไปเรียนทำอาหารเพื่อเปิดเพจขายอาหารและขายเครื่องดื่มสำหรับผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งมีประมาณสามพันหลังคาเรือน

 

“แม่เปิดเพจเป็นเหรอคะ?”

 

“ถ้าเรามีเงินเราสามารถจ้างคนอื่นทำได้!”

 

“โอ้โห! บนโลกมนุษย์นี่เงินสามารถทำได้ทุกอย่างเลยนะคะ”

 

“…เออ! จะว่าอย่างนั้นก็ได้!” มารดาเห็นด้วย

 

ตอนนี้แม่มดสาวมีเงินอยู่ในธนาคารไม่มากนัก ส่วนเงินห้าล้านเหรียญที่มีคนมอบให้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอก็มอบมันให้กับบิดามารดาแล้วและไม่ต้องการที่จะขอมันจะพวกเขา

 

เนื่องจากเธอรู้สึกผิดที่ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในร่างของบุตรสาวของพวกเขาและไม่รู้ว่าดวงวิญญาณของเด็กสาวผู้นี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว…

 

แม่มดสาวยังคงไปทำงานตามปกติและวันนี้หลังจากเลิกงานเธอไม่ได้กลับบ้านในทันทีแต่เธอเดินไปที่ร้านเค้กชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตบนถนนสายหลักของเมืองนี้และใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการต่อแถวเพื่อเลือกซื้อเค้ก

 

จากนั้นเธอก็นั่งทานขนมเค้กอยู่ในร้านอย่างใจเย็นและเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้อชานมไข่มุกพร้อมกับโทรแจ้งทางบ้านว่า วันนี้จะกลับบ้านช้ากว่าปกติจากนั้นเธอก็เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาค่ำ

 

และเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดมิดก็ดูเหมือนว่าเธอจะพบบางสิ่งบางอย่างอยู่บนหลังคาทางทิศตะวันออกจากตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ โดยมีกลุ่มหมอกควันสีเทาที่หม่นหมองกำลังหมุนวนอย่างผันผวนเป็นพายุอยู่ที่นั่น

 

ขณะที่มันมีความกว้างประมาณสองเมตรและสูงเจ็ดหรือแปดเมตรดังนั้นแม่มดสาวจึงกล่าวกับเจ้าแมวน้อยว่า

 

“แม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะมีพลังงานด้านลบที่หนาแน่นมากและดูเหมือนจะมีความคับแค้นใจแอบแฝงอยู่แต่สิ่งนี้จะสามารถจัดการได้…นี่แหละคือลูกค้ารายแรกของข้า”

 

เมื่อมีโอกาสในการสร้างรายได้แม่มดสาวก็ไม่ต้องการสูญเสียโอกาสนี้ไปเธอจึงรีบพุ่งตัวไปที่ตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว

 

และด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์เคลื่อนย้าย ชั่วอึดใจต่อมาฮันเป่าเม่ยก็มาถึงที่หมายโดยพบว่าสถานที่แห่งนั้นคือโรงพยาบาลเอกชนประจำจังหวัด และกลุ่มหมอกควันสีเทาอยู่บนหลังคาแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลอีกทั้งบนยอดตึกยังมีลมหายใจแห่งความสิ้นหวัง

 

[จะมีคนฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกใช่หรือเปล่า?]

 

ตอนนี้แม่มดสาวได้เงยหน้าขึ้นเพื่อเพ่งมอง เนื่องจากต้องการตรวจดูสถานการณ์บนดาดฟ้าอาคารและเห็นว่าพลังของกลุ่มควันสีเทานั้นเริ่มมีความผันผวนและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเธอจึงรีบเร่งร่ายมนต์เคลื่อนย้ายอีกครั้งด้วยความกระวนกระวายใจ

 

ที่ด้านบนของอาคารหญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลยืนสงบนิ่งอยู่ที่บริเวณกันสาดและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านผมยาวสลวยและกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่ทราบว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

 

“เซียงอัน! อย่าคิดสั้น! หมอบอกว่าห้องวิจัยกำลังคิดค้นตัวยาเพื่อรักษาโรคนี้อยู่! อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้! เซียงอันได้ยินหรือเปล่า?”

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผีผู้ชายคนนั้นหวังเพียงว่าตนเองจะสามารถถ่วงเวลาผู้หญิงคนนี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เผื่อว่าเธออาจจะคิดได้และไม่คิดฆ่าตัวตายหรืออาจจะมีใครบางคนบังเอิญขึ้นมาพบเพื่อหยุดการกระทำของเธอ

 

ขณะนี้บนท้องฟ้ามีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านมาพร้อมกับแสงไฟกระพริบที่สว่างเจิดจ้าและทันใดนั้นรอยยิ้มที่มุมปากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเซียงอัน

 

“ฉันคิดว่าครั้งนี้คงจะเป็นการเห็นดวงดาวครั้งสุดท้ายของฉัน”

 

หลังจากคราวจบหญิงสาวก็ทำท่าทางจะกระโดดลงไปด้านล่าง

 

“ไม่นะ!”

 

วิญญาณของผู้ชายร้องตะโกนด้วยความร้อนรนพร้อมกับเลื่อนมือไปข้างหน้าและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดึงร่างของผู้หญิงคนนั้นกลับเข้ามา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

เซียงอันเหลือบมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเท้าตนเองเป็นครั้งสุดท้ายและมีจดหมาย ลาตายของเธออยู่ในนั้นพลางกล่าวว่า

 

“พ่อคะ! แม่คะ! หนูลาก่อนนะ!”

 

“ไม่นะ!” ผีผู้ชายร้องตะโกนสุดเสียงแต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ยิน

 

ทันใดนั้นเซียงอันก็หยุดด้วยดวงตาเบิกกว้างเนื่องจากความประหลาดใจทำให้วิญญาณชายหนุ่มที่ชื่อหยุนหัวรู้สึกสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เสียมันได้ยินเสียงของเขา

 

“เฮ้อ! เหนื่อยมาก! กว่าจะมาถึง! เมื่อกี้นี้หลงทางจนได้”

 

แม่มดสาวบ่นพึมพำอย่างเหนื่อยหอบและกล่าวอีกว่า

 

“ฉันวิ่งมาจากถนนด้านโน้นก็เลยหมดแรง! เดี๋ยวก่อน! ขอพักแป๊บนึง..”

 

เมื่อเซียงอันหันหน้ามามองก็เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเด็กมัธยมปลายที่มีผมยาวถึงเอวแต่ถูกถักเป็นเปียเอาไว้สองเส้นส่วนใบหน้านั้นเป็นสีแดงก่ำเพราะความเร่งรีบของเธอ

 

“น้องค่ะ ขึ้นมาบนดาดฟ้าทำไมคะ? มันอันตรายรู้หรือเปล่า?”

 

เซียงอันเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่อันที่จริงแล้วเธอไม่ต้องการให้ความตายของตนเองสร้างเงาร้ายทางจิตใจให้กับเด็กสาว ดังนั้นจึงวางแผนว่าจะรอจนกว่าเธอคนนั้นจะจากไปแล้วค่อยกระโดดลงไปด้านล่าง

 

“ไม่! น้องสาว! อย่าไปนะ! เธอจะกระโดดตึกหลังจากที่น้องออกไปช่วยห้ามเธอด้วย!”

 

วิญญาณของอยู่หยุนหัวรีบวิ่งเข้าไปที่ด้านหน้าของฮันเป่าเม่ยพร้อมกับร้องตะโกนแม้เขาจะทราบว่าตอนนี้ตนเองเป็นเพียงดวงวิญญาณดังนั้นมนุษย์คงจะมองไม่เห็นเขาอย่างแน่นอน

 

แต่หลังจากที่เขารออยู่เป็นเวลานานก็มีเพียงเด็กผู้หญิงคนนี้ที่มีลักษณะเหมือนเด็กนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้นที่ปรากฏตัว

 

“รู้แล้ว! ไม่ต้องตะโกน…บอกแล้วไงว่าขอพักแป๊บนึง”

 

เหตุผลที่เธอเหนื่อยหอบเป็นอย่างมากเป็นเพราะว่ามีการขัดข้องทางเทคนิคดังนั้นเมื่อคู่นี้เธอจึงไปโผล่ที่ห้องฉุกเฉินแทนที่จะมาที่นี่

 

และทันทีที่แม่มดสาวกล่าวเช่นนี้วิญญาณของชายหนุ่มกับเซียงอันก็อยู่ในอาการตกตะลึง

 

“ฉันไม่ได้ตะโกน” เซียงอันกล่าวด้วยความรู้สึกสับสน

 

“น้องได้ยินเสียงที่พี่พูดเหรอ?”วิญญาณชายหนุ่มเอ่ยถาม

 

“น้องได้ยินที่พี่พูดใช่ไหม?” วิญญาณของหยุนหัวร้องตะโกนอีกครั้ง

 

แม่มดสาวรู้สึกว่าหากตนเองไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอคงจะต้องถูกผีหนุ่มตนนี้ตะโกนใส่อีก ดังนั้นเธอจึงยืนตัวตรงและยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเท้าสะเอวพร้อมกับกล่าวว่า

 

“พี่สาว…พี่กำลังจะกระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตายเหรอ?”

 

หลังจากได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของเด็กสาว การแสดงออกของเซียงอันก็เปลี่ยนไปและกำลังจะโต้ตอบกลับมา แต่เธอเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าโบกมือพร้อมกับกล่าวอีกครั้งว่า

 

“ไม่ต้องปฏิเสธ! ก็หนูเห็นอยู่ตําตาว่าพี่กำลังจะกระโดดลงไป”

 

เซียงอันเงียบทันทีและเริ่มลังเลใจว่าจะกระโดดลงไปด้านล่างต่อหน้าเด็กผู้หญิงคนนี้ดีหรือไม่?

 

เป็นไปได้ว่าถ้าเธอกระโดดลงไปมันอาจจะทิ้ง…ภาพจำที่เลวร้ายทางจิตใจไว้กับเด็กผู้หญิงตรงหน้า แต่ถ้าเธอไม่ทำ…เด็กผู้หญิงคนนี้ก็จะบอกทุกคนเกี่ยวกับการที่ตนเองต้องการจะฆ่าตัวตายจากนั้นเธอก็หาโอกาสที่จะทำแบบนี้ได้ยากขึ้น

 

“พี่สาวชื่ออะไรคะ?”

 

ในที่สุดฮันเป่าเม่ยก็หายจากอาการเหนื่อยหอบแต่เธอก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและไม่เข้าใกล้ผู้หญิงตรงหน้าเพราะกลัวว่าจะเป็นการกระตุ้นเซียงอัน

 

“เธอชื่อเซียงอัน!” ผีของชายหนุ่มตอบแทน

 

“เซียงอันเหรอ?” ฮันเป่าเม่ยทวนคำตอบพร้อมกับพยักหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่มดสาวมุ้งมิ้ง 20 กระโดดตึก

Now you are reading แม่มดสาวมุ้งมิ้ง Chapter 20 กระโดดตึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 20 กระโดดตึก

เมื่อสัปดาห์ก่อนฮันเป่าเมยได้โทรไปแจ้งหลี่หยูว่าเธอต้องการเปลื่ยนชื่อเจ้าของบ้านเป็นฮันจ้าวหยางผู้เป็นบิดา เนื่องจากเธอมีแผนการณ์บางอย่างอยู่ในใจ

 

หลังจากย้ายบ้านแล้วมารดาของเธอก็ลาออกจากงานเพราะพวกเขาวางแผนว่าจะไปเรียนทำอาหารเพื่อเปิดเพจขายอาหารและขายเครื่องดื่มสำหรับผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งมีประมาณสามพันหลังคาเรือน

 

“แม่เปิดเพจเป็นเหรอคะ?”

 

“ถ้าเรามีเงินเราสามารถจ้างคนอื่นทำได้!”

 

“โอ้โห! บนโลกมนุษย์นี่เงินสามารถทำได้ทุกอย่างเลยนะคะ”

 

“…เออ! จะว่าอย่างนั้นก็ได้!” มารดาเห็นด้วย

 

ตอนนี้แม่มดสาวมีเงินอยู่ในธนาคารไม่มากนัก ส่วนเงินห้าล้านเหรียญที่มีคนมอบให้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอก็มอบมันให้กับบิดามารดาแล้วและไม่ต้องการที่จะขอมันจะพวกเขา

 

เนื่องจากเธอรู้สึกผิดที่ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในร่างของบุตรสาวของพวกเขาและไม่รู้ว่าดวงวิญญาณของเด็กสาวผู้นี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว…

 

แม่มดสาวยังคงไปทำงานตามปกติและวันนี้หลังจากเลิกงานเธอไม่ได้กลับบ้านในทันทีแต่เธอเดินไปที่ร้านเค้กชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตบนถนนสายหลักของเมืองนี้และใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการต่อแถวเพื่อเลือกซื้อเค้ก

 

จากนั้นเธอก็นั่งทานขนมเค้กอยู่ในร้านอย่างใจเย็นและเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้อชานมไข่มุกพร้อมกับโทรแจ้งทางบ้านว่า วันนี้จะกลับบ้านช้ากว่าปกติจากนั้นเธอก็เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาค่ำ

 

และเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดมิดก็ดูเหมือนว่าเธอจะพบบางสิ่งบางอย่างอยู่บนหลังคาทางทิศตะวันออกจากตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ โดยมีกลุ่มหมอกควันสีเทาที่หม่นหมองกำลังหมุนวนอย่างผันผวนเป็นพายุอยู่ที่นั่น

 

ขณะที่มันมีความกว้างประมาณสองเมตรและสูงเจ็ดหรือแปดเมตรดังนั้นแม่มดสาวจึงกล่าวกับเจ้าแมวน้อยว่า

 

“แม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะมีพลังงานด้านลบที่หนาแน่นมากและดูเหมือนจะมีความคับแค้นใจแอบแฝงอยู่แต่สิ่งนี้จะสามารถจัดการได้…นี่แหละคือลูกค้ารายแรกของข้า”

 

เมื่อมีโอกาสในการสร้างรายได้แม่มดสาวก็ไม่ต้องการสูญเสียโอกาสนี้ไปเธอจึงรีบพุ่งตัวไปที่ตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว

 

และด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์เคลื่อนย้าย ชั่วอึดใจต่อมาฮันเป่าเม่ยก็มาถึงที่หมายโดยพบว่าสถานที่แห่งนั้นคือโรงพยาบาลเอกชนประจำจังหวัด และกลุ่มหมอกควันสีเทาอยู่บนหลังคาแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลอีกทั้งบนยอดตึกยังมีลมหายใจแห่งความสิ้นหวัง

 

[จะมีคนฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกใช่หรือเปล่า?]

 

ตอนนี้แม่มดสาวได้เงยหน้าขึ้นเพื่อเพ่งมอง เนื่องจากต้องการตรวจดูสถานการณ์บนดาดฟ้าอาคารและเห็นว่าพลังของกลุ่มควันสีเทานั้นเริ่มมีความผันผวนและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเธอจึงรีบเร่งร่ายมนต์เคลื่อนย้ายอีกครั้งด้วยความกระวนกระวายใจ

 

ที่ด้านบนของอาคารหญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลยืนสงบนิ่งอยู่ที่บริเวณกันสาดและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านผมยาวสลวยและกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่ทราบว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

 

“เซียงอัน! อย่าคิดสั้น! หมอบอกว่าห้องวิจัยกำลังคิดค้นตัวยาเพื่อรักษาโรคนี้อยู่! อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้! เซียงอันได้ยินหรือเปล่า?”

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผีผู้ชายคนนั้นหวังเพียงว่าตนเองจะสามารถถ่วงเวลาผู้หญิงคนนี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เผื่อว่าเธออาจจะคิดได้และไม่คิดฆ่าตัวตายหรืออาจจะมีใครบางคนบังเอิญขึ้นมาพบเพื่อหยุดการกระทำของเธอ

 

ขณะนี้บนท้องฟ้ามีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านมาพร้อมกับแสงไฟกระพริบที่สว่างเจิดจ้าและทันใดนั้นรอยยิ้มที่มุมปากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเซียงอัน

 

“ฉันคิดว่าครั้งนี้คงจะเป็นการเห็นดวงดาวครั้งสุดท้ายของฉัน”

 

หลังจากคราวจบหญิงสาวก็ทำท่าทางจะกระโดดลงไปด้านล่าง

 

“ไม่นะ!”

 

วิญญาณของผู้ชายร้องตะโกนด้วยความร้อนรนพร้อมกับเลื่อนมือไปข้างหน้าและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดึงร่างของผู้หญิงคนนั้นกลับเข้ามา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

เซียงอันเหลือบมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเท้าตนเองเป็นครั้งสุดท้ายและมีจดหมาย ลาตายของเธออยู่ในนั้นพลางกล่าวว่า

 

“พ่อคะ! แม่คะ! หนูลาก่อนนะ!”

 

“ไม่นะ!” ผีผู้ชายร้องตะโกนสุดเสียงแต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ยิน

 

ทันใดนั้นเซียงอันก็หยุดด้วยดวงตาเบิกกว้างเนื่องจากความประหลาดใจทำให้วิญญาณชายหนุ่มที่ชื่อหยุนหัวรู้สึกสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เสียมันได้ยินเสียงของเขา

 

“เฮ้อ! เหนื่อยมาก! กว่าจะมาถึง! เมื่อกี้นี้หลงทางจนได้”

 

แม่มดสาวบ่นพึมพำอย่างเหนื่อยหอบและกล่าวอีกว่า

 

“ฉันวิ่งมาจากถนนด้านโน้นก็เลยหมดแรง! เดี๋ยวก่อน! ขอพักแป๊บนึง..”

 

เมื่อเซียงอันหันหน้ามามองก็เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเด็กมัธยมปลายที่มีผมยาวถึงเอวแต่ถูกถักเป็นเปียเอาไว้สองเส้นส่วนใบหน้านั้นเป็นสีแดงก่ำเพราะความเร่งรีบของเธอ

 

“น้องค่ะ ขึ้นมาบนดาดฟ้าทำไมคะ? มันอันตรายรู้หรือเปล่า?”

 

เซียงอันเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่อันที่จริงแล้วเธอไม่ต้องการให้ความตายของตนเองสร้างเงาร้ายทางจิตใจให้กับเด็กสาว ดังนั้นจึงวางแผนว่าจะรอจนกว่าเธอคนนั้นจะจากไปแล้วค่อยกระโดดลงไปด้านล่าง

 

“ไม่! น้องสาว! อย่าไปนะ! เธอจะกระโดดตึกหลังจากที่น้องออกไปช่วยห้ามเธอด้วย!”

 

วิญญาณของอยู่หยุนหัวรีบวิ่งเข้าไปที่ด้านหน้าของฮันเป่าเม่ยพร้อมกับร้องตะโกนแม้เขาจะทราบว่าตอนนี้ตนเองเป็นเพียงดวงวิญญาณดังนั้นมนุษย์คงจะมองไม่เห็นเขาอย่างแน่นอน

 

แต่หลังจากที่เขารออยู่เป็นเวลานานก็มีเพียงเด็กผู้หญิงคนนี้ที่มีลักษณะเหมือนเด็กนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้นที่ปรากฏตัว

 

“รู้แล้ว! ไม่ต้องตะโกน…บอกแล้วไงว่าขอพักแป๊บนึง”

 

เหตุผลที่เธอเหนื่อยหอบเป็นอย่างมากเป็นเพราะว่ามีการขัดข้องทางเทคนิคดังนั้นเมื่อคู่นี้เธอจึงไปโผล่ที่ห้องฉุกเฉินแทนที่จะมาที่นี่

 

และทันทีที่แม่มดสาวกล่าวเช่นนี้วิญญาณของชายหนุ่มกับเซียงอันก็อยู่ในอาการตกตะลึง

 

“ฉันไม่ได้ตะโกน” เซียงอันกล่าวด้วยความรู้สึกสับสน

 

“น้องได้ยินเสียงที่พี่พูดเหรอ?”วิญญาณชายหนุ่มเอ่ยถาม

 

“น้องได้ยินที่พี่พูดใช่ไหม?” วิญญาณของหยุนหัวร้องตะโกนอีกครั้ง

 

แม่มดสาวรู้สึกว่าหากตนเองไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอคงจะต้องถูกผีหนุ่มตนนี้ตะโกนใส่อีก ดังนั้นเธอจึงยืนตัวตรงและยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเท้าสะเอวพร้อมกับกล่าวว่า

 

“พี่สาว…พี่กำลังจะกระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตายเหรอ?”

 

หลังจากได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของเด็กสาว การแสดงออกของเซียงอันก็เปลี่ยนไปและกำลังจะโต้ตอบกลับมา แต่เธอเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าโบกมือพร้อมกับกล่าวอีกครั้งว่า

 

“ไม่ต้องปฏิเสธ! ก็หนูเห็นอยู่ตําตาว่าพี่กำลังจะกระโดดลงไป”

 

เซียงอันเงียบทันทีและเริ่มลังเลใจว่าจะกระโดดลงไปด้านล่างต่อหน้าเด็กผู้หญิงคนนี้ดีหรือไม่?

 

เป็นไปได้ว่าถ้าเธอกระโดดลงไปมันอาจจะทิ้ง…ภาพจำที่เลวร้ายทางจิตใจไว้กับเด็กผู้หญิงตรงหน้า แต่ถ้าเธอไม่ทำ…เด็กผู้หญิงคนนี้ก็จะบอกทุกคนเกี่ยวกับการที่ตนเองต้องการจะฆ่าตัวตายจากนั้นเธอก็หาโอกาสที่จะทำแบบนี้ได้ยากขึ้น

 

“พี่สาวชื่ออะไรคะ?”

 

ในที่สุดฮันเป่าเม่ยก็หายจากอาการเหนื่อยหอบแต่เธอก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและไม่เข้าใกล้ผู้หญิงตรงหน้าเพราะกลัวว่าจะเป็นการกระตุ้นเซียงอัน

 

“เธอชื่อเซียงอัน!” ผีของชายหนุ่มตอบแทน

 

“เซียงอันเหรอ?” ฮันเป่าเม่ยทวนคำตอบพร้อมกับพยักหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+