แม่มดสาวมุ้งมิ้ง 24 เธอเป็นใคร?

Now you are reading แม่มดสาวมุ้งมิ้ง Chapter 24 เธอเป็นใคร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24 เธอเป็นใคร?

 

ก่อนที่จะเข้านอน แม่มดสาวได้หยิบตุ๊กตาผ้าสะกดวิญญาณออกมาและวางไว้บนโต๊ะที่อยู่บริเวณข้างหน้าต่างพร้อมกับกล่าวว่า

 

“เธอได้ยินสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า? เธอจะต้องอยู่ในนี้จนกว่าจะครบสามเดือน แล้วฉันจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระเมื่อถึงเวลานั้น” แม่มดสาวกล่าวกับผีเด็กตัวนั้นอีกว่า

 

“ตอนนี้จิตวิญญาณของเธอมีความอ่อนแอเนื่องจากความสิ้นหวังและต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณช่วยเซียงอันอีก แต่ไม่ต้องกังวลเพราะตุ๊กตาเวทย์มนตร์ตัวนี้สามารถช่วยเยียวยาจิตวิญญาณของเธอได้”

 

หลังจากกล่าวจบ ฮันเป่าเม่ยก็หลับใหลไม่ได้สติโดยลืมปิดหน้าต่างให้มิดชิดและในตอนเช้ามืดได้มีลมกระโชกแรงพัดผ่านเข้ามาด้านในจนตุ๊กตาเวทย์มนต์ร่วงหล่นลงบนพื้นห้องนอน

 

ทําให้ผีน้อยเป่าจื่อพยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็ผงะไปชั่วขณะ

 

นี่เราสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเองอยู่เนี่ย?

 

แล้วเดินได้หรือเปล่า?

 

จากนั้นเป่าจื่อก็เริ่มยืดแขนยืดขาของตนเองและพบว่าตนเองสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ

 

ตอนนี้แม้ว่าวิญญาณของเด็กน้อยจะถูกกักขังอยู่ในร่างของตุ๊กตาแต่ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถขยับเขยื้อนได้ราวกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาจริง ๆ

 

เดิมที่เป่าจื่อเป็นเด็กอายุประมาณสี่ขวบและหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วเขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นเขาได้มองไปทางฮันเป่าเม่ย เมื่อพบว่าเธอนอนหลับสนิทเขาก็ปืนกลับขึ้นไปที่โต๊ะและมองลงมา

 

โอ้โห! สูงมากเลย!

 

ต่อมาเขาก็พยายามไต่ลงมาที่พื้นอีกครั้งแต่ด้วยความผิดพลาดบางประการ ร่างของตุ๊กตานั้นก็ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างรุนแรงทันที

 

อ้าว! ไม่เจ็บเลย

 

จากนั้นเจ้าผีน้อยก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและสํารวจทุกห้องในบ้านหลังนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นถุงขนมที่ตนเองเคยกินเมื่อสมัยมีชีวิตอยู่เขาก็หยุดชะงักทันที

 

อยากกิน! อยากกิน! อันนี้ฉันอยากกิน!

 

หลังจากคิดดังนั้นแล้ว เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาถุงขนมและพบว่ามันเป็นบรรจุภัณฑ์ของโอริโอ้ที่เขาชื่นชอบ เขาจึงเริ่มฉีกซองนั้นด้วยมือทั้งสองข้างของตนเองเป็นเวลานาน

 

แต่ก็ไม่สามารถทําได้สําเร็จ หลังจากนั้นผีเด็กก็จ้องมองไปที่ฝ่ามือของตนเอง จึงเข้าใจว่ามันเป็นเพียงผ้าที่ไม่มีแม้แต่นิ้ว….

 

นับตั้งแต่วันนั้นเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยจะใช้ชีวิตในบ้าน โดยตอนกลางคืนหลังจากทุกคนเข้านอนแล้ว กิจวัตรประจําวันของเขาคือการนั่งดูการ์ตูนทางทีวีตลอดทั้งคืนจนกระทั่งฟ้าสาง

 

ตอนมีชีวิตอยู่เป่าจอไม่เคยได้นั่งดูการ์ตูนอย่างมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย ดังนั้นแม้แต่เพลงตอนจบของการ์ตูนอนิเมชั่นก็ยังได้รับความสนใจอย่างมาก

 

ต่อมาเจ้าผีน้อยก็หยิบรีโมทคอนโทรลมาเปลี่ยนช่องเพื่อหารายการทีวีใหม่ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นภาพคนที่คุ้นเคยปรากฎอยู่ในทีวี

 

มันเป็นรายการสัมภาษณ์ โดยบุคคลผู้นี้มีภาพพื้นหลังเป็นสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขนาดเล็กในทีวีมีภาพของชายวัยกลางคนที่มีผมสองสีคือดำปนขาวและสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ กําลังแนะนําสภาพแวดล้อมของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าให้ผู้สื่อข่าวรับทราบ

 

“ดิฉันได้ยินมาว่า นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าที่คุณเป็นคนก่อตั้งขึ้นเองใช่หรือเปล่าคะ?”

 

“ใช่ครับ!”

 

“มีความเป็นมาอย่างไรบ้างคะ?!”

 

” เมื่อประมาณสิบปีที่แล้วผมเก็บเด็กที่ถูกทิ้งไว้ที่กองขยะมาเลี้ยงและต่อมาก็มีคนใจร้ายมาทิ้งไว้อีกหลายคน..ผมก็รับอุปการะไว้ทั้งหมด

 

ตอนนั้นผมเช่าอาคารพาณิชย์สองชั้นอยู่กับเด็ก ๆ จากนั้นทุกคนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบบริเวณต่างก็ทราบว่าผมรับเลี้ยงเด็กทําให้มีคนนําเด็กมาทิ้งเอาไว้หน้าบ้านและด้วยวิธีนี้บ้านเด็กกําพร้าก็ได้ก่อตัวขึ้น

 

“มีเด็กถูกนํามาทิ้งไว้ที่นี่ตั้งหลายคน คุณไม่คิดที่จะปฏิเสธบ้างเหรอคะ?”

 

“ผมทอดทิ้งให้เด็ก ๆ โดดเดี่ยวไม่ได้หรอกครับ!”

 

“ดิฉันได้ยินมาว่า คุณขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อนํามาก่อสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้ใช่หรือเปล่าคะ?”

 

“ใช่ครับ! เด็กที่ถูกทอดทิ้งส่วนใหญ่มีความบกพร่องไม่ว่าจะพิการหรือสุขภาพอ่อนแอก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินจํานวนมากในการรักษา แต่นับว่ายังโชคดีที่มีอาสาสมัครกับผู้คนมากมายในสังคมที่ห่วงใยและบริจาคเงินหรือข้าวของเครื่องใช้ที่จําเป็นซึ่งช่วยเราได้มาก”

 

ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์นักข่าวได้กล่าวกับกล้องว่า

 

“นี่คือบ้านเด็กกําพร้าแสนสุขและมีเด็กที่ถูกทอดทิ้งอยู่ที่นี่สามสิบคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพ่อแม่แต่ก็ยังสามารถมีชีวิตที่มีความสุขและแข็งแรงได้ภายใต้การดูแลของคุณตันหลี่หมิงและความช่วยเหลือจากผู้มีน้ำใจในสังคม”

 

จากนั้นก็มีตัวอักษรสองบรรทัดปรากฏขึ้นที่ด้านล่างของหน้าจอพร้อมที่อยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าและหมายเลขบัญชีบริจาคและหมายเลขโทรศัพท์สําหรับติดต่อ

 

” ตันหลี่หมิง!”

 

เป่าจื่อจ้องมองชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางมีเมตตาและกําลังหยอกล้อกันเด็ก ๆ ด้วยแววตาแห่งความข่มขืน

 

ครั้งที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะนักบวชลัทธิเต๋าทั้งสามคนนั้น เขาต้องฆ่าตันหลี่หมิงได้อย่างแน่นอน!

 

ให้ตายเถอะ! มันต้องใช้เวลาตั้งสามเดือนกว่าความแข็งแกร่งของเขาจะฟื้นตัว!

 

ทันในนั้นสายตาของผีเด็กเป่าจื่อก็ตกลงกองเหรียญเงินที่วางอยู่ด้านบนโต๊ะด้านหน้าของตนเอง ซึ่งมันถูกวางไว้โดยคุณย่าของฮันเป่าเม่ยหลังจากที่หญิงชราไปซื้อของที่ตลาดกลับมาและมันมีจํานวนมากกว่าสิบสองเหรียญ

 

เป่าจื่อจ้องมองไปที่เหรียญ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองดูหมายเลขติดต่อที่ปรากฏบนหน้าจอทีวีซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตันหลี่หมิง

 

และในฉับพลันเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นหยิบเหรียญสองเหรียญยัดใส่กระเป๋าบนเสื้อตัวน้อยของตนเอง หลังจากแน่ใจว่ามันสามารถใส่เหรียญได้เขาก็เริ่มวิ่งออกจากหมู่บ้านไปตามถนนสายหลักของเมืองนี้

 

โชคดีที่ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ดังนั้นจึงมีผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนนมิฉะนั้นอาจจะมีคนเดินชนตุ๊กตาขนาดเท่าฝ่ามือที่วิ่งอยู่ภายใต้โคมไฟสว่างไสวบนท้องถนน

 

ตอนนี้เป่าจื่อวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วสูงสุดประมาณยี่สิบนาทีและในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าตู้โทรศัพท์ตู้หนึ่ง

 

นี่คือโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้จริงซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นโดยบริษัทโทรคมนาคมเพื่อให้ประชาชนสามารถโทรออกได้สะดวกขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาในตอนที่โทรศัพท์มือถือยังไม่ได้รับความนิยม

 

ในปีที่ผ่านมาตู้โทรศัพท์จํานวนมากถูกรื้อถอนออกไปแล้ว แต่บางส่วนก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้และตู้โทรศัพท์ที่เป่าจื่อค้นพบก็คือหนึ่งในนั้น

 

ผีเด็กเข้ามาในตู้โทรศัพท์และปีนขึ้นไปโดยใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะปีนขึ้นไปอยู่บนเครื่องโทรศัพท์และรวบรวมพลังเพื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาวางบนเครื่อง จากนั้นจึงหยิบเหรียญออกมาหยอดเหรียญและเริ่มกดหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตันหลี่หมิงที่เขาสามารถจดจําได้อย่างแม่นยํา 

 

หลังจากเสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้นประมาณห้าหกครั้ง ในที่สุดก็มีเสียงดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง

 

“สวัสดีครับ…ที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแสนสุข ผมชื่อตันหลี่หมิงเป็นคนพูดสายครับ”

 

“อาป๋าตัน” เป่าจื่อเอ่ยขึ้น

 

“เธอเป็นเด็กของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้านี้เหรอ?” ชายวัยกลางตนเอ่ยถามเบา ๆ

 

“ตอนนี้ผมไม่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า” เป่าจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วเธออยู่ไหน? ออกไปข้างนอกเหรอ? รีบกลับเข้าไปนอนเดี๋ยวนี้!”

 

ชายชราลุกขึ้นแต่งตัวแต่ยังคงคุยโทรศัพท์

 

“ผมอยู่ในบ่อน้ำ” เป่าจื่อยังคงยิ้มและกล่าวอีกว่า

 

“อาป๋าตัน! ป๊าโยนผมลงไปในบ่อด้านหลัง! ป๊าจําไม่ได้หรอ?”

 

“เธอคือใคร?!” ชายวัยกลางคนร้องตะโกนถามด้วยความตกใจ

 

น้ำเสียงของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และในที่สุดสีหน้าแห่งความหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่มดสาวมุ้งมิ้ง 24 เธอเป็นใคร?

Now you are reading แม่มดสาวมุ้งมิ้ง Chapter 24 เธอเป็นใคร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24 เธอเป็นใคร?

 

ก่อนที่จะเข้านอน แม่มดสาวได้หยิบตุ๊กตาผ้าสะกดวิญญาณออกมาและวางไว้บนโต๊ะที่อยู่บริเวณข้างหน้าต่างพร้อมกับกล่าวว่า

 

“เธอได้ยินสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า? เธอจะต้องอยู่ในนี้จนกว่าจะครบสามเดือน แล้วฉันจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระเมื่อถึงเวลานั้น” แม่มดสาวกล่าวกับผีเด็กตัวนั้นอีกว่า

 

“ตอนนี้จิตวิญญาณของเธอมีความอ่อนแอเนื่องจากความสิ้นหวังและต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณช่วยเซียงอันอีก แต่ไม่ต้องกังวลเพราะตุ๊กตาเวทย์มนตร์ตัวนี้สามารถช่วยเยียวยาจิตวิญญาณของเธอได้”

 

หลังจากกล่าวจบ ฮันเป่าเม่ยก็หลับใหลไม่ได้สติโดยลืมปิดหน้าต่างให้มิดชิดและในตอนเช้ามืดได้มีลมกระโชกแรงพัดผ่านเข้ามาด้านในจนตุ๊กตาเวทย์มนต์ร่วงหล่นลงบนพื้นห้องนอน

 

ทําให้ผีน้อยเป่าจื่อพยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็ผงะไปชั่วขณะ

 

นี่เราสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเองอยู่เนี่ย?

 

แล้วเดินได้หรือเปล่า?

 

จากนั้นเป่าจื่อก็เริ่มยืดแขนยืดขาของตนเองและพบว่าตนเองสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ

 

ตอนนี้แม้ว่าวิญญาณของเด็กน้อยจะถูกกักขังอยู่ในร่างของตุ๊กตาแต่ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถขยับเขยื้อนได้ราวกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาจริง ๆ

 

เดิมที่เป่าจื่อเป็นเด็กอายุประมาณสี่ขวบและหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วเขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นเขาได้มองไปทางฮันเป่าเม่ย เมื่อพบว่าเธอนอนหลับสนิทเขาก็ปืนกลับขึ้นไปที่โต๊ะและมองลงมา

 

โอ้โห! สูงมากเลย!

 

ต่อมาเขาก็พยายามไต่ลงมาที่พื้นอีกครั้งแต่ด้วยความผิดพลาดบางประการ ร่างของตุ๊กตานั้นก็ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างรุนแรงทันที

 

อ้าว! ไม่เจ็บเลย

 

จากนั้นเจ้าผีน้อยก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและสํารวจทุกห้องในบ้านหลังนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นถุงขนมที่ตนเองเคยกินเมื่อสมัยมีชีวิตอยู่เขาก็หยุดชะงักทันที

 

อยากกิน! อยากกิน! อันนี้ฉันอยากกิน!

 

หลังจากคิดดังนั้นแล้ว เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาถุงขนมและพบว่ามันเป็นบรรจุภัณฑ์ของโอริโอ้ที่เขาชื่นชอบ เขาจึงเริ่มฉีกซองนั้นด้วยมือทั้งสองข้างของตนเองเป็นเวลานาน

 

แต่ก็ไม่สามารถทําได้สําเร็จ หลังจากนั้นผีเด็กก็จ้องมองไปที่ฝ่ามือของตนเอง จึงเข้าใจว่ามันเป็นเพียงผ้าที่ไม่มีแม้แต่นิ้ว….

 

นับตั้งแต่วันนั้นเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยจะใช้ชีวิตในบ้าน โดยตอนกลางคืนหลังจากทุกคนเข้านอนแล้ว กิจวัตรประจําวันของเขาคือการนั่งดูการ์ตูนทางทีวีตลอดทั้งคืนจนกระทั่งฟ้าสาง

 

ตอนมีชีวิตอยู่เป่าจอไม่เคยได้นั่งดูการ์ตูนอย่างมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย ดังนั้นแม้แต่เพลงตอนจบของการ์ตูนอนิเมชั่นก็ยังได้รับความสนใจอย่างมาก

 

ต่อมาเจ้าผีน้อยก็หยิบรีโมทคอนโทรลมาเปลี่ยนช่องเพื่อหารายการทีวีใหม่ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นภาพคนที่คุ้นเคยปรากฎอยู่ในทีวี

 

มันเป็นรายการสัมภาษณ์ โดยบุคคลผู้นี้มีภาพพื้นหลังเป็นสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขนาดเล็กในทีวีมีภาพของชายวัยกลางคนที่มีผมสองสีคือดำปนขาวและสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ กําลังแนะนําสภาพแวดล้อมของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าให้ผู้สื่อข่าวรับทราบ

 

“ดิฉันได้ยินมาว่า นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าที่คุณเป็นคนก่อตั้งขึ้นเองใช่หรือเปล่าคะ?”

 

“ใช่ครับ!”

 

“มีความเป็นมาอย่างไรบ้างคะ?!”

 

” เมื่อประมาณสิบปีที่แล้วผมเก็บเด็กที่ถูกทิ้งไว้ที่กองขยะมาเลี้ยงและต่อมาก็มีคนใจร้ายมาทิ้งไว้อีกหลายคน..ผมก็รับอุปการะไว้ทั้งหมด

 

ตอนนั้นผมเช่าอาคารพาณิชย์สองชั้นอยู่กับเด็ก ๆ จากนั้นทุกคนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบบริเวณต่างก็ทราบว่าผมรับเลี้ยงเด็กทําให้มีคนนําเด็กมาทิ้งเอาไว้หน้าบ้านและด้วยวิธีนี้บ้านเด็กกําพร้าก็ได้ก่อตัวขึ้น

 

“มีเด็กถูกนํามาทิ้งไว้ที่นี่ตั้งหลายคน คุณไม่คิดที่จะปฏิเสธบ้างเหรอคะ?”

 

“ผมทอดทิ้งให้เด็ก ๆ โดดเดี่ยวไม่ได้หรอกครับ!”

 

“ดิฉันได้ยินมาว่า คุณขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อนํามาก่อสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้ใช่หรือเปล่าคะ?”

 

“ใช่ครับ! เด็กที่ถูกทอดทิ้งส่วนใหญ่มีความบกพร่องไม่ว่าจะพิการหรือสุขภาพอ่อนแอก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินจํานวนมากในการรักษา แต่นับว่ายังโชคดีที่มีอาสาสมัครกับผู้คนมากมายในสังคมที่ห่วงใยและบริจาคเงินหรือข้าวของเครื่องใช้ที่จําเป็นซึ่งช่วยเราได้มาก”

 

ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์นักข่าวได้กล่าวกับกล้องว่า

 

“นี่คือบ้านเด็กกําพร้าแสนสุขและมีเด็กที่ถูกทอดทิ้งอยู่ที่นี่สามสิบคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพ่อแม่แต่ก็ยังสามารถมีชีวิตที่มีความสุขและแข็งแรงได้ภายใต้การดูแลของคุณตันหลี่หมิงและความช่วยเหลือจากผู้มีน้ำใจในสังคม”

 

จากนั้นก็มีตัวอักษรสองบรรทัดปรากฏขึ้นที่ด้านล่างของหน้าจอพร้อมที่อยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าและหมายเลขบัญชีบริจาคและหมายเลขโทรศัพท์สําหรับติดต่อ

 

” ตันหลี่หมิง!”

 

เป่าจื่อจ้องมองชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางมีเมตตาและกําลังหยอกล้อกันเด็ก ๆ ด้วยแววตาแห่งความข่มขืน

 

ครั้งที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะนักบวชลัทธิเต๋าทั้งสามคนนั้น เขาต้องฆ่าตันหลี่หมิงได้อย่างแน่นอน!

 

ให้ตายเถอะ! มันต้องใช้เวลาตั้งสามเดือนกว่าความแข็งแกร่งของเขาจะฟื้นตัว!

 

ทันในนั้นสายตาของผีเด็กเป่าจื่อก็ตกลงกองเหรียญเงินที่วางอยู่ด้านบนโต๊ะด้านหน้าของตนเอง ซึ่งมันถูกวางไว้โดยคุณย่าของฮันเป่าเม่ยหลังจากที่หญิงชราไปซื้อของที่ตลาดกลับมาและมันมีจํานวนมากกว่าสิบสองเหรียญ

 

เป่าจื่อจ้องมองไปที่เหรียญ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองดูหมายเลขติดต่อที่ปรากฏบนหน้าจอทีวีซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตันหลี่หมิง

 

และในฉับพลันเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นหยิบเหรียญสองเหรียญยัดใส่กระเป๋าบนเสื้อตัวน้อยของตนเอง หลังจากแน่ใจว่ามันสามารถใส่เหรียญได้เขาก็เริ่มวิ่งออกจากหมู่บ้านไปตามถนนสายหลักของเมืองนี้

 

โชคดีที่ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ดังนั้นจึงมีผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนนมิฉะนั้นอาจจะมีคนเดินชนตุ๊กตาขนาดเท่าฝ่ามือที่วิ่งอยู่ภายใต้โคมไฟสว่างไสวบนท้องถนน

 

ตอนนี้เป่าจื่อวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วสูงสุดประมาณยี่สิบนาทีและในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าตู้โทรศัพท์ตู้หนึ่ง

 

นี่คือโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้จริงซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นโดยบริษัทโทรคมนาคมเพื่อให้ประชาชนสามารถโทรออกได้สะดวกขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาในตอนที่โทรศัพท์มือถือยังไม่ได้รับความนิยม

 

ในปีที่ผ่านมาตู้โทรศัพท์จํานวนมากถูกรื้อถอนออกไปแล้ว แต่บางส่วนก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้และตู้โทรศัพท์ที่เป่าจื่อค้นพบก็คือหนึ่งในนั้น

 

ผีเด็กเข้ามาในตู้โทรศัพท์และปีนขึ้นไปโดยใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะปีนขึ้นไปอยู่บนเครื่องโทรศัพท์และรวบรวมพลังเพื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาวางบนเครื่อง จากนั้นจึงหยิบเหรียญออกมาหยอดเหรียญและเริ่มกดหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตันหลี่หมิงที่เขาสามารถจดจําได้อย่างแม่นยํา 

 

หลังจากเสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้นประมาณห้าหกครั้ง ในที่สุดก็มีเสียงดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง

 

“สวัสดีครับ…ที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแสนสุข ผมชื่อตันหลี่หมิงเป็นคนพูดสายครับ”

 

“อาป๋าตัน” เป่าจื่อเอ่ยขึ้น

 

“เธอเป็นเด็กของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้านี้เหรอ?” ชายวัยกลางตนเอ่ยถามเบา ๆ

 

“ตอนนี้ผมไม่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า” เป่าจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วเธออยู่ไหน? ออกไปข้างนอกเหรอ? รีบกลับเข้าไปนอนเดี๋ยวนี้!”

 

ชายชราลุกขึ้นแต่งตัวแต่ยังคงคุยโทรศัพท์

 

“ผมอยู่ในบ่อน้ำ” เป่าจื่อยังคงยิ้มและกล่าวอีกว่า

 

“อาป๋าตัน! ป๊าโยนผมลงไปในบ่อด้านหลัง! ป๊าจําไม่ได้หรอ?”

 

“เธอคือใคร?!” ชายวัยกลางคนร้องตะโกนถามด้วยความตกใจ

 

น้ำเสียงของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และในที่สุดสีหน้าแห่งความหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+