ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 156 ชายชราเป็นบั๊ก

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 156 ชายชราเป็นบั๊ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 156 ชายชราเป็นบั๊ก

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าชายชราเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า ก่อนหน้านั้นชายชรายังพูดกับตัวเองว่าจะบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภหรือไม่ก็รูปปั้นกวนอูอะไรพวกนี้มาไว้ในร้านหนังสือหรือไม่

แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้วไม่จำเป็นต้องหารูปปั้นอะไรแล้ว แค่รับชายชรามาอยู่ที่ร้านหนังสือโดยตรงก็สามารถรักษาฮวงจุ้ยในร้านหนังสือให้ราบรื่นได้แน่นอน

ใช่ว่าโจวเจ๋อจะไม่เคยเจอผู้อุปถัมภ์มาก่อน แต่ชายชราคนนี้แทบจะเป็นผู้อุปถัมภ์ที่เป็นบั๊กเลย

และยังพูดประโยคนั้นเหมือนเดิม ตอนที่เขาไปเป็นทหาร ถ้าหากเขาเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นหรือไม่ก็เปลี่ยนฉากหลังของยุคนั้นเสียหน่อย เขาจะประสบความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร

แต่ดวงชะตาของทุกคนไม่เหมือนกัน การเลือกก็ไม่เหมือนกัน สำหรับชายชราแล้ว การเลือกเป็นทหาร ได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหายร่วมรบพวกนั้น ถึงจะเป็นการเลือกที่เขาไม่เสียใจเลย

ถึงแม้ว่าปีนี้จะอายุเก้าสิบปีแล้ว แต่เขาก็ยังฝันว่าได้พบปะกับเหล่าสหาย ‘ในความฝัน’ ได้ทุกคืน ตลอดชีวิตนี้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตต้อยต่ำเลย และไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ที่ยอมทิ้งอย่างอื่นที่ดีกว่าไป

ชายชราเคยพูดว่า เขาไม่มีลูกหลาน ดังนั้นถ้าหากเขาจากไปแล้ว ก็คือไปแล้วจริงๆ

บางทีที่เขามีชีวิตอยู่ตอนนี้ ก็เพื่อทำบ้านของตัวเองให้เป็นโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้นจริงๆ ให้เป็นสถานที่รวมตัวของสหายร่วมรบในตอนนั้น

อันที่จริงมองอีกแง่มุมหนึ่ง โจวเจ๋อรู้สึกว่าคำโคลงคู่ที่แขวนอยู่หน้าร้านหนังสือของตัวเอง เหมาะกับหน้าประตูบ้านของชายชรามากกว่า

ลองไปเรื่อยๆ เผื่อจะเข้าท่า

ตัวของโจวเจ๋อในตอนนี้ยากที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ โดยเฉพาะหลังจากที่ทำผลงานได้แล้ว งานที่เขาทำทำผลประโยชน์ได้มาก จึงไม่สามารถปล่อยตัวตามใจขี้เกียจได้เหมือนก่อน

แต่ชายชรากลับอยู่ในเรือนสี่ประสาน ใครเป็นคนแรกที่ตื่นจากฝันอันยิ่งใหญ่ ฉันคือผู้รู้เช่นเคย

ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ไม่มีข้อผูกมัด ถึงแม้เรือนสี่ประสานจะเล็ก แต่ความทรงจำของเขากลับไกลแสนไกล

จนกระทั่งฟ้าสาง ทุกอย่างเงียบสงบมาก

ตอนเช้า สวี่ชิงหล่างขับรถมาถึงที่นี่ นักพรตเฒ่าก็นั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนลิงตัวนั้นก็หาเจอแล้ว

ตอนที่โจวเจ๋อถูกประคองเข้าไปในรถ นักพรตเฒ่าก้มหน้าด้วยความรู้สึกขอโทษเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเถ้าแก่ของตัวเองแอบใช้วิชาจึงอ่อนแอมาก ผลปรากฏว่าตัวเองที่รีบมาช่วยกลับถูกตำรวจคุมตัวไว้เพราะไม่มีใบขับขี่

ครั้งนี้สวี่ชิงหล่างนำตัวเขาออกมาไม่เพียงแต่ใช้เส้นสายเท่านั้น แต่ยังต้องเผาเงินกระดาษอีกไม่น้อย ถึงแม้ว่าเถ้าแก่โจวจะไม่พูดอะไร แต่ตัวของนักพรตเฒ่าก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

“นักพรตเฒ่า” โจวเจ๋อพูด

“ครับ เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าเหลือบตามองเถ้าแก่ที่นั่งอยู่ข้างหลังอย่างใจฝ่อ

“ผ่านไปอีกสักพักพวกเราไปเรียนขับรถกันเถอะ สอบใบขับขี่กัน”

“เอ่อ…ได้เลย”

ความจริงแล้วโจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าต่างก็ขับรถเป็น แต่สวีเล่อไม่มีใบขับขี่ นักพรตเฒ่าก็ไม่เคยไปทำ ถ้าจะสอบจริงๆ ก็จำเป็นต้องทำตามขั้นตอน

ระหว่างทาง สวี่ชิงหล่างคอยมองหมอหลินที่นั่งอยู่ข้างหลังผ่านกระจกมองหลังไม่หยุด

มองเธอคอยเช็ดหน้าให้โจวเจ๋อ มองเธอปอกผลไม้ให้โจวเจ๋อ มองเธอคอยถามโจวเจ๋อว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าด้วยความใส่ใจ

สรุปก็คืออารมณ์ของคนอวดความรักอบอวลไปทั่วทั้งรถแล้ว

นักพรตเฒ่ากลับไม่สนใจ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่ทุกคนของเขาล้วนมีดวงดอกท้อเรื่องผู้หญิงหรือผีผู้หญิงอยู่แล้วของแบบนี้อิจฉากันไม่ได้ ถ้าอยากจะอิจฉาอย่างนั้นก็ต้องตายก่อน นักพรตเฒ่าไม่อยากตาย ดังนั้นเขาถึงยอมเป็นคนโสดทนเหงาดีกว่า เมื่อก่อนโจวเจ๋อถามเขาว่าทำไมไม่หาภรรยาสักคน นักพรตเฒ่าตอบว่าตัวเขาเองอยากเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ

ถ้าหากแต่งงานแล้ว จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อผู้หญิงขายบริการที่กำลังรอเขาไปปลอบใจ ถือว่าเป็นความเสียหายของพวกเธอจริงๆ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เสียสละตัวเองเพื่อให้ทุกคนสมปรารถนา

หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป สวี่ชิงหล่างจอดรถอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหมอหลิน

ก่อนที่หมอหลินจะลงจากรถ เธอได้พูดหนึ่งประโยคเป็นพิเศษ “ฉันจะส่งสัญญาให้หนึ่งฉบับ เซ็นเสร็จแล้วส่งให้ฉันก็ได้แล้วค่ะ”

โจวเจ๋อผิดหวังเล็กน้อย ออกไปครั้งนี้ถึงแม้จะใช้เวลาไม่เยอะ แต่สิ่งที่ได้ประสบมีเยอะมาก ทั้งสองคนวนเวียนกันไปมา ดูเหมือนจะกลับเข้าอีหรอบเดิมอีกแล้ว

สัญญาการหย่า

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่ได้รั้งเอาไว้ กระทั่งไม่พูดอะไรอีก ได้แต่โบกมือให้เธอ เตือนเธอให้พักผ่อนดีๆ หลังจากรอจนพูดจาไร้สาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอหลินจึงเข้าไปในบ้าน สวี่ชิงหล่างก็สตาร์ตรถใหม่ หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป ก็กลับมาถึงร้านหนังสือ

นักพรตเฒ่าลงจากรถก่อน เพื่อพาเจ้าลิงไปขุดโคลน

สวี่ชิงหล่างช่วยเปิดประตูรถให้โจวเจ๋อ เขายื่นบุหรี่ให้หนึ่งมวนแล้วพูดว่า “ถ้าหากชอบจริงๆ ก็กล้าๆ หน่อย”

“จากนั้นหมอหลินก็รู้สึกว่าฉันทำดีมาก จึงทิ้งเงินสามพันหยวนไว้ที่หัวเตียงให้ฉันโดยเฉพาะ?” โจวเจ๋อย้อนถาม

“…” สวี่ชิงหล่าง

“จริงๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันไม่ใช่คนในโลกมนุษย์ เธอกับฉันเกี่ยวข้องกันมากเกินไปจะไม่เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ”

“ไม่ใช่ละครรักเสียหน่อย จะเอาจุดพลิกผันมาจากไหนเยอะแยะ พูดจริงๆ นะ ถ้าหากวันนั้นคนที่ขับมาเซราติไม่ใช่ผีสาวไร้หน้าแต่เป็นหมอหลิน พวกคุณตอนนี้น่าจะมีลูกด้วยกันแล้วมั้ง”

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าสวี่ชิงหล่างพูดมีเหตุผลมาก ตัวเองไม่สามารถหาคำโต้ตอบได้เลย

“แน่นอนว่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทำเด็กหลอดแก้วก็ได้สบายจะตาย บ้านตระกูลหลินก็มีเงิน คุณก็ไปบอกพ่อของเธอว่านกเขาของคุณไม่ขัน ถ้าอยากอุ้มหลานก็ต้องทำเด็กหลอดแก้ว คาดว่าตระกูลหลินต้องยินดีจ่ายเงินให้คุณแน่นอน”

โจวเจ๋อมองสวี่ชิงหล่างอย่างแปลกใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสวี่ชิงหล่างเปลี่ยนเป็นคนไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเป็นเหล่าสวี่ที่ซื่อสัตย์จริงใจ ตอนนี้กลับรู้จักตอบโต้แล้ว แถมยังตอบโต้หลังจากที่โจวเจ๋อเยาะเย้ยเขาเมื่อครู่อีกด้วย จิตใจคนเราเปลี่ยนกันได้จริงๆ

โจวเจ๋ออยากลงจากรถภายใต้การประคองของสวี่ชิงหล่าง แต่เงาร่างสีขาวกลับวิ่งเข้ามาโดยตรง แล้วอุ้มโจวเจ๋อขึ้นมาอย่างอ่อนโยนมาก เอาตัวไปส่งในร้านหนังสือ ขณะเดียวกันก็พูดว่า

“เถ้าแก่ อุณหภูมิน้ำปรับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋อิงอิงหลังจากช่วยโจวเจ๋ออาบน้ำแล้ว ก็อุ้มโจวเจ๋อขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ภายในห้องนอนมีน้ำชาและผลไม้จัดวางเรียบร้อย โจวเจ๋อดื่มน้ำชาไปครึ่งถ้วย จากนั้นด้วยความมั่นใจและใส่ใจอิงอิงจึงใช้ต้นขาของตัวเองเป็นหมอน เพื่อให้โจวเจ๋อหนุนนอน แล้วใช้สองมือช่วยนวดศีรษะให้โจวเจ๋อได้ด้วยน้ำหนักมือที่พอดี เพื่อให้เขานอนหลับอย่างช้าๆ

นี่แหละคือการใช้ชีวิต นี่แหละคือชีวิตของคนเรา

พอตื่นขึ้นมาก็ตอนดึกพอดี โจวเจ๋อจึงดื่มน้ำบ๊วยแล้วกินอะไรเล็กน้อย โจวเจ๋อลงมานั่งที่โซฟาด้านล่างภายใต้การประคองของไป๋อิงอิง

ไม่นานนักสวี่ชิงหล่างก็ลงมาข้างล่าง เขาใส่ชุดสูทสีไวน์แดง หวีผมเรียบร้อย และที่ตัวดูเหมือนจะฉีดน้ำหอมอยู่บ้าง

“แต่งตัวโก้ขนาดนี้ จะไปไหน” โจวเจ๋อโบกหนังสือพิมพ์ในมือแล้วถาม

“คุณไม่ต้องยุ่ง” สวี่ชิงหล่างกลอกตาใส่โจวเจ๋อ

การกลอกตาครั้งนี้ สามารถแสดงความหมายของคำว่า ‘ดอกซิ่งแดงออกกำแพง’ ได้อย่างชัดเจน

สวี่ชิงหล่างจัดระเบียบตัวเองหน้ากระจก แล้วจึงถามไป๋อิงอิงด้วยความรู้สึกดีกับตัวเองว่า “แต่งแบบนี้เป็นยังไง”

“สวยมาก” ไป๋อิงอิงพูด

“ก่อนใส่ชุดนี้ นายเป็นนกไนติงเกลที่บินอยู่ในปารีสตอนกลางคืน แต่หลังจากใส่ชุดนี้ นายเป็นราชาเป็ดที่ค่าตัวสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้”

โจวเจ๋อพูดจบก็จิบกาแฟหนึ่งที

“ไม่ได้ถามคุณเสียหน่อย” สวี่ชิงหล่างโบกมือให้โจวเจ๋ออย่างดูแคลน

“คนที่แข็งไม่ขึ้น ไม่มีสิทธิ์ทำเป็นอวดเก่ง”

สวี่ชิงหล่างพูดพลางมองไปที่ไป๋อิงอิง แล้วส่งสายตาให้เธอในแบบที่ว่าคุณก็เข้าใจ

ไป๋อิงอิงหน้าแดงสองมือประสานกันจิกนิ้วไปมา อันที่จริงไอ้นั่นของเถ้าแก่…

สวี่ชิงหล่างเดินไปแล้ว เขานั่งแท็กซี่ออกไป ทว่ายังคงมีกลิ่นอายความโก้หรูของเขาหลงเหลืออยู่ในร้านหนังสือ

ไป๋อิงอิงช่วยชงกาแฟให้โจวเจ๋อต่อ ขณะเดียวกันก็พูดว่า “เถ้าแก่ เรื่องของนักบวชญี่ปุ่นคนนั้นเสี่ยวเข่อยังรอท่านตอบกลับอยู่”

“สั่งให้เธอคอยจับตามองต่อไป ช่วงนี้ผมไม่สุขภาพไม่ค่อยดี”

ไป๋อิงอิงพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว

ตอนที่สวี่ชิงหล่างเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เขาลังเลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ใส่เงินสดหกพันหยวนไว้ในกระเป๋าของเขา

เธอติดต่อเขา เขาไม่อยากมา แต่รู้สึกว่ามีเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจน อย่างเช่น ตัวเองไม่ใช่เป็ด (ผู้ชายขายตัว) อย่างที่เธอเข้าใจ ดังนั้นที่เขามา ไม่เพียงแต่นำเงินสามพันหยวนมาคืนเธอเท่านั้น แต่ยังเพิ่มให้เธออีกสามพันหยวน

จากนั้นตัวเองก็จะบอกเธออย่างจริงจังและขึงขังว่า คุณเก่งมาก ทำให้ฉันรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเงินค่าเหนื่อยของคุณ ฮู้…ผู้ชายอะนะ โดนดูถูกจากที่ไหน ก็ต้องลุกขึ้นมาจากตรงนั้น

เขากดกริ่งประตู ประตูถูกเปิดออก ผู้หญิงที่อยู่ข้างในมีท่าทางสง่ามาก เธอน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ไม่แต่งหน้า แต่กลับมีเสน่ห์มาก โชว์ให้เห็นผิวของเธอ ทำให้คนรู้สึกว่ามีปีศาจกำลังจะโผล่ออกมา

“ผม…” สวี่ชิงหล่างกระแอมให้ลำคอโล่ง เขาเพิ่งจะพูดได้หนึ่งคำ ปากของตัวเองก็ถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายอุดเอาไว้ จากนั้น

สวี่ชิงหล่างไม่ได้นอนหลับ ถึงแม้เขาจะเหนื่อยมาก เหมือนกับวัวแก่ที่ทำนาจนหมดแรง แต่เขาก็ยังฝืนถ่างตาของตัวเอง

ยื่นมือหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง เขาอยากจะให้เงิน ครั้งนี้เขาจะให้เงินก่อน!

ศักดิ์ศรี จะลืมศักดิ์ศรีไม่ได้!

ผู้ชายที่มีห้องชุดเกือบยี่สิบห้อง จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง!

“คุณจะทำอะไร” ผู้หญิงนอนอยู่บนเตียง คีบบุหรี่อยู่ในมือแล้วถาม

“ให้เงิน” สวี่ชิงหล่างกำลังปลดกระดุมกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง

‘ตุ้บ!’

เงินฟ่อนหนึ่งถูกหยิบออกมาจากใต้หมอนของผู้หญิงแล้วโยนทิ้งตรงหน้าของสวี่ชิงหล่าง มีมากถึงสองสามหมื่นหยวน สวี่ชิงหล่างตกตะลึงนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเงินสองสามพันในกระเป๋าของตัวเอง ดูเหมือนไม่น่าจะหยิบออกมาศักดิ์ศรีของตัวเอง ราวกับถูกบดขยี้อีกครั้งจนเละเป็นรูพรุน

“ฉันพอใจคุณมาก พอใจมากจริงๆ” ผู้หญิงพูด

“ผมก็พอใจคุณมากเหมือนกัน” สวี่ชิงหล่างไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมา

“พอใจราคาของฉันใช่ไหม”

“…” สวิ่ชิงหล่าง

ไม่ช้าสวี่ชิงหล่างก็ได้สติกลับมา หยิบเงินฟ่อนนั้นที่อยู่บนเตียงขึ้นมาแล้วจับมือข้างหนึ่งของผู้หญิง ยัดเงินกลับไปในมือของเธอ

“ผมไม่ต้องการเงินของคุณ และผมก็ไม่ใช่…เอ๊ะ ข้อมือของคุณ”

คราวที่แล้วไม่เห็น สามครั้งเมื่อครู่ก็ไม่เห็น ตอนนี้สวี่ชิงหล่างเห็นแล้ว ข้อมือซ้ายของผู้หญิงมีรอยแผลเป็นเป็นเส้นติดๆ กันยี่สิบแถว และมีสองสามรอยที่เพิ่งเกิดขึ้น ยังไม่สมานตัวเลย

“ทุกครั้งที่ผู้ชายทำกับฉันหนึ่งครั้งและทำให้ฉันพอใจ ฉันจะมีความสุขมาก หนึ่งความสุข ก็จะทิ้งสิ่งของที่ระลึกเหล่านี้เอาไว้ สามารถเตือนให้ฉันจำถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในวันนี้ได้ อย่างเช่น วันนี้”

มือขวาของผู้หญิงไม่รู้ว่าไปหยิบใบมีดมาจากไหน และต่อหน้าสวี่ชิงหล่าง ก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึบ’ เกิดรอยเลือดสดๆออกมา ผู้หญิงเงยหน้าขึ้น อ้าปาก แล้วสูดลมหายใจเย็นเข้าไปไม่หยุด เธอน่าจะเจ็บมาก แต่สีหน้าของเธอกลับมีความสุขที่สุดเหมือนกับคนที่ได้เสพยาสมปรารถนา

จากนั้นผู้หญิงจึงหยิบบุหรี่ที่ถูกจุดไฟแล้วมานาบลงบนรอยแผลใหม่โดยตรง

‘ซี๊ด…’ ผู้หญิงสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า “สบาย…”

…………………………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 156 ชายชราเป็นบั๊ก

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 156 ชายชราเป็นบั๊ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 156 ชายชราเป็นบั๊ก

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าชายชราเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า ก่อนหน้านั้นชายชรายังพูดกับตัวเองว่าจะบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภหรือไม่ก็รูปปั้นกวนอูอะไรพวกนี้มาไว้ในร้านหนังสือหรือไม่

แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้วไม่จำเป็นต้องหารูปปั้นอะไรแล้ว แค่รับชายชรามาอยู่ที่ร้านหนังสือโดยตรงก็สามารถรักษาฮวงจุ้ยในร้านหนังสือให้ราบรื่นได้แน่นอน

ใช่ว่าโจวเจ๋อจะไม่เคยเจอผู้อุปถัมภ์มาก่อน แต่ชายชราคนนี้แทบจะเป็นผู้อุปถัมภ์ที่เป็นบั๊กเลย

และยังพูดประโยคนั้นเหมือนเดิม ตอนที่เขาไปเป็นทหาร ถ้าหากเขาเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นหรือไม่ก็เปลี่ยนฉากหลังของยุคนั้นเสียหน่อย เขาจะประสบความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร

แต่ดวงชะตาของทุกคนไม่เหมือนกัน การเลือกก็ไม่เหมือนกัน สำหรับชายชราแล้ว การเลือกเป็นทหาร ได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหายร่วมรบพวกนั้น ถึงจะเป็นการเลือกที่เขาไม่เสียใจเลย

ถึงแม้ว่าปีนี้จะอายุเก้าสิบปีแล้ว แต่เขาก็ยังฝันว่าได้พบปะกับเหล่าสหาย ‘ในความฝัน’ ได้ทุกคืน ตลอดชีวิตนี้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตต้อยต่ำเลย และไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ที่ยอมทิ้งอย่างอื่นที่ดีกว่าไป

ชายชราเคยพูดว่า เขาไม่มีลูกหลาน ดังนั้นถ้าหากเขาจากไปแล้ว ก็คือไปแล้วจริงๆ

บางทีที่เขามีชีวิตอยู่ตอนนี้ ก็เพื่อทำบ้านของตัวเองให้เป็นโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้นจริงๆ ให้เป็นสถานที่รวมตัวของสหายร่วมรบในตอนนั้น

อันที่จริงมองอีกแง่มุมหนึ่ง โจวเจ๋อรู้สึกว่าคำโคลงคู่ที่แขวนอยู่หน้าร้านหนังสือของตัวเอง เหมาะกับหน้าประตูบ้านของชายชรามากกว่า

ลองไปเรื่อยๆ เผื่อจะเข้าท่า

ตัวของโจวเจ๋อในตอนนี้ยากที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ โดยเฉพาะหลังจากที่ทำผลงานได้แล้ว งานที่เขาทำทำผลประโยชน์ได้มาก จึงไม่สามารถปล่อยตัวตามใจขี้เกียจได้เหมือนก่อน

แต่ชายชรากลับอยู่ในเรือนสี่ประสาน ใครเป็นคนแรกที่ตื่นจากฝันอันยิ่งใหญ่ ฉันคือผู้รู้เช่นเคย

ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ไม่มีข้อผูกมัด ถึงแม้เรือนสี่ประสานจะเล็ก แต่ความทรงจำของเขากลับไกลแสนไกล

จนกระทั่งฟ้าสาง ทุกอย่างเงียบสงบมาก

ตอนเช้า สวี่ชิงหล่างขับรถมาถึงที่นี่ นักพรตเฒ่าก็นั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนลิงตัวนั้นก็หาเจอแล้ว

ตอนที่โจวเจ๋อถูกประคองเข้าไปในรถ นักพรตเฒ่าก้มหน้าด้วยความรู้สึกขอโทษเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเถ้าแก่ของตัวเองแอบใช้วิชาจึงอ่อนแอมาก ผลปรากฏว่าตัวเองที่รีบมาช่วยกลับถูกตำรวจคุมตัวไว้เพราะไม่มีใบขับขี่

ครั้งนี้สวี่ชิงหล่างนำตัวเขาออกมาไม่เพียงแต่ใช้เส้นสายเท่านั้น แต่ยังต้องเผาเงินกระดาษอีกไม่น้อย ถึงแม้ว่าเถ้าแก่โจวจะไม่พูดอะไร แต่ตัวของนักพรตเฒ่าก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

“นักพรตเฒ่า” โจวเจ๋อพูด

“ครับ เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าเหลือบตามองเถ้าแก่ที่นั่งอยู่ข้างหลังอย่างใจฝ่อ

“ผ่านไปอีกสักพักพวกเราไปเรียนขับรถกันเถอะ สอบใบขับขี่กัน”

“เอ่อ…ได้เลย”

ความจริงแล้วโจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าต่างก็ขับรถเป็น แต่สวีเล่อไม่มีใบขับขี่ นักพรตเฒ่าก็ไม่เคยไปทำ ถ้าจะสอบจริงๆ ก็จำเป็นต้องทำตามขั้นตอน

ระหว่างทาง สวี่ชิงหล่างคอยมองหมอหลินที่นั่งอยู่ข้างหลังผ่านกระจกมองหลังไม่หยุด

มองเธอคอยเช็ดหน้าให้โจวเจ๋อ มองเธอปอกผลไม้ให้โจวเจ๋อ มองเธอคอยถามโจวเจ๋อว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าด้วยความใส่ใจ

สรุปก็คืออารมณ์ของคนอวดความรักอบอวลไปทั่วทั้งรถแล้ว

นักพรตเฒ่ากลับไม่สนใจ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่ทุกคนของเขาล้วนมีดวงดอกท้อเรื่องผู้หญิงหรือผีผู้หญิงอยู่แล้วของแบบนี้อิจฉากันไม่ได้ ถ้าอยากจะอิจฉาอย่างนั้นก็ต้องตายก่อน นักพรตเฒ่าไม่อยากตาย ดังนั้นเขาถึงยอมเป็นคนโสดทนเหงาดีกว่า เมื่อก่อนโจวเจ๋อถามเขาว่าทำไมไม่หาภรรยาสักคน นักพรตเฒ่าตอบว่าตัวเขาเองอยากเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ

ถ้าหากแต่งงานแล้ว จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อผู้หญิงขายบริการที่กำลังรอเขาไปปลอบใจ ถือว่าเป็นความเสียหายของพวกเธอจริงๆ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เสียสละตัวเองเพื่อให้ทุกคนสมปรารถนา

หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป สวี่ชิงหล่างจอดรถอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหมอหลิน

ก่อนที่หมอหลินจะลงจากรถ เธอได้พูดหนึ่งประโยคเป็นพิเศษ “ฉันจะส่งสัญญาให้หนึ่งฉบับ เซ็นเสร็จแล้วส่งให้ฉันก็ได้แล้วค่ะ”

โจวเจ๋อผิดหวังเล็กน้อย ออกไปครั้งนี้ถึงแม้จะใช้เวลาไม่เยอะ แต่สิ่งที่ได้ประสบมีเยอะมาก ทั้งสองคนวนเวียนกันไปมา ดูเหมือนจะกลับเข้าอีหรอบเดิมอีกแล้ว

สัญญาการหย่า

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่ได้รั้งเอาไว้ กระทั่งไม่พูดอะไรอีก ได้แต่โบกมือให้เธอ เตือนเธอให้พักผ่อนดีๆ หลังจากรอจนพูดจาไร้สาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอหลินจึงเข้าไปในบ้าน สวี่ชิงหล่างก็สตาร์ตรถใหม่ หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป ก็กลับมาถึงร้านหนังสือ

นักพรตเฒ่าลงจากรถก่อน เพื่อพาเจ้าลิงไปขุดโคลน

สวี่ชิงหล่างช่วยเปิดประตูรถให้โจวเจ๋อ เขายื่นบุหรี่ให้หนึ่งมวนแล้วพูดว่า “ถ้าหากชอบจริงๆ ก็กล้าๆ หน่อย”

“จากนั้นหมอหลินก็รู้สึกว่าฉันทำดีมาก จึงทิ้งเงินสามพันหยวนไว้ที่หัวเตียงให้ฉันโดยเฉพาะ?” โจวเจ๋อย้อนถาม

“…” สวี่ชิงหล่าง

“จริงๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันไม่ใช่คนในโลกมนุษย์ เธอกับฉันเกี่ยวข้องกันมากเกินไปจะไม่เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ”

“ไม่ใช่ละครรักเสียหน่อย จะเอาจุดพลิกผันมาจากไหนเยอะแยะ พูดจริงๆ นะ ถ้าหากวันนั้นคนที่ขับมาเซราติไม่ใช่ผีสาวไร้หน้าแต่เป็นหมอหลิน พวกคุณตอนนี้น่าจะมีลูกด้วยกันแล้วมั้ง”

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าสวี่ชิงหล่างพูดมีเหตุผลมาก ตัวเองไม่สามารถหาคำโต้ตอบได้เลย

“แน่นอนว่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทำเด็กหลอดแก้วก็ได้สบายจะตาย บ้านตระกูลหลินก็มีเงิน คุณก็ไปบอกพ่อของเธอว่านกเขาของคุณไม่ขัน ถ้าอยากอุ้มหลานก็ต้องทำเด็กหลอดแก้ว คาดว่าตระกูลหลินต้องยินดีจ่ายเงินให้คุณแน่นอน”

โจวเจ๋อมองสวี่ชิงหล่างอย่างแปลกใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสวี่ชิงหล่างเปลี่ยนเป็นคนไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเป็นเหล่าสวี่ที่ซื่อสัตย์จริงใจ ตอนนี้กลับรู้จักตอบโต้แล้ว แถมยังตอบโต้หลังจากที่โจวเจ๋อเยาะเย้ยเขาเมื่อครู่อีกด้วย จิตใจคนเราเปลี่ยนกันได้จริงๆ

โจวเจ๋ออยากลงจากรถภายใต้การประคองของสวี่ชิงหล่าง แต่เงาร่างสีขาวกลับวิ่งเข้ามาโดยตรง แล้วอุ้มโจวเจ๋อขึ้นมาอย่างอ่อนโยนมาก เอาตัวไปส่งในร้านหนังสือ ขณะเดียวกันก็พูดว่า

“เถ้าแก่ อุณหภูมิน้ำปรับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋อิงอิงหลังจากช่วยโจวเจ๋ออาบน้ำแล้ว ก็อุ้มโจวเจ๋อขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ภายในห้องนอนมีน้ำชาและผลไม้จัดวางเรียบร้อย โจวเจ๋อดื่มน้ำชาไปครึ่งถ้วย จากนั้นด้วยความมั่นใจและใส่ใจอิงอิงจึงใช้ต้นขาของตัวเองเป็นหมอน เพื่อให้โจวเจ๋อหนุนนอน แล้วใช้สองมือช่วยนวดศีรษะให้โจวเจ๋อได้ด้วยน้ำหนักมือที่พอดี เพื่อให้เขานอนหลับอย่างช้าๆ

นี่แหละคือการใช้ชีวิต นี่แหละคือชีวิตของคนเรา

พอตื่นขึ้นมาก็ตอนดึกพอดี โจวเจ๋อจึงดื่มน้ำบ๊วยแล้วกินอะไรเล็กน้อย โจวเจ๋อลงมานั่งที่โซฟาด้านล่างภายใต้การประคองของไป๋อิงอิง

ไม่นานนักสวี่ชิงหล่างก็ลงมาข้างล่าง เขาใส่ชุดสูทสีไวน์แดง หวีผมเรียบร้อย และที่ตัวดูเหมือนจะฉีดน้ำหอมอยู่บ้าง

“แต่งตัวโก้ขนาดนี้ จะไปไหน” โจวเจ๋อโบกหนังสือพิมพ์ในมือแล้วถาม

“คุณไม่ต้องยุ่ง” สวี่ชิงหล่างกลอกตาใส่โจวเจ๋อ

การกลอกตาครั้งนี้ สามารถแสดงความหมายของคำว่า ‘ดอกซิ่งแดงออกกำแพง’ ได้อย่างชัดเจน

สวี่ชิงหล่างจัดระเบียบตัวเองหน้ากระจก แล้วจึงถามไป๋อิงอิงด้วยความรู้สึกดีกับตัวเองว่า “แต่งแบบนี้เป็นยังไง”

“สวยมาก” ไป๋อิงอิงพูด

“ก่อนใส่ชุดนี้ นายเป็นนกไนติงเกลที่บินอยู่ในปารีสตอนกลางคืน แต่หลังจากใส่ชุดนี้ นายเป็นราชาเป็ดที่ค่าตัวสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้”

โจวเจ๋อพูดจบก็จิบกาแฟหนึ่งที

“ไม่ได้ถามคุณเสียหน่อย” สวี่ชิงหล่างโบกมือให้โจวเจ๋ออย่างดูแคลน

“คนที่แข็งไม่ขึ้น ไม่มีสิทธิ์ทำเป็นอวดเก่ง”

สวี่ชิงหล่างพูดพลางมองไปที่ไป๋อิงอิง แล้วส่งสายตาให้เธอในแบบที่ว่าคุณก็เข้าใจ

ไป๋อิงอิงหน้าแดงสองมือประสานกันจิกนิ้วไปมา อันที่จริงไอ้นั่นของเถ้าแก่…

สวี่ชิงหล่างเดินไปแล้ว เขานั่งแท็กซี่ออกไป ทว่ายังคงมีกลิ่นอายความโก้หรูของเขาหลงเหลืออยู่ในร้านหนังสือ

ไป๋อิงอิงช่วยชงกาแฟให้โจวเจ๋อต่อ ขณะเดียวกันก็พูดว่า “เถ้าแก่ เรื่องของนักบวชญี่ปุ่นคนนั้นเสี่ยวเข่อยังรอท่านตอบกลับอยู่”

“สั่งให้เธอคอยจับตามองต่อไป ช่วงนี้ผมไม่สุขภาพไม่ค่อยดี”

ไป๋อิงอิงพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว

ตอนที่สวี่ชิงหล่างเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เขาลังเลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ใส่เงินสดหกพันหยวนไว้ในกระเป๋าของเขา

เธอติดต่อเขา เขาไม่อยากมา แต่รู้สึกว่ามีเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจน อย่างเช่น ตัวเองไม่ใช่เป็ด (ผู้ชายขายตัว) อย่างที่เธอเข้าใจ ดังนั้นที่เขามา ไม่เพียงแต่นำเงินสามพันหยวนมาคืนเธอเท่านั้น แต่ยังเพิ่มให้เธออีกสามพันหยวน

จากนั้นตัวเองก็จะบอกเธออย่างจริงจังและขึงขังว่า คุณเก่งมาก ทำให้ฉันรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเงินค่าเหนื่อยของคุณ ฮู้…ผู้ชายอะนะ โดนดูถูกจากที่ไหน ก็ต้องลุกขึ้นมาจากตรงนั้น

เขากดกริ่งประตู ประตูถูกเปิดออก ผู้หญิงที่อยู่ข้างในมีท่าทางสง่ามาก เธอน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ไม่แต่งหน้า แต่กลับมีเสน่ห์มาก โชว์ให้เห็นผิวของเธอ ทำให้คนรู้สึกว่ามีปีศาจกำลังจะโผล่ออกมา

“ผม…” สวี่ชิงหล่างกระแอมให้ลำคอโล่ง เขาเพิ่งจะพูดได้หนึ่งคำ ปากของตัวเองก็ถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายอุดเอาไว้ จากนั้น

สวี่ชิงหล่างไม่ได้นอนหลับ ถึงแม้เขาจะเหนื่อยมาก เหมือนกับวัวแก่ที่ทำนาจนหมดแรง แต่เขาก็ยังฝืนถ่างตาของตัวเอง

ยื่นมือหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง เขาอยากจะให้เงิน ครั้งนี้เขาจะให้เงินก่อน!

ศักดิ์ศรี จะลืมศักดิ์ศรีไม่ได้!

ผู้ชายที่มีห้องชุดเกือบยี่สิบห้อง จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง!

“คุณจะทำอะไร” ผู้หญิงนอนอยู่บนเตียง คีบบุหรี่อยู่ในมือแล้วถาม

“ให้เงิน” สวี่ชิงหล่างกำลังปลดกระดุมกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง

‘ตุ้บ!’

เงินฟ่อนหนึ่งถูกหยิบออกมาจากใต้หมอนของผู้หญิงแล้วโยนทิ้งตรงหน้าของสวี่ชิงหล่าง มีมากถึงสองสามหมื่นหยวน สวี่ชิงหล่างตกตะลึงนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเงินสองสามพันในกระเป๋าของตัวเอง ดูเหมือนไม่น่าจะหยิบออกมาศักดิ์ศรีของตัวเอง ราวกับถูกบดขยี้อีกครั้งจนเละเป็นรูพรุน

“ฉันพอใจคุณมาก พอใจมากจริงๆ” ผู้หญิงพูด

“ผมก็พอใจคุณมากเหมือนกัน” สวี่ชิงหล่างไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมา

“พอใจราคาของฉันใช่ไหม”

“…” สวิ่ชิงหล่าง

ไม่ช้าสวี่ชิงหล่างก็ได้สติกลับมา หยิบเงินฟ่อนนั้นที่อยู่บนเตียงขึ้นมาแล้วจับมือข้างหนึ่งของผู้หญิง ยัดเงินกลับไปในมือของเธอ

“ผมไม่ต้องการเงินของคุณ และผมก็ไม่ใช่…เอ๊ะ ข้อมือของคุณ”

คราวที่แล้วไม่เห็น สามครั้งเมื่อครู่ก็ไม่เห็น ตอนนี้สวี่ชิงหล่างเห็นแล้ว ข้อมือซ้ายของผู้หญิงมีรอยแผลเป็นเป็นเส้นติดๆ กันยี่สิบแถว และมีสองสามรอยที่เพิ่งเกิดขึ้น ยังไม่สมานตัวเลย

“ทุกครั้งที่ผู้ชายทำกับฉันหนึ่งครั้งและทำให้ฉันพอใจ ฉันจะมีความสุขมาก หนึ่งความสุข ก็จะทิ้งสิ่งของที่ระลึกเหล่านี้เอาไว้ สามารถเตือนให้ฉันจำถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในวันนี้ได้ อย่างเช่น วันนี้”

