ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 268 ราคาเนื้อและญาติมิตร

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] Chapter 268 ราคาเนื้อและญาติมิตร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 268 ราคาเนื้อและญาติมิตร

เมื่อได้ยินที่พ่อของไหลตี้พูด จี้เจี้ยนอวิ๋นก็หัวเราะ “ถ้าอยากปลูกต้นไม้ให้ออกมาดี ก็ต้องหมั่นใส่ปุ๋ย ผมมีปุ๋ยมูลไก่จากฟาร์มไก่ผมอยู่เยอะเลย ไม่มีทางปลูกพืชได้ไม่ดีหรอกครับ”

พ่อของไหลตี้พยักหน้า เขารู้เรื่องฟาร์มไก่อยู่ ก่อนหน้านี้ก็เคยเลี้ยงหมูมา ซึ่งมูลสัตว์ทั้งหมดนี้คือปุ๋ยชั้นดี

“มันจะต้องเป็นเพราะปุ๋ยแน่ ๆ” พ่อของไหลตี้พูด

หลังจากนั้น พ่อของไหลตี้ก็รับผิดชอบทำงานตรงนี้ชั่วคราว ซึ่งมันเป็นงานถนัดของเขาทีเดียว ถึงแม้ว่าปกติแล้วจะไม่มีเวลาว่างสักเท่าใด แต่ก็ทำจนรู้สึกชินไปแล้ว อีกอย่างอาหารที่นี่ก็อร่อยสุด ๆ ไปเลย

ตอนที่เขายังอยู่บ้าน ในหนึ่งเดือนจะได้เห็นกับข้าวจานเนื้อเพียงไม่กี่มื้อ แต่ที่นี่กลับมีเนื้อให้กินทุกวัน ถึงไม่มีเนื้อสัตว์ก็มีปลาและไข่ ดีกว่าที่บ้านเสียอีก แถมเดือนหนึ่งได้เงิน 35 หยวน เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นค่าสินสอดลูกชายคนเดียวของบ้าน นับว่าดีขนาดไหนกันล่ะ?

ดังนั้นในแต่ละวัน เขาก็จะทำงานหากมีงานให้ทำ ไม่ทันต้องให้จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยปากด้วยซ้ำ และเขาก็ทำออกมาได้ดีด้วย

ซูอันปังมาดูเขาเป็นพิเศษ ไม่เจอหน้าพ่อตาเพียงไม่กี่วัน อีกฝ่ายก็ดูมีราศีขึ้นมาไม่น้อย แถมมีความสุขอีกด้วย

“อาหารของเถ้าแก่คงจะดีมาก ๆ แน่เลยครับ ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน พ่อของคุณดูมีราศีขึ้นมาก” ซูอันปังกลับมาบอกกับภรรยาของตน

หลี่ไหลตี้ได้ยินก็ดีใจ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นฮวงจุ้ยดี พ่อไปอยู่ที่นั่นก็ถือว่าดีสำหรับเขาแล้วค่ะ”

ซูอันปังพยักหน้า

จากนั้นหลี่ไหลตี้จึงมีท่าทางลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมา “เมื่อบ่ายนี้แม่ของคุณมาหาด้วยล่ะค่ะ”

“มาเอาเงินใช่ไหม?” ซูอันปังถามเสียงเรียบเฉย

“คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ให้ท่านเลย” หลี่ไหลตี้กล่าว

ซูอันปังพยักหน้า อุ้มลูกสาวขึ้นมากอด และเอ่ยขึ้น “เงินของพวกเราเอาไว้สร้างบ้าน และเป็นเงินสินเดิมลูกสาว ขอแค่ท่านไม่อดตายก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ”

เขายังจำได้ดีว่าตั้งแต่ที่เขายังเล็กจนกระทั่งแต่งงาน เขาไม่มีเงินติดตัวเลย ข้าวก็กินไม่อิ่ม ครั้นไปขออาหารจากแม่ตัวเอง นางก็ด่าแบบไม่มีคำไหนที่น่าฟังเลยสักนิด สุดท้ายเม็ดข้าวสักเม็ดก็ไม่ได้ให้มา

เป็นเพราะป้าห้าเห็นแล้วทนไม่ได้ เอาบะหมี่กับอาหารต่าง ๆ มาให้ แล้วป้าห้าก็ยังเป็นคนแนะนำงานให้เขาอีก ยามที่ครอบครัวลำบาก นางเป็นคนนำไข่มาให้ เมื่อตอนที่ภรรยาของเขาท้องก็เป็นพ่อตาแม่ยายที่หยิบยื่นอาหาร และยังมีป้าห้าที่เอาของมาให้อีกเป็นครั้งคราว

แต่แม่ของเขากลับกินเนื้ออย่างสุขสบาย มาตอนนี้ข้าวสารสักเม็ดเขาก็ไม่คิดอยากจะได้จากนาง

ยามเห็นลูกสาวของเขาคลอดออกมาผอมแห้งเหมือนลูกลิง เขาก็ทนดูแทบไม่ไหว แถมสภาพร่างกายของหล่อนก็ไม่ค่อยดี ไม่ใช่ว่าตอนนั้นไม่มีอะไรให้กินอย่างเต็มที่หรอกหรือ?

แต่ตอนนั้นพี่ซูตานหงเอาไก่และไข่จำนวนไม่น้อยมาให้พอดี ทำให้ภรรยาของเขาพอมีอะไรกินบ้างในขณะที่อยู่เดือน และมีน้ำนมเพียงพอเลี้ยงลูกสาวรอดมาได้

ตอนนี้ครอบครัวของเขาดีขึ้นมาก ถ้าเขาทำงานหนักก็จะได้รับเงินเดือนเช่นนี้ทุกเดือน ซึ่งทำให้เก็บเงินได้เป็นจำนวนมาก

พอตอนนี้เห็นว่าครอบครัวของเขาดีขึ้นก็เลยจะมาขอเงินอย่างนั้นเหรอ? มันจะมักง่ายเกินไปแล้ว สถานการณ์ของครอบครัวเขาดีขึ้นมากก็จริง แต่ตอนนี้ภรรยาของเขาก็ยังไม่กล้ากินเนื้ออะไรมากมาย ซื้อมาก็เพียงหนึ่งชั่งเท่านั้น แล้วยังจะให้เขาได้กินเนื้อคนเดียวในขณะที่หล่อนเองกลับไม่ยอมกิน จนในทุกครั้งเขาต้องใช้วิธียัดเนื้อใส่ปากภรรยาเพื่อให้หล่อนได้กินบ้าง

ทำไมถึงต้องประหยัดขนาดนั้น? ก็เพราะความยากจนมันน่ากลัวอย่างไรล่ะ!

ความยากจนแบบที่กินโจ๊กก็ไม่พอให้อิ่มท้องนี้ ภรรยาของเขาหวาดกลัวมันมาก ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้จะมีรายได้ที่มั่นคง และทั้งครอบครัวมีเงินมากกว่า 300 หยวนและเงินฝากเกือบ 400 หยวน หล่อนก็ไม่เต็มใจที่จะใช้มัน ประหยัดได้ก็จะประหยัด!

แต่แม่ของเขากลับมาขอเงิน นางยังไม่ได้แก่อะไรขนาดนั้น เขาไม่รู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องเลี้ยงนางเลย รอให้แก่มากกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน!

แต่หลังจากที่เกลี้ยกล่อมลูกสาวไปพักหนึ่ง ซูอันปังก็ยังมาทะเลาะกับพี่ชายของเขา ซึ่งทำให้แม่ของเขาโกรธมาก

แต่ซูอันปังก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด มันคุ้มค่าแล้วที่จะให้ครอบครัวของเขาอยู่อย่างสบาย ๆ ซักพัก

วันเวลาผ่านไปจนมาถึงฤดูใบไม้ร่วงของเดือนตุลาคม ซูตานหงก็ท้องได้ 5 เดือนแล้ว ท้องของเธอขยายโตขึ้นมาเร็วมาก

เป็นเพราะเธออยู่ดีกินดี ในวันหนึ่ง ๆ ถ้าไม่มีอะไรให้ทำ ก็ใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการกิน กินเสร็จก็พาลูกชายไปเดินรดน้ำพุวิเศษในสวน

เมื่อกินอิ่มและได้ออกกำลังกายเพียงพอ สภาพของเธอเลยดูดีเป็นพิเศษ

วันนี้ซูตานหงตั้งใจจะกินน้ำแกงซี่โครงรากบัว ซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นออกไปซื้อเนื้อตั้งแต่เช้าตรู่ ซื้อซี่โครงหมูมาสี่ชิ้น และซื้อสามชั้นมาอีกชิ้นใหญ่

“ยังดีที่เราขายเนื้อหมูออกไปได้ไวนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น

“ราคาลดลงไปขนาดไหนแล้วคะ” ซูตานหงเอ่ย

“ตอนนี้ก็ลดลงมา 1 หยวน 2 เฟินแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

“รอให้ราคามันลดลงอีก พวกเราก็ไปซื้อกลับมาทำหมูสามชั้นหมักนะคะ” ซูตานหงกล่าวเช่นนั้น

เธอวางแผนเอาไว้อย่างดีแล้ว เมื่อถึงเวลาทำหมูสามชั้นหมัก จะได้เนื้อสัมผัสที่หนานุ่มและอร่อย ถ้าทำเยอะต้องขายได้กำไรแน่นอน

จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่รู้ความคิดของภรรยาตน พอได้ยินก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดี เลยพยักหน้าตอบรับ

เวลานี้ หลายคนในหมู่บ้านเริ่มลงมือเชือดหมูแล้ว เพราะพวกเขาได้ยินสิ่งที่จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวเอาไว้ว่าราคาน่าจะลดลงในปีนี้ ดูแล้วไม่น่าจะใช้เวลานาน ขนาดตอนนี้ราคาหมูยังตกลงไปเยอะขนาดนี้ ถ้ารอหลังปีใหม่ไปราคาจะตกเยอะขนาดไหนล่ะ

ไม่เพียงแค่คนในหมู่บ้านนี้เท่านั้นที่เชือดหมู พี่ชายรองของอวิ๋นลี่ลี่ในเมืองเจียงสุ่ยก็เริ่มเชือดหมูด้วย

เพราะเขาเองก็ตื่นตระหนกเหมือนกัน

การขายหมูครั้งนี้ เขาได้แต่เงินทุนคืน แล้วได้ผลตอบแทนเพียง 10 หรือ 20 หยวน หลังจากทำงานมานานมากเขากลับได้เงินเพียง 20 หยวนนี้เท่านั้นเอง?

พี่รองอวิ๋นรู้สึกรับไม่ได้

ตอนที่พี่ใหญ่อวิ๋นฆ่าหมู ยังได้เงินคืนมา 100 หยวนเลยนะ เขากลับได้เพียงแค่เงินทุนเท่านั้น

และตอนนี้พี่ชายคนโตของเขายังหาเลี้ยงชีพได้ด้วย โดยได้ค่าจ้างเดือนละ 40 หยวน แถมในสองหรือสามเดือนนี้ เขาทำเงินได้มากมาย

กลับมาดูที่ตัวเขาสิ…

“หรือคุณลองไปถามน้องสาวคุณสักหน่อยดีไหมคะ” ภรรยาของพี่รองอวิ๋นพูดขึ้น

“ก่อนหน้านี้ผมก็ชักสีหน้าใส่ลี่ลี่ไปทั้งที่หล่อนโทรมาหาตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จะให้ไปรบกวนหล่อนเหรอ ผมไม่ทำหรอก” พี่รองอวิ๋นว่าเช่นนั้น

“พี่น้องกันแท้ ๆ จะเกรงใจอะไร อีกอย่างบ้านหลังนั้นตอนแรกก็ใช้เงินไปตั้ง 500 หยวน ไม่งั้นหล่อนกับจี้เจี้ยนเหวินจะซื้อได้ยังไงล่ะคะ” ภรรยาพี่รองอวิ๋นเอ่ย

“เรื่องเงินคุณไม่ต้องพูดถึงเลย หล่อนเอาเงินกลับมาคืนหมดแล้ว” พี่รองอวิ๋นเอ่ยอย่างโกรธเคือง

“ถ้าคุณไม่ไปพูด ฉันจะไปพูดเอง” ภรรยาของพี่รองอวิ๋นว่าเช่นนั้น

เห็นได้ชัดว่าพี่รองอวิ๋นก็รู้สึกหวั่นใจเช่นกัน เขาก้มหน้าลงและเมินหล่อน

ภรรยาของพี่รองอวิ๋นเดินทางไปหาอวิ๋นลี่ลี่ พอดีวันนี้เป็นวันเสาร์ หล่อนจึงไม่มีสอน

อันที่จริง ความประทับใจของอวิ๋นลี่ลี่ที่มีต่อพี่สะใภ้รองคนนี้แย่กว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของหล่อนเสียอีก

ครั้งก่อนที่กลับไปไม่ใช่ว่าชักสีหน้าใส่กันหรืออย่างไร? แถมยังไม่เคารพพ่อกับแม่อีกด้วย

แต่ท้ายที่สุดแล้วอวิ๋นลี่ลี่ก็ยังให้ความเกรงใจพี่สะใภ้รองของหล่อนอยู่

“นี่คือป้ารองจ้ะ” อวิ๋นลี่ลี่แนะนำให้เยียนเอ๋อร์รู้จัก

เยียนเอ๋อร์เอ่ยว่าป้ารองมาหนึ่งคำ สะใภ้รองอวิ๋นก็เอ่ยชมสองสามคำ จากนั้นเยียนเอ๋อร์ก็มองหล่อนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้มหน้าทำการบ้านต่อ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

บ้านอวิ๋นก็น่าจะดราม่าเยอะใช่ย่อย รอดูกันต่อไปค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด