มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่งบทที่ 73 ผู้มีฝีมือเหนือคนธรรมดา

Now you are reading มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 73 ผู้มีฝีมือเหนือคนธรรมดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 73 ผู้มีฝีมือเหนือคนธรรมดา

สุรเสียงของมู่เซิ่งดังสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด ทั้งดังกึกก้องไปทั่ว!

“มึงพูดว่าอะไรนะ? ให้กูโขลกหัวหรือ?”

ราวกับว่าหัวงูได้ยินเรื่องที่น่าขันที่สุดในใต้หล้าเรื่องหนึ่งแล้วก็ไม่ปาน ก่อนจะระเบิดหัวร่อออกมาในทันที “มึงถือดีอะไร? มึงคิดว่ามึงเป็นใคร กูจะบอกมึงให้นะ ถึงตอนนี้มึงจะโขลกหัวก็ตาม แต่มันก็สายไปแล้วเหมือนกัน!”

“เหลืออีกสิบวินาที” มู่เซิ่งสบตามองนาฬิกาข้อมือด้วยสายตาราบเรียบไปหนึ่งหน

ทว่าเขากลับหันศีรษะกลับไป ก่อนจะคว้ามือของฉู่อีอีมาจับเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ฉู่อีอี บ้านนี่เก่ามากเกินไปแล้ว ย้ายออกไปก่อนเถอะ ฉันจะหาที่อยู่แทนเธอเอง”

“อะ อืม…” ฉู่อีอีพยักหน้าขึ้นลงไปมาอย่างตะลึงงัน

ทั้งสองคนเปิดประตูออก ก่อนจะเดินไปยังตำแหน่งปากประตู

“ทำไม มึงคิดจะไปหรือ? หรือว่าไม่อยากให้เธอเห็นสารรูปที่มึงคุกเข่าลง?”

“ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้กูเข้าใจได้แล้วว่าทำไมถึงต้องให้เวลาสามสิบวินาที คือต้องการให้คนอื่นออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องขายขี้หน้าสินะ”

หัวงูสบตามองท่าทางของมู่เซิ่งที่พาฉู่อีอีออกจากประตูไป ก่อนจะหัวเราะแล้วเอ่ยพูด หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปหา มือข้างหนึ่งจึงหมายจะฉวยโอกาสไปคว้าเข้าที่หัวไหล่ของเขาเอาไว้ เพื่อต้องการที่จะกดมู่เซิ่งให้คุกเข่าลงไป

ปัง!

มือของหัวงูพึ่งจะยื่นออกไป จู่ ๆ มู่เซิ่งก็เบี่ยงตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกำมือขวาของเขาเอาไว้แน่น หลังจากนั้นก็ส่งไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว

กึก!

มือขวาของเขาส่งเข้าไปในรอยแยกระหว่างประตูเหล็กกับปากประตู ในตอนนั้นเอง ประตูเหล็กก็ปิดทับลงมาอย่างรุนแรง ในช่วงระยะเวลาเดี๋ยวกันนั้นเอง เสียงกระดูกที่ถูกบดละเอียดทำให้ทุกคนขนหัวลุกก็ได้ดังขึ้นที่ข้างใบหูของทุกคน

“อ๊ากกก! มือของกู มือของกู!”

ทั้งมือขวาแตกหักไปทั้งมือ หัวงูส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับหัวใจฉีกทรวงอกแตก “เหี้ยเอ๊ย! ลุยเลย ทำให้มันตาย!”

สุรเสียงสิ้นสุดลง

เอ้อหู่ที่เป็นอันธพาลรูปร่างกำยำสูงใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งก็พุ่งเข้าไปหามู่เซิ่งแล้ว มือกำกระบองเหล็กเอาไว้อยู่ ก่อนจะฟาดลงไปที่ศีรษะของมู่เซิ่งอย่างรุนแรง

อันธพาลทางด้านข้างเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ทั้งก็เฮโลลุยเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน

หัวงูกำลังกุมมือที่หักเอาไว้อยู่ สบตามองไปยังฉากทั้งหมด มุมปากแสยะยิ้มร้ายออกมา

ต่อให้มึงจะสามารถสู้ได้อีกก็ตามเถอะ แต่จะสามารถสู้ชนะคนกลุ่มหนึ่งได้หรือ?

มู่เซิ่งไม่ได้กล่าวคำ ทว่าสิ่งที่ตอบกลับพวกเขานั้น มีเพียงหมัดในมือหมัดเดียวเท่านั้น!

ปัง!

เสียงดังสนั่นหนึ่งเสียงดังขึ้น ร่างกายของทุกคนล้วนนิ่งแข็งกันทั้งหมดในทันที เงาสายหนึ่งบินลอยออกมาจากริมฝีปากทันที เป็นเอ้อหู่เมื่อครู่นี้นี่เอง!

ผลัก!

ในที่สุดเอ้อหูชนเข้ากับโต๊ะน้ำชา แก้วชาที่อยู่ทางด้านบนหล่นแตกทันที เสียงตกกระทบดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

สีหน้าบนใบหน้าของหัวงูแฝงไปด้วยความตะลึงทันที

เมื่อครู่นี้เขามองไม่ทันเสียด้วยซ้ำว่ามู่เซิ่งลงมืออย่างไร!

“ถึงเวลาแล้ว”

มู่เซิ่งสบตามองนาฬิกาข้อมือหนึ่งหน ก่อนจะสาวเท้ามุ่งหน้าออกตัวไปสองก้าว สายตาลอยตกกระทบไปบนร่างของหัวงู ทันทีที่เขาเปิดปากเอ่ยขึ้นมานั้นราวกับว่ากลายร่างเป็นดาบซามูไรเล่มหนึ่งเลยก็ไม่ปาน กลางนัยน์ตาดำขลับทั้งสองข้างมืดทมิฬเย็นยะเยือก จิตสังหารปรากฏตัวขึ้นมาในทันที

“กู…”

หัวงูละล้าละลังไม่ถึงหนึ่งวินาทีเท่านั้น!

ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงกับพื้นในทันที หลังจากนั้นก็โขลกศีรษะติดต่อกันดังปึก ๆ ๆ สามครั้ง ในหัวใจของเขามีลางสังหารที่รุนแรงชนิดหนึ่งว่าหากไม่คุกเข่าลงแล้วละก็ มีโอกาสสูงเป็นอย่างมากว่าเขาจะต้องตายที่นี่!

มู่เซิ่งกักเก็บจิตสังหาร ก่อนจะเช็ดไม้เช็ดมืออย่างไม่ใส่ใจ กล่าวว่า “ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก มิฉะนั้น ตาย!”

“ไม่เด็ดขาดครับ จะไม่ทำอย่างเด็ดขาดเลยครับ”

หัวงูคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้น ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยความตกใจหวาดกลัวอย่างไร้เทียบเทียมว่า “หลังจากนี้เธอจะเป็นบุคคลที่ผมเคารพครับ! หากพบเห็นเธอแล้วละก็ ผมก็จะจากไปทันที…”

“ไปกันเถอะ”

มู่เซิ่งเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างกายของฉู่อีอี

“ฉัน…” ฉู่อีอีเดินทางมู่เซิ่งอยู่ทางด้านหลังราวกับคนโง่คนหนึ่ง สติยังไม่กลับนับตั้งแต่ตกตะลึงไป ชายคนนี้ที่เธอถือว่าเป็นคนสะกดรอยตามกลับเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงคนหนึ่ง แถมยังเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงเหนือคนธรรมดาคนหนึ่งอีกด้วย!!

ทั้งสองคนจากเขตเล็กออกมากันแล้ว

อันธพาลสองสามคนตอนนี้ยังคงคุกเข่าอยู่ในห้อง สิ่งของล้วนถูกทุบแตก หยาดโลหิตไหลเจิ่งนองพื้นเต็มไปหมด มู่เซิ่งเองก็จะไม่ให้ฉู่อีอีกลับไปอาศัยอยู่ที่เขตเล็กเก่าแก่ทรุดโทรมนั่นอีกครั้งเหมือนกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงหาโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะจัดแจงส่งฉู่อีอีให้เข้าพักให้เรียบร้อยก่อนเป็นลำดับแรก

สีหน้าของพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมมองสำรวจบนร่างกายของทั้งสองคนไม่หยุด ทั้งยังจงใจเอ่ยขึ้นมาด้วยอีกว่าเหลือเพียงห้องเตียงใหญ่เตียงเดี่ยวเท่านั้น ทำเอาทั่วทั้งใบหน้าของฉู่อีอีแดงระเรื่อไปหมด

“มู่ คุณอามู่ คุณอารู้จักพี่ชายของฉันจริง ๆ หรือคะ?”

ภายในตัวห้อง ฉู่อีอีใช้ความคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เอ่ยปากถามออกไปแล้ว

สีหน้าของมู่เซิ่งลำบากใจเล็กน้อย “คุณอามู่หรือ? ฉันพึ่งจะยี่สิบต้น ๆ เองเถอะ ทำไมถึงเป็นคุณอาไปแล้วล่ะ”

“เอ่อ ไม่ค่ะ พี่มู่” ฉู่อีอีกุลีกุจอเปลี่ยนคำเรียกทันที “ในปีนั้นที่พี่ชายฉันจากบ้านไป บอกว่าจะไปเข้าร่วมบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ในทุก ๆ ปีล้วนส่งเงินไม่น้อยกลับมาในบ้าน ทว่าหลังจากนั้น เขาบอกว่าบริษัทมีเรื่องให้เขาออกนอกประเทศ หลังจากนั้นฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลยค่ะ”

“พ่อของฉันล้วนเล่นพนันเงินอยู่ข้างนอกทุกวันค่ะ เอาเงินที่พี่ส่งมาไปจ่ายทั้งหมดแล้ว ฉันเขียนจดหมายหาพี่ตลอด แถมเคยไปสถานีตำรวจเพื่อตามหาเขาด้วย แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยค่ะ…สามปีแล้ว ฉันอยากที่จะทราบค่ะ ว่าสรุปแล้วพี่ฉันตอนนี้อยู่ที่ไหน ฉันคิดถึงเขามากเลยค่ะ”

“ฮือ ๆ ๆ ๆ …”

กล่าวมาจนถึงตอนสุดท้าย ร่างทั้งร่างของเธอก็ปกปิดใบหน้าเอาไว้ ก่อนที่เสียงร้องไห้เบา ๆ จะดังขึ้นมา

พี่ชายหายสาบสูญไปสามปี บิดาเล่นพนันจนถึงขึ้นเสพติด ความกดดันทั้งหมดในบ้านล้วนต้านทานอยู่บนร่างของฉู่อีอีเพียงคนเดียวทั้งหมด สุดท้ายตอนนี้เธอก็หาคนรับฟังได้แล้ว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะร่ำไห้ออกมา

มู่เซิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เธอจะหวั่นไหวมาเช่นนี้ ดังนั้นจึงสวมกอดฉู่อีอีเอาไว้ รู้สึกไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรเล็กน้อย เดิมทีความจริงเรื่องที่พี่ชายของเธอต่อสู้จนตัวตายนั้น มันล้วนจุกติดอยู่ในริมฝีปากทั้งหมดเสียแล้ว

“เธอ พี่ชายของเธอกำลังเจรจาธุรกิจใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ เขาปลีกตัวหาเวลาออกมาไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ฉันกลับมาดูแลเธอ”

“ฮือ ๆ ๆ จริงหรือคะ?”

หยาดน้ำตาของฉู่อีอียังคงไหลรินไม่หยุด มู่เซิ่งจึงรู้สึกได้จากความอบอุ่นสองกลุ่มที่แนบชิดอยู่ที่ทรวงอกของเขา ก่อนจะพบว่าน้องสาวคนนี้รู้ความเป็นอย่างมาก

เขาเสตามองไปทางอื่น กล่าวว่า “วางใจเถอะ พี่ชายของเธอไม่เป็นอะไรหรอก”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถต่อสายโทรศัพท์กับพี่ชายฉันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันคิดถึงเขามาก ๆ เลยค่ะ” ฉู่อีอีเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่กำลังร่ายรำ

“นี่ เกรงว่าคงจะไม่ได้”

“ทำไมหรือคะ? คำขอนี้มันมากเกินไปหรือคะ?” ฉู่อีอีกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ไม่ ไม่มากเกินไปหรอก…แต่พี่ชายของเธอตอนนี้กำลังอยู่ในเขตที่ไม่มีคน ดังนั้นจึงโทรศัพท์ไม่ได้” มู่เซิ่งไม่ยอมที่จะกล่าวต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “ฉู่อีอี เธออยู่ที่นี่ไปก่อนนะ รอคฤหาสน์เขตซีไห่ตกแต่งภายในเสร็จแล้ว เธอก็จะสามารถเข้าไปอยู่ได้แล้ว ส่วนค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในบัตรใบนี้ของฉันมีเงินอยู่นิดหน่อย เธอสามารถเอาไปใช้จ่ายก่อนได้เลย”

มู่เซิ่งหยิบบัตรธนาคารออกมาใบหนึ่ง ก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าของฉู่อีอี

“คฤหาสน์เขตซีไห่ นั่นไม่ใช่สถานที่ต้องเป็นคนมีเงินถึงจะสามารถพักอาศัยได้หรือคะ? พี่มู่ พี่มีเงินมากหรือคะ?”

ฉู่อีอีเอ่ยพูดพร้อมกับดวงตาที่เปิดกว้าง

“ก็แค่มีเงินนิดหน่อยเท่านั้น ไม่สู้พี่ชายเธอหรอก” มู่เซิ่งหัวเราะพลางกล่าว ที่หางตาแฝงความเปียกชื้น

สละร่างกายเพื่อชาติ นั่นถึงจะถือว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ต่างหาก!

เดินออกมาจากโรงแรม มู่เซิ่งก็เข้าไปดูขั้นตอนการตกแต่งภายในของเขตคฤหาสน์ที่เขตซีไห่อีกครั้ง อ้างอิงตามความคืบหน้า ณ ปัจจุบันแล้ว เกรงว่าครึ่งเดือนก็จะดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว

“ฉู่เจ๋อ ตอนนี้คุณวางใจเถอะ ผมจะชอบดูแลน้องสาวของคุณอย่างแน่นอนครับ”

สบตามองเมฆหมอกที่เต็มอยู่บนแม่น้ำ ในปากของมู่เซิ่งงึมงำเสียงเบา สุดท้ายแล้วก็เอ่ยสมทบขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า “ผมใช้ชีวิตเป็นประกันเลย!”

วันเวลาที่รุ่งโรจน์ร้อนแรงพลุ่งพล่านในตอนก่อนหน้านี้ มันกำลังฉายอยู่ตรงหน้าของเขาราวกับภาพยนตร์เลยก็ไม่ปาน

วางใจเถอะ สหาย

ความแค้นของพวกคุณ ผมมู่เซิ่งจะไม่ลืม!

เจียงหว่านออกมาจากบ้าน เดินทางตามมาถึงเขตซีไห่ ในตอนที่เห็นมู่เซิ่งกำลังยืนอยู่ติดกับแม่น้ำเพียงคนเดียวนั้นเอง จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดตัวลง

ภายใต้โคมไฟถนนที่เหลืองอร่ามเลือนราง เงาแผ่นหลังของเขาถูกลากดึงให้แคบยาวอย่างไร้ขีดจำกัด สายตาทอดมองไปยังแม่น้ำ บนร่างราวกับว่ามีกลิ่นอายความรู้สึกของวีรบุรุษที่ทำลายความรู้สึกเฉยเมยปรากฏออกมา

ปลายจมูกของเจียงหว่านแสบร้อนทันที หวนคิดถึงภาพที่มู่เซิ่งทุกข์ยากแต่ไม่ปริปากบ่นในหลายปีมานี้ เมื่อหวนคิดถึงสภาวะของเขาอีกครั้ง ดูเหมือนเธอแทบจะเข้าใจเขาน้อยเป็นอย่างมาก กระทั่งช่วงหนึ่งเคยมองเขาว่าเป็นไอ้ขยะมาก่อน

กระบอกตาของเธอแดงก่ำ สบตามองไปยังมู่เซิ่งแล้วเดินเข้าไปหา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่งบทที่ 73 ผู้มีฝีมือเหนือคนธรรมดา

Now you are reading มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 73 ผู้มีฝีมือเหนือคนธรรมดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 73 ผู้มีฝีมือเหนือคนธรรมดา

สุรเสียงของมู่เซิ่งดังสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด ทั้งดังกึกก้องไปทั่ว!

“มึงพูดว่าอะไรนะ? ให้กูโขลกหัวหรือ?”

ราวกับว่าหัวงูได้ยินเรื่องที่น่าขันที่สุดในใต้หล้าเรื่องหนึ่งแล้วก็ไม่ปาน ก่อนจะระเบิดหัวร่อออกมาในทันที “มึงถือดีอะไร? มึงคิดว่ามึงเป็นใคร กูจะบอกมึงให้นะ ถึงตอนนี้มึงจะโขลกหัวก็ตาม แต่มันก็สายไปแล้วเหมือนกัน!”

“เหลืออีกสิบวินาที” มู่เซิ่งสบตามองนาฬิกาข้อมือด้วยสายตาราบเรียบไปหนึ่งหน

ทว่าเขากลับหันศีรษะกลับไป ก่อนจะคว้ามือของฉู่อีอีมาจับเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ฉู่อีอี บ้านนี่เก่ามากเกินไปแล้ว ย้ายออกไปก่อนเถอะ ฉันจะหาที่อยู่แทนเธอเอง”

“อะ อืม…” ฉู่อีอีพยักหน้าขึ้นลงไปมาอย่างตะลึงงัน

ทั้งสองคนเปิดประตูออก ก่อนจะเดินไปยังตำแหน่งปากประตู

“ทำไม มึงคิดจะไปหรือ? หรือว่าไม่อยากให้เธอเห็นสารรูปที่มึงคุกเข่าลง?”

“ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้กูเข้าใจได้แล้วว่าทำไมถึงต้องให้เวลาสามสิบวินาที คือต้องการให้คนอื่นออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องขายขี้หน้าสินะ”

หัวงูสบตามองท่าทางของมู่เซิ่งที่พาฉู่อีอีออกจากประตูไป ก่อนจะหัวเราะแล้วเอ่ยพูด หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปหา มือข้างหนึ่งจึงหมายจะฉวยโอกาสไปคว้าเข้าที่หัวไหล่ของเขาเอาไว้ เพื่อต้องการที่จะกดมู่เซิ่งให้คุกเข่าลงไป

ปัง!

มือของหัวงูพึ่งจะยื่นออกไป จู่ ๆ มู่เซิ่งก็เบี่ยงตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกำมือขวาของเขาเอาไว้แน่น หลังจากนั้นก็ส่งไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว

กึก!

มือขวาของเขาส่งเข้าไปในรอยแยกระหว่างประตูเหล็กกับปากประตู ในตอนนั้นเอง ประตูเหล็กก็ปิดทับลงมาอย่างรุนแรง ในช่วงระยะเวลาเดี๋ยวกันนั้นเอง เสียงกระดูกที่ถูกบดละเอียดทำให้ทุกคนขนหัวลุกก็ได้ดังขึ้นที่ข้างใบหูของทุกคน

“อ๊ากกก! มือของกู มือของกู!”

ทั้งมือขวาแตกหักไปทั้งมือ หัวงูส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับหัวใจฉีกทรวงอกแตก “เหี้ยเอ๊ย! ลุยเลย ทำให้มันตาย!”

สุรเสียงสิ้นสุดลง

เอ้อหู่ที่เป็นอันธพาลรูปร่างกำยำสูงใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งก็พุ่งเข้าไปหามู่เซิ่งแล้ว มือกำกระบองเหล็กเอาไว้อยู่ ก่อนจะฟาดลงไปที่ศีรษะของมู่เซิ่งอย่างรุนแรง

อันธพาลทางด้านข้างเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ทั้งก็เฮโลลุยเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน

หัวงูกำลังกุมมือที่หักเอาไว้อยู่ สบตามองไปยังฉากทั้งหมด มุมปากแสยะยิ้มร้ายออกมา

ต่อให้มึงจะสามารถสู้ได้อีกก็ตามเถอะ แต่จะสามารถสู้ชนะคนกลุ่มหนึ่งได้หรือ?

มู่เซิ่งไม่ได้กล่าวคำ ทว่าสิ่งที่ตอบกลับพวกเขานั้น มีเพียงหมัดในมือหมัดเดียวเท่านั้น!

ปัง!

เสียงดังสนั่นหนึ่งเสียงดังขึ้น ร่างกายของทุกคนล้วนนิ่งแข็งกันทั้งหมดในทันที เงาสายหนึ่งบินลอยออกมาจากริมฝีปากทันที เป็นเอ้อหู่เมื่อครู่นี้นี่เอง!

ผลัก!

ในที่สุดเอ้อหูชนเข้ากับโต๊ะน้ำชา แก้วชาที่อยู่ทางด้านบนหล่นแตกทันที เสียงตกกระทบดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

สีหน้าบนใบหน้าของหัวงูแฝงไปด้วยความตะลึงทันที

เมื่อครู่นี้เขามองไม่ทันเสียด้วยซ้ำว่ามู่เซิ่งลงมืออย่างไร!

“ถึงเวลาแล้ว”

มู่เซิ่งสบตามองนาฬิกาข้อมือหนึ่งหน ก่อนจะสาวเท้ามุ่งหน้าออกตัวไปสองก้าว สายตาลอยตกกระทบไปบนร่างของหัวงู ทันทีที่เขาเปิดปากเอ่ยขึ้นมานั้นราวกับว่ากลายร่างเป็นดาบซามูไรเล่มหนึ่งเลยก็ไม่ปาน กลางนัยน์ตาดำขลับทั้งสองข้างมืดทมิฬเย็นยะเยือก จิตสังหารปรากฏตัวขึ้นมาในทันที

“กู…”

หัวงูละล้าละลังไม่ถึงหนึ่งวินาทีเท่านั้น!

ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงกับพื้นในทันที หลังจากนั้นก็โขลกศีรษะติดต่อกันดังปึก ๆ ๆ สามครั้ง ในหัวใจของเขามีลางสังหารที่รุนแรงชนิดหนึ่งว่าหากไม่คุกเข่าลงแล้วละก็ มีโอกาสสูงเป็นอย่างมากว่าเขาจะต้องตายที่นี่!

มู่เซิ่งกักเก็บจิตสังหาร ก่อนจะเช็ดไม้เช็ดมืออย่างไม่ใส่ใจ กล่าวว่า “ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก มิฉะนั้น ตาย!”

“ไม่เด็ดขาดครับ จะไม่ทำอย่างเด็ดขาดเลยครับ”

หัวงูคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้น ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยความตกใจหวาดกลัวอย่างไร้เทียบเทียมว่า “หลังจากนี้เธอจะเป็นบุคคลที่ผมเคารพครับ! หากพบเห็นเธอแล้วละก็ ผมก็จะจากไปทันที…”

“ไปกันเถอะ”

มู่เซิ่งเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างกายของฉู่อีอี

“ฉัน…” ฉู่อีอีเดินทางมู่เซิ่งอยู่ทางด้านหลังราวกับคนโง่คนหนึ่ง สติยังไม่กลับนับตั้งแต่ตกตะลึงไป ชายคนนี้ที่เธอถือว่าเป็นคนสะกดรอยตามกลับเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงคนหนึ่ง แถมยังเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงเหนือคนธรรมดาคนหนึ่งอีกด้วย!!

ทั้งสองคนจากเขตเล็กออกมากันแล้ว

อันธพาลสองสามคนตอนนี้ยังคงคุกเข่าอยู่ในห้อง สิ่งของล้วนถูกทุบแตก หยาดโลหิตไหลเจิ่งนองพื้นเต็มไปหมด มู่เซิ่งเองก็จะไม่ให้ฉู่อีอีกลับไปอาศัยอยู่ที่เขตเล็กเก่าแก่ทรุดโทรมนั่นอีกครั้งเหมือนกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงหาโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะจัดแจงส่งฉู่อีอีให้เข้าพักให้เรียบร้อยก่อนเป็นลำดับแรก

สีหน้าของพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมมองสำรวจบนร่างกายของทั้งสองคนไม่หยุด ทั้งยังจงใจเอ่ยขึ้นมาด้วยอีกว่าเหลือเพียงห้องเตียงใหญ่เตียงเดี่ยวเท่านั้น ทำเอาทั่วทั้งใบหน้าของฉู่อีอีแดงระเรื่อไปหมด

“มู่ คุณอามู่ คุณอารู้จักพี่ชายของฉันจริง ๆ หรือคะ?”

ภายในตัวห้อง ฉู่อีอีใช้ความคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เอ่ยปากถามออกไปแล้ว

สีหน้าของมู่เซิ่งลำบากใจเล็กน้อย “คุณอามู่หรือ? ฉันพึ่งจะยี่สิบต้น ๆ เองเถอะ ทำไมถึงเป็นคุณอาไปแล้วล่ะ”

“เอ่อ ไม่ค่ะ พี่มู่” ฉู่อีอีกุลีกุจอเปลี่ยนคำเรียกทันที “ในปีนั้นที่พี่ชายฉันจากบ้านไป บอกว่าจะไปเข้าร่วมบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ในทุก ๆ ปีล้วนส่งเงินไม่น้อยกลับมาในบ้าน ทว่าหลังจากนั้น เขาบอกว่าบริษัทมีเรื่องให้เขาออกนอกประเทศ หลังจากนั้นฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลยค่ะ”

“พ่อของฉันล้วนเล่นพนันเงินอยู่ข้างนอกทุกวันค่ะ เอาเงินที่พี่ส่งมาไปจ่ายทั้งหมดแล้ว ฉันเขียนจดหมายหาพี่ตลอด แถมเคยไปสถานีตำรวจเพื่อตามหาเขาด้วย แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยค่ะ…สามปีแล้ว ฉันอยากที่จะทราบค่ะ ว่าสรุปแล้วพี่ฉันตอนนี้อยู่ที่ไหน ฉันคิดถึงเขามากเลยค่ะ”

“ฮือ ๆ ๆ ๆ …”

กล่าวมาจนถึงตอนสุดท้าย ร่างทั้งร่างของเธอก็ปกปิดใบหน้าเอาไว้ ก่อนที่เสียงร้องไห้เบา ๆ จะดังขึ้นมา

พี่ชายหายสาบสูญไปสามปี บิดาเล่นพนันจนถึงขึ้นเสพติด ความกดดันทั้งหมดในบ้านล้วนต้านทานอยู่บนร่างของฉู่อีอีเพียงคนเดียวทั้งหมด สุดท้ายตอนนี้เธอก็หาคนรับฟังได้แล้ว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะร่ำไห้ออกมา

มู่เซิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เธอจะหวั่นไหวมาเช่นนี้ ดังนั้นจึงสวมกอดฉู่อีอีเอาไว้ รู้สึกไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรเล็กน้อย เดิมทีความจริงเรื่องที่พี่ชายของเธอต่อสู้จนตัวตายนั้น มันล้วนจุกติดอยู่ในริมฝีปากทั้งหมดเสียแล้ว

“เธอ พี่ชายของเธอกำลังเจรจาธุรกิจใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ เขาปลีกตัวหาเวลาออกมาไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ฉันกลับมาดูแลเธอ”

“ฮือ ๆ ๆ จริงหรือคะ?”

หยาดน้ำตาของฉู่อีอียังคงไหลรินไม่หยุด มู่เซิ่งจึงรู้สึกได้จากความอบอุ่นสองกลุ่มที่แนบชิดอยู่ที่ทรวงอกของเขา ก่อนจะพบว่าน้องสาวคนนี้รู้ความเป็นอย่างมาก

เขาเสตามองไปทางอื่น กล่าวว่า “วางใจเถอะ พี่ชายของเธอไม่เป็นอะไรหรอก”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถต่อสายโทรศัพท์กับพี่ชายฉันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันคิดถึงเขามาก ๆ เลยค่ะ” ฉู่อีอีเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่กำลังร่ายรำ

“นี่ เกรงว่าคงจะไม่ได้”

“ทำไมหรือคะ? คำขอนี้มันมากเกินไปหรือคะ?” ฉู่อีอีกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ไม่ ไม่มากเกินไปหรอก…แต่พี่ชายของเธอตอนนี้กำลังอยู่ในเขตที่ไม่มีคน ดังนั้นจึงโทรศัพท์ไม่ได้” มู่เซิ่งไม่ยอมที่จะกล่าวต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “ฉู่อีอี เธออยู่ที่นี่ไปก่อนนะ รอคฤหาสน์เขตซีไห่ตกแต่งภายในเสร็จแล้ว เธอก็จะสามารถเข้าไปอยู่ได้แล้ว ส่วนค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในบัตรใบนี้ของฉันมีเงินอยู่นิดหน่อย เธอสามารถเอาไปใช้จ่ายก่อนได้เลย”

มู่เซิ่งหยิบบัตรธนาคารออกมาใบหนึ่ง ก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าของฉู่อีอี

“คฤหาสน์เขตซีไห่ นั่นไม่ใช่สถานที่ต้องเป็นคนมีเงินถึงจะสามารถพักอาศัยได้หรือคะ? พี่มู่ พี่มีเงินมากหรือคะ?”

ฉู่อีอีเอ่ยพูดพร้อมกับดวงตาที่เปิดกว้าง

“ก็แค่มีเงินนิดหน่อยเท่านั้น ไม่สู้พี่ชายเธอหรอก” มู่เซิ่งหัวเราะพลางกล่าว ที่หางตาแฝงความเปียกชื้น

สละร่างกายเพื่อชาติ นั่นถึงจะถือว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ต่างหาก!

เดินออกมาจากโรงแรม มู่เซิ่งก็เข้าไปดูขั้นตอนการตกแต่งภายในของเขตคฤหาสน์ที่เขตซีไห่อีกครั้ง อ้างอิงตามความคืบหน้า ณ ปัจจุบันแล้ว เกรงว่าครึ่งเดือนก็จะดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว

“ฉู่เจ๋อ ตอนนี้คุณวางใจเถอะ ผมจะชอบดูแลน้องสาวของคุณอย่างแน่นอนครับ”

สบตามองเมฆหมอกที่เต็มอยู่บนแม่น้ำ ในปากของมู่เซิ่งงึมงำเสียงเบา สุดท้ายแล้วก็เอ่ยสมทบขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า “ผมใช้ชีวิตเป็นประกันเลย!”

วันเวลาที่รุ่งโรจน์ร้อนแรงพลุ่งพล่านในตอนก่อนหน้านี้ มันกำลังฉายอยู่ตรงหน้าของเขาราวกับภาพยนตร์เลยก็ไม่ปาน

วางใจเถอะ สหาย

ความแค้นของพวกคุณ ผมมู่เซิ่งจะไม่ลืม!

เจียงหว่านออกมาจากบ้าน เดินทางตามมาถึงเขตซีไห่ ในตอนที่เห็นมู่เซิ่งกำลังยืนอยู่ติดกับแม่น้ำเพียงคนเดียวนั้นเอง จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดตัวลง

ภายใต้โคมไฟถนนที่เหลืองอร่ามเลือนราง เงาแผ่นหลังของเขาถูกลากดึงให้แคบยาวอย่างไร้ขีดจำกัด สายตาทอดมองไปยังแม่น้ำ บนร่างราวกับว่ามีกลิ่นอายความรู้สึกของวีรบุรุษที่ทำลายความรู้สึกเฉยเมยปรากฏออกมา

ปลายจมูกของเจียงหว่านแสบร้อนทันที หวนคิดถึงภาพที่มู่เซิ่งทุกข์ยากแต่ไม่ปริปากบ่นในหลายปีมานี้ เมื่อหวนคิดถึงสภาวะของเขาอีกครั้ง ดูเหมือนเธอแทบจะเข้าใจเขาน้อยเป็นอย่างมาก กระทั่งช่วงหนึ่งเคยมองเขาว่าเป็นไอ้ขยะมาก่อน

กระบอกตาของเธอแดงก่ำ สบตามองไปยังมู่เซิ่งแล้วเดินเข้าไปหา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด