มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่งบทที่ 100 การยอมรับ

Now you are reading มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 100 การยอมรับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 100 การยอมรับ

มาถึงชั้นบนสุดของตึกแล้ว

โถงประชุมได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ที่แต่เติมได้จัดแจงเอาไว้ ตอนนี้ล้วนถูกเก็บกลับไปทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นโต๊ะราบขนาดมหึมาตัวยาวตัวหนึ่ง และบนโต๊ะนั้นก็ล้วนวางหินหยาบน้อยใหญ่จำนวนมากเต็มไปหมด

หนึ่งในนั้นที่อยู่บนโต๊ะ มีก้อนขนาดใหญ่มากอยู่เต็มไปหมด หินหยาบที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับสูงที่สุดล้วนวางอยู่ทางด้านบน และโดยรอบหินหยาบนั้น ก็มีกลุ่มคนรุมล้อมเป็นกลุ่มใหญ่เอาไว้หนึ่งชั้นเช่นเดียวกัน

เห็นเพียงแค่ขนาดใหญ่มหึมาของหินชนิดนี้แล้ว ขนาดประมาณครึ่งเมตร วัสดุด้านนอกมืดดำ ถือเป็นวัสดุที่ประณีตวิจิตร และบวกเข้ากับรูปลักษณ์ของหินเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งก็ไม่มีรอยแตกแยกมากเกินไปเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่รอยเล็ก ๆ รอยหนึ่งทางด้านนอกเท่านั้น ที่เผยหินหยกสีมรกตออกมาให้เห็น เป็นมรกตสุกสกาวราวกับสายน้ำที่ไหลริน

แค่มองก็ทราบแล้วว่าเป็นวัสดุมรกตที่คุณภาพสูง

หินหยาบชิ้นนี้ที่วางอยู่ตรงกลาง ผู้คนที่รุมล้อมเองก็เป็นมากเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน รูปลักษณ์โดดเด่นเป็นพิเศษ ราคาย่อมไม่ต่ำอย่างแน่นอนอยู่แล้วเฉกเช่นเดียวกัน ราคาเริ่มต้นประมูลอยู่ที่สิบล้าน

หินหยาบก้อนนี้ที่กำลังถูกผู้คนรุมล้อมอยู่ อดไม่ได้ที่จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อย ๆ ดังขึ้นมา

“รูปลักษณ์ของหินหยาบก้อนนี้ดูดีจริง ๆ เลยนะ แถมผิวเนื้อยังมันวาวพอดีอีกด้วย มองแค่ครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูง แถมยังก้อนใหญ่ขนาดนี้อีก หากเปิดตรงกลางออกมา เช่นนั้นจะไม่ต้องร่ำรวยกันเลยหรือ?”

“ใช่สิ วัสดุคุณภาพสูงแบบนี้ ฉันไม่ได้เห็นมานานมากแล้วเหมือนกัน ไม่เสียแรงที่ตระเตรียมงานประมูลและประเมินของล้ำค่ากันมาเป็นปี สิ่งของทุกอย่างในที่นี้ล้วนหาพบได้ยากกันทั้งนั้น”

“ไม่ต้องพูดแล้ว หินหยาบก้อนนี้ฉันจะประมูลเอาแน่ อีกประเดี๋ยวจะกลับไปจะเปิดมรกตออก กะจะมอบเป็นของขวัญให้กับคุณปู่ของฉันน่ะ” มีคนกำลังตบทรวงอกไปมา ท่าทีเชื่อมั่นเป็นประดา

“เช่นนั้นคุณนำเงินมาพอแล้วหรือเปล่า? มรกตก้อนนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่สิบล้าน แต่ผมดู ๆ แล้วนะ อย่างน้อย ๆ ที่จะสามารถประมูลสำเร็จกันได้ก็ต้องสามสี่สิบล้านขึ้นไป คุณนำเงินมาไม่พอก็อย่าได้หวังเลยครับ”

ผู้รุมล้อมต่างก็พากันสนทนาวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด

“หินก้อนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ นะครับ”

ซูเคอเองก็สนใจหินหยาบก้อนนี้เช่นเดียวกัน อดไม่ได้ที่จะกล่าววิจารณ์ออกไปเล็กน้อย หินหยาบก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเช่นนี้ อีกทั้งรูปลักษณ์ยังเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย ความน่าจะเป็นไปได้มาก ๆ หนึ่งในนั้น ก็คือเป็นวัสดุหยกมรกตที่มีคุณภาพดีที่สุดนั่นเอง

“หินหยาบก้อนนี้ราคาเริ่มประมูลสิบล้าน ผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดเท่านั้นถึงจะได้ไปครอบครองค่ะ!”

ไม่นานนัก การประมูลก็เริ่มต้อนขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมให้สิบเอ็ดล้าน!”

“สิบสามล้าน!”

“สิบห้าล้าน!”

เดิมทีหินหยาบก่อนนี้ก็เป็นจุดสนใจของทั่วทั้งงานอยู่แล้ว หลังจากผู้ทำการประมูลเปิดปากขึ้นมา ราคาก็ยิ่งพุ่งเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับหินหยาบก้อนนี้นั้น ซูเคอเองก็รู้สึกว่าจำเป็นที่จำต้องได้มาครอบครองเช่นเดียวกัน ทว่าเขาไม่ได้ร้อนรนเปิดปาก รอหลังจากราคาพุ่งสูงถึงยี่สิบล้านแล้ว จู่ ๆ ก็ยกมือขึ้นกล่าวว่า “สามสิบล้านครับ!”

กระทั่งราคาเพิ่มขึ้นอีกสิบล้านแล้ว ราคาที่เกินไปเช่นนี้ทำให้ทุกคนอดที่จะตกตะลึงไปไม่ได้ ตระกูลซูนี่อวดรวยจริง ๆ สามสิบล้านก็สามารถทิ้งไปได้อย่างไม่กะพริบตา

“สามสิบล้านครั้งที่หนึ่งค่ะ!”

หลังซูเคอเปิดปากกล่าว จู่ ๆ ในกลุ่มคนก็เงียบสงบลงขึ้นมาทันที ท่าทีของซูเคอแทบจะมีท่าทางของความอยากจะครอบครองหินหยาบให้จงได้ก็ไม่ปาน หนึ่งในพวกเขาถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลชั้นหนึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยก็ตาม ทว่าหากถกกันเรื่องกำลังทรัพย์แล้วละก็ เกรงว่าไม่อาจเทียบกับตระกูลซูได้เลยจริง ๆ

“สี่สิบล้านครับ!”

เป็นในตอนนั้นเอง ที่จู่ ๆ ในกลุ่มคนก็มีเสียงดังขึ้นมาหนึ่งเสียง

สีหน้าของซูเคอพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อหันกลับไปมองกลับเป็นเสิ่นต้วนยู่ที่กำลังยืนอยู่ทางด้านหลังเสียอย่างนั้น!

“บ้าเอ๊ย มึงจะเอากับกูใช่ไหม?” ดวงตาทั้งสองข้างของซูเคอแดงระเรื่อ ก่อนจะชี้ไปยังเสิ่นต้วนยู่พลางก่นด่า

“การประมูลหินหยาบ เดิมทีก็เป็นผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองไป คุณไม่มีเงินจะมาโหวกเหวกโวยวายทำไมครับ?” เสิ่นต้วนยู่ยกยิ้มเย็นชาหนึ่งสาย ทว่าความหมายในคำพูดกลับมีความปรปักษ์พุ่งเป้าแอบแฝง ไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าคุณซื้อไม่ไหวก็ให้พี่ใหญ่ของคุณซื้อสิครับ”

เพื่อนข้างกายเขาเยาะเย้ยขึ้นมาหนึ่งเสียง ทั้งก็กล่าวขึ้นตามกันมาเช่นเดียวกัน

ซูเคอกัดฟันแน่น ก่อนจะรีบยกมือขึ้นอีกครั้งพลางกล่าวว่า “สี่สิบห้าล้านครับ!”

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำราวกับโลหิต เสิ่นต้วนยู่เป็นเช่นนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากำลังทำให้เขาบันดาลโทสะแล้ว

“ห้าสิบล้าน!”

เสิ่นต้วนยู่ยกยิ้มราบเรียบหนึ่งสาย ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

เดิมทีเขาก็มาจากตระกูลหินหยกอยู่แล้ว แค่มองก็ดูออกแล้วว่าหินหยาบก้อนนี้จะสามารถแยกวัสดุหยกที่มีคุณภาพสูงออกมาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทั้งยังสามารถซื้อวัสดุหยกมาได้ แถมยังสามารถขัดขาซูเคอกับมู่เซิ่งได้อีกด้วย แล้วเขาจะไม่ยินดีได้อย่างไรกัน?

“แม่ง ห้าสิบห้าล้านครับ…”

เป็นในตอนที่ดวงตาของซูเคอกำลังแดงก่ำแล้วกำลังจะเพิ่มราคาต่อนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งมากดบนไหล่ของเขาเอาไว้ ซูเคอหันศีรษะกลับไปมองก็พบว่าเป็นมู่เซิ่ง ดังนั้นจึงอดที่จะชะงักนิ่งไปไม่ได้ “พี่มู่ครับ”

“ไม่ต้องเพิ่มราคาแล้ว”

มู่เซิ่งส่ายศีรษะไปมาพลางกล่าว

หินหยาบก้อนนี้ในสายตาของเขานั้น ก็เป็นเพียงแค่เห็นผุพังก้อนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งวัสดุดี ๆ ก็ล้วนเทียบไม่ได้ ตำแหน่งที่เปิดปากหินก้อนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจนมากนัก ทว่าก็มีร่องรอยที่แปะแนบติดเข้าไปอย่างเนียน ๆ มองครู่เดียวก็ทราบแล้วว่าเคยผ่านการตัดจนแตกมาก่อน หลังจากนั้นก็นำแผ่นมรกตบางเบาคุณภาพสูงแผ่นหนึ่งมาแปะเอาไว้ที่รูปลักษณ์ทางด้านบน

ทว่าฝีมือพรรค์นี้มีระดับสูงเป็นอย่างมาก เดิมทีคนธรรมดาสามัญก็ไม่อาจมองออกได้เลย ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้เองก็มีเพียงแค่มู่เซิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองออก

“พี่มู่ครับ แต่หินหยาบก้อนนี้มัน” สีหน้าของซูเคอเผยความไม่เข้าใจออกมา ในสายตาของเขา หินหยาบก้อนนี้อย่างน้อยก็มีค่าหลายสิบล้าน เขาจึงไม่อาจยอมถอยได้

“เชื่อฉัน ให้เขาไปเถอะ” มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ

ตอนนี้มีสายตาของผู้คนมากมาย เขาจึงไม่มีโอกาสที่จะอธิบาย

“ฮ่า ๆ ซูเคอ คุณเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซูที่ทรงอำนาจคนหนึ่ง แต่กลับยอมรับไอ้ขยะคนหนึ่งเป็นพี่ใหญ่หรือ? ตอนนี้พี่ใหญ่ของคุณก็ล้วนปอดแหกแล้ว คุณเองก็ไม่ลองปอกแหกดูบ้างเหมือนกันหรือ?” เสิ่นต้วนยู่กำลังมองดูฉากทั้งหมด ก่อนจะระเบิดหัวร่อออกมาเป็นการใหญ่

“มีคนคิดอยากที่จะเอาหลายสิบล้านไปซื้อขยะชิ้นหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาไปเถอะ” มู่เซิ่งกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย

ได้ยินเขากล่าวมาเช่นนี้แล้ว จู่ ๆ หัวใจที่กำลังตื่นเต้นของซูเคอพลันสงบตัวลงทันที เขานึกถึงฉากไม้กฤษณาในตอนประมูลวัตถุโบราณก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นจึงหันไปพยักหน้าแล้วกล่าวกับมู่เซิ่งว่า “พี่ใหญ่ครับ ผมเชื่อพี่ครับ”

“ฮ่า ๆ นายเชื่อคำพูดของไอ้ขยะคนหนึ่งจริง ๆ หรือเนี่ย?” เสิ่นต้วนยู่เย้ยหยันไม่หยุดพัก

ส่วนคำที่มู่เซิ่งกล่าวว่าขยะนั้น เดิมทีเขาก็ไม่ได้นำมาฟังเอาไว้ในหูเลย ไอ้ขยะพรรค์นี้มันจะไปรู้เรื่องหินหยาบอะไร? ย่อมซื้อไม่ไหวอย่างแน่นอน ดังนั้นในปากก็เลยไม่ยอมรับไปก็เท่านั้น

ในกลุ่มคนที่รุมล้อมเองก็ระเบิดหัวเราะขึ้นมากันยกใหญ่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามส่วนที่หินหยาบนี้เผยรูปลักษณ์ออกมาให้ได้เห็นนั้น ล้วนมีคุณภาพสูงทั้งสิ้น คนผู้นี้กลับกล่าวว่าเป็นขยะอย่างนั้นหรือ? มองครู่เดียวก็ทราบแล้วว่าไม่รู้ความ

หลังซูเคอหยุดมือลง สุดท้ายหินหยาบก้อนนี้ก็ถูกเสิ่นต้วนยู่ประมูลมาได้ในราคาห้าสิบล้าน เสิ่นต้วนยู่หินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มมู่เซิ่ง ท่าทีหยิ่งผยองพองขน ทำให้กู่ชิงเสวียนรู้สึกบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก

แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนแกะหิน

เป็นเพราะในลำดับต่อมานั้น หินหยาบก้อนมหึมาก้อนหนึ่งได้ปรากฏตัวอีกครั้ง หินหยาบก้อนนี้เป็นหินหยาบก้อนสุดท้ายของงานประมูลหินหยาบทั้งหมด รูปลักษณ์คล้ายคลึงกับก้อนในตอนก่อนหน้านี้ เมื่อถูกนำออกมาแล้วนั้น บรรยากาศทั่วทั้งงานพลันเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นมาในทันที

“ไม่เสียแรงที่เป็นการประมูลหินหยาบคุณภาพระดับสูง จากที่ผมดู ๆ แล้วนะ รูปลักษณ์ของหินหยาบก้อนนี้ เทียบกับก้อนก่อนหน้านี้แล้วยังดีกว่าเสียอีกนะ ผิวเนื้อราวกับเม็ดทราย มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าอาจแกะออกมาจากน้ำแข็งชนิดหนึ่ง กระทั่งเป็นกระจกชนิดหนึ่งก็อาจมีความเป็นไปได้เหมือนกันด้วย!”

“ใช่สิ วัสดุดีมากเกินไปแล้ว ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันจะต่อสายโทรศัพท์หาท่านประมุขว่าสามารถเพิ่มเงินได้ไหม หินหยาบก้อนนี้ฉันจะประมูลมาให้ได้แน่”

“ได้ยินว่าหินหยาบก้อนนี้มาจากเมียนมาร์เลยเชียวนะ ในระหว่างการเดินทางก็เกือบถูกแย่งไปแล้ว ทำร้ายคนไปไม่น้อยด้วย ราคาต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน”

ได้ยินคำเช่นนี้แล้ว ทันใดนั้นสายตาของทุก ๆ ก็ล้วนมองไปกันอย่างละเอียดลออทันที ฝั่งด้านล่างข้าง ๆ หินหยาบมีรอยโลหิตสีแดงกลุ่มหนึ่งซ่อนเอาไว้อยู่ ดูท่าแล้วข่าวลือในตอนก่อนหน้าน้าล้วนเป็นความจริงเสียแล้ว

หินหยกของเมียนมาร์นั้นมีเยอะเป็นอย่างมาก เทียบกับตลาดในประเทศแล้วยังล้ำค่ามากกว่าอีก กระทั่งยังเคยมีคนแกะเปิดส่วนในของหินหยกเมียนมาร์ออกมาแล้วพบหินหยาบตี้หวังลู่ มาก่อนด้วย

“หินก้อนนี้เป็นของผมแล้ว พวกคุณไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดมาแย่งกับผมเหมือนกันนะ!”

มองเห็นหินหยาบก้อนนี้แล้ว เสิ่นต้วนยู่พลัน “ลอย” ลุกขึ้นมาจากที่นั่งโดยตรงทันที ก่อนจะตบโต๊ะพลางคำราม

“เจ็ดสิบล้าน ผมให้เจ็ดสิบล้านเพื่อซื้อหินหยาบก้อนนี้ครับ?”

ทุกคนในนั้นล้วนส่งเสียงเซ็งแซ่กันขึ้นมาทันที

ทายาทเศรษฐีที่แต่เดิมคิดอยากสู้ราคา ทุกคนล้วนอ้าปากค้างกันทั้งสิ้น ยืนจังงังอยู่ตรงที่เดิมกันทั้งหมด

ไม่เสียแรงที่ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลหินหยก ไม่เพียงแค่มีวัสดุหยกมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น แต่กลับมีกำลังทรัพย์มากกว่าไปอีก พอได้ออกโรงก็ให้เจ็ดสิบล้านทันที เทียบกับราคาเริ่มประมูลยี่สิบล้านแล้วยังสูงถึงห้าสิบล้านเลยเชียวหรือ!

และดูท่าทีที่แทบจะสามารถเพิ่งราคาต่อได้เรื่อย ๆ นี่สิ นี่น่ะ ใครจะกล้าแย่งชิงกัน?

“ซูเคอ นายคงจะไม่กล้าเพิ่มราคาเหมือนกันกระมัง?”

คำจบลง เสิ่นต้วนยู่หันไปมองซูเคอ ในกายตามีความเย้ยหยันเต็มเปี่ยมอย่างรุนแรงแฝงอยู่

“ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันให้…”

ซูเคอเองก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นเดียวกัน ในตอนที่พึ่งคิดอยากจะยกมือแล้วร้องตะโกนนั้น ผลสุดท้ายกลับถูกมู่เซิ่งกดเอาไว้อีกครั้งเสียแล้ว

“ให้เขาไป” มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ

เมื่อเขากล่าวคำออกไปแล้ว เสิ่นต้วนยู่พลันระเบิดหัวเราะร่าออกมาทันที ทั่วทั้งสถานที่จัดงานต่างก็พรั่งพรูไปด้วยความปลื้มปีติยินดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่งบทที่ 100 การยอมรับ

Now you are reading มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 100 การยอมรับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 100 การยอมรับ

มาถึงชั้นบนสุดของตึกแล้ว

โถงประชุมได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ที่แต่เติมได้จัดแจงเอาไว้ ตอนนี้ล้วนถูกเก็บกลับไปทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นโต๊ะราบขนาดมหึมาตัวยาวตัวหนึ่ง และบนโต๊ะนั้นก็ล้วนวางหินหยาบน้อยใหญ่จำนวนมากเต็มไปหมด

หนึ่งในนั้นที่อยู่บนโต๊ะ มีก้อนขนาดใหญ่มากอยู่เต็มไปหมด หินหยาบที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับสูงที่สุดล้วนวางอยู่ทางด้านบน และโดยรอบหินหยาบนั้น ก็มีกลุ่มคนรุมล้อมเป็นกลุ่มใหญ่เอาไว้หนึ่งชั้นเช่นเดียวกัน

เห็นเพียงแค่ขนาดใหญ่มหึมาของหินชนิดนี้แล้ว ขนาดประมาณครึ่งเมตร วัสดุด้านนอกมืดดำ ถือเป็นวัสดุที่ประณีตวิจิตร และบวกเข้ากับรูปลักษณ์ของหินเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งก็ไม่มีรอยแตกแยกมากเกินไปเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่รอยเล็ก ๆ รอยหนึ่งทางด้านนอกเท่านั้น ที่เผยหินหยกสีมรกตออกมาให้เห็น เป็นมรกตสุกสกาวราวกับสายน้ำที่ไหลริน

แค่มองก็ทราบแล้วว่าเป็นวัสดุมรกตที่คุณภาพสูง

หินหยาบชิ้นนี้ที่วางอยู่ตรงกลาง ผู้คนที่รุมล้อมเองก็เป็นมากเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน รูปลักษณ์โดดเด่นเป็นพิเศษ ราคาย่อมไม่ต่ำอย่างแน่นอนอยู่แล้วเฉกเช่นเดียวกัน ราคาเริ่มต้นประมูลอยู่ที่สิบล้าน

หินหยาบก้อนนี้ที่กำลังถูกผู้คนรุมล้อมอยู่ อดไม่ได้ที่จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อย ๆ ดังขึ้นมา

“รูปลักษณ์ของหินหยาบก้อนนี้ดูดีจริง ๆ เลยนะ แถมผิวเนื้อยังมันวาวพอดีอีกด้วย มองแค่ครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูง แถมยังก้อนใหญ่ขนาดนี้อีก หากเปิดตรงกลางออกมา เช่นนั้นจะไม่ต้องร่ำรวยกันเลยหรือ?”

“ใช่สิ วัสดุคุณภาพสูงแบบนี้ ฉันไม่ได้เห็นมานานมากแล้วเหมือนกัน ไม่เสียแรงที่ตระเตรียมงานประมูลและประเมินของล้ำค่ากันมาเป็นปี สิ่งของทุกอย่างในที่นี้ล้วนหาพบได้ยากกันทั้งนั้น”

“ไม่ต้องพูดแล้ว หินหยาบก้อนนี้ฉันจะประมูลเอาแน่ อีกประเดี๋ยวจะกลับไปจะเปิดมรกตออก กะจะมอบเป็นของขวัญให้กับคุณปู่ของฉันน่ะ” มีคนกำลังตบทรวงอกไปมา ท่าทีเชื่อมั่นเป็นประดา

“เช่นนั้นคุณนำเงินมาพอแล้วหรือเปล่า? มรกตก้อนนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่สิบล้าน แต่ผมดู ๆ แล้วนะ อย่างน้อย ๆ ที่จะสามารถประมูลสำเร็จกันได้ก็ต้องสามสี่สิบล้านขึ้นไป คุณนำเงินมาไม่พอก็อย่าได้หวังเลยครับ”

ผู้รุมล้อมต่างก็พากันสนทนาวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด

“หินก้อนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ นะครับ”

ซูเคอเองก็สนใจหินหยาบก้อนนี้เช่นเดียวกัน อดไม่ได้ที่จะกล่าววิจารณ์ออกไปเล็กน้อย หินหยาบก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเช่นนี้ อีกทั้งรูปลักษณ์ยังเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย ความน่าจะเป็นไปได้มาก ๆ หนึ่งในนั้น ก็คือเป็นวัสดุหยกมรกตที่มีคุณภาพดีที่สุดนั่นเอง

“หินหยาบก้อนนี้ราคาเริ่มประมูลสิบล้าน ผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดเท่านั้นถึงจะได้ไปครอบครองค่ะ!”

ไม่นานนัก การประมูลก็เริ่มต้อนขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมให้สิบเอ็ดล้าน!”

“สิบสามล้าน!”

“สิบห้าล้าน!”

เดิมทีหินหยาบก่อนนี้ก็เป็นจุดสนใจของทั่วทั้งงานอยู่แล้ว หลังจากผู้ทำการประมูลเปิดปากขึ้นมา ราคาก็ยิ่งพุ่งเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับหินหยาบก้อนนี้นั้น ซูเคอเองก็รู้สึกว่าจำเป็นที่จำต้องได้มาครอบครองเช่นเดียวกัน ทว่าเขาไม่ได้ร้อนรนเปิดปาก รอหลังจากราคาพุ่งสูงถึงยี่สิบล้านแล้ว จู่ ๆ ก็ยกมือขึ้นกล่าวว่า “สามสิบล้านครับ!”

กระทั่งราคาเพิ่มขึ้นอีกสิบล้านแล้ว ราคาที่เกินไปเช่นนี้ทำให้ทุกคนอดที่จะตกตะลึงไปไม่ได้ ตระกูลซูนี่อวดรวยจริง ๆ สามสิบล้านก็สามารถทิ้งไปได้อย่างไม่กะพริบตา

“สามสิบล้านครั้งที่หนึ่งค่ะ!”

หลังซูเคอเปิดปากกล่าว จู่ ๆ ในกลุ่มคนก็เงียบสงบลงขึ้นมาทันที ท่าทีของซูเคอแทบจะมีท่าทางของความอยากจะครอบครองหินหยาบให้จงได้ก็ไม่ปาน หนึ่งในพวกเขาถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลชั้นหนึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยก็ตาม ทว่าหากถกกันเรื่องกำลังทรัพย์แล้วละก็ เกรงว่าไม่อาจเทียบกับตระกูลซูได้เลยจริง ๆ

“สี่สิบล้านครับ!”

เป็นในตอนนั้นเอง ที่จู่ ๆ ในกลุ่มคนก็มีเสียงดังขึ้นมาหนึ่งเสียง

สีหน้าของซูเคอพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อหันกลับไปมองกลับเป็นเสิ่นต้วนยู่ที่กำลังยืนอยู่ทางด้านหลังเสียอย่างนั้น!

“บ้าเอ๊ย มึงจะเอากับกูใช่ไหม?” ดวงตาทั้งสองข้างของซูเคอแดงระเรื่อ ก่อนจะชี้ไปยังเสิ่นต้วนยู่พลางก่นด่า

“การประมูลหินหยาบ เดิมทีก็เป็นผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองไป คุณไม่มีเงินจะมาโหวกเหวกโวยวายทำไมครับ?” เสิ่นต้วนยู่ยกยิ้มเย็นชาหนึ่งสาย ทว่าความหมายในคำพูดกลับมีความปรปักษ์พุ่งเป้าแอบแฝง ไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าคุณซื้อไม่ไหวก็ให้พี่ใหญ่ของคุณซื้อสิครับ”

เพื่อนข้างกายเขาเยาะเย้ยขึ้นมาหนึ่งเสียง ทั้งก็กล่าวขึ้นตามกันมาเช่นเดียวกัน

ซูเคอกัดฟันแน่น ก่อนจะรีบยกมือขึ้นอีกครั้งพลางกล่าวว่า “สี่สิบห้าล้านครับ!”

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำราวกับโลหิต เสิ่นต้วนยู่เป็นเช่นนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากำลังทำให้เขาบันดาลโทสะแล้ว

“ห้าสิบล้าน!”

เสิ่นต้วนยู่ยกยิ้มราบเรียบหนึ่งสาย ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

เดิมทีเขาก็มาจากตระกูลหินหยกอยู่แล้ว แค่มองก็ดูออกแล้วว่าหินหยาบก้อนนี้จะสามารถแยกวัสดุหยกที่มีคุณภาพสูงออกมาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทั้งยังสามารถซื้อวัสดุหยกมาได้ แถมยังสามารถขัดขาซูเคอกับมู่เซิ่งได้อีกด้วย แล้วเขาจะไม่ยินดีได้อย่างไรกัน?

“แม่ง ห้าสิบห้าล้านครับ…”

เป็นในตอนที่ดวงตาของซูเคอกำลังแดงก่ำแล้วกำลังจะเพิ่มราคาต่อนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งมากดบนไหล่ของเขาเอาไว้ ซูเคอหันศีรษะกลับไปมองก็พบว่าเป็นมู่เซิ่ง ดังนั้นจึงอดที่จะชะงักนิ่งไปไม่ได้ “พี่มู่ครับ”

“ไม่ต้องเพิ่มราคาแล้ว”

มู่เซิ่งส่ายศีรษะไปมาพลางกล่าว

หินหยาบก้อนนี้ในสายตาของเขานั้น ก็เป็นเพียงแค่เห็นผุพังก้อนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งวัสดุดี ๆ ก็ล้วนเทียบไม่ได้ ตำแหน่งที่เปิดปากหินก้อนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจนมากนัก ทว่าก็มีร่องรอยที่แปะแนบติดเข้าไปอย่างเนียน ๆ มองครู่เดียวก็ทราบแล้วว่าเคยผ่านการตัดจนแตกมาก่อน หลังจากนั้นก็นำแผ่นมรกตบางเบาคุณภาพสูงแผ่นหนึ่งมาแปะเอาไว้ที่รูปลักษณ์ทางด้านบน

ทว่าฝีมือพรรค์นี้มีระดับสูงเป็นอย่างมาก เดิมทีคนธรรมดาสามัญก็ไม่อาจมองออกได้เลย ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้เองก็มีเพียงแค่มู่เซิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองออก

“พี่มู่ครับ แต่หินหยาบก้อนนี้มัน” สีหน้าของซูเคอเผยความไม่เข้าใจออกมา ในสายตาของเขา หินหยาบก้อนนี้อย่างน้อยก็มีค่าหลายสิบล้าน เขาจึงไม่อาจยอมถอยได้

“เชื่อฉัน ให้เขาไปเถอะ” มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ

ตอนนี้มีสายตาของผู้คนมากมาย เขาจึงไม่มีโอกาสที่จะอธิบาย

“ฮ่า ๆ ซูเคอ คุณเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซูที่ทรงอำนาจคนหนึ่ง แต่กลับยอมรับไอ้ขยะคนหนึ่งเป็นพี่ใหญ่หรือ? ตอนนี้พี่ใหญ่ของคุณก็ล้วนปอดแหกแล้ว คุณเองก็ไม่ลองปอกแหกดูบ้างเหมือนกันหรือ?” เสิ่นต้วนยู่กำลังมองดูฉากทั้งหมด ก่อนจะระเบิดหัวร่อออกมาเป็นการใหญ่

“มีคนคิดอยากที่จะเอาหลายสิบล้านไปซื้อขยะชิ้นหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาไปเถอะ” มู่เซิ่งกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย

ได้ยินเขากล่าวมาเช่นนี้แล้ว จู่ ๆ หัวใจที่กำลังตื่นเต้นของซูเคอพลันสงบตัวลงทันที เขานึกถึงฉากไม้กฤษณาในตอนประมูลวัตถุโบราณก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นจึงหันไปพยักหน้าแล้วกล่าวกับมู่เซิ่งว่า “พี่ใหญ่ครับ ผมเชื่อพี่ครับ”

“ฮ่า ๆ นายเชื่อคำพูดของไอ้ขยะคนหนึ่งจริง ๆ หรือเนี่ย?” เสิ่นต้วนยู่เย้ยหยันไม่หยุดพัก

ส่วนคำที่มู่เซิ่งกล่าวว่าขยะนั้น เดิมทีเขาก็ไม่ได้นำมาฟังเอาไว้ในหูเลย ไอ้ขยะพรรค์นี้มันจะไปรู้เรื่องหินหยาบอะไร? ย่อมซื้อไม่ไหวอย่างแน่นอน ดังนั้นในปากก็เลยไม่ยอมรับไปก็เท่านั้น

ในกลุ่มคนที่รุมล้อมเองก็ระเบิดหัวเราะขึ้นมากันยกใหญ่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามส่วนที่หินหยาบนี้เผยรูปลักษณ์ออกมาให้ได้เห็นนั้น ล้วนมีคุณภาพสูงทั้งสิ้น คนผู้นี้กลับกล่าวว่าเป็นขยะอย่างนั้นหรือ? มองครู่เดียวก็ทราบแล้วว่าไม่รู้ความ

หลังซูเคอหยุดมือลง สุดท้ายหินหยาบก้อนนี้ก็ถูกเสิ่นต้วนยู่ประมูลมาได้ในราคาห้าสิบล้าน เสิ่นต้วนยู่หินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มมู่เซิ่ง ท่าทีหยิ่งผยองพองขน ทำให้กู่ชิงเสวียนรู้สึกบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก

แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนแกะหิน

เป็นเพราะในลำดับต่อมานั้น หินหยาบก้อนมหึมาก้อนหนึ่งได้ปรากฏตัวอีกครั้ง หินหยาบก้อนนี้เป็นหินหยาบก้อนสุดท้ายของงานประมูลหินหยาบทั้งหมด รูปลักษณ์คล้ายคลึงกับก้อนในตอนก่อนหน้านี้ เมื่อถูกนำออกมาแล้วนั้น บรรยากาศทั่วทั้งงานพลันเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นมาในทันที

“ไม่เสียแรงที่เป็นการประมูลหินหยาบคุณภาพระดับสูง จากที่ผมดู ๆ แล้วนะ รูปลักษณ์ของหินหยาบก้อนนี้ เทียบกับก้อนก่อนหน้านี้แล้วยังดีกว่าเสียอีกนะ ผิวเนื้อราวกับเม็ดทราย มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าอาจแกะออกมาจากน้ำแข็งชนิดหนึ่ง กระทั่งเป็นกระจกชนิดหนึ่งก็อาจมีความเป็นไปได้เหมือนกันด้วย!”

“ใช่สิ วัสดุดีมากเกินไปแล้ว ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันจะต่อสายโทรศัพท์หาท่านประมุขว่าสามารถเพิ่มเงินได้ไหม หินหยาบก้อนนี้ฉันจะประมูลมาให้ได้แน่”

“ได้ยินว่าหินหยาบก้อนนี้มาจากเมียนมาร์เลยเชียวนะ ในระหว่างการเดินทางก็เกือบถูกแย่งไปแล้ว ทำร้ายคนไปไม่น้อยด้วย ราคาต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน”

ได้ยินคำเช่นนี้แล้ว ทันใดนั้นสายตาของทุก ๆ ก็ล้วนมองไปกันอย่างละเอียดลออทันที ฝั่งด้านล่างข้าง ๆ หินหยาบมีรอยโลหิตสีแดงกลุ่มหนึ่งซ่อนเอาไว้อยู่ ดูท่าแล้วข่าวลือในตอนก่อนหน้าน้าล้วนเป็นความจริงเสียแล้ว

หินหยกของเมียนมาร์นั้นมีเยอะเป็นอย่างมาก เทียบกับตลาดในประเทศแล้วยังล้ำค่ามากกว่าอีก กระทั่งยังเคยมีคนแกะเปิดส่วนในของหินหยกเมียนมาร์ออกมาแล้วพบหินหยาบตี้หวังลู่ มาก่อนด้วย

“หินก้อนนี้เป็นของผมแล้ว พวกคุณไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดมาแย่งกับผมเหมือนกันนะ!”

มองเห็นหินหยาบก้อนนี้แล้ว เสิ่นต้วนยู่พลัน “ลอย” ลุกขึ้นมาจากที่นั่งโดยตรงทันที ก่อนจะตบโต๊ะพลางคำราม

“เจ็ดสิบล้าน ผมให้เจ็ดสิบล้านเพื่อซื้อหินหยาบก้อนนี้ครับ?”

ทุกคนในนั้นล้วนส่งเสียงเซ็งแซ่กันขึ้นมาทันที

ทายาทเศรษฐีที่แต่เดิมคิดอยากสู้ราคา ทุกคนล้วนอ้าปากค้างกันทั้งสิ้น ยืนจังงังอยู่ตรงที่เดิมกันทั้งหมด

ไม่เสียแรงที่ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลหินหยก ไม่เพียงแค่มีวัสดุหยกมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น แต่กลับมีกำลังทรัพย์มากกว่าไปอีก พอได้ออกโรงก็ให้เจ็ดสิบล้านทันที เทียบกับราคาเริ่มประมูลยี่สิบล้านแล้วยังสูงถึงห้าสิบล้านเลยเชียวหรือ!

และดูท่าทีที่แทบจะสามารถเพิ่งราคาต่อได้เรื่อย ๆ นี่สิ นี่น่ะ ใครจะกล้าแย่งชิงกัน?

“ซูเคอ นายคงจะไม่กล้าเพิ่มราคาเหมือนกันกระมัง?”

คำจบลง เสิ่นต้วนยู่หันไปมองซูเคอ ในกายตามีความเย้ยหยันเต็มเปี่ยมอย่างรุนแรงแฝงอยู่

“ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันให้…”

ซูเคอเองก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นเดียวกัน ในตอนที่พึ่งคิดอยากจะยกมือแล้วร้องตะโกนนั้น ผลสุดท้ายกลับถูกมู่เซิ่งกดเอาไว้อีกครั้งเสียแล้ว

“ให้เขาไป” มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ

เมื่อเขากล่าวคำออกไปแล้ว เสิ่นต้วนยู่พลันระเบิดหัวเราะร่าออกมาทันที ทั่วทั้งสถานที่จัดงานต่างก็พรั่งพรูไปด้วยความปลื้มปีติยินดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+