ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 244 เห็นแล้ววางใจ

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] Chapter 244 เห็นแล้ววางใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 244 เห็นแล้ววางใจ

อันที่จริงแล้วนางเข้าใจดีว่าแม่สามีของลูกสาวไม่เต็มใจที่จะติดต่อกับนาง

นึกถึงตอนที่ตานหงยังทำตัวไร้เหตุผล ไม่ใช่ว่าตอนนั้นนางไม่ยินดีที่จะคบหากับคุณแม่ซูเช่นกันหรอกหรือ?

ทำไมถึงไม่ไปมาหาสู่กันล่ะ? เหตุผลก็เพราะว่าอีกฝ่ายกำลังอดทนอดกลั้น หากคุ้นเคยกันมากเกินไปก็จัดการได้ยาก แต่หากไม่สนิทกัน เมื่อลูกสาวของนางทำตัวยั่วโมโห อีกฝ่ายคงลงมือสั่งสอนโดยไม่ออมมือแม้แต่น้อย!

แม่สามีล้วนเป็นแม่คนอื่น นางในตอนแรกก็ไม่ใช่ว่ามีความคิดเช่นนี้หรือ?

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณแม่จี้จะพูดอะไรได้อีก? นางทำทุกอย่างที่ควรทำแล้ว หากลูกสาวของนางไม่เอาไหน ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอีกต่อไป ถึงอย่างไรก็แต่งงานออกไปแล้ว นางจึงมอบหมายเรื่องนี้ให้แก่หลี่จื้อผู้เป็นลูกเขย

ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ หลี่จื้อซูบผอมลงมาก แล้วนี่คือลูกชายของคนอื่น เมื่อแม่แท้ ๆ ของเขาได้เห็น จะมีความสุขได้อย่างไร?

อย่าว่าแต่แม่แท้ ๆ เลย หากลูกชายของนางทํางานนอกบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว แล้วลูกสะใภ้ดูแลเขาแบบนี้ตอนอยู่ที่บ้าน ตัวนางเองย่อมไม่เห็นด้วย

หลี่จื้อกล่าวปลอบใจนาง “คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมสบายดี ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้ชีวิตแบบนี้”

คุณแม่จี้ต้องการให้เขาอยู่กินอาหารกลางวันแสนอร่อยที่นางทำไว้มากมาย ดังนั้นเขาจึงเจริญอาหารเป็นพิเศษและพอใจอย่างมาก

แม้ว่าภรรยาของเขาจะโง่เขลาและหยิ่งยโสไปหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอทนได้ อีกทั้งทัศนคติที่แม่ยายมีต่อเขาทำให้เขาต้องอดทนกับลูกสาวของนางให้มากขึ้น

หลี่จื้อยังไม่ได้กลับไปจนกระทั่งบ่าย 3 โมง ระหว่างนั้นซูตานหงก็ได้ตุ๋นน้ำซุปมาให้หม้อหนึ่ง เป็นน้ำซุปเต้าหู้หัวปลา น้ำซุปเต้าหู้หัวปลานี้สีขาวข้น เมื่อได้ดื่ม หลี่จื้อก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าไม่เพียงแต่หลี่จื้อที่ดื่มเท่านั้น ทั้งคุณพ่อและคุณแม่จี้ รวมถึงเยียนเอ๋อร์ เหรินเหริน และฉีฉีก็ได้ดื่มด้วยกันหมด

เมื่อถึงเวลากลับ คุณแม่จี้ได้ให้สตรอเบอรี่กับเขาเพียง 1 ตะกร้าเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นอีก

ส่วนซูตานหงก็ไม่ได้กล่าวอะไร สำหรับหลี่จื้อแล้ว เธอคิดว่าเขาเป็นคนดีที่หาได้ยากจริง ๆ ทั้งในครอบครัวและนอกบ้านก็สามารถดูแลได้ ตอนนี้นับว่าเป็นญาติกันแล้ว หากเขามาอีกก็จะไม่ตระหนี่กับเขา

อย่างเช่น ซุปหัวปลาในตอนบ่ายวันนี้ เธอต้มขึ้นมาเป็นพิเศษ เพราะก่อนที่หลี่จื้อจะขึ้นมาบนภูเขา เขาก็ได้หิ้วลูกอมรสนมกระต่ายขาวถุงใหญ่มา 1 ถุงให้เหรินเหรินกับฉีฉี

หลี่จื้อรู้วิธีวางตัวให้เป็นคนสุภาพได้ ดังนั้นเธอจึงตอบแทนกลับไปโดยไม่ให้เขาเสียเปรียบ

แต่ถ้าเขามาขนของกลับไปเป็นจำนวนมากคงเป็นไปไม่ได้ แม้แต่พุทราแห้งที่เหลือในบ้าน เธอก็ไม่เอาออกมาแม้แต่เม็ดเดียว

เมื่อเอากลับไปแล้ว ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะเข้าท้องใคร เธอไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น และไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะให้จี้อวิ๋นอวิ๋นได้กิน

ดังนั้นเธอจึงต้มซุปหัวปลาใส่เก๋ากี้เคี่ยวเย็นที่มีสรรพคุณบำรุงร่างกายและรสชาติอร่อยให้หลี่จื้อดื่มแล้วค่อยกลับ นอกนั้นอย่าได้หวังอะไรอีก

แม้ในตอนสุดท้ายแม่สามีของเธออยากจะให้ของเพิ่ม แต่เมื่อเห็นเธอก็เกรงใจจึงไม่กล้าหยิบอะไรให้อีก ส่วนตัวเธอเองก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น

หากเธอไม่อยู่ หลี่จื้อจะหิ้วตะกร้าไข่กลับไปมากเท่าใดก็ได้ แต่ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้

“คุณแม่คะ เย็นนี้ฉันจะห่อเกี๊ยว คุณแม่กับคุณพ่อเบื่อกับข้าวหรือยังคะ?” ซูตานหงถาม

“เบื่อแล้วล่ะ” คุณแม่จี้กล่าว

“ได้ค่ะ งั้นเย็นนี้กินเกี๊ยวกันนะคะ ไม่ต้องทำอาหารหรอกค่ะ ถ้าเสร็จแล้วฉันจะเรียกเจี้ยนอวิ๋นยกขึ้นมาให้” ซูตานหงพูด

“ได้จ้ะ” คุณแม่จี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

แม้จะรู้สึกเสียใจที่ลูกสะใภ้ไม่ได้เอ่ยปาก แต่จะโทษลูกสะใภ้ได้หรือ?

ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่ บ้านรอง และบ้านสี่ ต่างมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเธอ แต่ไม่กี่ปีมานี้เธอมีเหตุผลขึ้นมาไม่น้อย และบ้านสามก็ไม่เคยตระหนี่ต่อบรรดาสะใภ้ของนาง

อย่างเช่นปีที่แล้ว เมื่อบ้านสี่กลับมา เธอได้มอบพุทราแห้งห่อใหญ่ให้บ้านสี่นำกลับไปที่เมืองเจียงสุ่ย เพื่อเอาไปต้มใส่ซุปต่าง ๆ ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการมาก

นอกจากนี้ยังมีบ้านใหญ่กับบ้านรอง เนื่องจากไม่กี่ปีที่ผ่านมา 2 ครอบครัวนี้เป็นลูกกตัญญูอย่างมาก ดังนั้นบ้านสามจึงใจกว้างและไม่ถือสาพวกเขา เช่น เสี่ยวตงและน้องสาวของเขาเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ บางครั้งพวกเขาก็มากินข้าวกับอาสะใภ้สามของพวกเขา เธอเคยคิดเล็กคิดน้อยหรือ?

ไม่เคยเลยสักครั้ง มีแต่ทำให้เด็ก ๆ ต่างชื่นชม

คราวนี้สตรอเบอรี่สุกแล้ว ผลไม้ลูกเล็ก ๆ แบบนี้สามารถเก็บกินได้เรื่อย ๆ ซึ่งซูตานหงก็ขอให้พี่รองของเธอส่งสตรอเบอรี่ 1 ลังไปให้เจี้ยนเหวินกับลี่ลี่ทางฝั่งเมืองเจียงสุ่ย ซึ่ง 1 ลังมีน้ำหนักถึง 10 ชั่ง 

นั่นสำหรับให้พวกเขากินเอง หรือแล้วแต่ว่าพวกเขาจะจัดการอย่างไร ลี่ลี่ถึงกับโทรกลับมาเพื่อพูดคุยกับพี่สะใภ้สามอย่างเธออยู่พักใหญ่

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเธอนับว่าดีขึ้นมาก

หลายปีมานี้คุณแม่จี้ก็มองออกว่านิสัยของบ้านสามนั้นเข้าถึงได้และพูดง่ายมาก ตราบใดที่ทำดีกับเธอ เธอย่อมเห็นถึงความปรารถนาดีและตอบแทนผู้อื่นโดยไม่คิดเล็กคิดน้อย ทั้งบ้านรองและบ้านสี่ล้วนเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งสิ้น

แต่ถ้าเธอทำดีกับใครแล้วไม่ได้รับสิ่งที่ดีกลับมา แม้จะมีครั้งที่สอง ก็อย่าหวังว่าจะได้มีครั้งที่สาม

ลูกสาวของนางทำได้อย่างไร? หลายครั้งที่มองข้ามความดีของเธอไปโดยไม่สำนึกและไม่สนใจ เมื่อมีโอกาสก็มักจะทำให้นางขายหน้าอยู่เสมอ บอกเลยว่าไม่ต่างอะไรกับหมาป่าตาขาว

ดังนั้นในตอนนี้ลูกสาวของนางจึงไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากเธอได้เลยแม้แต่น้อย

คุณแม่จี้รู้ดี แต่จะโทษสะใภ้สามได้หรือ? ไม่น่าแปลกใจเลย หากเป็นนางเองคงไม่คิดซื้อของให้น้องสามีแบบนี้

นอกจากนี้สะใภ้สามยังกตัญญูต่อนาง

ในตอนเย็นก็ได้เวลากินเกี๊ยว ทุกคนในครอบครัวต่างกินกันอย่างอิ่มเอมใจ เกี๊ยวนี้ทั้งแป้งบางและชิ้นใหญ่ บวกกับซูตานหงใส่เนื้อเข้าไปด้วย ยิ่งส่งให้มีกลิ่นหอมอย่างไม่น่าเชื่อ

หลังจากกินเกี๊ยวเสร็จ ฉีฉีก็โวยวายจะกินลูกอมรสนม จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพูดขึ้น “พรุ่งนี้จะให้ลูกกิน 1 เม็ด ตอนนี้ยังกินไม่ได้ ใกล้ถึงเวลานอนแล้ว ถ้ากินเข้าไปฟันจะผุ ลูกอยากเป็นตาแก่ที่ไม่มีฟันเหรอ?”

ฉีฉีหยุดโวยวายทันที เขาเคยเห็นคุณปู่ในหมู่บ้านบางคนฟันหลอ

“พรุ่งนี้ 2 เม็ดนะครับ!” เขาเสนอเงื่อนไขอีกครั้ง

“ได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อฉีฉีพอใจแล้วก็เลิกสร้างปัญหา และหันไปวาดรูปกับพี่ชายและพี่สาวของเขาแทน

“หลี่จื้ออยู่อย่างลำบากมากเลยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกินอิ่มแล้วจึงทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้นวมที่ภรรยาซื้อมาเพื่อผ่อนคลาย

เก้าอี้นวมชั้นดีถูกชายร่างสูงประมาณ 1.9 เมตรนอนทับ ขาของเขาทั้งยาวและใหญ่จึงเหยียดเลยออกมา

อาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเกินไป ทุกวันนี้อาหาร 3 มื้อ ภรรยาของเขาไม่เคยทำซ้ำ เลี้ยงดูให้เขาทั้งอ้วนท้วนและแข็งแรงมาก

คนสูง 1.9 เมตรอย่างเขา เมื่อวานไปชั่งน้ำหนักได้ 160 ชั่ง ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่อ้วนไม่ผอม หุ่นกำลังดี   

และเหตุผลที่เขาดูดีขนาดนี้ เพราะใครกัน ไม่ใช่ผลงานของภรรยาเขาหรอกหรือ?

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเอ่ยถาม “ภรรยา เมื่อก่อนผมดูไม่สูงขนาดนี้เลยนะ?”

ครั้งที่เขายังเป็นทหาร ส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 1.85 เมตร แต่ในช่วง 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมา เขาสูงขึ้นเกือบ 5 เชนติเมตร มันเพิ่มขึ้นจนเกือบ 1.9 เมตร!

“สูงก็ดีแล้วนี่คะ เห็นแล้ววางใจ” ซูตานหงพูดตามจริง

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ภาวนาขอให้หลี่จื้อหลุดพ้นจากเจ้ากรรมนายเวรที่เรียกว่าภรรยาคนนี้ไวๆ นะคะ สภาพผอมแห้งน่าสงสารมากเลยค่ะ ฮือ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด