ทาสรักทาสหัวใจ 8 ยอมรับซะตากรรม

Now you are reading ทาสรักทาสหัวใจ Chapter 8 ยอมรับซะตากรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ โรงพยาบาลเอกชนใจกลางเมืองมุกยืนมองน้องชายที่หลับใหลอยู่บนเตียงน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างพร้อมกับจัดแจงห่มผ้าให้ มือบางลูบศีรษะมิคไปมาเบาๆ ด้วยความสงสารจับใจ ถ้าแลกกันได้เธอขอรับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้แทน

"ทำไมคนที่ป่วยไม่เป็นพี่นะ พี่จะได้รับความเจ็บปวดของมิคเอาไว้แทน อดทนอยู่กับพี่ไปนานๆ นะ พี่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว" มุกพยายามกลั้นเสียงสะอื้นปล่อยน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย

เธอกลัวมิคจะตื่นขึ้นมาเห็นจึงพาตนเองเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูลงพร้อมกับทิ้งตัวลงกับพื้นห้องน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียใจขาดแทบขาดใจ เธอพยายามบอกตัวเองให้เข็มแข็ง แต่ความอ่อนแอในตอนนี้มันมีมากกว่าเมื่อนึกถึงวันที่น้องชายจากไปทิ้งเธอไว้เพียงลำพังตัวคนเดียวไม่เหลือใคร ถึงเวลานั้นเธอจะอยู่ได้อย่างไร

พอมุกสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ต่อสายคุยกับปรางบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและของานหญิงสาวรุ่นพี่ทำไปด้วย ซึ่งปรางก็รับเธอเข้าทำงานในผับด้วยความเต็มใจ เธอรู้ว่าตนเองจะต้องเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าที่ต้องทำงานสองที่และมีเวลาพักผ่อนน้อยลง ในเมื่อเธอหนีซะตากรรมไม่ได้ก็จะก้มหน้ายอมรับมันไป

"มุก" ปรางผลักประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวเยี่ยมพะรุงพะรัง

"พี่ปราง ทำไมมาเร็วจังคะ" มุกหันไปทางหญิงสาวรุ่นพี่

"มิคเป็นยังไงบ้าง" ปรางรีบเดินไปหยุดข้างเตียงมองมิคน้ำตาคลอเบ้า เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับทั้งสองพี่น้องแบบนี้

"ผมสบายดีครับ มิคส่งยิ้มให้ปราง"

"ครับ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวไว" ปรางยิ้มตอบมิค

"ครับ"

"มุกออกไปคุยข้างนอกกับพี่หน่อยสิ" ปรางเอ่ยขึ้น

"ค่ะ"

มุกเดินตามหลังปรางออกไปนอกห้องด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ปรางเห็นอย่างนั้นก็สวมกอดหญิงรุ่นน้องด้วยความสงสารเห็นใจ เธอรักมุกเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเธอหวังว่ามุกจะเข้มแข็งและก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้

"ขอบคุณนะคะ ที่มา" มุกเอ่ยเสียงสะอื้นสั่นเครือ

"มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ค่ะ หลังจากมิคอาการดีขึ้น มุกจะไปทำงานที่ผับนะคะ"

"จริงๆ ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน พี่จ่ายค่ารักษาให้ก่อนก็ได้"

"เงินเก็บมุกยังพอมีอยู่ค่ะ แต่ที่มุกอยากทำงานเสริมเพราะกลัวมันจะไม่พอใช้ค่ะ"

"จ้ะ จะไปทำวันไหนอย่าลืมโทรบอกพี่ล่ะ"

"ค่ะ"

"ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มุกต้องเข้มแข็งนะรู้ไหม ถ้ามิคกำลังใจดีพี่เชื่อว่าเขาจะอยู่กับมุกอีกนาน"

"ค่ะ มุกจะทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ" พูดพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง

"พี่เป็นกำลังใจให้เสมอนะ" ปรางสวมกอดมุกแล้วเดินจากไป

สองวันต่อมา

หลังจากที่มิคทำคีโมเสร็จก็ถูกพาตัวเข้ามาพักในพักฟื้นต่อ โดยมีหมอนนท์ยืนเช็คตรวจอาการดูอีกครั้ง ส่วนมุกก็ยืนมองน้องชายที่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความสงสารจับใจ

"ผมเป็นอะไรกันแน่ครับ ทำไมไม่หายสักที อยากกลับบ้านแล้ว"

"มิคยังอ่อนเพลียอยู่ อีกวันสองวันค่อยกลับกันนะ ใช่ไหมคะคุณหมอ" มุกหันไปทางหมอหนุ่ม

"ครับ ถ้าอาการดีขึ้นหมอจะให้กลับนะครับหนุ่มน้อย"

"ครับ แต่ผมทำให้พี่เสียงาน"

"มิคไม่ต้องห่วงพี่หรอก นอนพักผ่อนนะครับคนดีของพี่" มุกก้มลงหอมแก้มน้องชายเบาๆ

"คุณคงจะยังไม่ได้ทานข้าว ไปทานด้วยกันไหมครับ" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น

"ฉันยังไม่หิวค่ะ คุณไปเถอะ"

"ทานข้าวสักหน่อยเถอะนะครับ จะได้มีแรงถ้าคุณเป็นอะไรไปอีกคนผมว่าไม่ดีแน่ครับ" หมอหนุ่มสังเกตหญิงสาวมาหลายวันแล้วเห็นเธอไม่ค่อยทานอะไรก็อดที่จะเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้

"ก็ได้ค่ะ" ตัดสินใจไปตามคำชวนด้วยเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

ภายในร้านอาหารข้างโรงพยาบาลมุกนั่งทานข้าวกับหมอนนท์เจ้าของไข้น้องชายไปเงียบๆ หมอหนุ่มเห็นเธอมีสีหน้าไม่ค่อยดี นักจึงเอ่ยชวนเธอคุยขึ้น

"ทานเยอะๆ นะครับ ผมเป็นเจ้ามือเอง"

"ไม่เป็นไรค่ะ" มุกส่ายหน้า

"ผมเต็มใจครับ"

"ขอบคุณนะคะ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกันฉันเกรงใจค่ะ"

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ได้ไหมครับ" หมอนนท์ยิ้มมุมปาก

"ได้สิคะ" มุกยิ้มรับ

"ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องชายของคุณหรอกนะครับ ผมจะดูแลรักษาเขาให้ดีที่สุด"

"ฉันกลัวเสียเขาไปค่ะ ถ้าเสียเขาไปฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง ยิ่งเห็นอาการที่แย่ลงหลังจากทำคีโมฉันก็ยิ่งกลัว"

"เป็นธรรมดาครับที่จะมีผลข้างเคียง ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ ถึงวันนัดทำคีโมค่อยกลับมาหาหมออีกที"

"ค่ะ ฉันหวังว่ามิคจะดีขึ้นตามที่หมอบอก"

"ครับ"

ตกเย็นหลังเลิกงานบุษบากับทิพมาเยี่ยมเยือนมิคถึงโรงพยาบาลพร้อมกับตะกร้าผลไม้ มุกตัดสินใจโกหกทั้งสองคนออกไปว่ามิคป่วยเป็นโรคโลหิตจางเพื่อที่จะรักษาความลับต่อไปด้วยกลัวความแตกถึงหูของน้องชายของเธอ

"ขอบคุณพี่บุษกับทิพมากนะคะ ที่นึกถึงกัน"

"เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันนะ แค่นี้เล็กน้อยจ้ะ" บุษบาส่งยิ้มให้มุก

"ฉันขอให้มิคหายไวไวนะ เธอจะได้กลับไปทำงานสักที" ทิพมองหน้ามุกด้วยความเห็นใจ

"จ้ะ" มุกยิ้มรับ

"งั้นเราสองคนกลับก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาได้เลย" บุษบาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป

สามวันต่อมา

ภพนั่งหงุดหงิดอยู่ในห้องทำงานเมื่อหญิงสาวรุ่นน้องโทรมาลางานโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าบอกแค่ว่ามีธุระเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าตั้งแต่วันที่น้ำตอบตกลงคบกับเขาเป็นแฟน เขารู้สึกว่าเธอยิ่งจะห่างเหินกับเขามากขึ้นไปเรื่อยๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอกำลังทำประชดชายหนุ่มอีกคนแต่เขาก็ยังเต็มใจให้เธอเหยียบย่ำหัวใจเล่นๆ เขาพยายามที่ใกล้ชิดเธอแต่กลับถูกปฏิเสธเสมอ

"พี่หวังว่าจะไม่ได้ยินข่าวดีแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับพี่จากปากน้ำเข้าสักวันหรอกนะ เฮ้อ…" ชายหนุ่มนั่งพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจแรงๆ

หลังจากที่ภพนั่งอ่านเอกสารและโทรถามไถ่ปัญหาทางโรงงานอิเล็กทรอนิกส์และโรงงานผ้าไหมเสร็จสรรพก็พาตนเองไปยังสตูดิโอถ่ายทำโฆษณาทักทายกับซินดี้เล็กน้อย จากนั้นก็เลยไปยังห้องตัดต่อภาพ ภพแอบแปลกใจเล็กน้อยที่สี่ห้าวันมานี้เขาไม่เห็นมุกแอบมายืนมองเขาเลย

เพื่อคลายความสงสัยชายหนุ่มจึงลงไปยังแผนกบัญชีที่อยู่ชั้นสอง ทันทีที่บุษบาเห็นใบหน้าเจ้านายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็โผล่มาไม่มีปี่มีขลุ่ยก็แอบแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะเอกสารทุกอย่างเธอก็ส่งให้พิศเลขาหน้าห้องจัดการให้ชายหนุ่มเซ็นต์แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า

"คุณภพมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" บุษบาเอ่ยถามขึ้น

"เปล่า" ปฏิเสธแต่กวาดสายตามองไปทั่วทั้งแผนก

"มองหาใครเหรอคะ"

"ช่วงนี้ผมไม่เห็นมุกเลย เขาไปไหนเหรอ"

"อ่อ มุกเขาลางานไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาลค่ะพอดีว่าไม่สบาย"

"ครับ" พยักหน้ารับแล้วเดินจากไป

คล้อยหลังภพเดินออกไปบุษบากับทิพก็หันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจที่อยู่ๆ เจ้านายหนุ่มถามหามุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ณ โรงพยาบาลเอกชนมุกเดินกลับเข้าไปในห้องพักฟื้นของน้องชายด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลังจากที่เธอไปจัดการค่าใช้จ่ายตลอดห้าหกวันที่อยู่โรงพยาบาลจำนวนเงินห้าหมื่นบาทก่อนที่จะพามิคออกจากโรงพยาบาลในวันนี้เพราะอาการดีขึ้นมากแล้ว

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" มิคเอ่ยถามพี่สาวด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น

"เปล่าจ้ะ" รีบปฏิเสธทันควันถึงแม้ว่าในใจจะกังวลเรื่องเงินที่เหลือเพียงห้าหมื่นซึ่งมันไม่พอใช้อย่างแน่นอน

"งั้นเรารีบกลับกันเถอะครับ มิคคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว มิคจะได้เตรียมตัวไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้ด้วย"

"พี่ว่ามิคอย่าเพิ่งไปดีกว่า"

"ทำไมครับ "

"พี่เป็นห่วงน่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายอีก อยู่บ้านอ่านหนังสือดูทีวีไปก่อนนะ เชื่อพี่"

"แต่มิคคิดถึงเพื่อนๆ "

"พี่รู้ แต่พี่เป็นห่วง พี่ขอนะเชื่อพี่สักครั้ง" มุกลูบศีรษะมิคไปมาเบาๆ

"ก็ได้ครับ" มิคสวมกอดมุกเอาไว้แน่น

มุกพามิคไปยืนรอโบกแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกและไม่แออัดสำหรับน้องชายที่ป่วยเธอยอมเสียค่าแท็กซี่ซึ่งแพงกว่ารถเมล์ที่เคยนั่งประจำ ระหว่างที่ยืนรออยู่ๆ ก็มีรถหรูมาจอดเทียบตรงหน้าพร้อมกับบีบแตรเปิดกระจกด้านคนขับลงจนเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาสวมแว่นตาของหอมนนท์

"ให้ผมไปส่งที่บ้านนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

"เอ่อ….จะดีเหรอคะ" มุกหันไปมองมิค

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจมาเถอะนะครับ"

"แต่ว่าหมอไม่เข้าเวรเหรอคะ"

"ผมออกเวรแล้ว คุณไม่ต้องห่วง" หมอนนท์ยิ้มมุมปาก

"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"

หลังจากที่มุกกับมิคพากันขึ้นมานั่งบนรถแล้ว หมอหนุ่มก็ค่อยๆ แล่นรถออกไปตามทางที่หญิงสาวข้างๆ เอ่ยบอกเป็นระยะไม่นานรถก็แล่นไปจอดตรงรั้วหน้าบ้านเช่าหลังเล็ก และเพื่อขอบคุณน้ำใจหมอหนุ่มมุกก็ไม่ลืมชวนหมอหนุ่มเข้าไปในบ้าน

"บ้านแคบไปหน่อยนะคะ" มุกพูดพลางวางแก้วน้ำดื่มลงตรงหน้าชายหนุ่ม

"ไม่เป็นไรครับ คุณอยู่ได้ผมก็อยู่ได้"

"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่มาส่ง" มุกส่งยิ้มให้หมอหนุ่ม

"อย่างที่บอกครับว่าผมเต็มใจมาก" มองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตาเพื่อสื่อความในใจ

"ค่ะ" มุกรีบก้มหน้าลงหลบสายตาคมกริบนั้น

"มีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้เสมอนะครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม นี่นามบัตรของผม หวังว่าคุณจะโทรมาบ้างนะครับ" มือหนายื่นนามบัตรตนเองไปตรงหน้าเธอ

"ขอบคุณค่ะ" มือบางยื่นไปรับมาถือเอามาไว้ในมือ

ทั้งสองคนคุยกันเรื่องอาการป่วยของมิคสักพักหมอนนท์ก็ขอตัวกลับ ก่อนที่จะกลับชายหนุ่มก็ไม่ลืมให้กำลังใจหญิงสาวอีกครั้ง มุกยืนมองรถหรูแล่นออกไปจนลับสายตาแต่อยู่ๆ เธอก็นึกถึงภพเจ้านายหนุ่มทับซ้อนหมอนนท์ขึ้นมาในหัว ในเวลานี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจเรื่องอะไรอีกแล้วนอกจากน้องชายที่กำลังป่วยของเธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ทาสรักทาสหัวใจ 8 ยอมรับซะตากรรม

Now you are reading ทาสรักทาสหัวใจ Chapter 8 ยอมรับซะตากรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ โรงพยาบาลเอกชนใจกลางเมืองมุกยืนมองน้องชายที่หลับใหลอยู่บนเตียงน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างพร้อมกับจัดแจงห่มผ้าให้ มือบางลูบศีรษะมิคไปมาเบาๆ ด้วยความสงสารจับใจ ถ้าแลกกันได้เธอขอรับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้แทน

"ทำไมคนที่ป่วยไม่เป็นพี่นะ พี่จะได้รับความเจ็บปวดของมิคเอาไว้แทน อดทนอยู่กับพี่ไปนานๆ นะ พี่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว" มุกพยายามกลั้นเสียงสะอื้นปล่อยน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย

เธอกลัวมิคจะตื่นขึ้นมาเห็นจึงพาตนเองเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูลงพร้อมกับทิ้งตัวลงกับพื้นห้องน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียใจขาดแทบขาดใจ เธอพยายามบอกตัวเองให้เข็มแข็ง แต่ความอ่อนแอในตอนนี้มันมีมากกว่าเมื่อนึกถึงวันที่น้องชายจากไปทิ้งเธอไว้เพียงลำพังตัวคนเดียวไม่เหลือใคร ถึงเวลานั้นเธอจะอยู่ได้อย่างไร

พอมุกสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ต่อสายคุยกับปรางบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและของานหญิงสาวรุ่นพี่ทำไปด้วย ซึ่งปรางก็รับเธอเข้าทำงานในผับด้วยความเต็มใจ เธอรู้ว่าตนเองจะต้องเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าที่ต้องทำงานสองที่และมีเวลาพักผ่อนน้อยลง ในเมื่อเธอหนีซะตากรรมไม่ได้ก็จะก้มหน้ายอมรับมันไป

"มุก" ปรางผลักประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวเยี่ยมพะรุงพะรัง

"พี่ปราง ทำไมมาเร็วจังคะ" มุกหันไปทางหญิงสาวรุ่นพี่

"มิคเป็นยังไงบ้าง" ปรางรีบเดินไปหยุดข้างเตียงมองมิคน้ำตาคลอเบ้า เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับทั้งสองพี่น้องแบบนี้

"ผมสบายดีครับ มิคส่งยิ้มให้ปราง"

"ครับ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวไว" ปรางยิ้มตอบมิค

"ครับ"

"มุกออกไปคุยข้างนอกกับพี่หน่อยสิ" ปรางเอ่ยขึ้น

"ค่ะ"

มุกเดินตามหลังปรางออกไปนอกห้องด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ปรางเห็นอย่างนั้นก็สวมกอดหญิงรุ่นน้องด้วยความสงสารเห็นใจ เธอรักมุกเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเธอหวังว่ามุกจะเข้มแข็งและก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้

"ขอบคุณนะคะ ที่มา" มุกเอ่ยเสียงสะอื้นสั่นเครือ

"มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ค่ะ หลังจากมิคอาการดีขึ้น มุกจะไปทำงานที่ผับนะคะ"

"จริงๆ ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน พี่จ่ายค่ารักษาให้ก่อนก็ได้"

"เงินเก็บมุกยังพอมีอยู่ค่ะ แต่ที่มุกอยากทำงานเสริมเพราะกลัวมันจะไม่พอใช้ค่ะ"

"จ้ะ จะไปทำวันไหนอย่าลืมโทรบอกพี่ล่ะ"

"ค่ะ"

"ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มุกต้องเข้มแข็งนะรู้ไหม ถ้ามิคกำลังใจดีพี่เชื่อว่าเขาจะอยู่กับมุกอีกนาน"

"ค่ะ มุกจะทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ" พูดพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง

"พี่เป็นกำลังใจให้เสมอนะ" ปรางสวมกอดมุกแล้วเดินจากไป

สองวันต่อมา

หลังจากที่มิคทำคีโมเสร็จก็ถูกพาตัวเข้ามาพักในพักฟื้นต่อ โดยมีหมอนนท์ยืนเช็คตรวจอาการดูอีกครั้ง ส่วนมุกก็ยืนมองน้องชายที่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความสงสารจับใจ

"ผมเป็นอะไรกันแน่ครับ ทำไมไม่หายสักที อยากกลับบ้านแล้ว"

"มิคยังอ่อนเพลียอยู่ อีกวันสองวันค่อยกลับกันนะ ใช่ไหมคะคุณหมอ" มุกหันไปทางหมอหนุ่ม

"ครับ ถ้าอาการดีขึ้นหมอจะให้กลับนะครับหนุ่มน้อย"

"ครับ แต่ผมทำให้พี่เสียงาน"

"มิคไม่ต้องห่วงพี่หรอก นอนพักผ่อนนะครับคนดีของพี่" มุกก้มลงหอมแก้มน้องชายเบาๆ

"คุณคงจะยังไม่ได้ทานข้าว ไปทานด้วยกันไหมครับ" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น

"ฉันยังไม่หิวค่ะ คุณไปเถอะ"

"ทานข้าวสักหน่อยเถอะนะครับ จะได้มีแรงถ้าคุณเป็นอะไรไปอีกคนผมว่าไม่ดีแน่ครับ" หมอหนุ่มสังเกตหญิงสาวมาหลายวันแล้วเห็นเธอไม่ค่อยทานอะไรก็อดที่จะเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้

"ก็ได้ค่ะ" ตัดสินใจไปตามคำชวนด้วยเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

ภายในร้านอาหารข้างโรงพยาบาลมุกนั่งทานข้าวกับหมอนนท์เจ้าของไข้น้องชายไปเงียบๆ หมอหนุ่มเห็นเธอมีสีหน้าไม่ค่อยดี นักจึงเอ่ยชวนเธอคุยขึ้น

"ทานเยอะๆ นะครับ ผมเป็นเจ้ามือเอง"

"ไม่เป็นไรค่ะ" มุกส่ายหน้า

"ผมเต็มใจครับ"

"ขอบคุณนะคะ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกันฉันเกรงใจค่ะ"

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ได้ไหมครับ" หมอนนท์ยิ้มมุมปาก

"ได้สิคะ" มุกยิ้มรับ

"ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องชายของคุณหรอกนะครับ ผมจะดูแลรักษาเขาให้ดีที่สุด"

"ฉันกลัวเสียเขาไปค่ะ ถ้าเสียเขาไปฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง ยิ่งเห็นอาการที่แย่ลงหลังจากทำคีโมฉันก็ยิ่งกลัว"

"เป็นธรรมดาครับที่จะมีผลข้างเคียง ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ ถึงวันนัดทำคีโมค่อยกลับมาหาหมออีกที"

"ค่ะ ฉันหวังว่ามิคจะดีขึ้นตามที่หมอบอก"

"ครับ"

ตกเย็นหลังเลิกงานบุษบากับทิพมาเยี่ยมเยือนมิคถึงโรงพยาบาลพร้อมกับตะกร้าผลไม้ มุกตัดสินใจโกหกทั้งสองคนออกไปว่ามิคป่วยเป็นโรคโลหิตจางเพื่อที่จะรักษาความลับต่อไปด้วยกลัวความแตกถึงหูของน้องชายของเธอ

"ขอบคุณพี่บุษกับทิพมากนะคะ ที่นึกถึงกัน"

"เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันนะ แค่นี้เล็กน้อยจ้ะ" บุษบาส่งยิ้มให้มุก

"ฉันขอให้มิคหายไวไวนะ เธอจะได้กลับไปทำงานสักที" ทิพมองหน้ามุกด้วยความเห็นใจ

"จ้ะ" มุกยิ้มรับ

"งั้นเราสองคนกลับก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาได้เลย" บุษบาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป

สามวันต่อมา

ภพนั่งหงุดหงิดอยู่ในห้องทำงานเมื่อหญิงสาวรุ่นน้องโทรมาลางานโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าบอกแค่ว่ามีธุระเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าตั้งแต่วันที่น้ำตอบตกลงคบกับเขาเป็นแฟน เขารู้สึกว่าเธอยิ่งจะห่างเหินกับเขามากขึ้นไปเรื่อยๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอกำลังทำประชดชายหนุ่มอีกคนแต่เขาก็ยังเต็มใจให้เธอเหยียบย่ำหัวใจเล่นๆ เขาพยายามที่ใกล้ชิดเธอแต่กลับถูกปฏิเสธเสมอ

"พี่หวังว่าจะไม่ได้ยินข่าวดีแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับพี่จากปากน้ำเข้าสักวันหรอกนะ เฮ้อ…" ชายหนุ่มนั่งพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจแรงๆ

หลังจากที่ภพนั่งอ่านเอกสารและโทรถามไถ่ปัญหาทางโรงงานอิเล็กทรอนิกส์และโรงงานผ้าไหมเสร็จสรรพก็พาตนเองไปยังสตูดิโอถ่ายทำโฆษณาทักทายกับซินดี้เล็กน้อย จากนั้นก็เลยไปยังห้องตัดต่อภาพ ภพแอบแปลกใจเล็กน้อยที่สี่ห้าวันมานี้เขาไม่เห็นมุกแอบมายืนมองเขาเลย

เพื่อคลายความสงสัยชายหนุ่มจึงลงไปยังแผนกบัญชีที่อยู่ชั้นสอง ทันทีที่บุษบาเห็นใบหน้าเจ้านายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็โผล่มาไม่มีปี่มีขลุ่ยก็แอบแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะเอกสารทุกอย่างเธอก็ส่งให้พิศเลขาหน้าห้องจัดการให้ชายหนุ่มเซ็นต์แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า

"คุณภพมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" บุษบาเอ่ยถามขึ้น

"เปล่า" ปฏิเสธแต่กวาดสายตามองไปทั่วทั้งแผนก

"มองหาใครเหรอคะ"

"ช่วงนี้ผมไม่เห็นมุกเลย เขาไปไหนเหรอ"

"อ่อ มุกเขาลางานไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาลค่ะพอดีว่าไม่สบาย"

"ครับ" พยักหน้ารับแล้วเดินจากไป

คล้อยหลังภพเดินออกไปบุษบากับทิพก็หันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจที่อยู่ๆ เจ้านายหนุ่มถามหามุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ณ โรงพยาบาลเอกชนมุกเดินกลับเข้าไปในห้องพักฟื้นของน้องชายด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลังจากที่เธอไปจัดการค่าใช้จ่ายตลอดห้าหกวันที่อยู่โรงพยาบาลจำนวนเงินห้าหมื่นบาทก่อนที่จะพามิคออกจากโรงพยาบาลในวันนี้เพราะอาการดีขึ้นมากแล้ว

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" มิคเอ่ยถามพี่สาวด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น

"เปล่าจ้ะ" รีบปฏิเสธทันควันถึงแม้ว่าในใจจะกังวลเรื่องเงินที่เหลือเพียงห้าหมื่นซึ่งมันไม่พอใช้อย่างแน่นอน

"งั้นเรารีบกลับกันเถอะครับ มิคคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว มิคจะได้เตรียมตัวไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้ด้วย"

"พี่ว่ามิคอย่าเพิ่งไปดีกว่า"

"ทำไมครับ "

"พี่เป็นห่วงน่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายอีก อยู่บ้านอ่านหนังสือดูทีวีไปก่อนนะ เชื่อพี่"

"แต่มิคคิดถึงเพื่อนๆ "

"พี่รู้ แต่พี่เป็นห่วง พี่ขอนะเชื่อพี่สักครั้ง" มุกลูบศีรษะมิคไปมาเบาๆ

"ก็ได้ครับ" มิคสวมกอดมุกเอาไว้แน่น

มุกพามิคไปยืนรอโบกแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกและไม่แออัดสำหรับน้องชายที่ป่วยเธอยอมเสียค่าแท็กซี่ซึ่งแพงกว่ารถเมล์ที่เคยนั่งประจำ ระหว่างที่ยืนรออยู่ๆ ก็มีรถหรูมาจอดเทียบตรงหน้าพร้อมกับบีบแตรเปิดกระจกด้านคนขับลงจนเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาสวมแว่นตาของหอมนนท์

"ให้ผมไปส่งที่บ้านนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

"เอ่อ….จะดีเหรอคะ" มุกหันไปมองมิค

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจมาเถอะนะครับ"

"แต่ว่าหมอไม่เข้าเวรเหรอคะ"

"ผมออกเวรแล้ว คุณไม่ต้องห่วง" หมอนนท์ยิ้มมุมปาก

"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"

หลังจากที่มุกกับมิคพากันขึ้นมานั่งบนรถแล้ว หมอหนุ่มก็ค่อยๆ แล่นรถออกไปตามทางที่หญิงสาวข้างๆ เอ่ยบอกเป็นระยะไม่นานรถก็แล่นไปจอดตรงรั้วหน้าบ้านเช่าหลังเล็ก และเพื่อขอบคุณน้ำใจหมอหนุ่มมุกก็ไม่ลืมชวนหมอหนุ่มเข้าไปในบ้าน

"บ้านแคบไปหน่อยนะคะ" มุกพูดพลางวางแก้วน้ำดื่มลงตรงหน้าชายหนุ่ม

"ไม่เป็นไรครับ คุณอยู่ได้ผมก็อยู่ได้"

"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่มาส่ง" มุกส่งยิ้มให้หมอหนุ่ม

"อย่างที่บอกครับว่าผมเต็มใจมาก" มองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตาเพื่อสื่อความในใจ

"ค่ะ" มุกรีบก้มหน้าลงหลบสายตาคมกริบนั้น

"มีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้เสมอนะครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม นี่นามบัตรของผม หวังว่าคุณจะโทรมาบ้างนะครับ" มือหนายื่นนามบัตรตนเองไปตรงหน้าเธอ

"ขอบคุณค่ะ" มือบางยื่นไปรับมาถือเอามาไว้ในมือ

ทั้งสองคนคุยกันเรื่องอาการป่วยของมิคสักพักหมอนนท์ก็ขอตัวกลับ ก่อนที่จะกลับชายหนุ่มก็ไม่ลืมให้กำลังใจหญิงสาวอีกครั้ง มุกยืนมองรถหรูแล่นออกไปจนลับสายตาแต่อยู่ๆ เธอก็นึกถึงภพเจ้านายหนุ่มทับซ้อนหมอนนท์ขึ้นมาในหัว ในเวลานี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจเรื่องอะไรอีกแล้วนอกจากน้องชายที่กำลังป่วยของเธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+