ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 233 สองหนุ่มโสด

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] Chapter 233 สองหนุ่มโสด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 233 สองหนุ่มโสด

  

เมื่อจี้เจี้ยนเหวินกลับมา เขาก็ไปดูอ่างเก็บน้ำกับจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้อ่างเก็บน้ำมีสภาพอย่างไร ซึ่งพี่สามของเขาปรับปรุงมันเป็นอย่างดี 

เขื่อนกั้นน้ำนั้นแข็งแกร่งมาก ยังมีอีกหลายจุดที่ได้รับการบูรณะแล้ว จะเทียบกับเมื่อก่อนได้อย่างไร?   

“พี่สามหมดเงินไปกับการซ่อมอ่างเก็บน้ำไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ?” จี้เจี้ยนเหวินถาม   

“ใช่ หมดไปเยอะเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า   

ค่าใช้จ่ายที่คำนวณได้คือ 5,000 หยวน และยังมีรายจ่ายยิบย่อยที่คํานวณไม่ได้อีกมาก  

เวลานี้สินค้ามีราคาถูก ยิ่งเขาซื้อในจำนวนมากราคาก็ยิ่งถูกลง ไม่อย่างนั้นคงต้องหมดเงินอีกไม่น้อย 

“ปีหน้าที่นี่ยังเลี้ยงสัตว์ได้อีกเยอะนะครับ” จี้เจี้ยนเหวินกล่าวหลังจากมองดู   

“เลี้ยงแพะกับเป็ดเพิ่มอีกสักหน่อย อย่างอื่นคงไม่เลี้ยงแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดกับน้องชาย   

ถึงอย่างไรที่อ่างเก็บน้ำมีแค่ลุงสวี่กับซูอันปังดูแลอยู่ ยิ่งในตอนเย็นก็มีเพียงลุงสวี่อยู่ตามลำพังเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้สุนัขที่เขาเลี้ยงไว้โตพอแล้ว อีกทั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นยังฝึกให้พวกมันดุร้าย แม้จะตัวไม่ใหญ่เท่าต้าเฮยที่บ้าน แต่หากต้องต่อสู้กับผู้ใหญ่ย่อมสามารถเอาเปรียบได้ นับว่าทั้งสองตัวนี้มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมาก

ทว่าภายใต้สถานการณ์ปกติคงไม่มีใครกล้ามาอวดดีที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ตอนนี้ยังมีใครไม่รู้บ้างว่าที่นี่คืออาณาเขตของจี้เจี้ยนอวิ๋น?   

จี้เจี้ยนเหวินเคยเห็นสุนัข 2 ตัวนี้เช่นกัน เมื่อได้เจอกันอีกครั้งมันก็ยังแยกเขี้ยวใส่เขา แต่เป็นเพราะจี้เจี้ยนอวิ๋นยังอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกพวกมันคงกระโจนใส่อย่างแน่นอน 

“อันปัง ปีใหม่นี้นายกับลุงสวี่สลับกันเข้าเวรและหยุดงานนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดกับซูอันปัง   

“ได้ครับ” ซูอันปังตอบรับ 

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นกำชับลุงสวี่อีกครั้ง จากนั้นจึงพาจี้เจี้ยนเหวินกลับไป ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับสวี่เหอซานและซูจูเหมา  

 

เมื่อทั้งสองเห็นเจ้านายของพวกเขาก็รีบทักทายทันที  

 

“ไปช่วยกันดูหน่อยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดกับชายโสดทั้งสอง

  

“ไม่มีปัญหาครับ!”   

“เถ้าแก่วางใจเถอะ!”   

สวี่เหอซานและซูจูเหมารับปากทันที

  

จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ่นก็พาจี้เจี้ยนเหวินกลับไป  

สวี่เหอซานกับซูจูเหมาเป็นเพื่อนในวัยเด็กของซูอันปัง ชายหนุ่มจึงแนะนำพวกเขาทั้งสองคนให้มาทำงานที่นี่ จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ขอให้พวกเขาไปเรียนขับรถและสอบใบขับขี่ ทั้งคู่ก็สามารถเรียนรู้กลับมาได้สำเร็จ จากนั้นพวกเขาจึงมีหน้าที่ส่งสินค้าทุก ๆ 3 ถึง 5 วัน เพื่อให้จี้เจี้ยนเยี่ยได้มีเวลาพักผ่อน  

 

เมื่อทั้งสองไม่ต้องออกไปส่งสินค้า จี้เจี้ยนอวิ๋นจะมีงานอย่างอื่นให้ทำ  

 

พวกเขาทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะยังหนุ่มและยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลนัก ซูอันปังยังมีภรรยาและลูกสาวอยู่ที่บ้าน จึงไม่สามารถมากเฝ้ายามตอนกลางคืนได้ แม้ว่าลุงสวี่จะเฝ้าอยู่ที่นี่ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มักจะขอให้พวกเขาทั้งสองมาพักผ่อนด้วยกัน และจากไปในตอนรุ่งเช้า

ตอนนี้พวกเขาเคยชินแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้จี้เจี้ยนอวิ๋นกำชับ เมื่อมีเวลาว่างก็มักจะมากันเอง

เนื่องจากเงินเดือนที่ได้รับเพียงไม่กี่เดือน ทั้งคู่ก็เกือบจะซื้อจักรยานยี่ห้อต้าจินลู่(กวางทองใหญ่)ในราคา 150 หยวนได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการมันแล้ว จึงเก็บเงินเอาไว้   

พวกเขาเริ่มคํานวณค่าแรงตั้งแต่เดือนสิงหาคม เนื่องจากทั้งคู่เป็นน้องใหม่ ดังนั้นเงินเดือนของพวกเขาจึงอยู่ที่ 35 หยวน ซึ่งไม่มากเท่าคนอื่น ๆ เงินเดือนของเดือนนี้ยังไม่ได้จ่าย และเงิน 150 หยวนของปีที่ผ่านมาก็ยังเหลืออยู่เท่าเดิม  

 

แต่ชายโสดทั้งสองค่อนข้างประหยัด พวกเขาออกเงินกันคนละครึ่งเพื่อซื้อรถจักรยาน 1 คัน   

วิธีนี้ทำให้การเดินทางไปกลับอ่างเก็บน้ำสะดวกมากยิ่งขึ้น หากพวกเขาปั่นจักรยายก็จะใช้เวลาเดินทางเพียง 10 ถึง 20 นาที ในขณะที่การเดินเท้าต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า   

แน่นอนว่าเป็นเงินค่าจ้างที่ทั้งคู่ต่างเก็บออมไว้เอง และแบ่งส่วนเหลือให้กับครอบครัว ที่บ้านของพวกเขาจึงไม่พูดอะไร อีกทั้งงานที่พวกเขาทำก็ดีมากและมีจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนรับรองอีกด้วย! 

ดังนั้นทั้งสองครอบครัวจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องการซื้อจักรยานร่วมกัน แม้ว่าตอนนี้ชีวิตจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทว่าจักรยานก็ยังถือว่าเป็นของหายาก พวกเขาจึงสลับกันเก็บไว้ที่บ้านของสวี่เหอซานและซูจูเหมาคนละ 3 วัน   

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ เมื่อซูอันปังเห็นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “อยากเล่นไพ่กันไหม?”   

ปีนี้งานที่อ่างเก็บน้ำยังว่างอยู่มาก เพียงแค่ให้อาหารปลา จับปลา ที่เหลือก็คอยรดน้ำต้นกล้าผลไม้ที่ปลูกรอบเนินเขาของอ่างเก็บน้ำ แต่ตอนนี้อากาศหนาวแล้วจึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำพวกมัน ในฤดูใบไม้ผลิของปีหน้างานถึงจะยุ่งมาก เนื่องจากต้องเลี้ยงแพะและเป็ดอีกไม่น้อย   

แต่ตอนนี้ค่อนข้างว่าง  

 

ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะรวมตัวกันเล่นไพ่ใบเล็กหรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อความสนุกสนาน   

ลุงสวี่ยืนดูพวกเขาทั้ง 3 คน และเข้ามามีส่วนร่วมในบางครั้ง

“ตอนที่เอาของขวัญปีใหม่กลับไป ทุกคนในบ้านดีใจกันใช่ไหม?” ซูอันปังถามด้วยรอยยิ้มขณะสับไพ่   

“ก็ใช่น่ะสิ” ซูจูเหมาตอบอย่างมีความสุข “ตอนที่ฉันเอาของกลับไป ทั้งแม่และหลาน ๆ ของฉันดีใจกันใหญ่เลยล่ะ”   

“เถ้าแก่ให้ของไปไม่น้อยเลย” สวี่เหอซานเองก็พูดขึ้นมา  

 

ครอบครัวของเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน ได้ยินกันมานานแล้วว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นนายจ้างที่ไม่เคยปฏิบัติต่อคนงานอย่างเลวร้าย เรื่องนี้นับว่าเป็นความจริง บางเทศกาลก็มีของขวัญให้ และยังมีของมากมายให้นำกลับไปฉลองปีใหม่อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีหน้า ค่าจ้างของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 หยวนเหมือนกับทุกคน  

“หลังปีใหม่ก็แก่ขึ้นอีกปีแล้ว ยังไม่คิดเรื่องแต่งงานอีกเหรอ?” ซูอันปังพูดพลางแจกไพ่   

ตอนนี้หนุ่มโสดทั้งคู่มีรายได้ดีและการงานมั่นคง พวกเขาสามารถแต่งงานได้อย่างแน่นอน  

“ฉันว่าจะเก็บเงินเพิ่ม” ซูจูเหมายิ้ม เขามีความคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ทว่ายังไม่มีเงินเก็บอยู่ในมือ เนื่องจากเงินเดือนที่หามาได้ก็นำไปซื้อจักรยานกับสวี่เหอซาน และส่วนที่เหลือก็เอาให้ครอบครัว  

สวี่เหอซานก็คิดเหมือนเขา   

พวกเขาไม่ได้ให้เงินเดือนทั้งหมดแก่ครอบครัว ค่าจ้าง 30 หยวนต่อเดือน แบ่งให้ 10 หยวนก็ถือว่ามากพอแล้ว ไม่แน่ว่าต่อไปหลังจากแต่งงานพวกเขาอาจจะไม่ได้ให้เงินที่บ้านอีก เพราะเมื่อแต่งงานแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินข้าวที่บ้าน แต่สามารถหากินกันเองได้   

พ่อแม่ก็ยังทำงานได้ จึงไม่ต้องการให้พวกเขาเลี้ยงดู   

“พวกนายไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก ถ้าชอบใครก็รีบ ๆ เข้าเถอะ อย่าปล่อยให้คนอื่นมาตัดหน้าไปได้ ตอนนี้ยังมีเงินเดือนที่มั่นคงและเยอะขนาดนี้ ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของพวกนายเลยนะ” ซูอันปังพูดกับชายโสดทั้งสอง   

เมื่อเทียบกับคนอื่น สามารถพูดได้ว่าพวกเขามีความมั่นคงแล้ว  

 

แน่นอนว่าการแยกจากภรรยาในช่วงปีก่อนนั้นยากลำบากมาก ดังนั้นซูอันปังจึงหวังว่าจะสามารถพึ่งพาผลิตจากท้องทุ่งเพื่อเลี้ยงชีพได้   

แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว เนื่องจากป้าซูของเขาแนะนำงานนี้มาให้ สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาในหมู่บ้านจึงไม่เลวร้ายอีกต่อไป ภรรยาของเขามีชีวิตที่ดีและยังประหยัดอดออม หล่อนเลี้ยงไก่ไว้ที่บ้าน และคิดวางแผนจะเก็บเงินอีก 2 ถึง 3 ปี เพื่อดูว่าจะสามารถพลิกฟื้นสวนที่ทรุดโทรมของครอบครัวได้หรือไม่?

อีกอย่างบ้านที่อยู่อาศัยตอนนี้ก็ทรุดโทรมไปมากแล้ว ยามถึงฤดูหนาวเมื่อใด ลมเย็นก็สามารถพัดผ่านเข้ามาตามรอยแยกเหล่านั้นได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด