มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง 14 คำหลอกลวง

Now you are reading มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง Chapter 14 คำหลอกลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 14 คำหลอกลวง

“คุณชายเจียง คุณ คุณตบผมทำไม?”

สีหน้าของจางโหย่วเผิงนิ่งอึ้งทันที

ยังไงเขาก็คิดไม่ถึง เจียงมู่หลงจะตบเขาในเวลาแบบนี้ จับไปที่ใบหน้าด้านซ้ายของตัวเองทันทีและยืนอยู่ที่เดิมอย่างแปลกใจ

สีหน้าของเจียงมู่หลงดูมืดมนอย่างมาก ไม่แม้แต่สนใจจางโหย่วเผิง มองไปที่เจียงหว่าน กัดฟันพูด “เจียงหว่าน ถือว่าเธอร้ายกาจ!”

มีเพียงเขาที่รู้ดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องด้านใน

หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องแล้ว ประธานสวีรู้ว่าตระกูลเจียงจะเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ ก็จะยกเลิกสัญญาในตอนนั้นเลย แถมยังบอกว่าจะไม่มีทางทำสัญญากับตระกูลเจียงใดๆอีก

เจียงมู่หลงคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ บริษัทมู่หรานเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ หากประโยคนี้ได้พูดออกไป ก็จะมีบริษัทนับไม่ถ้วนไม่ทำสัญญากับตระกูลเจียง! หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ คุณปู่คงอดไม่ได้ที่จะฆ่าเขา?

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?

สิ่งแรกที่เจียงมู่หลงนึกขึ้นได้ก็คือเจียงหว่าน! ต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องคนนี้เล่นกลอุบาย มิน่าตั้งแต่เช้าวันนี้เธอถึงได้มาที่นี่ เธอมารอดูเรื่องตลกของเขา!

รวมถึงมู่เซิ่งที่จางโหย่วเผิงพูดถึง?

ไอ้ขยะคนนี้ทำไมถึงอยู่ในสายตาของบริษัทมู่หรานได้

“ไสหัวไป ยังไม่ไปอีก!”

เจียงมู่หลงปล่อยความโกรธออกไปไกลและตบไปที่หน้าจางโหย่วเผิงอีกครั้ง “ตั้งแต่วันนี้ไป นายถูกไล่ออกแล้ว!”

เพียงพริบตาจางโหย่วเผิงแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะหนีออกมาจากบริษัทของเจียงหว่านมาที่บริษัทเจียงมู่หลง แต่ทำสำเร็จเพียงครั้งเดียวก็ถูกไล่ออก?

เจียงมู่หลงไม่ได้สนใจสีหน้าของจางโหย่วเผิง และเดินตรงออกไปด้วยความโกรธเต็มอก ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเยาะเย้ยเจียงหว่านไป ตอนนี้โดนตบหน้าเข้าแล้ว เขาจะมีหน้าอยู่ตรงนี้ต่อไปได้ไงกันล่ะ?

“คุณหนูเจียง” ในเวลานี้เองผู้จัดการเฝิงก็ออกมาจากห้องทำงาน สายตามองไปที่มู่เซิ่งและรู้สึกแปลกใจ ไอ้ขยะที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงหนานข้างหน้าเขา กลับเป็นคนที่ท่านสวีให้ความสำคัญ ไม่นานก็เริ่มพูดต่อ “บริษัทของพวกเรายังคงชอบทำงานกับบริษัทที่ขยันอย่างพวกคุณ พวกเราหวังว่าจะได้เซ็นสัญญากับคุณอีกครั้ง อีกอย่างผู้รับผิดชอบมีได้เพียงคุณ คุณตกลงไหม?”

“ตก……ตกลง” เจียงหว่านพยักหน้าอย่างเชื่อง

เธอถูกคำพูดของผู้จัดการเฝิงทำให้ตกตะลึงเข้าแล้ว หยิบสัญญากลับมา เซ็นช่องผู้รับผิดชอบ เรื่องแบบนี้เธอแม้แต่ฝันยังไม่กล้าฝัน มู่เซิ่งพูดเป็นเรื่องจริง แถมมันยังเป็นความจริง!

มู่เซิ่งถอยไปอยู่ข้างๆ มองดูเจียงหว่านเซ็นสัญญาฉบับใหม่อย่างเชื่อง

“นี่คือเสร็จแล้ว?”

กอดสัญญาเดินมาชั้นล่าง เจียงหว่านยังคงรู้สึกไม่เชื่อ

“แน่นอน” มู่เซิ่งยิ้มและพยักหน้า ในใจรู้สึกหอมหวานอยู่บ้าง

รู้จักกันมาสามปี เขาไม่เคยเห็นเจียงหว่านดีใจแบบนี้มาก่อน

“พี่เจียงหว่าน ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ว่าผิดแล้ว!”

ทั้งสองคนเพิ่งออกมาจากลิฟต์ จางโหย่วเผิงยืนรั้งเจียงหว่านอยู่หน้าประตู “ขอร้องพี่ให้ฉันกลับเขาบริษัทเถอะ ฉันจะทำผลงานอย่างดีเลย!”

“คนก็ต้องเดินไปที่ที่สูงขึ้น บริษัทเล็กของพวกเรา รับคนใหญ่อย่างนายไว้ไม่ไหว!”

สายตาเจียงหว่านกวาดมองไปที่หน้าของจางโหย่วเผิง และหมุนตัวตรงขึ้นรถทันที

“พี่เจียงหว่าน ขอร้องล่ะ”

ถูกเจียงมู่หลงไล่ออก บวกกลับวันนี้เจียงหว่านได้สัญญาใหม่กลับมา มองดูควันรถ จางโหย่วเผิงรู้สึกทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตแล้ว

“นายทำมันได้ยังไงกัน?” ที่นั่งคนขับ สายตาเจียงหว่านไม่หยุดที่จะมองดูมู่เซิ่ง

มู่เซิ่งเอนตัวอยู่ที่นั่งข้างคนขับ มองวิวนอกหน้าต่าง “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง พอดีทำงานอยู่ที่บริษัทมู่หราน ครั้งนี้ให้เขาช่วย”

“เป็นเพื่อนนายอีกแล้วหรอ?” สายตาของเจียงหว่านมีความสงสัย

เธอยังคงรู้สึกว่ามันบังเอิญเกินไปอยู่ไม่น้อย

“แถมเพื่อนนายคนนี้ จะเชิญประธานสวีมาได้ยังไงกัน?” หลังจากตื่นเต้นไปแล้ว อยู่ดีๆสีหน้าเจียงหว่านก็นิ่งไป มองไปที่มู่เซิ่ง “มู่เซิ่ง ฉันไม่อยากให้นายโกหกฉัน”

“โอเค ฉันรู้ว่าเธอมีเรื่องสงสัยมากมาย เธออยากถามอะไรเธอถามมา” มู่เซิ่งพูดจริงจัง “ฉันจะพยายามพูดให้ชัดเจน”

เจียงหว่านสูดหายใจเข้า สงบนิ่งลงมา แน่นอนว่าในใจของเธอมีความสงสัยมากมาย “ได้ ก่อนหน้านี้ที่ลงมือในRoyal Club ยังมีวันนี้อีก ใช่ว่านายต่อสู้เป็น? ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเห็นนายลงมือสักครั้ง?”

“ฉันเคยเป็นทหาร แน่นอนว่ามีฝีมืออยู่บ้าง” มู่เซิ่งพยักหน้ายอมรับ “แถมก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยอยู่ในอันตราย”

“นายเคยเป็นทหาร?”

ใบหน้าเจียงหว่านมีความตกใจลอยอยู่

“เพื่อนเหล่านั้นของนาย รู้จักกันตอนที่เป็นทหารหรอ?”

“อืม”

“แต่ว่าในเมื่อนายเก่งขนาดนี้ ทำไมทุกครั้งที่แม่ฉันว่านาย นายกลับไม่ทำอะไรเลย? ทุกครั้งที่คุณลุงฉันรังแกนาย นายก็ยืนนิ่งอยู่อีกข้าง”

“เพราะมันไม่จำเป็น ฉันจะลงมือตอนที่เธอเจออันตรายเท่านั้น”

เจียงหว่านอ้าปากค้าง อยากที่จะถามต่อ แต่กลับพูดไม่ออก ในใจเต้นอย่างรู้สึกเจ็บปวดออกมา ผู้ชายตรงหน้าเธอ มีทั้งความสามารถและความเก่ง แต่กลับลงมือเพื่อเธอเท่านั้น ยอมโดนต่อว่ารังแกสามปีเต็ม!

“ทำไมนายโง่แบบนี้ห้ะ!”

มู่เซิ่งยิ้ม อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอ “เธอโดนมาเยอะกว่าฉัน ฉันจะสนใจไปทำไมล่ะ?”

ใบหน้าของเจียงหว่านแดงขึ้น รีบหลบออกจากมือของมู่เซิ่ง มองไปข้างหน้า สายตามองตรงไม่หันกลับ แต่ไม่รู้เพราะอะไร การกระทำที่อบอุ่นของมู่เซิ่ง ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกโกรธสักนิดมีเพียงใบหน้าและแก้มที่แดงขึ้น

“ถ้างั้นนาย เพราะอะไรถึงอยู่กับพวกเราตระกูลเจียง?” เจียงหว่านรีบเปลี่ยนหัวข้อ

“ปีนั้นเป็นพ่อของเธอช่วยฉันไว้ ฉันติดค้างชีวิตเขาไว้ เขาให้ฉันปกป้องเธอสามปี” มู่เซิ่งพูดออกไป “อีกอย่างฉันอยู่ที่บ้านของเธอเดิมก็เป็นเพียงสามีที่คอยดูแลงานบ้านและอาหาร แม่เธอก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ พูดสองสามประโยคไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร”

“อย่างนั้นฉันกลับบ้านไปบอกแม่ของฉัน ไม่ให้เธอพูดว่านายอีกแล้ว”

“ไม่ต้องแล้ว คำพูดพวกนี้ฉันอยากพูดเพียงกับเธอคนเดียว ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้” มู่เซิ่งส่ายหน้า “อีกเดือนครึ่งก็เป็นวันระลึกถึงพ่อของเธอแล้ว ถึงตอนนั้นแม่ของเธอต้องให้พวกเราหย่ากัน ตอนนี้บอกเธอไปก็ไม่มีความหมาย”

“นายหวังให้พวกเราหย่ากันขนาดนั้น?”

เจียงหว่านโกรธจนกัดฟัน มองสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกแบบนั้นของเขา อยู่ดีๆในใจของเธอก็รู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก

หรือว่าเขาไม่ได้ชอบตัวเธอขนาดนั้นเลยหรอ?

“ตอนนั้นคนที่พูดเรื่องหย่าไม่ใช่เธอหรือไง?”

มู่เซิ่งสมองมึนงง

“นาย………แล้วแต่นาย!”

ใบหน้าเจียงหว่านดำมืด เหยียบคันเร่งแรง

เสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้น ใบหน้าของมู่เซิ่งอึ้ง เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?

เพิ่งจะถึงบ้าน โทรศัพท์ของเจียงหว่านก็ดังขึ้น

“เจียงหว่าน คุณปู่ให้เธอมาที่โรงพยาบาลหน่อย มาพร้อมกับไอ้ขยะด้วย!” เจียงมู่หลงพูดในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงที่ได้ยินทำให้เจียงหว่านรู้สึกไม่สบายใจ เธอคิดไม่ถึง นี้เพิ่งเปลี่ยนสัญญา เจียงมู่หลงก็ตรงไปบอกคุณปู่แล้ว

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เจียงหว่านพูดเสียงต่ำ

ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาล ตรงขึ้นไปยังห้องที่อยู่ชั้นบนสุด เพียงแต่โรงพยาบาลในวันนี้กลับไม่ได้มีคนเยอะ มาถึงมีเจียงมู่หลงและไม่กี่คน ท่านสามยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่ว่าสีหน้าดูดีขึ้นไม่นอนแล้ว

“ท่านสาม อีกแค่สองวันคุณก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” หลี่น่องเก็บเข็มเงิน ใบหน้ามีรอยยิ้ม

ได้รับการสั่งสอนมา ตอนนี้หลี่น่องลงเข็มต่างเป็นจุดที่ไม่สำคัญ ท่านสามสามารถฟื้นตัวได้ พึ่งเพียงเข็มทองของมู่เซิ่งสองครั้งก่อนหน้าเท่านั้น

“รอคุณออกจากโรงพยาบาล อาจารย์ของฉันจะเข้าไปตรวจ เพื่อให้ร่างกายของคุณคงตัว อายุยืนหมื่นปี”

ท่านสามยิ้มจนหุบปากไม่อยู่พร้อมพยักหน้าไม่หยุด “รบกวนคุณหมอหลี่ด้วยแล้วกัน”

คำพูดของหลี่น่องน่าฟัง ท่านสามยิ้มจนหุบปากไม่อยู่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “รบกวนคุณหมอหลี่ด้วยแล้ว นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยของฉัน”

“เข้ามา ส่งคุณหมอหลี่กลับ”

“ท่านสามเกรงใจไปแล้ว นี่ก็แค่ยื่นมือเข้ามาช่วยเอง” คุณหมอหลี่รับซองแดงมา ใบหน้ายิ้มแย้ม

แค่ฝังเข็มมั่วๆก็ได้เงิน แบบนี้มันช่างสบายไปแล้ว

ตอนที่เขาเดินออกมาหน้าประตู ยังด่ามู่เซิ่งแรงๆรอบหนึ่ง

“ไร้ประโยชน์!”

“รออาจารย์ของฉันมาก่อน ดูจะสอนนายยังไงเถอะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง 14 คำหลอกลวง

Now you are reading มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง Chapter 14 คำหลอกลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 14 คำหลอกลวง

“คุณชายเจียง คุณ คุณตบผมทำไม?”

สีหน้าของจางโหย่วเผิงนิ่งอึ้งทันที

ยังไงเขาก็คิดไม่ถึง เจียงมู่หลงจะตบเขาในเวลาแบบนี้ จับไปที่ใบหน้าด้านซ้ายของตัวเองทันทีและยืนอยู่ที่เดิมอย่างแปลกใจ

สีหน้าของเจียงมู่หลงดูมืดมนอย่างมาก ไม่แม้แต่สนใจจางโหย่วเผิง มองไปที่เจียงหว่าน กัดฟันพูด “เจียงหว่าน ถือว่าเธอร้ายกาจ!”

มีเพียงเขาที่รู้ดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องด้านใน

หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องแล้ว ประธานสวีรู้ว่าตระกูลเจียงจะเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ ก็จะยกเลิกสัญญาในตอนนั้นเลย แถมยังบอกว่าจะไม่มีทางทำสัญญากับตระกูลเจียงใดๆอีก

เจียงมู่หลงคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ บริษัทมู่หรานเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ หากประโยคนี้ได้พูดออกไป ก็จะมีบริษัทนับไม่ถ้วนไม่ทำสัญญากับตระกูลเจียง! หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ คุณปู่คงอดไม่ได้ที่จะฆ่าเขา?

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?

สิ่งแรกที่เจียงมู่หลงนึกขึ้นได้ก็คือเจียงหว่าน! ต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องคนนี้เล่นกลอุบาย มิน่าตั้งแต่เช้าวันนี้เธอถึงได้มาที่นี่ เธอมารอดูเรื่องตลกของเขา!

รวมถึงมู่เซิ่งที่จางโหย่วเผิงพูดถึง?

ไอ้ขยะคนนี้ทำไมถึงอยู่ในสายตาของบริษัทมู่หรานได้

“ไสหัวไป ยังไม่ไปอีก!”

เจียงมู่หลงปล่อยความโกรธออกไปไกลและตบไปที่หน้าจางโหย่วเผิงอีกครั้ง “ตั้งแต่วันนี้ไป นายถูกไล่ออกแล้ว!”

เพียงพริบตาจางโหย่วเผิงแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะหนีออกมาจากบริษัทของเจียงหว่านมาที่บริษัทเจียงมู่หลง แต่ทำสำเร็จเพียงครั้งเดียวก็ถูกไล่ออก?

เจียงมู่หลงไม่ได้สนใจสีหน้าของจางโหย่วเผิง และเดินตรงออกไปด้วยความโกรธเต็มอก ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเยาะเย้ยเจียงหว่านไป ตอนนี้โดนตบหน้าเข้าแล้ว เขาจะมีหน้าอยู่ตรงนี้ต่อไปได้ไงกันล่ะ?

“คุณหนูเจียง” ในเวลานี้เองผู้จัดการเฝิงก็ออกมาจากห้องทำงาน สายตามองไปที่มู่เซิ่งและรู้สึกแปลกใจ ไอ้ขยะที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงหนานข้างหน้าเขา กลับเป็นคนที่ท่านสวีให้ความสำคัญ ไม่นานก็เริ่มพูดต่อ “บริษัทของพวกเรายังคงชอบทำงานกับบริษัทที่ขยันอย่างพวกคุณ พวกเราหวังว่าจะได้เซ็นสัญญากับคุณอีกครั้ง อีกอย่างผู้รับผิดชอบมีได้เพียงคุณ คุณตกลงไหม?”

“ตก……ตกลง” เจียงหว่านพยักหน้าอย่างเชื่อง

เธอถูกคำพูดของผู้จัดการเฝิงทำให้ตกตะลึงเข้าแล้ว หยิบสัญญากลับมา เซ็นช่องผู้รับผิดชอบ เรื่องแบบนี้เธอแม้แต่ฝันยังไม่กล้าฝัน มู่เซิ่งพูดเป็นเรื่องจริง แถมมันยังเป็นความจริง!

มู่เซิ่งถอยไปอยู่ข้างๆ มองดูเจียงหว่านเซ็นสัญญาฉบับใหม่อย่างเชื่อง

“นี่คือเสร็จแล้ว?”

กอดสัญญาเดินมาชั้นล่าง เจียงหว่านยังคงรู้สึกไม่เชื่อ

“แน่นอน” มู่เซิ่งยิ้มและพยักหน้า ในใจรู้สึกหอมหวานอยู่บ้าง

รู้จักกันมาสามปี เขาไม่เคยเห็นเจียงหว่านดีใจแบบนี้มาก่อน

“พี่เจียงหว่าน ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ว่าผิดแล้ว!”

ทั้งสองคนเพิ่งออกมาจากลิฟต์ จางโหย่วเผิงยืนรั้งเจียงหว่านอยู่หน้าประตู “ขอร้องพี่ให้ฉันกลับเขาบริษัทเถอะ ฉันจะทำผลงานอย่างดีเลย!”

“คนก็ต้องเดินไปที่ที่สูงขึ้น บริษัทเล็กของพวกเรา รับคนใหญ่อย่างนายไว้ไม่ไหว!”

สายตาเจียงหว่านกวาดมองไปที่หน้าของจางโหย่วเผิง และหมุนตัวตรงขึ้นรถทันที

“พี่เจียงหว่าน ขอร้องล่ะ”

ถูกเจียงมู่หลงไล่ออก บวกกลับวันนี้เจียงหว่านได้สัญญาใหม่กลับมา มองดูควันรถ จางโหย่วเผิงรู้สึกทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตแล้ว

“นายทำมันได้ยังไงกัน?” ที่นั่งคนขับ สายตาเจียงหว่านไม่หยุดที่จะมองดูมู่เซิ่ง

มู่เซิ่งเอนตัวอยู่ที่นั่งข้างคนขับ มองวิวนอกหน้าต่าง “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง พอดีทำงานอยู่ที่บริษัทมู่หราน ครั้งนี้ให้เขาช่วย”

“เป็นเพื่อนนายอีกแล้วหรอ?” สายตาของเจียงหว่านมีความสงสัย

เธอยังคงรู้สึกว่ามันบังเอิญเกินไปอยู่ไม่น้อย

“แถมเพื่อนนายคนนี้ จะเชิญประธานสวีมาได้ยังไงกัน?” หลังจากตื่นเต้นไปแล้ว อยู่ดีๆสีหน้าเจียงหว่านก็นิ่งไป มองไปที่มู่เซิ่ง “มู่เซิ่ง ฉันไม่อยากให้นายโกหกฉัน”

“โอเค ฉันรู้ว่าเธอมีเรื่องสงสัยมากมาย เธออยากถามอะไรเธอถามมา” มู่เซิ่งพูดจริงจัง “ฉันจะพยายามพูดให้ชัดเจน”

เจียงหว่านสูดหายใจเข้า สงบนิ่งลงมา แน่นอนว่าในใจของเธอมีความสงสัยมากมาย “ได้ ก่อนหน้านี้ที่ลงมือในRoyal Club ยังมีวันนี้อีก ใช่ว่านายต่อสู้เป็น? ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเห็นนายลงมือสักครั้ง?”

“ฉันเคยเป็นทหาร แน่นอนว่ามีฝีมืออยู่บ้าง” มู่เซิ่งพยักหน้ายอมรับ “แถมก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยอยู่ในอันตราย”

“นายเคยเป็นทหาร?”

ใบหน้าเจียงหว่านมีความตกใจลอยอยู่

“เพื่อนเหล่านั้นของนาย รู้จักกันตอนที่เป็นทหารหรอ?”

“อืม”

“แต่ว่าในเมื่อนายเก่งขนาดนี้ ทำไมทุกครั้งที่แม่ฉันว่านาย นายกลับไม่ทำอะไรเลย? ทุกครั้งที่คุณลุงฉันรังแกนาย นายก็ยืนนิ่งอยู่อีกข้าง”

“เพราะมันไม่จำเป็น ฉันจะลงมือตอนที่เธอเจออันตรายเท่านั้น”

เจียงหว่านอ้าปากค้าง อยากที่จะถามต่อ แต่กลับพูดไม่ออก ในใจเต้นอย่างรู้สึกเจ็บปวดออกมา ผู้ชายตรงหน้าเธอ มีทั้งความสามารถและความเก่ง แต่กลับลงมือเพื่อเธอเท่านั้น ยอมโดนต่อว่ารังแกสามปีเต็ม!

“ทำไมนายโง่แบบนี้ห้ะ!”

มู่เซิ่งยิ้ม อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอ “เธอโดนมาเยอะกว่าฉัน ฉันจะสนใจไปทำไมล่ะ?”

ใบหน้าของเจียงหว่านแดงขึ้น รีบหลบออกจากมือของมู่เซิ่ง มองไปข้างหน้า สายตามองตรงไม่หันกลับ แต่ไม่รู้เพราะอะไร การกระทำที่อบอุ่นของมู่เซิ่ง ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกโกรธสักนิดมีเพียงใบหน้าและแก้มที่แดงขึ้น

“ถ้างั้นนาย เพราะอะไรถึงอยู่กับพวกเราตระกูลเจียง?” เจียงหว่านรีบเปลี่ยนหัวข้อ

“ปีนั้นเป็นพ่อของเธอช่วยฉันไว้ ฉันติดค้างชีวิตเขาไว้ เขาให้ฉันปกป้องเธอสามปี” มู่เซิ่งพูดออกไป “อีกอย่างฉันอยู่ที่บ้านของเธอเดิมก็เป็นเพียงสามีที่คอยดูแลงานบ้านและอาหาร แม่เธอก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ พูดสองสามประโยคไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร”

“อย่างนั้นฉันกลับบ้านไปบอกแม่ของฉัน ไม่ให้เธอพูดว่านายอีกแล้ว”

“ไม่ต้องแล้ว คำพูดพวกนี้ฉันอยากพูดเพียงกับเธอคนเดียว ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้” มู่เซิ่งส่ายหน้า “อีกเดือนครึ่งก็เป็นวันระลึกถึงพ่อของเธอแล้ว ถึงตอนนั้นแม่ของเธอต้องให้พวกเราหย่ากัน ตอนนี้บอกเธอไปก็ไม่มีความหมาย”

“นายหวังให้พวกเราหย่ากันขนาดนั้น?”

เจียงหว่านโกรธจนกัดฟัน มองสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกแบบนั้นของเขา อยู่ดีๆในใจของเธอก็รู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก

หรือว่าเขาไม่ได้ชอบตัวเธอขนาดนั้นเลยหรอ?

“ตอนนั้นคนที่พูดเรื่องหย่าไม่ใช่เธอหรือไง?”

มู่เซิ่งสมองมึนงง

“นาย………แล้วแต่นาย!”

ใบหน้าเจียงหว่านดำมืด เหยียบคันเร่งแรง

เสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้น ใบหน้าของมู่เซิ่งอึ้ง เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?

เพิ่งจะถึงบ้าน โทรศัพท์ของเจียงหว่านก็ดังขึ้น

“เจียงหว่าน คุณปู่ให้เธอมาที่โรงพยาบาลหน่อย มาพร้อมกับไอ้ขยะด้วย!” เจียงมู่หลงพูดในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงที่ได้ยินทำให้เจียงหว่านรู้สึกไม่สบายใจ เธอคิดไม่ถึง นี้เพิ่งเปลี่ยนสัญญา เจียงมู่หลงก็ตรงไปบอกคุณปู่แล้ว

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เจียงหว่านพูดเสียงต่ำ

ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาล ตรงขึ้นไปยังห้องที่อยู่ชั้นบนสุด เพียงแต่โรงพยาบาลในวันนี้กลับไม่ได้มีคนเยอะ มาถึงมีเจียงมู่หลงและไม่กี่คน ท่านสามยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่ว่าสีหน้าดูดีขึ้นไม่นอนแล้ว

“ท่านสาม อีกแค่สองวันคุณก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” หลี่น่องเก็บเข็มเงิน ใบหน้ามีรอยยิ้ม

ได้รับการสั่งสอนมา ตอนนี้หลี่น่องลงเข็มต่างเป็นจุดที่ไม่สำคัญ ท่านสามสามารถฟื้นตัวได้ พึ่งเพียงเข็มทองของมู่เซิ่งสองครั้งก่อนหน้าเท่านั้น

“รอคุณออกจากโรงพยาบาล อาจารย์ของฉันจะเข้าไปตรวจ เพื่อให้ร่างกายของคุณคงตัว อายุยืนหมื่นปี”

ท่านสามยิ้มจนหุบปากไม่อยู่พร้อมพยักหน้าไม่หยุด “รบกวนคุณหมอหลี่ด้วยแล้วกัน”

คำพูดของหลี่น่องน่าฟัง ท่านสามยิ้มจนหุบปากไม่อยู่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “รบกวนคุณหมอหลี่ด้วยแล้ว นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยของฉัน”

“เข้ามา ส่งคุณหมอหลี่กลับ”

“ท่านสามเกรงใจไปแล้ว นี่ก็แค่ยื่นมือเข้ามาช่วยเอง” คุณหมอหลี่รับซองแดงมา ใบหน้ายิ้มแย้ม

แค่ฝังเข็มมั่วๆก็ได้เงิน แบบนี้มันช่างสบายไปแล้ว

ตอนที่เขาเดินออกมาหน้าประตู ยังด่ามู่เซิ่งแรงๆรอบหนึ่ง

“ไร้ประโยชน์!”

“รออาจารย์ของฉันมาก่อน ดูจะสอนนายยังไงเถอะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+