ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 202 กิจวัตรประจำวัน

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] Chapter 202 กิจวัตรประจำวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 202 กิจวัตรประจำวัน

ในที่สุดบ้านของคุณลุงจี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา

ปัญหานี้นับว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตไม่น้อย ภรรยาของจี้เจี้ยนเหอกลับไปยังบ้านเดิมของหล่อนทันที ส่วนคุณป้าหลี่ตะโกนสาปแช่งเสียงดังอยู่หน้าประตูบ้าน ถ้าคิดว่าออกไปแล้วเอาตัวรอดได้ก็ไม่ต้องกลับมา ตระกูลจี้ของนางก็ไม่ต้องการสะใภ้ที่วางตัวเหมือนเป็นบรรพบุรุษแบบนี้!

คนในหมู่บ้านต่างรู้กันดีว่าภรรยาของจี้เจี้ยนเหอมาจากหมู่บ้านซูเจีย ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันกับซูตานหง แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนิทสนมกันนัก

ภรรยาของจี้เจี้ยนเหอมีชื่อว่าซูเจวียน ตอนนั้นซูเจวียนเองก็นับว่าเป็นดอกไม้งามของหมู่บ้านเช่นกัน แต่สุดท้ายกลับหน้ามืดตามัวไปคว้าเอาคนอย่างจี้เจี้ยนเหอ

ช่วยไม่ได้ ถึงแม้จี้เจี้ยนเหอจะไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่รูปร่างหน้าตาของเขาจัดว่าดูดีจริง ๆ ไม่เพียงแต่รูปร่างสูงใหญ่ แต่หน้าตาก็ไม่เลว อย่างน้อยก็เป็นประเภทที่ซูเจวียนชอบ

ดังนั้นจึงลงเอยที่การแต่งงานกัน

แต่ก็มีเรื่องที่คาดไม่ถึง กว่าจะรู้ว่าจี้เจี้ยนเหอเป็นคนขี้เกียจก็เมื่อแต่งงานกันไปแล้ว เมื่อพี่ชายเขาแต่งงานก็แยกบ้านกันไป แต่เขายังไม่ยอมแยกบ้านสักที

เดิมทีหล่อนก็ไม่เข้าใจนัก แต่เมื่อแต่งงานกันไปแล้วถึงได้รู้เหตุผลที่เขาไม่ยอมแยกบ้าน เนื่องจากพ่อแม่ยังคงต้องหาเลี้ยงเขาอยู่ หากแยกบ้านออกไปคงไม่เหลืออะไร นอกจากอดตายเท่านั้น

ดังนั้นหล่อนจึงไม่เต็มใจที่จะแยกบ้าน

แต่ไม่ว่าจะแยกบ้านหรือไม่ บางเรื่องก็ต้องแยกแยะให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าหล่อนจะทํางานให้

อย่างเช่นหมูตัวนี้ ที่เมื่อถึงเวลาเชือดก็จะขายได้เงินมากกว่า 100 หยวน การเลี้ยงหมูสองตัวก็เท่ากับมีเงินถึง 200 หยวน แต่เมื่อถึงตอนนั้นหล่อนกลับต้องเอาเงินจากการขายหมูที่ตนเลี้ยงมาอย่างยากลําบากไปให้แม่สามีทั้งหมด หล่อนจะยินดีได้อย่างไร?

ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้

เรื่องราววุ่นวายนี้รุนแรงเสียจนคุณลุงจี้คร้านจะกลับบ้าน คุณพ่อจี้เองก็รู้เรื่องจากคุณแม่จี้ ตอนนี้คุณป้าหลี่ถึงกับไม่ยอมทำอาหาร แม้แต่จี้เจี้ยนเหอยังไม่มีข้าวกิน เขาจึงมาพูดคุยกับพี่ชาย “ต่อไปพี่ใหญ่ก็มากินข้าวกับผมที่นี่เถอะ”

คุณลุงจี้ไม่ปฏิเสธน้องชายของเขา เนื่องจากรู้สึกรำคาญกับปัญหานี้มาก อีกอย่างเขารู้สึกเกรงใจเจี้ยนอวิ๋น เพราะยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย ตอนนี้เขาได้รับเงินเดือนถึงเดือนละ 35 หยวน ดังนั้นจะให้เรื่องที่บ้านมาทำให้เสียงานไม่ได้

เขาจึงรับปากและบอกแก่น้องชาย “งั้นหักค่าอาหารออกจากเงินเดือนของฉัน เดือนละ 5 หยวนแล้วกัน”

แต่คุณพ่อจี้กลับปฏิเสธ “กินข้าวนิดหน่อยจะนับเป็นเงินอะไรกันครับ เราไม่ได้ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าพี่เกรงใจก็แค่ชดเชยด้วยการทำงานให้มากขึ้นก็พอแล้ว”

หากการเงินของลูกชายเขายังไม่ดีพอ เขากับภรรยาคงไม่ตัดสินใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เจี้ยนอวิ๋นมีข้าวกินไม่เคยขาดมื้อ อีกอย่างนี่เป็นพี่ชายคนโตของเขา จะให้ทนมองดูพี่ชายแท้ ๆ ไม่ได้กินข้าวเพราะปัญหาบางอย่างในครอบครัวได้หรือ?

จากนั้นคุณลุงจี้จึงมาที่สวนผลไม้แห่งแรก เพื่อกินอาหารเย็นด้วย

คุณพ่อกับคุณแม่จี้พาเยียนเอ๋อร์ไปกินข้าวด้วยกันทุกวันอย่างตรงเวลา ดังนั้นเมื่อมาถึงอาหารก็เกือบจะเสร็จแล้ว เนื่องจากบ้านไม้ที่คุณลุงจี้อาศัยอยู่มีนาฬิกาที่เจี้ยนอวิ๋นซื้อมาให้เขาไว้ใช้ดูเวลา

หลังจากได้มากินข้าวกับคุณพ่อและคุณแม่จี้แล้ว คุณลุงจี้ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

พูดถึงอาหารของครอบครัว แม้ว่าจะมีส่วนแบ่งที่เก็บไว้ให้เขา แต่ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือหนาว ก็ไม่เคยจะอร่อยเลยสักครั้ง เขาได้แต่กินให้พออิ่มท้องเพื่อจะได้ขึ้นมาทำงานบนภูเขาต่อก็เท่านั้น

ในฤดูหนาวนี้ สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดทุกวันคือน้ำชาเก๋ากี้พุทราจีนที่เจี้ยนอวิ๋นยกมาให้ ไม่เพียงแต่จะมีรสชาติอร่อย ยังทําให้เขารู้สึกเลือดลมไหลเวียนดีไม่น้อย

และเมื่อมากินอาหารที่นี่ เขาก็ได้เห็นอาหารของคุณพ่อกับคุณแม่จี้ อาหารของสองผู้เฒ่าไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไรมากมาย แต่ก็ทําได้ดีมาก มีทั้งเนื้อ ไข่คน จานผักและน้ำแกง สําหรับคุณลุงจี้ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว

หลังจากที่จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้ว่าลุงของเขามากินอาหารกับพ่อและแม่ จึงไปจับปลามาจากอวนอีก 2 ตัว เพื่อส่งไปเพิ่มในมื้ออาหาร

เขาเองก็ได้ยินเรื่องในบ้านของลุงใหญ่คนนี้แล้ว แต่เรื่องในบ้านของคนอื่น เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย สําหรับลุงจี้ที่ตั้งใจทํางานอย่างเต็มที่ อย่างไรเขาก็จะไม่มีทางปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

เมื่อจี้เจี้ยนชวนรู้ก็รีบมาคุยกับพ่อของเขาและชวนให้ไปกินข้าวด้วยกัน

แต่คุณลุงจี้โบกมือปฏิเสธ พร้อมบอกว่าเขากินข้าวกับทางบ้านอาก็พอแล้ว

เขามีลูกชายสองคน คนโตคือจี้เจี้ยนชวนและคนรองคือจี้เจี้ยนเหอ

จี้เจี้ยนเหอลูกชายคนรองคนนี้เขาไม่อยากหวังแล้ว แต่กับจี้เจี้ยนชวนลูกชายคนโต เขาคาดหวังไว้ค่อนข้างสูง วางแผนว่าในอนาคต หากเขาแก่ตัวลงค่อยไปให้ลูกชายคนโตเลี้ยงดู สำหรับตอนนี้เขายังพอทำงานได้ก็จะยังไม่ไปรบกวนอะไร

เนื่องจากไม่ได้กลับบ้าน คุณลุงจี้จึงให้เงินทางบ้านน้อยลง เขาเคยมอบเงินเดือนทั้งหมดให้ แต่ตอนนี้ส่งให้แค่ 20 หยวน

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณป้าหลี่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ไปกินข้าวกับที่บ้านน้องชาย เขายังเรียกเก็บเงินจากคุณอีกเหรอ? เงินอีก 15 หยวนที่เหลือของคุณหายไปไหนหมด?”

“ถ้าคุณไม่พอใจกับเงินนี้ก็เอาคืนมา” คุณลุงจี้คร้านจะโต้เถียง ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อนกันนะว่าภรรยาของตนจะเป็นคนไร้หัวคิดขนาดนี้?

แม้ว่าคุณป้าหลี่จะโกรธ แต่เงิน 20 หยวนก็คือเงิน ทางที่ดีสามีของนางควรจะกินอยู่บนภูเขาไปทั้งชีวิต!

เนื่องจากตอนนี้คุณลุงจี้ไม่จำเป็นต้องกลับมากินข้าวที่บ้านแล้ว เขาจึงเก็บเสื้อผ้าขึ้นไปไว้บนภูเขา ส่วนการอาบน้ำล้างหน้านั้น คุณลุงจี้ตั้งใจจะไปที่สวนผลไม้แห่งแรก

สวนผลไม้แห่งแรกมีห้องอาบน้ำอยู่ แม้จะไม่ใหญ่มากมีพื้นที่เพียงแค่ 3 ถึง 4 ตารางเมตร แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็สร้างมันขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้พ่อกับแม่ของเขาสามารถใช้อาบน้ำและเข้าห้องน้ำได้

คุณลุงจี้จึงมาอาบน้ำที่นี่ ในตอนแรกคุณแม่จี้จะช่วยเขาซักผ้า แต่คุณลุงจี้ไม่ยอมและจะเอากลับไปซักตากเอง คุณแม่จี้จึงปล่อยเลยตามเลย

ด้วยเหตุนี้ คุณลุงจี้จึงตั้งรกรากอยู่ที่สวนผลไม้จริง ๆ แม้ในทุก ๆ วันจะงานยุ่งมาก แต่เขาก็มีชีวิตที่ดี อย่างน้อยจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามากขึ้น อีกทั้งคนก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรเสียช่วงเวลาในสวนผลไม้ของเขาก็ผ่านไปอย่างเรียบง่าย หลังจากเขาต้มอาหารให้หมูหม้อสุดท้ายในช่วงเวลา 2 ทุ่มเสร็จก็เข้านอนได้แล้ว จากนั้นจึงตื่นนอนในช่วงตี 5 ของเช้าวันถัดไป และไปกินมื้อเช้าที่สวนผลไม้แห่งแรกในตอน 7 โมง ก่อนจะกลับมาทำอาหารให้หมูและงานอื่น ๆ จนยุ่งอยู่ทั้งวัน

ในเวลานี้หยางอ้ายเซิน หวังต้ากัง และสวี่เจี้ยนกั๋วต่างก็เริ่มทำงาน พวกเขา 3 คนมักจะผลัดกันขึ้นเขา เพราะยังมีพื้นที่อีก 30 หมู่ตรงเชิงเขาที่ต้องการให้พวกเขาผลัดกันไปดูแล

คุณลุงจี้และหนึ่งในนั้นยังคงยุ่งอยู่กับงานทำความสะอาดโรงเลี้ยงไก่ ให้อาหารไก่และทำอาหารหมู งานที่ต้องทำมีมากมายจนแทบไม่มีเวลาว่าง

กว่างานจะเสร็จก็ถึงเวลารับประทานมื้อเที่ยง หลังจากจบมื้อเที่ยงก็ไปพักผ่อนได้ จากนั้นค่อยเริ่มทํางานอีกทีตอนบ่าย 2 โมง และยังคงยุ่งกันไปอีกพักใหญ่

ทั้งหมดนี้แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันของคุณลุงจี้ แต่เขากลับพอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้งานจะยุ่งแต่ได้กินดีอยู่ดีจึงไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ตอนนี้อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ได้ส่งชาเก๋ากี้มาให้อีก แต่บางครั้งก็มีน้ำแกงอื่น ๆ มาให้แทน เช่น น้ำแกงกระดูก หรือน้ำแกงปลากลิ่นหอมฟุ้ง เพื่อให้คุณลุงจี้มีแรงทำงานหนักในทุกวัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด