กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 472 ฮ่องเต้หญิง พวกเราแต่งงานกันเถิด (8)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 472 ฮ่องเต้หญิง พวกเราแต่งงานกันเถิด (8) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตงฟางเจ๋อแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด “เทียบกับคำพูดของแม่สื่อตามขนบธรรมเนียม เรื่องความรักของคนสองคนหากได้เป็นผู้กำหนดด้วยตนเองจะมีความหมายมากกว่า ได้ยินว่าแคว้นติ้งปกครองแผ่นดินด้วยคุณธรรม ปวงชนมีอิสระและเปิดกว้าง วันนี้มาเห็นด้วยตา เป็นดังคำเล่าลือดังคาด”

ครั้นเห็นว่าเขาเอ่ยวาจาไม่ธรรมดา ชายคนนั้นก็ยิ่งกระตือรือร้น “ปีนี้เทศกาลถงซินตรงกับงานชุมนุมไป่จี๋อย่างหาได้ยาก แม้แต่องค์รัชทายาทพระองค์ปัจจุบันกับองค์หญิงฉางเล่อก็จะเสด็จมาด้วย! คุณชายไปร่วมสนุกกับเขาด้วยก็ได้!”

“องค์หญิงก็อยู่ด้วยหรือ?” ตงฟางเจ๋อพลันดีใจ

เซิ่งฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่าน มิสู้พวกเราไปพบแม่นางซูที่งานชุมนุมไป่จี๋ดีไหมขอรับ?”

ตงฟางเจ๋อพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกายเดินไปทางทิศตะวันตกของเมือง ตลอดเส้นทางมีร้านขายของมากมาย คึกคักเป็นพิเศษ บางร้านห้อยเครื่องประดับที่ทำจากถั่วแดงไว้หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้เหล่าหนุ่มสาวเข้ามาซื้อของ ตงฟางเจ๋อบังเกิดความคิด ก้าวเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่งทันที

เครื่องประดับในร้านงดงามหลากหลาย สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือถั่วแห่งความรักสีแดงสดที่วางอยู่บนชั้นวาง ตงฟางเจ๋อหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด นำมาเพ่งมองอย่างละเอียด

เซิ่งฉินอดหัวเราะไม่ได้ “นายท่านเข้าเมืองตาหลิ่ว ก็หลิ่วตาตาม จะมอบของขวัญให้แม่นางซูหรือขอรับ”

ตงฟางเจ๋อไม่ตอบ กลีบปากกระดกเผยรอยยิ้มจางๆ

เถ้าแก่เดินมาหา พิจารณาตงฟางเจ๋ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต้องขอประทานอภัย สินค้าในร้านเราขายให้เฉพาะชาวติ้งเท่านั้น เชิญลูกค้าทั้งสองท่านจับจ่ายที่อื่นเถิด”

ใบหน้าเซิ่งฉินแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เขากล่าวอย่างไม่พอใจ “แคว้นติ้งมีชื่อเสียงเรื่องการค้าขายที่มีอิสระและเปิดกว้าง เหตุใดจึงมีกฎที่ไม่เข้ากันเช่นนี้อยู่ด้วย!”

เถ้าแก่ผู้นั้นมองเขาด้วยสายตาเย่อหยิ่ง พลางผายมือทำท่าเชื้อเชิญ

เซิ่งฉินไม่ยอม ยังทำท่าจะโต้เถียง ตงฟางเจ๋อทำหน้าขรึม ยกมือเล็กน้อย “ไม่เป็นไร พวกเราไปดูร้านอื่น”

ตรงข้ามยังมีร้านเครื่องประดับอยู่อีกหนึ่งร้าน ครั้นเถ้าแก่เห็นคุณชายสวมอาภรณ์ผ้าต่วนสายรัดเอวหยกเดินเข้ามา ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าฐานะไม่ธรรมดา ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมาทันที “คุณชายต้องการซื้อสิ่งใด?”

เซิ่งฉินกล่าว “ถั่วแห่งความรัก”

เถ้าแก่รีบร้องเสียงดัง “มีๆๆ ข้ามีของดีชั้นหนึ่งเลยทีเดียว! แต่ถั่วแห่งความรักร้านเราแพงกว่าร้านอื่นเล็กน้อย ไม่ทราบว่าคุณชาย…”

ตงฟางเจ๋อเอ่ยเสียงราบเรียบ “ของดี ราคาเท่าไรก็ไม่มีปัญหา”

เถ้าแก่ร้านพยักหน้ารัวๆ เขาก้มตัวหยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งจากชั้นวาง นำมาปลดผนึกอย่างระมัดระวัง พลางกล่าวแนะนำ “คุณชายอาจยังไม่ทราบ ถั่วแห่งความรักกล่องนี้ล้วนเด็ดมาจากต้นพรหมลิขิตพันปีที่อยู่ในวัดหลิงยิน ข้าคัดสรรอย่างดีก่อนจะนำมาวางขาย หนึ่งเมล็ดมีราคาเท่ากับไข่มุกทองหนึ่งเม็ด”

“อะไรนะ?!” เซิ่งฉินเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง “ท่านโลภมากเกินไปแล้ว ขายของแพงเกินจริง!”

เถ้าแก่ชักสีหน้า ปิดฝากล่องไม้ในมือทันที แล้วยังกล่าวเย้ยหยันอีกว่า “ไม่มีเงินแล้วยังวางท่าเป็นคนใหญ่คนโต อยากได้ของราคาถูกก็ไปหาเอาที่ร้านอื่น!” เอ่ยจบ เขาก็ถือกล่องเดินเข้าไปหลังร้าน และไม่ออกมาอีกเลย!

ใบหน้าตงฟางเจ๋อเคร่งขรึม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่พูดอะไร

เซิ่งฉินโกรธจนหน้าดำหน้าแดง กำหมัดจนเสียงกระดูกข้อมือลั่น “นายท่าน! ข้าจะไปสะสางกับเถ้าแก่คนนั้น!”

ตงฟางเจ๋อแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา ก่อนจะหมุนกายสาวเท้ายาวๆ เดินออกจากร้านไป

เซิ่งฉินจนใจ ทำได้เพียงข่มกลั้นไฟโทสะแล้วเดินตามเขาออกมา

ตงฟางเจ๋อยืนพิจารณาอยู่บนถนน ห่างออกไปไม่ไกลมีร้านค้าขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ศาลาเจินเป่า หน้าร้านมีชั้นวางสินค้าตั้งไว้หนึ่งตัว บนชั้นวางสินค้าเต็มไปด้วยเครื่องประดับที่ทำจากถั่วแดง

เซิ่งฉินกล่าว “นายท่าน พวกเราไปถามร้านนั้นดูดีหรือไม่ขอรับ?”

สายตาของตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่  “ดี!”

ตงฟางเจ๋อเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าร้าน ผู้ช่วยหนุ่มในร้านก็เดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “คุณชายต้องอยากได้สร้อยข้อมือแห่งความรักไปมอบให้คนรักแน่นอน ถั่วแห่งความรักของร้านเราเป็นของดีราคาถูก ทำให้ท่านสมปรารถนาได้อย่างแน่นอน!”

เซิ่งฉินมองหน้าเขาอย่างหวาดระแวง “ถั่วแดงขายอย่างไร?”

ผู้ช่วยหนุ่มหยิบสร้อยถั่วแดงขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่แพงๆ ศาลาเจินเป่าของเราขายของราคาเป็นธรรมมาโดยตลอด วันนี้เป็นเทศกาลถงซิน ก็ยังไม่ขึ้นราคา”

เซิ่งฉินลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หมายจะล้วงเงินออกมาจ่าย จู่ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากในร้าน ประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ขอประทานอภัยคุณชาย เราขายถั่วแห่งความรักให้ไม่ได้”

เซิ่งฉินหน้าเปลี่ยนสีทันที ถามด้วยความขุ่นเคือง “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

เถ้าแก่ร้านกล่าวว่า “ถั่วแห่งความรักในร้านเราถูกจับจองไว้หมดแล้ว เงินมัดจำก็รับมาแล้ว ผู้ช่วยเพิ่งมาใหม่จึงไม่รู้เรื่อง ขอประทานอภัยทั้งสองท่านด้วย!”

เซิ่งฉินโยนถุงเงินลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยเสียงดัง “เงินมัดจำเท่าไรกันเชียว? ข้าให้ท่านสองเท่า!”

เถ้าแก่ร้านโบกมือเป็นพัลวัน คล้ายลำบากใจมาก “คุณชายท่านนี้ทำอย่างนี้ไม่ได้นะขอรับ พวกเราเปิดร้านค้า ต้องทำการค้าขายด้วยความน่าเชื่อถือ รับเงินมัดจำมาแล้วจะผิดคำพูดไม่ได้เด็ดขาด ถนนเส้นนี้ยังมีร้านค้าอีกหลายร้าน พวกท่านไปดูที่ร้านอื่นเถิด!”

“ท่าน!” เซิ่งฉินเดือดดาล แต่ก็เถียงไม่ออก เขาจ้องถั่วแดงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมพวกนั้น แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

ตงฟางเจ๋อไม่พูดอะไรสักคำ มองดูเถ้าแก่ร้านยิ้มอย่างขอโทษขอโพย แต่ในสายตากลับมีแววเจ้าเล่ห์พาดผ่าน

ยามนี้ มีคนเดินออกมาจากด้านในร้านอีกสองคน คนหนึ่งสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตา คือหลางฉ่าง องค์รัชทายาทแห่งแคว้นติ้งนั่นเอง ส่วนอีกคนสวมอาภรณ์สีแดงเพลิง คือหยางเซียว ฮ่องเต้แห่งแคว้นเปี้ยน!

ครั้นเห็นทั้งสองคน เถ้าแก่ร้านก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มประจบประแจงทันที

เซิ่งฉินกล่าวด้วยความตกใจ “เหตุใดฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนจึงมาอยู่ที่นี่?”

ตงฟางเจ๋อตำหนิเสียงเย็น “บังอาจ! ไร้มารยาทยิ่ง!”

เซิ่งฉินรีบค้อมกายต่ำและถอยหลังไป สายตาอ่อนโยนของหลางฉ่างหันมามอง พร้อมกับเผยอยิ้มมุมปากเล็กน้อย

หลางฉ่างเดินเข้ามาประสานมือ กล่าวว่า “ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเสด็จมาเยือนเมืองหลวงแควนติ้ง เป็นเกียรติแก่แคว้นเรานัก เพียงแต่เหตุใดจึงแต่งกายลำลอง? เดี๋ยวข้าจะไปรายงานเสด็จพ่อ จะได้ต้อนรับขับสู้ท่านด้วยขนบธรรมเนียมของแคว้นเรา”

ตงฟางเจ๋อตอบกลับตามมารยาท “ขอบคุณในความหวังดีขององค์รัชทายาท วันหลังเจ๋อจะต้องเข้าวังไปถวายบังคมฮ่องเต้แคว้นติ้งอย่างเป็นทางการแน่นอน!”

หลางฉ่างแย้มยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธหรือตอบรับแต่อย่างใด

ตงฟางเจ๋อถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า “วันนี้ตั้งใจมาเดินชมในเมือง บังเอิญเป็นเทศกาลถงซินพอดี เดิมเข้าเมืองตาหลิ่วหมายจะหลิ่วตาตาม อยากซื้อถั่วแห่งความรักให้ซูซูสักหน่อย นึกไม่ถึงตลอดเส้นทาง ทุกร้านตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริงซ้ำยังต้อนรับลูกค้าไม่ดี ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”

สายตาหลางฉ่างไหวระริกเล็กน้อย กล่าวคล้ายไม่ค่อยเข้าใจ “จากที่ข้ารู้ ร้านค้าในเมืองหลวงแคว้นติ้งทำตามกฎมาโดยตลอด ต่างขายของราคาเป็นธรรม และด้วยเหตุผลนี้ จึงได้กลายเป็นที่ดึงดูดพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกมุมโลกมาทำการแลกเปลี่ยน ยังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ดังที่ฮ่องเต้แคว้นเฉิงทรงกล่าวถึงเลย”

ตงฟางเจ๋อหันไปมองหยางเซียวที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว สายตาขรึมลงเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นหรือ? มีคนลอบควบคุมแหล่งสินค้าอย่างลับๆ จงใจทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สถานการณ์ที่ข้าพบเจอจึงต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”

หลางฉ่างขมวดคิ้ว “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”

“ตงฟางเจ๋อ ท่านคงไม่ได้หมายถึงข้ากระมัง?”

หยางเซียวสาวเท้าเดินเข้ามาตรงหน้าคนทั้งสอง เอียงคอมองพิจารณาตงฟางเจ๋อ พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ตงฟางเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนช่างเจ้าสำราญ! ไม่เคยพลาดเรื่องสนุกสักครั้ง”

หยางเซียวกล่าวอย่างเบิกบาน “งานชุมนุมไป่จี๋ของแคว้นติ้งมีชื่อเสียงโด่งดัง ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเองก็มาร่วมสนุกด้วยมิใช่หรือ? ได้ยินว่าฮ่องเต้แคว้นติ้งตามหาองค์หญิงฉางเล่อที่หายตัวไปนานหลายปีพบแล้ว จึงตั้งใจฉลองกับปวงชนไปพร้อมกับเทศกาลถงซิน ข้าย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสดี!”

สายตาของตงฟางเจ๋อไหวระริก หันไปมองหลางฉ่างแล้วถามว่า “ซูซูเป็นธิดาของฮ่องเต้แคว้นติ้งจริงหรือ?”

หลางฉ่างเอ่ยตอบพลางแย้มยิ้ม “ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเจอฉางเล่อเมื่อใด ก็ค่อยถามนางด้วยพระองค์เองเถิด ข้าน้อยยังมีธุระต้องไปสะสาง ขอทูลลาก่อนแล้ว”

……………………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 472 ฮ่องเต้หญิง พวกเราแต่งงานกันเถิด (8)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 472 ฮ่องเต้หญิง พวกเราแต่งงานกันเถิด (8) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตงฟางเจ๋อแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด “เทียบกับคำพูดของแม่สื่อตามขนบธรรมเนียม เรื่องความรักของคนสองคนหากได้เป็นผู้กำหนดด้วยตนเองจะมีความหมายมากกว่า ได้ยินว่าแคว้นติ้งปกครองแผ่นดินด้วยคุณธรรม ปวงชนมีอิสระและเปิดกว้าง วันนี้มาเห็นด้วยตา เป็นดังคำเล่าลือดังคาด”

ครั้นเห็นว่าเขาเอ่ยวาจาไม่ธรรมดา ชายคนนั้นก็ยิ่งกระตือรือร้น “ปีนี้เทศกาลถงซินตรงกับงานชุมนุมไป่จี๋อย่างหาได้ยาก แม้แต่องค์รัชทายาทพระองค์ปัจจุบันกับองค์หญิงฉางเล่อก็จะเสด็จมาด้วย! คุณชายไปร่วมสนุกกับเขาด้วยก็ได้!”

“องค์หญิงก็อยู่ด้วยหรือ?” ตงฟางเจ๋อพลันดีใจ

เซิ่งฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่าน มิสู้พวกเราไปพบแม่นางซูที่งานชุมนุมไป่จี๋ดีไหมขอรับ?”

ตงฟางเจ๋อพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกายเดินไปทางทิศตะวันตกของเมือง ตลอดเส้นทางมีร้านขายของมากมาย คึกคักเป็นพิเศษ บางร้านห้อยเครื่องประดับที่ทำจากถั่วแดงไว้หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้เหล่าหนุ่มสาวเข้ามาซื้อของ ตงฟางเจ๋อบังเกิดความคิด ก้าวเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่งทันที

เครื่องประดับในร้านงดงามหลากหลาย สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือถั่วแห่งความรักสีแดงสดที่วางอยู่บนชั้นวาง ตงฟางเจ๋อหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด นำมาเพ่งมองอย่างละเอียด

เซิ่งฉินอดหัวเราะไม่ได้ “นายท่านเข้าเมืองตาหลิ่ว ก็หลิ่วตาตาม จะมอบของขวัญให้แม่นางซูหรือขอรับ”

ตงฟางเจ๋อไม่ตอบ กลีบปากกระดกเผยรอยยิ้มจางๆ

เถ้าแก่เดินมาหา พิจารณาตงฟางเจ๋ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต้องขอประทานอภัย สินค้าในร้านเราขายให้เฉพาะชาวติ้งเท่านั้น เชิญลูกค้าทั้งสองท่านจับจ่ายที่อื่นเถิด”

ใบหน้าเซิ่งฉินแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เขากล่าวอย่างไม่พอใจ “แคว้นติ้งมีชื่อเสียงเรื่องการค้าขายที่มีอิสระและเปิดกว้าง เหตุใดจึงมีกฎที่ไม่เข้ากันเช่นนี้อยู่ด้วย!”

เถ้าแก่ผู้นั้นมองเขาด้วยสายตาเย่อหยิ่ง พลางผายมือทำท่าเชื้อเชิญ

เซิ่งฉินไม่ยอม ยังทำท่าจะโต้เถียง ตงฟางเจ๋อทำหน้าขรึม ยกมือเล็กน้อย “ไม่เป็นไร พวกเราไปดูร้านอื่น”

ตรงข้ามยังมีร้านเครื่องประดับอยู่อีกหนึ่งร้าน ครั้นเถ้าแก่เห็นคุณชายสวมอาภรณ์ผ้าต่วนสายรัดเอวหยกเดินเข้ามา ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าฐานะไม่ธรรมดา ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมาทันที “คุณชายต้องการซื้อสิ่งใด?”

เซิ่งฉินกล่าว “ถั่วแห่งความรัก”

เถ้าแก่รีบร้องเสียงดัง “มีๆๆ ข้ามีของดีชั้นหนึ่งเลยทีเดียว! แต่ถั่วแห่งความรักร้านเราแพงกว่าร้านอื่นเล็กน้อย ไม่ทราบว่าคุณชาย…”

ตงฟางเจ๋อเอ่ยเสียงราบเรียบ “ของดี ราคาเท่าไรก็ไม่มีปัญหา”

เถ้าแก่ร้านพยักหน้ารัวๆ เขาก้มตัวหยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งจากชั้นวาง นำมาปลดผนึกอย่างระมัดระวัง พลางกล่าวแนะนำ “คุณชายอาจยังไม่ทราบ ถั่วแห่งความรักกล่องนี้ล้วนเด็ดมาจากต้นพรหมลิขิตพันปีที่อยู่ในวัดหลิงยิน ข้าคัดสรรอย่างดีก่อนจะนำมาวางขาย หนึ่งเมล็ดมีราคาเท่ากับไข่มุกทองหนึ่งเม็ด”

“อะไรนะ?!” เซิ่งฉินเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง “ท่านโลภมากเกินไปแล้ว ขายของแพงเกินจริง!”

เถ้าแก่ชักสีหน้า ปิดฝากล่องไม้ในมือทันที แล้วยังกล่าวเย้ยหยันอีกว่า “ไม่มีเงินแล้วยังวางท่าเป็นคนใหญ่คนโต อยากได้ของราคาถูกก็ไปหาเอาที่ร้านอื่น!” เอ่ยจบ เขาก็ถือกล่องเดินเข้าไปหลังร้าน และไม่ออกมาอีกเลย!

ใบหน้าตงฟางเจ๋อเคร่งขรึม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่พูดอะไร

เซิ่งฉินโกรธจนหน้าดำหน้าแดง กำหมัดจนเสียงกระดูกข้อมือลั่น “นายท่าน! ข้าจะไปสะสางกับเถ้าแก่คนนั้น!”

ตงฟางเจ๋อแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา ก่อนจะหมุนกายสาวเท้ายาวๆ เดินออกจากร้านไป

เซิ่งฉินจนใจ ทำได้เพียงข่มกลั้นไฟโทสะแล้วเดินตามเขาออกมา

ตงฟางเจ๋อยืนพิจารณาอยู่บนถนน ห่างออกไปไม่ไกลมีร้านค้าขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ศาลาเจินเป่า หน้าร้านมีชั้นวางสินค้าตั้งไว้หนึ่งตัว บนชั้นวางสินค้าเต็มไปด้วยเครื่องประดับที่ทำจากถั่วแดง

เซิ่งฉินกล่าว “นายท่าน พวกเราไปถามร้านนั้นดูดีหรือไม่ขอรับ?”

สายตาของตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่  “ดี!”

ตงฟางเจ๋อเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าร้าน ผู้ช่วยหนุ่มในร้านก็เดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “คุณชายต้องอยากได้สร้อยข้อมือแห่งความรักไปมอบให้คนรักแน่นอน ถั่วแห่งความรักของร้านเราเป็นของดีราคาถูก ทำให้ท่านสมปรารถนาได้อย่างแน่นอน!”

เซิ่งฉินมองหน้าเขาอย่างหวาดระแวง “ถั่วแดงขายอย่างไร?”

ผู้ช่วยหนุ่มหยิบสร้อยถั่วแดงขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่แพงๆ ศาลาเจินเป่าของเราขายของราคาเป็นธรรมมาโดยตลอด วันนี้เป็นเทศกาลถงซิน ก็ยังไม่ขึ้นราคา”

เซิ่งฉินลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หมายจะล้วงเงินออกมาจ่าย จู่ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากในร้าน ประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ขอประทานอภัยคุณชาย เราขายถั่วแห่งความรักให้ไม่ได้”

เซิ่งฉินหน้าเปลี่ยนสีทันที ถามด้วยความขุ่นเคือง “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

เถ้าแก่ร้านกล่าวว่า “ถั่วแห่งความรักในร้านเราถูกจับจองไว้หมดแล้ว เงินมัดจำก็รับมาแล้ว ผู้ช่วยเพิ่งมาใหม่จึงไม่รู้เรื่อง ขอประทานอภัยทั้งสองท่านด้วย!”

เซิ่งฉินโยนถุงเงินลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยเสียงดัง “เงินมัดจำเท่าไรกันเชียว? ข้าให้ท่านสองเท่า!”

เถ้าแก่ร้านโบกมือเป็นพัลวัน คล้ายลำบากใจมาก “คุณชายท่านนี้ทำอย่างนี้ไม่ได้นะขอรับ พวกเราเปิดร้านค้า ต้องทำการค้าขายด้วยความน่าเชื่อถือ รับเงินมัดจำมาแล้วจะผิดคำพูดไม่ได้เด็ดขาด ถนนเส้นนี้ยังมีร้านค้าอีกหลายร้าน พวกท่านไปดูที่ร้านอื่นเถิด!”

“ท่าน!” เซิ่งฉินเดือดดาล แต่ก็เถียงไม่ออก เขาจ้องถั่วแดงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมพวกนั้น แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

ตงฟางเจ๋อไม่พูดอะไรสักคำ มองดูเถ้าแก่ร้านยิ้มอย่างขอโทษขอโพย แต่ในสายตากลับมีแววเจ้าเล่ห์พาดผ่าน

ยามนี้ มีคนเดินออกมาจากด้านในร้านอีกสองคน คนหนึ่งสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตา คือหลางฉ่าง องค์รัชทายาทแห่งแคว้นติ้งนั่นเอง ส่วนอีกคนสวมอาภรณ์สีแดงเพลิง คือหยางเซียว ฮ่องเต้แห่งแคว้นเปี้ยน!

ครั้นเห็นทั้งสองคน เถ้าแก่ร้านก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มประจบประแจงทันที

เซิ่งฉินกล่าวด้วยความตกใจ “เหตุใดฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนจึงมาอยู่ที่นี่?”

ตงฟางเจ๋อตำหนิเสียงเย็น “บังอาจ! ไร้มารยาทยิ่ง!”

เซิ่งฉินรีบค้อมกายต่ำและถอยหลังไป สายตาอ่อนโยนของหลางฉ่างหันมามอง พร้อมกับเผยอยิ้มมุมปากเล็กน้อย

หลางฉ่างเดินเข้ามาประสานมือ กล่าวว่า “ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเสด็จมาเยือนเมืองหลวงแควนติ้ง เป็นเกียรติแก่แคว้นเรานัก เพียงแต่เหตุใดจึงแต่งกายลำลอง? เดี๋ยวข้าจะไปรายงานเสด็จพ่อ จะได้ต้อนรับขับสู้ท่านด้วยขนบธรรมเนียมของแคว้นเรา”

ตงฟางเจ๋อตอบกลับตามมารยาท “ขอบคุณในความหวังดีขององค์รัชทายาท วันหลังเจ๋อจะต้องเข้าวังไปถวายบังคมฮ่องเต้แคว้นติ้งอย่างเป็นทางการแน่นอน!”

หลางฉ่างแย้มยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธหรือตอบรับแต่อย่างใด

ตงฟางเจ๋อถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า “วันนี้ตั้งใจมาเดินชมในเมือง บังเอิญเป็นเทศกาลถงซินพอดี เดิมเข้าเมืองตาหลิ่วหมายจะหลิ่วตาตาม อยากซื้อถั่วแห่งความรักให้ซูซูสักหน่อย นึกไม่ถึงตลอดเส้นทาง ทุกร้านตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริงซ้ำยังต้อนรับลูกค้าไม่ดี ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”

สายตาหลางฉ่างไหวระริกเล็กน้อย กล่าวคล้ายไม่ค่อยเข้าใจ “จากที่ข้ารู้ ร้านค้าในเมืองหลวงแคว้นติ้งทำตามกฎมาโดยตลอด ต่างขายของราคาเป็นธรรม และด้วยเหตุผลนี้ จึงได้กลายเป็นที่ดึงดูดพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกมุมโลกมาทำการแลกเปลี่ยน ยังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ดังที่ฮ่องเต้แคว้นเฉิงทรงกล่าวถึงเลย”

ตงฟางเจ๋อหันไปมองหยางเซียวที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว สายตาขรึมลงเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นหรือ? มีคนลอบควบคุมแหล่งสินค้าอย่างลับๆ จงใจทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สถานการณ์ที่ข้าพบเจอจึงต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”

หลางฉ่างขมวดคิ้ว “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”

“ตงฟางเจ๋อ ท่านคงไม่ได้หมายถึงข้ากระมัง?”

หยางเซียวสาวเท้าเดินเข้ามาตรงหน้าคนทั้งสอง เอียงคอมองพิจารณาตงฟางเจ๋อ พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ตงฟางเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนช่างเจ้าสำราญ! ไม่เคยพลาดเรื่องสนุกสักครั้ง”

หยางเซียวกล่าวอย่างเบิกบาน “งานชุมนุมไป่จี๋ของแคว้นติ้งมีชื่อเสียงโด่งดัง ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเองก็มาร่วมสนุกด้วยมิใช่หรือ? ได้ยินว่าฮ่องเต้แคว้นติ้งตามหาองค์หญิงฉางเล่อที่หายตัวไปนานหลายปีพบแล้ว จึงตั้งใจฉลองกับปวงชนไปพร้อมกับเทศกาลถงซิน ข้าย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสดี!”

สายตาของตงฟางเจ๋อไหวระริก หันไปมองหลางฉ่างแล้วถามว่า “ซูซูเป็นธิดาของฮ่องเต้แคว้นติ้งจริงหรือ?”

หลางฉ่างเอ่ยตอบพลางแย้มยิ้ม “ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเจอฉางเล่อเมื่อใด ก็ค่อยถามนางด้วยพระองค์เองเถิด ข้าน้อยยังมีธุระต้องไปสะสาง ขอทูลลาก่อนแล้ว”

……………………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+