กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 461 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (7)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 461 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยามนี้ หยางเซียวฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสวมชุดมงคลของเจ้าบ่าวอันหรูหรา ประคองเจ้าสาวข้างกายที่แต่งกายเต็มยศ เดินมาถึงด้านหน้าตำหนักด้วยใบหน้าเบิกบานชื่นมื่น

เหล่าขุนนางคุกเข่าแสดงความยินดี ทูตจากแคว้นต่างๆ ต่างค้อมกายแสดงความยินดี มีเพียงตงฟางเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง สายตาหดหู่เศร้าสร้อย ไม่พูดอะไรสักคำ เขาจ้องมองสตรีที่อยู่ข้างกายหยางเซียว เห็นเพียงนางสวมชุดมงคลสีแดง เครื่องประดับทุกชิ้นประณีตสวยงาม ขับเน้นให้ดูมีราศีของมารดาแห่งแผ่นดิน นางก้มศีรษะเล็กน้อย ผ้าคลุมสีแดงปิดบังใบหน้างดงามดวงนั้นไว้ แต่กลับไม่อาจปกปิดรัศมีอันเจิดจรัสนั้นไว้ได้

ตงฟางเจ๋อกำหมัดแน่น ข้อต่อนิ้วมือดังลั่น หลายครั้งที่เขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้าง หากนางยืนอยู่เคียงข้างเขาได้อย่างนั้น จะดีสักเพียงไหนกันนะ? แต่ในตอนนี้ นางกลับยืนอยู่ข้างกายหยางเซียว และค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนตำแหน่งสูงสุดซึ่งอยู่กลางตำหนักทีละก้าว ๆ

หยางเซียวชำเลืองมองด้วยหางตา จู่ๆ ก็ชะงักเท้า กระดกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเข้าใจยากพาดผ่านกลีบปาก คล้ายกำลังเย้ยหยันความพ่ายแพ้ของเขา

สายตาของตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว พลิกฝ่ามือ แล้วซัดไปที่หน้าอกหยางเซียว!

หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสี นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าลงมือ เงาร่างโฉบไหว หลบการโจมตีไปอย่างเฉียดฉิว แต่คาดไม่ถึงว่าตงฟางเจ๋อเพียงโจมตีลวง เขาพลิกฝ่ามือคว้าตัวเจ้าสาวข้างกายหยางเซียวอย่างรวดเร็ว กระชากเข้าไปในอ้อมแขนตนเอง แล้วสะกดจุดลมปราณนางทันที

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า เร็วจนทุกคนมองตามไม่ทัน เจ้าสาวถูกชิงตัวไปจากฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนแล้ว!

ทุกคนปากอ้าตาค้าง พูดอะไรไม่ออก ตงฟางเจ๋อฮ่องเต้แคว้นเฉิงกลับชิงตัวเจ้าสาวต่อหน้าธารกำนัลในพระราชวังเปี้ยน!

เจ้าสาวถูกเขาหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน ร่างกายของนางแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน ตงฟางเจ๋อคำรามเสียงร้อนใจข้างหูนาง “ห้ามแต่งงานกับเขา! ไปกับข้า!”

เจ้าสาวสะท้านไปทั้งใจ มองเขาอย่างตะลึงงัน ผ้าคลุมสีแดงกั้นขวางตรงกลาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาชัดเจนอยู่ตรงหน้า มีเพียงกลิ่นอายเย็นชาที่แทรกผ่านผ้าคลุมและซึมลึกไปถึงหัวใจ หัวใจของนางสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม ยังไม่ทันกล่าวอะไร เขาก็โอบนางขึ้น และพุ่งทะยานออกไปนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสี รีบตะโกนสั่งเสียงเกรี้ยว “จับเขาไว้!”

นอกตำหนัก เหล่าองครักษ์ชักดาบออกจากฝัก ขวางประตูตำหนักไว้ ปิดทางหนีของตงฟางเจ๋อ ดาบทหารส่องแสงเจิดจ้าแยงตาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ เซิ่งฉิน เซิ่งเซียว และเซิ่งจินเห็นเช่นนั้นก็ตวาดเสียงดัง “คุ้มกันฝ่าบาท!” ก่อนจะวิ่งเข้าไปขวางตรงหน้าตงฟางเจ๋อ จ้องหน้าเหล่าองครักษ์ที่ล้อมตงฟางเจ๋อตาไม่กะพริบ

หยางเซียวก้าวไปข้างหน้า แล้วตวาดเสียงเกรี้ยว “ตงฟางเจ๋อ! ท่านทำอะไร? ปล่อยนาง!”

ตงฟางเจ๋อหรี่ตา กล่าวเสียงเย็นชา “นางเป็นคนของข้า ไม่มีผู้ใดแย่งนางไปจากข้าได้!”

หยางเซียวโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ คำรามอย่างเดือดดาล “ท่านบ้าไปแล้วจริงๆ! สู่ขอไม่สำเร็จ ก็ชิงตัวคนต่อหน้าธารกำนัล! ไม่กลัวถูกชาวโลกหัวเราะเยาะหรือไร?”

ตงฟางเจ๋อหัวเราะเสียงดัง “ชาวโลกจะมองข้าอย่างไร เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า? ข้าต้องการแค่นางเท่านั้น!”

“ฮ่าๆ!” คล้ายได้ยินวาจาน่าขบขัน หยางเซียวกลับแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง แววตาเย็นชาดั่งดาบน้ำแข็ง “ผู้ใดกล้าพาตัวฮองเฮาของข้าไป ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้มันผู้นั้นรอดชีวิตออกไปจากตำหนักแห่งนี้! ทหาร! จับเขาไว้!”

เขาตวาดเสียงเกรี้ยว มือใหญ่โบกสะบัด องครักษ์หน่วยอวี่หลินเว่ยจำนวนมากโผล่ออกมาจากสองฝั่งตำหนัก แต่ละคนใบหน้าขึงขังจริงจัง ยืนขวางหน้าประตูไว้ กระตุ้นให้กลิ่นอายสังหารกระจายไปทั่วตำหนัก

ใบหน้าตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด ซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกัน กำลังภายในอันแข็งแกร่งขุมหนึ่งถูกซัดไปทางหยางเซียวดั่งคลื่นซัดสาด! เหล่าองครักษ์ตกตะลึง พากันตะโกนเสียงดัง “คุ้มกันฝ่าบาท!” และวิ่งไปทางหยางเซียว ในตอนนี้เอง ตงฟางเจ๋ออุ้มสตรีในอ้อมแขนไว้แน่น พาร่างกายลอยเหนืออากาศ ทะยานผ่านศีรษะเหล่าองครักษ์ออกไปยังนอกตำหนักใหญ่ทันที

เจ้าสาวรู้สึกได้ว่าเท้าลอยเหนือพื้น ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี ดึงผ้าคลุมของเจ้าสาวออกทันที ก่อนจะนิ่งงันด้วยความตกใจ

เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นกับทูตจากต่างแคว้นต่างปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ใบหน้าของสตรีที่ถูกดึงผ้าคลุมออก! ใบหน้านั้น มิได้ถูกแต่งแต้ม ดูธรรมดาสามัญ เทียบกับดวงหน้างดงามล่มเมืองของธิดาเทพที่พวกเขาเคยเห็น เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

ตงฟางเจ๋อดึงมือที่โอบรอบเอวนางกลับทันทีเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เขาผงะถอยหลังไปสามก้าว ใบหน้าสับสนงุนงง มิน่าเล่าวันนี้เขารู้สึกว่านางแปลกไป ที่แท้ก็เป็นตัวปลอม! จู่ๆ เขาก็ก้าวเข้าไปจับแขนสตรีนางนั้น แล้วถามเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าเป็นผู้ใด? ซูหลีเล่า?”

สตรีนางนั้นตกใจจนหน้าซีด ร่างกายสั่นเทา พูดอะไรไม่ออกสักคำ

ตงฟางเจ๋อออกแรงบีบแขนนาง เกรี้ยวโกรธสุดแสน “เจ้ากล้าปลอมตัวเป็นนางเชียวหรือ! นางอยู่ที่ใด? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย!”

“ตงฟางเจ๋อ ปล่อยนาง!” หยางเซียวสาวเท้ามาหาเขาทีละก้าวๆ แย้มยิ้มแล้วกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “ท่านทำตัวไร้มารยาทกับคนของข้าอย่างนี้ได้เช่นไร?”

ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนสตรีนางนั้นออก แล้วหันกลับมาถมึงตาจ้องเขา “นี่เป็นแผนการของท่านใช่ไหม? นางอยู่ที่ใด?”

“ถูกต้องแล้ว เป็นแผนการของข้าเอง” เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ยี่หระ เมินเฉยต่อเพลิงโทสะของตงฟางเจ๋อ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านเหมือนหมาจนตรอก สุดท้ายต้องมาชิงตัวคนแน่นอน! ฉะนั้นจึงไม่ได้ให้นางมา…”

“เหลวไหลทั้งเพ!” ตงฟางเจ๋อร้อนใจดั่งไฟสุมอก กระชากแขนเสื้อเขา แล้วกล่าวเสียงเคียดแค้น “ท่านทำทุกอย่างก็เพื่อต้องการแต่งงานกับนาง! จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร? บอกมาเดี๋ยวนี้ นางอยู่ที่ใด?!”

เหล่าองครักษ์เห็นเช่นนั้น ก็รีบถืออาวุธวิ่งเข้ามา พวกเซิ่งฉินตกใจหน้าเปลี่ยนสี พลิกฝ่ามือซัดออกไป ฝ่ามือลมปราณซัดไปถึงที่ใด ดาบของเหล่าทหารพลันหักเป็นสองท่อน เหล่าองครักษ์ล้มลงเป็นแถบ ทุกคนเห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึง ปาต๋าตวาดเสียงเกรี้ยว “คุ้มกันฝ่าบาท จับตัวคนชั่ว”

“ถอยไปให้หมด!” หยางเซียวคำรามเสียงดัง ทุกคนตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่กับที่

ตงฟางเจ๋อจ้องหน้าเขาเขม็ง ไม่ยอมปล่อยให้สีหน้าท่าทางของเขาเล็ดลอดสายตาไปได้แม้แต่น้อย “ข้าจะถามท่านอีกครั้ง นางอยู่ที่ใด?”

“ไม่รู้สิ” หยางเซียวยักไหล่ หัวเราะเสียงดังสดใสกว่าปกติ

“ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถเหยียบพระราชวังเปี้ยนของท่านให้ราบเป็นหน้ากลองได้?!” ไอสังหารพาดผ่านดวงตาตงฟางเจ๋อ ความลนลานหวาดกลัวและความทรมานในใจ แทบจะทำให้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ

หยางเซียวกลับหัวเราะอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ด้านหนึ่ง แล้วแบมือทั้งสองข้าง “ข้าพูดความจริงท่านกลับไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ได้ ท่านกับข้ามาสู้กันให้รู้แล้วรู้รอด อย่างมากก็แค่ไปเยือนปรโลกพร้อมกัน นางจะได้เสียใจไปจนตาย!”

สายตาเย้ยหยันพาดผ่านดวงตา เขาหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ แต่ถึงแม้กำลังหัวเราะ ลึกๆ ในดวงตากลับสะท้อนความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง

หัวใจของตงฟางเจ๋อพลันเย็นเยียบ ผงะถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยมือแล้ว! วันอภิเษกสมรส ชาวโลกล้วนรู้ว่านางกำลังจะกลายเป็นฮองเฮาของหยางเซียว! นับจากนี้จะใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงกับเขาไปจนตาย เหตุใดเขาถึงปล่อยมือในเวลานี้? จากเมืองหลวงแคว้นเฉิงมาจนถึงเมืองหลวงแคว้นเปี้ยน หยางเซียวทุ่มเทเพื่อนางไม่น้อย ถึงแม้นางไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา แต่เขากลับใฝ่ฝันที่จะได้นางมา! อะไรกันแน่ที่ทำให้คนผู้นี้เปลี่ยนใจ?!

“ท่าน…ท่านปล่อยนางไปได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้…” ตงฟางเจ๋อหอบหายใจอย่างเจ็บปวด

รอยยิ้มบนใบหน้าหยางเซียวจางหายไป เขาถอนหายใจ กล่าวว่า “ท่านจริงใจและมั่นคงต่อนาง ก็น่าจะเข้าใจ ว่าถึงเวลาที่ควรปล่อยมือก็ต้องปล่อยมือ”

……………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 461 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (7)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 461 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยามนี้ หยางเซียวฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสวมชุดมงคลของเจ้าบ่าวอันหรูหรา ประคองเจ้าสาวข้างกายที่แต่งกายเต็มยศ เดินมาถึงด้านหน้าตำหนักด้วยใบหน้าเบิกบานชื่นมื่น

เหล่าขุนนางคุกเข่าแสดงความยินดี ทูตจากแคว้นต่างๆ ต่างค้อมกายแสดงความยินดี มีเพียงตงฟางเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง สายตาหดหู่เศร้าสร้อย ไม่พูดอะไรสักคำ เขาจ้องมองสตรีที่อยู่ข้างกายหยางเซียว เห็นเพียงนางสวมชุดมงคลสีแดง เครื่องประดับทุกชิ้นประณีตสวยงาม ขับเน้นให้ดูมีราศีของมารดาแห่งแผ่นดิน นางก้มศีรษะเล็กน้อย ผ้าคลุมสีแดงปิดบังใบหน้างดงามดวงนั้นไว้ แต่กลับไม่อาจปกปิดรัศมีอันเจิดจรัสนั้นไว้ได้

ตงฟางเจ๋อกำหมัดแน่น ข้อต่อนิ้วมือดังลั่น หลายครั้งที่เขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้าง หากนางยืนอยู่เคียงข้างเขาได้อย่างนั้น จะดีสักเพียงไหนกันนะ? แต่ในตอนนี้ นางกลับยืนอยู่ข้างกายหยางเซียว และค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนตำแหน่งสูงสุดซึ่งอยู่กลางตำหนักทีละก้าว ๆ

หยางเซียวชำเลืองมองด้วยหางตา จู่ๆ ก็ชะงักเท้า กระดกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเข้าใจยากพาดผ่านกลีบปาก คล้ายกำลังเย้ยหยันความพ่ายแพ้ของเขา

สายตาของตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว พลิกฝ่ามือ แล้วซัดไปที่หน้าอกหยางเซียว!

หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสี นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าลงมือ เงาร่างโฉบไหว หลบการโจมตีไปอย่างเฉียดฉิว แต่คาดไม่ถึงว่าตงฟางเจ๋อเพียงโจมตีลวง เขาพลิกฝ่ามือคว้าตัวเจ้าสาวข้างกายหยางเซียวอย่างรวดเร็ว กระชากเข้าไปในอ้อมแขนตนเอง แล้วสะกดจุดลมปราณนางทันที

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า เร็วจนทุกคนมองตามไม่ทัน เจ้าสาวถูกชิงตัวไปจากฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนแล้ว!

ทุกคนปากอ้าตาค้าง พูดอะไรไม่ออก ตงฟางเจ๋อฮ่องเต้แคว้นเฉิงกลับชิงตัวเจ้าสาวต่อหน้าธารกำนัลในพระราชวังเปี้ยน!

เจ้าสาวถูกเขาหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน ร่างกายของนางแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน ตงฟางเจ๋อคำรามเสียงร้อนใจข้างหูนาง “ห้ามแต่งงานกับเขา! ไปกับข้า!”

เจ้าสาวสะท้านไปทั้งใจ มองเขาอย่างตะลึงงัน ผ้าคลุมสีแดงกั้นขวางตรงกลาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาชัดเจนอยู่ตรงหน้า มีเพียงกลิ่นอายเย็นชาที่แทรกผ่านผ้าคลุมและซึมลึกไปถึงหัวใจ หัวใจของนางสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม ยังไม่ทันกล่าวอะไร เขาก็โอบนางขึ้น และพุ่งทะยานออกไปนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสี รีบตะโกนสั่งเสียงเกรี้ยว “จับเขาไว้!”

นอกตำหนัก เหล่าองครักษ์ชักดาบออกจากฝัก ขวางประตูตำหนักไว้ ปิดทางหนีของตงฟางเจ๋อ ดาบทหารส่องแสงเจิดจ้าแยงตาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ เซิ่งฉิน เซิ่งเซียว และเซิ่งจินเห็นเช่นนั้นก็ตวาดเสียงดัง “คุ้มกันฝ่าบาท!” ก่อนจะวิ่งเข้าไปขวางตรงหน้าตงฟางเจ๋อ จ้องหน้าเหล่าองครักษ์ที่ล้อมตงฟางเจ๋อตาไม่กะพริบ

หยางเซียวก้าวไปข้างหน้า แล้วตวาดเสียงเกรี้ยว “ตงฟางเจ๋อ! ท่านทำอะไร? ปล่อยนาง!”

ตงฟางเจ๋อหรี่ตา กล่าวเสียงเย็นชา “นางเป็นคนของข้า ไม่มีผู้ใดแย่งนางไปจากข้าได้!”

หยางเซียวโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ คำรามอย่างเดือดดาล “ท่านบ้าไปแล้วจริงๆ! สู่ขอไม่สำเร็จ ก็ชิงตัวคนต่อหน้าธารกำนัล! ไม่กลัวถูกชาวโลกหัวเราะเยาะหรือไร?”

ตงฟางเจ๋อหัวเราะเสียงดัง “ชาวโลกจะมองข้าอย่างไร เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า? ข้าต้องการแค่นางเท่านั้น!”

“ฮ่าๆ!” คล้ายได้ยินวาจาน่าขบขัน หยางเซียวกลับแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง แววตาเย็นชาดั่งดาบน้ำแข็ง “ผู้ใดกล้าพาตัวฮองเฮาของข้าไป ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้มันผู้นั้นรอดชีวิตออกไปจากตำหนักแห่งนี้! ทหาร! จับเขาไว้!”

เขาตวาดเสียงเกรี้ยว มือใหญ่โบกสะบัด องครักษ์หน่วยอวี่หลินเว่ยจำนวนมากโผล่ออกมาจากสองฝั่งตำหนัก แต่ละคนใบหน้าขึงขังจริงจัง ยืนขวางหน้าประตูไว้ กระตุ้นให้กลิ่นอายสังหารกระจายไปทั่วตำหนัก

ใบหน้าตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด ซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกัน กำลังภายในอันแข็งแกร่งขุมหนึ่งถูกซัดไปทางหยางเซียวดั่งคลื่นซัดสาด! เหล่าองครักษ์ตกตะลึง พากันตะโกนเสียงดัง “คุ้มกันฝ่าบาท!” และวิ่งไปทางหยางเซียว ในตอนนี้เอง ตงฟางเจ๋ออุ้มสตรีในอ้อมแขนไว้แน่น พาร่างกายลอยเหนืออากาศ ทะยานผ่านศีรษะเหล่าองครักษ์ออกไปยังนอกตำหนักใหญ่ทันที

เจ้าสาวรู้สึกได้ว่าเท้าลอยเหนือพื้น ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี ดึงผ้าคลุมของเจ้าสาวออกทันที ก่อนจะนิ่งงันด้วยความตกใจ

เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นกับทูตจากต่างแคว้นต่างปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ใบหน้าของสตรีที่ถูกดึงผ้าคลุมออก! ใบหน้านั้น มิได้ถูกแต่งแต้ม ดูธรรมดาสามัญ เทียบกับดวงหน้างดงามล่มเมืองของธิดาเทพที่พวกเขาเคยเห็น เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

ตงฟางเจ๋อดึงมือที่โอบรอบเอวนางกลับทันทีเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เขาผงะถอยหลังไปสามก้าว ใบหน้าสับสนงุนงง มิน่าเล่าวันนี้เขารู้สึกว่านางแปลกไป ที่แท้ก็เป็นตัวปลอม! จู่ๆ เขาก็ก้าวเข้าไปจับแขนสตรีนางนั้น แล้วถามเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าเป็นผู้ใด? ซูหลีเล่า?”

สตรีนางนั้นตกใจจนหน้าซีด ร่างกายสั่นเทา พูดอะไรไม่ออกสักคำ

ตงฟางเจ๋อออกแรงบีบแขนนาง เกรี้ยวโกรธสุดแสน “เจ้ากล้าปลอมตัวเป็นนางเชียวหรือ! นางอยู่ที่ใด? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย!”

“ตงฟางเจ๋อ ปล่อยนาง!” หยางเซียวสาวเท้ามาหาเขาทีละก้าวๆ แย้มยิ้มแล้วกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “ท่านทำตัวไร้มารยาทกับคนของข้าอย่างนี้ได้เช่นไร?”

ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนสตรีนางนั้นออก แล้วหันกลับมาถมึงตาจ้องเขา “นี่เป็นแผนการของท่านใช่ไหม? นางอยู่ที่ใด?”

“ถูกต้องแล้ว เป็นแผนการของข้าเอง” เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ยี่หระ เมินเฉยต่อเพลิงโทสะของตงฟางเจ๋อ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านเหมือนหมาจนตรอก สุดท้ายต้องมาชิงตัวคนแน่นอน! ฉะนั้นจึงไม่ได้ให้นางมา…”

“เหลวไหลทั้งเพ!” ตงฟางเจ๋อร้อนใจดั่งไฟสุมอก กระชากแขนเสื้อเขา แล้วกล่าวเสียงเคียดแค้น “ท่านทำทุกอย่างก็เพื่อต้องการแต่งงานกับนาง! จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร? บอกมาเดี๋ยวนี้ นางอยู่ที่ใด?!”

เหล่าองครักษ์เห็นเช่นนั้น ก็รีบถืออาวุธวิ่งเข้ามา พวกเซิ่งฉินตกใจหน้าเปลี่ยนสี พลิกฝ่ามือซัดออกไป ฝ่ามือลมปราณซัดไปถึงที่ใด ดาบของเหล่าทหารพลันหักเป็นสองท่อน เหล่าองครักษ์ล้มลงเป็นแถบ ทุกคนเห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึง ปาต๋าตวาดเสียงเกรี้ยว “คุ้มกันฝ่าบาท จับตัวคนชั่ว”

“ถอยไปให้หมด!” หยางเซียวคำรามเสียงดัง ทุกคนตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่กับที่

ตงฟางเจ๋อจ้องหน้าเขาเขม็ง ไม่ยอมปล่อยให้สีหน้าท่าทางของเขาเล็ดลอดสายตาไปได้แม้แต่น้อย “ข้าจะถามท่านอีกครั้ง นางอยู่ที่ใด?”

“ไม่รู้สิ” หยางเซียวยักไหล่ หัวเราะเสียงดังสดใสกว่าปกติ

“ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถเหยียบพระราชวังเปี้ยนของท่านให้ราบเป็นหน้ากลองได้?!” ไอสังหารพาดผ่านดวงตาตงฟางเจ๋อ ความลนลานหวาดกลัวและความทรมานในใจ แทบจะทำให้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ

หยางเซียวกลับหัวเราะอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ด้านหนึ่ง แล้วแบมือทั้งสองข้าง “ข้าพูดความจริงท่านกลับไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ได้ ท่านกับข้ามาสู้กันให้รู้แล้วรู้รอด อย่างมากก็แค่ไปเยือนปรโลกพร้อมกัน นางจะได้เสียใจไปจนตาย!”

สายตาเย้ยหยันพาดผ่านดวงตา เขาหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ แต่ถึงแม้กำลังหัวเราะ ลึกๆ ในดวงตากลับสะท้อนความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง

หัวใจของตงฟางเจ๋อพลันเย็นเยียบ ผงะถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยมือแล้ว! วันอภิเษกสมรส ชาวโลกล้วนรู้ว่านางกำลังจะกลายเป็นฮองเฮาของหยางเซียว! นับจากนี้จะใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงกับเขาไปจนตาย เหตุใดเขาถึงปล่อยมือในเวลานี้? จากเมืองหลวงแคว้นเฉิงมาจนถึงเมืองหลวงแคว้นเปี้ยน หยางเซียวทุ่มเทเพื่อนางไม่น้อย ถึงแม้นางไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา แต่เขากลับใฝ่ฝันที่จะได้นางมา! อะไรกันแน่ที่ทำให้คนผู้นี้เปลี่ยนใจ?!

“ท่าน…ท่านปล่อยนางไปได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้…” ตงฟางเจ๋อหอบหายใจอย่างเจ็บปวด

รอยยิ้มบนใบหน้าหยางเซียวจางหายไป เขาถอนหายใจ กล่าวว่า “ท่านจริงใจและมั่นคงต่อนาง ก็น่าจะเข้าใจ ว่าถึงเวลาที่ควรปล่อยมือก็ต้องปล่อยมือ”

……………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+