กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 345 ไม่มีวันปล่อยมือ (4)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 345 ไม่มีวันปล่อยมือ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าควรจะถามท่านมากกว่า ว่าท่านต้องการอะไร!” นางขมวดคิ้ว หลุบตามองมือของเขา สายตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งพันปี “ปล่อย”

สายตาของตงฟางเจ๋อขรึมลง ไม่ปล่อยมือกลับบีบแขนนางแน่นขึ้น กว่าจะตามหาลัทธิธิดาเทพเจอไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากยอมปล่อยมือง่ายๆ เช่นนี้ เขาก็ไม่ใช่ตงฟางเจ๋อแล้ว! เขาขยับชิดนางอีกหนึ่งก้าว รังสีน่าเกรงขามแผ่ปกคลุมรอบกายนาง เขากล่าวเสียงขรึม “หลายเดือนมานี้ ข้าคิดมาโดยตลอด ถ้าหากข้าตามหาเจ้าเจอ แล้วข้าจะทำเช่นไร?”

หัวใจของซูหลีบีบรัด นางรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นางเงยหน้ามองเขา นัยน์ตาลึกล้ำดำขลับของเขาคล้ายซ่อนความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดเอาไว้มากมาย นางแข็งใจเม้มปาก ไม่พูดอะไร

ตงฟางเจ๋อกัดฟันกล่าวว่า “ใต้หล้านี้ คนที่ทำให้ข้าอยากจะจับมือเอาไว้และไม่มีวันปล่อยมือ มีเพียงเจ้า! หากเจ้าเข้าใจ ก็จงไปกับข้า! อย่าลบทุกอย่างระหว่างเราทิ้งไปเพียงเพราะความผิดเดียวที่ข้าเคยทำ!”

เขาเคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนาง แม้ต้องเล่นละครตบตากับหยางเสวียน เขาก็จำขึ้นใจว่าจะไม่ทำผิดต่อนางเด็ดขาด แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าความผิดที่ร้ายแรงที่สุดนั้นก่อตัวขึ้นก่อนที่เขาจะรู้จักนางแล้ว!

หากว่านี่คือชะตาฟ้าลิขิต เช่นนั้นฟ้าดินก็โหดร้ายกับพวกเขาเกินไปแล้ว! และความผิดนั้นก็ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับนาง เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนาง ทำให้นางต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และสูญเสียคนในครอบครัวไป ไม่ว่าระหว่างพวกเขาจะเคยมีความรักลึกซึ้งต่อกันเพียงใด ก็มิอาจข้ามผ่านช่องว่างที่ลึกจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดซึ่งก่อตัวขึ้นแต่แรกแล้วไปได้

ซูหลีหลุบตา นางยกมือขึ้นอย่างใจเย็นอีกครั้ง ยาไร้รักเม็ดนั้นอยู่ตรงหน้าเขา จ่ออยู่ตรงริมฝีปากของนาง กลีบปากแดงอ้าออกเล็กน้อย หมายจะกลืนยาลงไป

สีหน้าของตงฟางเจ๋อพลันเปลี่ยน ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยื่นมือออกไปหมายจะแย่งชิง นางกลับคาดเดาได้แต่แรก ชิงหมุนกายหลบหลีก และสลัดฝ่ามือเขาออกภายในพริบตา

ยืนอยู่ห่างกันเพียงสามก้าว สายตาเย็นชาไม่แยแสของนางดูหนักแน่นไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ราวกับไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไร นางก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว!

ในที่สุดดวงตาของตงฟางเจ๋อก็ปรากฏแววตาหวาดกลัว สายตาที่เขามองนางสับสนจนมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ มือของเขาค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ยังคงชะงักอยู่ในท่าคว้าแขนนาง แต่หัวใจกลับว่างเปล่าไปทั้งดวง มีแต่ความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

“ซูซู!” เขาขานเรียกนางด้วยเสียงที่ทั้งแผ่วเบาและสั่นเทา ทว่ากลับเหมือนเขาได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีไปจนสิ้นแล้ว “เจ้าเคยรับปากข้าว่าจะไม่มีวันจากข้าไป อย่าทำผิดสัญญาระหว่างเรา! ข้าไม่เคยทอดทิ้งเจ้า!”

กลิ่นอายเจ็บปวดและสิ้นหวังพรั่งพรูออกมาจากดวงตาเขาอย่างไม่อาจปกปิด ราวกับต้องการกลืนกินนางไปด้วย เพื่อรั้งสตรีที่เขารักที่สุดในชีวิตเอาไว้ เขาจะต้องทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ

หัวใจของซูหลีเจ็บแปลบเล็กน้อย นางรู้ เขาไม่ได้ทอดทิ้งนางจริงๆ แต่ความรักและคำสัญญาระหว่างพวกเขาล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นบนพื้นฐานที่พวกเขาสามารถรักกันได้ ถ้าหากสิ่งเหล่านี้หายไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง นางมองใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวของเขา คล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปชั่วขณะ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขากำลังเข้าใกล้นางอย่างเงียบๆ

ตงฟางเจ๋อกล่าวเสียงขรึม “ยาไร้รักมิอาจช่วยให้เจ้าตัดขาดจากความรักได้อย่างแท้จริง มันรังแต่จะนำความเจ็บปวดทุกข์ทรมานไม่รู้จุดจบมาให้เจ้า! เจ้ากินมันไม่ได้!…ซูซู ไปกับเข้าเถิด!” เขาก้าวเข้าไปหานางอีกก้าว ราวกับมองไม่เห็นความเย็นชาในดวงตาของนาง ยื่นมือไปหานาง สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังจนทำให้ยากจะปฏิเสธ

สายตาของซูหลีไหวระริกเล็กน้อย แต่มือกลับนิ่งงันไม่ขยับ

เรื่องมาถึงขั้นนี้ นางมิอาจปฏิเสธได้ว่าเขายังคงมีแรงดึงดูดที่นางยากจะปฏิเสธอยู่ และยาไร้รักที่อยู่ในมือนางก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอย่างไม่มีที่เปรียบขึ้นมาทันที ความทรงจำในอดีตเปรียบเสมือนเถาวัลย์มีหนามที่เกี่ยวรัดหัวใจนางเอาไว้ ไม่ว่าที่ใดหรือว่าเมื่อไหร่ หากสัมผัสเพียงเล็กน้อย ก็จะเจ็บปวดและขมขื่น

นางหันมองเขา เก็บงำความรู้สึกทั้งหมดในใจ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่ใช่คนที่ท่านกำลังตามหา!”

จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?!

คลื่นลูกใหญ่พลันก่อตัวในดวงตาของตงฟางเจ๋อ คลื่นอารมณ์อันรุนแรงเหมือนดังกระแสน้ำขึ้นลงที่โหมกระหน่ำยากจะสงบ ทันใดนั้น เงาร่างของเขาโฉบไหวอย่างรวดเร็ว เขาที่เดิมทีอยู่ห่างกันไม่มากอยู่แล้ว พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง

ซูหลีตกใจ หมายจะถอยห่างออกจากรัศมีควบคุมของเขา ทว่าจู่ๆ กลับค้นพบว่าตนเองไม่สามารถขยับตัวได้ ความเจ็บปวดภายในร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน บ่งบอกนางอย่างชัดเจนว่าพลังสองขุมในกายกำลังปะทะกันอีกครั้ง นางรีบขับเคลื่อนลมปราณปรับสมดุล

เพียงชั่วขณะนั้น มือของตงฟางเจ๋อก็ยื่นมาจับหน้ากากบนหน้านางไว้ นางหลบเลี่ยงไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ หน้ากากถูกถอดออก ใบหน้าอันคุ้นเคยพลันปรากฏต่อหน้าทุกคน

ตงฟางเจ๋อราวกับถูกคนเอาน้ำเย็นสาดหน้า เขาเบิกตากว้าง จ้องมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ทุกคนในลัทธิธิดาเทพต่างก็ตะลึงงันไปเช่นกัน มองดูใบหน้าที่ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคยดวงนั้น พวกเขาต่างก็อึ้งงันจนพูดไม่ออก

เหตุใดจึงเป็นนาง?!

ปริศนาที่กวนใจตงฟางเจ๋อมานานหลายวัน ในที่สุดก็ถูกคลี่คลายในวินาทีนี้แล้ว เขาเคยมั่นอกมั่นใจว่าบนแผ่นดินแคว้นเปี้ยน คนที่ช่วยชีวิตเซ่อเจิ้งอ๋องโดยไม่สนใจชีวิตของตนเอง นอกจากซูหลีแล้วยังจะมีผู้ใดอีก?

แต่ทว่า คำตอบกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา!

“…ภูติซ้ายจิ้ง?!” หลินเหยา หัวหน้าสำนักเมฆาขาวร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?!”

ผู้คนรอบข้างต่างฮือฮาขึ้นมาทันที ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าสตรีลึกลับที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากสีเงินจะเป็นภูติซ้ายจิ้งที่ทรยศและหนีไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว! ทั่วทั้งวิหารใหญ่พลันโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาทันที ทุกคนต่างตกใจและประหลาดใจอย่างยิ่ง ไม่เข้าใจว่าธิดาเทพคนใหม่ที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านร่วมใจกันเสนอ เหตุใดจึงกลายเป็นคนทรยศที่พวกเขาเคยไล่ล่าอย่างสุดชีวิตในอดีตได้?

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซูหลีกลับไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น นางไม่แม้แต่จะหันไปมองคนเหล่านั้น เพียงมองหน้าตงฟางเจ๋อที่กำลังปากอ้าตาค้างด้วยสายตาเรียบเฉย รอยยิ้มเย้ยหยันพาดผ่านกลีบปากบางของนาง รับมือกับคนเช่นนี้ นางไม่คิดว่าหน้ากากเพียงใบเดียวจะเพียงพอ ถึงแม้จะมีกำลังภายในของท่านน้าจิ้งหวั่น แต่วรยุทธ์ของนางก็ยังสู้เขาไม่ได้ ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องถูกเขาถอดหน้ากากจนได้ ในเมื่อเขาใช้เสด็จพ่อของนางมาทดสอบนาง เช่นนั้นมิสู้นางให้คำตอบเขาไปเลยเสียดีกว่า ท่านน้าจิ้งหวั่นเป็นสาวรับใช้ประจำกายของเสด็จแม่ หากจะยื่นมือเข้าไปช่วยยามเสด็จพ่อเดือดร้อนก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล

คำตอบเช่นนี้ เขาคงพอใจแล้วกระมัง?

ซูหลียกมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะที่ตงฟางเจ๋อยังไม่ทันตั้งสติ นางก็ยัดยาไร้รักใส่ปาก รสชาติเย็นสดชื่นและกลิ่นหอมประหลาดแทรกซึมไปทั่วร่างกาย ผ่านไปไม่นาน อาการเจ็บปวดทรมานในร่างกายก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย นางขับเคลื่อนพลังเงียบๆ กระทั่งลมปราณเต็มเปี่ยม เลือดลมไหลเวียนอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรค ราวกับได้รับพลังงานอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนไม่ได้โกหกนางจริงๆ ยาไร้รักเป็นยาวิเศษที่สามารถควบคุมการปะทะกันของกำลังภายในได้จริงๆ และคิดว่าคงช่วยให้พลังสองขุมในกายนางหลอมรวมเป็นหนึ่งได้โดยเร็วที่สุดเช่นกัน

ตงฟางเจ๋อยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับหุ่นไม้ก็ไม่ปาน ในตอนนี้เอง สายตาของผู้อาวุโสเสวียนจิ้งมีประกายชั่วร้ายพาดผ่าน เงาร่างทะยานขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้ามาทางเขาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

ตงฟางเจ๋อเหมือนสูญเสียซึ่งความสามารถในการตอบสนองไปแล้ว เขากลับไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ถูกจับตัวอย่างง่ายดาย!

เซิ่งฉินและเซิ่งเซียวหน้าพลันเปลี่ยนสี รีบพุ่งตัวเข้ามาช่วยเจ้านายของตน ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว มือของผู้อาวุโสเสวียนจิ้งจรดอยู่ตรงจุดลมปราณของตงฟางเจ๋อก่อนแล้ว

…………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 345 ไม่มีวันปล่อยมือ (4)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 345 ไม่มีวันปล่อยมือ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าควรจะถามท่านมากกว่า ว่าท่านต้องการอะไร!” นางขมวดคิ้ว หลุบตามองมือของเขา สายตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งพันปี “ปล่อย”

สายตาของตงฟางเจ๋อขรึมลง ไม่ปล่อยมือกลับบีบแขนนางแน่นขึ้น กว่าจะตามหาลัทธิธิดาเทพเจอไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากยอมปล่อยมือง่ายๆ เช่นนี้ เขาก็ไม่ใช่ตงฟางเจ๋อแล้ว! เขาขยับชิดนางอีกหนึ่งก้าว รังสีน่าเกรงขามแผ่ปกคลุมรอบกายนาง เขากล่าวเสียงขรึม “หลายเดือนมานี้ ข้าคิดมาโดยตลอด ถ้าหากข้าตามหาเจ้าเจอ แล้วข้าจะทำเช่นไร?”

หัวใจของซูหลีบีบรัด นางรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นางเงยหน้ามองเขา นัยน์ตาลึกล้ำดำขลับของเขาคล้ายซ่อนความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดเอาไว้มากมาย นางแข็งใจเม้มปาก ไม่พูดอะไร

ตงฟางเจ๋อกัดฟันกล่าวว่า “ใต้หล้านี้ คนที่ทำให้ข้าอยากจะจับมือเอาไว้และไม่มีวันปล่อยมือ มีเพียงเจ้า! หากเจ้าเข้าใจ ก็จงไปกับข้า! อย่าลบทุกอย่างระหว่างเราทิ้งไปเพียงเพราะความผิดเดียวที่ข้าเคยทำ!”

เขาเคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนาง แม้ต้องเล่นละครตบตากับหยางเสวียน เขาก็จำขึ้นใจว่าจะไม่ทำผิดต่อนางเด็ดขาด แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าความผิดที่ร้ายแรงที่สุดนั้นก่อตัวขึ้นก่อนที่เขาจะรู้จักนางแล้ว!

หากว่านี่คือชะตาฟ้าลิขิต เช่นนั้นฟ้าดินก็โหดร้ายกับพวกเขาเกินไปแล้ว! และความผิดนั้นก็ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับนาง เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนาง ทำให้นางต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และสูญเสียคนในครอบครัวไป ไม่ว่าระหว่างพวกเขาจะเคยมีความรักลึกซึ้งต่อกันเพียงใด ก็มิอาจข้ามผ่านช่องว่างที่ลึกจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดซึ่งก่อตัวขึ้นแต่แรกแล้วไปได้

ซูหลีหลุบตา นางยกมือขึ้นอย่างใจเย็นอีกครั้ง ยาไร้รักเม็ดนั้นอยู่ตรงหน้าเขา จ่ออยู่ตรงริมฝีปากของนาง กลีบปากแดงอ้าออกเล็กน้อย หมายจะกลืนยาลงไป

สีหน้าของตงฟางเจ๋อพลันเปลี่ยน ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยื่นมือออกไปหมายจะแย่งชิง นางกลับคาดเดาได้แต่แรก ชิงหมุนกายหลบหลีก และสลัดฝ่ามือเขาออกภายในพริบตา

ยืนอยู่ห่างกันเพียงสามก้าว สายตาเย็นชาไม่แยแสของนางดูหนักแน่นไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ราวกับไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไร นางก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว!

ในที่สุดดวงตาของตงฟางเจ๋อก็ปรากฏแววตาหวาดกลัว สายตาที่เขามองนางสับสนจนมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ มือของเขาค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ยังคงชะงักอยู่ในท่าคว้าแขนนาง แต่หัวใจกลับว่างเปล่าไปทั้งดวง มีแต่ความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

“ซูซู!” เขาขานเรียกนางด้วยเสียงที่ทั้งแผ่วเบาและสั่นเทา ทว่ากลับเหมือนเขาได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีไปจนสิ้นแล้ว “เจ้าเคยรับปากข้าว่าจะไม่มีวันจากข้าไป อย่าทำผิดสัญญาระหว่างเรา! ข้าไม่เคยทอดทิ้งเจ้า!”

กลิ่นอายเจ็บปวดและสิ้นหวังพรั่งพรูออกมาจากดวงตาเขาอย่างไม่อาจปกปิด ราวกับต้องการกลืนกินนางไปด้วย เพื่อรั้งสตรีที่เขารักที่สุดในชีวิตเอาไว้ เขาจะต้องทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ

หัวใจของซูหลีเจ็บแปลบเล็กน้อย นางรู้ เขาไม่ได้ทอดทิ้งนางจริงๆ แต่ความรักและคำสัญญาระหว่างพวกเขาล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นบนพื้นฐานที่พวกเขาสามารถรักกันได้ ถ้าหากสิ่งเหล่านี้หายไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง นางมองใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวของเขา คล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปชั่วขณะ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขากำลังเข้าใกล้นางอย่างเงียบๆ

ตงฟางเจ๋อกล่าวเสียงขรึม “ยาไร้รักมิอาจช่วยให้เจ้าตัดขาดจากความรักได้อย่างแท้จริง มันรังแต่จะนำความเจ็บปวดทุกข์ทรมานไม่รู้จุดจบมาให้เจ้า! เจ้ากินมันไม่ได้!…ซูซู ไปกับเข้าเถิด!” เขาก้าวเข้าไปหานางอีกก้าว ราวกับมองไม่เห็นความเย็นชาในดวงตาของนาง ยื่นมือไปหานาง สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังจนทำให้ยากจะปฏิเสธ

สายตาของซูหลีไหวระริกเล็กน้อย แต่มือกลับนิ่งงันไม่ขยับ

เรื่องมาถึงขั้นนี้ นางมิอาจปฏิเสธได้ว่าเขายังคงมีแรงดึงดูดที่นางยากจะปฏิเสธอยู่ และยาไร้รักที่อยู่ในมือนางก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอย่างไม่มีที่เปรียบขึ้นมาทันที ความทรงจำในอดีตเปรียบเสมือนเถาวัลย์มีหนามที่เกี่ยวรัดหัวใจนางเอาไว้ ไม่ว่าที่ใดหรือว่าเมื่อไหร่ หากสัมผัสเพียงเล็กน้อย ก็จะเจ็บปวดและขมขื่น

นางหันมองเขา เก็บงำความรู้สึกทั้งหมดในใจ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่ใช่คนที่ท่านกำลังตามหา!”

จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?!

คลื่นลูกใหญ่พลันก่อตัวในดวงตาของตงฟางเจ๋อ คลื่นอารมณ์อันรุนแรงเหมือนดังกระแสน้ำขึ้นลงที่โหมกระหน่ำยากจะสงบ ทันใดนั้น เงาร่างของเขาโฉบไหวอย่างรวดเร็ว เขาที่เดิมทีอยู่ห่างกันไม่มากอยู่แล้ว พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง

ซูหลีตกใจ หมายจะถอยห่างออกจากรัศมีควบคุมของเขา ทว่าจู่ๆ กลับค้นพบว่าตนเองไม่สามารถขยับตัวได้ ความเจ็บปวดภายในร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน บ่งบอกนางอย่างชัดเจนว่าพลังสองขุมในกายกำลังปะทะกันอีกครั้ง นางรีบขับเคลื่อนลมปราณปรับสมดุล

เพียงชั่วขณะนั้น มือของตงฟางเจ๋อก็ยื่นมาจับหน้ากากบนหน้านางไว้ นางหลบเลี่ยงไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ หน้ากากถูกถอดออก ใบหน้าอันคุ้นเคยพลันปรากฏต่อหน้าทุกคน

ตงฟางเจ๋อราวกับถูกคนเอาน้ำเย็นสาดหน้า เขาเบิกตากว้าง จ้องมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ทุกคนในลัทธิธิดาเทพต่างก็ตะลึงงันไปเช่นกัน มองดูใบหน้าที่ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคยดวงนั้น พวกเขาต่างก็อึ้งงันจนพูดไม่ออก

เหตุใดจึงเป็นนาง?!

ปริศนาที่กวนใจตงฟางเจ๋อมานานหลายวัน ในที่สุดก็ถูกคลี่คลายในวินาทีนี้แล้ว เขาเคยมั่นอกมั่นใจว่าบนแผ่นดินแคว้นเปี้ยน คนที่ช่วยชีวิตเซ่อเจิ้งอ๋องโดยไม่สนใจชีวิตของตนเอง นอกจากซูหลีแล้วยังจะมีผู้ใดอีก?

แต่ทว่า คำตอบกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา!

“…ภูติซ้ายจิ้ง?!” หลินเหยา หัวหน้าสำนักเมฆาขาวร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?!”

ผู้คนรอบข้างต่างฮือฮาขึ้นมาทันที ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าสตรีลึกลับที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากสีเงินจะเป็นภูติซ้ายจิ้งที่ทรยศและหนีไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว! ทั่วทั้งวิหารใหญ่พลันโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาทันที ทุกคนต่างตกใจและประหลาดใจอย่างยิ่ง ไม่เข้าใจว่าธิดาเทพคนใหม่ที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านร่วมใจกันเสนอ เหตุใดจึงกลายเป็นคนทรยศที่พวกเขาเคยไล่ล่าอย่างสุดชีวิตในอดีตได้?

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซูหลีกลับไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น นางไม่แม้แต่จะหันไปมองคนเหล่านั้น เพียงมองหน้าตงฟางเจ๋อที่กำลังปากอ้าตาค้างด้วยสายตาเรียบเฉย รอยยิ้มเย้ยหยันพาดผ่านกลีบปากบางของนาง รับมือกับคนเช่นนี้ นางไม่คิดว่าหน้ากากเพียงใบเดียวจะเพียงพอ ถึงแม้จะมีกำลังภายในของท่านน้าจิ้งหวั่น แต่วรยุทธ์ของนางก็ยังสู้เขาไม่ได้ ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องถูกเขาถอดหน้ากากจนได้ ในเมื่อเขาใช้เสด็จพ่อของนางมาทดสอบนาง เช่นนั้นมิสู้นางให้คำตอบเขาไปเลยเสียดีกว่า ท่านน้าจิ้งหวั่นเป็นสาวรับใช้ประจำกายของเสด็จแม่ หากจะยื่นมือเข้าไปช่วยยามเสด็จพ่อเดือดร้อนก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล

คำตอบเช่นนี้ เขาคงพอใจแล้วกระมัง?

ซูหลียกมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะที่ตงฟางเจ๋อยังไม่ทันตั้งสติ นางก็ยัดยาไร้รักใส่ปาก รสชาติเย็นสดชื่นและกลิ่นหอมประหลาดแทรกซึมไปทั่วร่างกาย ผ่านไปไม่นาน อาการเจ็บปวดทรมานในร่างกายก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย นางขับเคลื่อนพลังเงียบๆ กระทั่งลมปราณเต็มเปี่ยม เลือดลมไหลเวียนอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรค ราวกับได้รับพลังงานอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนไม่ได้โกหกนางจริงๆ ยาไร้รักเป็นยาวิเศษที่สามารถควบคุมการปะทะกันของกำลังภายในได้จริงๆ และคิดว่าคงช่วยให้พลังสองขุมในกายนางหลอมรวมเป็นหนึ่งได้โดยเร็วที่สุดเช่นกัน

ตงฟางเจ๋อยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับหุ่นไม้ก็ไม่ปาน ในตอนนี้เอง สายตาของผู้อาวุโสเสวียนจิ้งมีประกายชั่วร้ายพาดผ่าน เงาร่างทะยานขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้ามาทางเขาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

ตงฟางเจ๋อเหมือนสูญเสียซึ่งความสามารถในการตอบสนองไปแล้ว เขากลับไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ถูกจับตัวอย่างง่ายดาย!

เซิ่งฉินและเซิ่งเซียวหน้าพลันเปลี่ยนสี รีบพุ่งตัวเข้ามาช่วยเจ้านายของตน ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว มือของผู้อาวุโสเสวียนจิ้งจรดอยู่ตรงจุดลมปราณของตงฟางเจ๋อก่อนแล้ว

…………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+