มือขวาของผู้หญิงไม่รู้ว่าไปหยิบใบมีดมาจากไหน และต่อหน้าสวี่ชิงหล่าง ก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึบ’ เกิดรอยเลือดสดๆออกมา ผู้หญิงเงยหน้าขึ้น อ้าปาก แล้วสูดลมหายใจเย็นเข้าไปไม่หยุด เธอน่าจะเจ็บมาก แต่สีหน้าของเธอกลับมีความสุขที่สุดเหมือนกับคนที่ได้เสพยาสมปรารถนา

จากนั้นผู้หญิงจึงหยิบบุหรี่ที่ถูกจุดไฟแล้วมานาบลงบนรอยแผลใหม่โดยตรง

‘ซี๊ด…’ ผู้หญิงสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า “สบาย…”

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 156 ชายชราเป็นบั๊ก

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 156 ชายชราเป็นบั๊ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 156 ชายชราเป็นบั๊ก

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าชายชราเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า ก่อนหน้านั้นชายชรายังพูดกับตัวเองว่าจะบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภหรือไม่ก็รูปปั้นกวนอูอะไรพวกนี้มาไว้ในร้านหนังสือหรือไม่

แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้วไม่จำเป็นต้องหารูปปั้นอะไรแล้ว แค่รับชายชรามาอยู่ที่ร้านหนังสือโดยตรงก็สามารถรักษาฮวงจุ้ยในร้านหนังสือให้ราบรื่นได้แน่นอน

ใช่ว่าโจวเจ๋อจะไม่เคยเจอผู้อุปถัมภ์มาก่อน แต่ชายชราคนนี้แทบจะเป็นผู้อุปถัมภ์ที่เป็นบั๊กเลย

และยังพูดประโยคนั้นเหมือนเดิม ตอนที่เขาไปเป็นทหาร ถ้าหากเขาเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นหรือไม่ก็เปลี่ยนฉากหลังของยุคนั้นเสียหน่อย เขาจะประสบความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร

แต่ดวงชะตาของทุกคนไม่เหมือนกัน การเลือกก็ไม่เหมือนกัน สำหรับชายชราแล้ว การเลือกเป็นทหาร ได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหายร่วมรบพวกนั้น ถึงจะเป็นการเลือกที่เขาไม่เสียใจเลย

ถึงแม้ว่าปีนี้จะอายุเก้าสิบปีแล้ว แต่เขาก็ยังฝันว่าได้พบปะกับเหล่าสหาย ‘ในความฝัน’ ได้ทุกคืน ตลอดชีวิตนี้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตต้อยต่ำเลย และไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ที่ยอมทิ้งอย่างอื่นที่ดีกว่าไป

ชายชราเคยพูดว่า เขาไม่มีลูกหลาน ดังนั้นถ้าหากเขาจากไปแล้ว ก็คือไปแล้วจริงๆ

บางทีที่เขามีชีวิตอยู่ตอนนี้ ก็เพื่อทำบ้านของตัวเองให้เป็นโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้นจริงๆ ให้เป็นสถานที่รวมตัวของสหายร่วมรบในตอนนั้น

อันที่จริงมองอีกแง่มุมหนึ่ง โจวเจ๋อรู้สึกว่าคำโคลงคู่ที่แขวนอยู่หน้าร้านหนังสือของตัวเอง เหมาะกับหน้าประตูบ้านของชายชรามากกว่า

ลองไปเรื่อยๆ เผื่อจะเข้าท่า

ตัวของโจวเจ๋อในตอนนี้ยากที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ โดยเฉพาะหลังจากที่ทำผลงานได้แล้ว งานที่เขาทำทำผลประโยชน์ได้มาก จึงไม่สามารถปล่อยตัวตามใจขี้เกียจได้เหมือนก่อน

แต่ชายชรากลับอยู่ในเรือนสี่ประสาน ใครเป็นคนแรกที่ตื่นจากฝันอันยิ่งใหญ่ ฉันคือผู้รู้เช่นเคย

ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ไม่มีข้อผูกมัด ถึงแม้เรือนสี่ประสานจะเล็ก แต่ความทรงจำของเขากลับไกลแสนไกล

จนกระทั่งฟ้าสาง ทุกอย่างเงียบสงบมาก

ตอนเช้า สวี่ชิงหล่างขับรถมาถึงที่นี่ นักพรตเฒ่าก็นั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนลิงตัวนั้นก็หาเจอแล้ว

ตอนที่โจวเจ๋อถูกประคองเข้าไปในรถ นักพรตเฒ่าก้มหน้าด้วยความรู้สึกขอโทษเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเถ้าแก่ของตัวเองแอบใช้วิชาจึงอ่อนแอมาก ผลปรากฏว่าตัวเองที่รีบมาช่วยกลับถูกตำรวจคุมตัวไว้เพราะไม่มีใบขับขี่

ครั้งนี้สวี่ชิงหล่างนำตัวเขาออกมาไม่เพียงแต่ใช้เส้นสายเท่านั้น แต่ยังต้องเผาเงินกระดาษอีกไม่น้อย ถึงแม้ว่าเถ้าแก่โจวจะไม่พูดอะไร แต่ตัวของนักพรตเฒ่าก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

“นักพรตเฒ่า” โจวเจ๋อพูด

“ครับ เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าเหลือบตามองเถ้าแก่ที่นั่งอยู่ข้างหลังอย่างใจฝ่อ

“ผ่านไปอีกสักพักพวกเราไปเรียนขับรถกันเถอะ สอบใบขับขี่กัน”

“เอ่อ…ได้เลย”

ความจริงแล้วโจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าต่างก็ขับรถเป็น แต่สวีเล่อไม่มีใบขับขี่ นักพรตเฒ่าก็ไม่เคยไปทำ ถ้าจะสอบจริงๆ ก็จำเป็นต้องทำตามขั้นตอน

ระหว่างทาง สวี่ชิงหล่างคอยมองหมอหลินที่นั่งอยู่ข้างหลังผ่านกระจกมองหลังไม่หยุด

มองเธอคอยเช็ดหน้าให้โจวเจ๋อ มองเธอปอกผลไม้ให้โจวเจ๋อ มองเธอคอยถามโจวเจ๋อว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าด้วยความใส่ใจ

สรุปก็คืออารมณ์ของคนอวดความรักอบอวลไปทั่วทั้งรถแล้ว

นักพรตเฒ่ากลับไม่สนใจ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่ทุกคนของเขาล้วนมีดวงดอกท้อเรื่องผู้หญิงหรือผีผู้หญิงอยู่แล้วของแบบนี้อิจฉากันไม่ได้ ถ้าอยากจะอิจฉาอย่างนั้นก็ต้องตายก่อน นักพรตเฒ่าไม่อยากตาย ดังนั้นเขาถึงยอมเป็นคนโสดทนเหงาดีกว่า เมื่อก่อนโจวเจ๋อถามเขาว่าทำไมไม่หาภรรยาสักคน นักพรตเฒ่าตอบว่าตัวเขาเองอยากเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ

ถ้าหากแต่งงานแล้ว จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อผู้หญิงขายบริการที่กำลังรอเขาไปปลอบใจ ถือว่าเป็นความเสียหายของพวกเธอจริงๆ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เสียสละตัวเองเพื่อให้ทุกคนสมปรารถนา

หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป สวี่ชิงหล่างจอดรถอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหมอหลิน

ก่อนที่หมอหลินจะลงจากรถ เธอได้พูดหนึ่งประโยคเป็นพิเศษ “ฉันจะส่งสัญญาให้หนึ่งฉบับ เซ็นเสร็จแล้วส่งให้ฉันก็ได้แล้วค่ะ”

โจวเจ๋อผิดหวังเล็กน้อย ออกไปครั้งนี้ถึงแม้จะใช้เวลาไม่เยอะ แต่สิ่งที่ได้ประสบมีเยอะมาก ทั้งสองคนวนเวียนกันไปมา ดูเหมือนจะกลับเข้าอีหรอบเดิมอีกแล้ว

สัญญาการหย่า

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่ได้รั้งเอาไว้ กระทั่งไม่พูดอะไรอีก ได้แต่โบกมือให้เธอ เตือนเธอให้พักผ่อนดีๆ หลังจากรอจนพูดจาไร้สาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอหลินจึงเข้าไปในบ้าน สวี่ชิงหล่างก็สตาร์ตรถใหม่ หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป ก็กลับมาถึงร้านหนังสือ

นักพรตเฒ่าลงจากรถก่อน เพื่อพาเจ้าลิงไปขุดโคลน

สวี่ชิงหล่างช่วยเปิดประตูรถให้โจวเจ๋อ เขายื่นบุหรี่ให้หนึ่งมวนแล้วพูดว่า “ถ้าหากชอบจริงๆ ก็กล้าๆ หน่อย”

“จากนั้นหมอหลินก็รู้สึกว่าฉันทำดีมาก จึงทิ้งเงินสามพันหยวนไว้ที่หัวเตียงให้ฉันโดยเฉพาะ?” โจวเจ๋อย้อนถาม

“…” สวี่ชิงหล่าง

“จริงๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันไม่ใช่คนในโลกมนุษย์ เธอกับฉันเกี่ยวข้องกันมากเกินไปจะไม่เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ”

“ไม่ใช่ละครรักเสียหน่อย จะเอาจุดพลิกผันมาจากไหนเยอะแยะ พูดจริงๆ นะ ถ้าหากวันนั้นคนที่ขับมาเซราติไม่ใช่ผีสาวไร้หน้าแต่เป็นหมอหลิน พวกคุณตอนนี้น่าจะมีลูกด้วยกันแล้วมั้ง”

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าสวี่ชิงหล่างพูดมีเหตุผลมาก ตัวเองไม่สามารถหาคำโต้ตอบได้เลย

“แน่นอนว่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทำเด็กหลอดแก้วก็ได้สบายจะตาย บ้านตระกูลหลินก็มีเงิน คุณก็ไปบอกพ่อของเธอว่านกเขาของคุณไม่ขัน ถ้าอยากอุ้มหลานก็ต้องทำเด็กหลอดแก้ว คาดว่าตระกูลหลินต้องยินดีจ่ายเงินให้คุณแน่นอน”

โจวเจ๋อมองสวี่ชิงหล่างอย่างแปลกใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสวี่ชิงหล่างเปลี่ยนเป็นคนไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเป็นเหล่าสวี่ที่ซื่อสัตย์จริงใจ ตอนนี้กลับรู้จักตอบโต้แล้ว แถมยังตอบโต้หลังจากที่โจวเจ๋อเยาะเย้ยเขาเมื่อครู่อีกด้วย จิตใจคนเราเปลี่ยนกันได้จริงๆ

โจวเจ๋ออยากลงจากรถภายใต้การประคองของสวี่ชิงหล่าง แต่เงาร่างสีขาวกลับวิ่งเข้ามาโดยตรง แล้วอุ้มโจวเจ๋อขึ้นมาอย่างอ่อนโยนมาก เอาตัวไปส่งในร้านหนังสือ ขณะเดียวกันก็พูดว่า

“เถ้าแก่ อุณหภูมิน้ำปรับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋อิงอิงหลังจากช่วยโจวเจ๋ออาบน้ำแล้ว ก็อุ้มโจวเจ๋อขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ภายในห้องนอนมีน้ำชาและผลไม้จัดวางเรียบร้อย โจวเจ๋อดื่มน้ำชาไปครึ่งถ้วย จากนั้นด้วยความมั่นใจและใส่ใจอิงอิงจึงใช้ต้นขาของตัวเองเป็นหมอน เพื่อให้โจวเจ๋อหนุนนอน แล้วใช้สองมือช่วยนวดศีรษะให้โจวเจ๋อได้ด้วยน้ำหนักมือที่พอดี เพื่อให้เขานอนหลับอย่างช้าๆ

นี่แหละคือการใช้ชีวิต นี่แหละคือชีวิตของคนเรา

พอตื่นขึ้นมาก็ตอนดึกพอดี โจวเจ๋อจึงดื่มน้ำบ๊วยแล้วกินอะไรเล็กน้อย โจวเจ๋อลงมานั่งที่โซฟาด้านล่างภายใต้การประคองของไป๋อิงอิง

ไม่นานนักสวี่ชิงหล่างก็ลงมาข้างล่าง เขาใส่ชุดสูทสีไวน์แดง หวีผมเรียบร้อย และที่ตัวดูเหมือนจะฉีดน้ำหอมอยู่บ้าง

“แต่งตัวโก้ขนาดนี้ จะไปไหน” โจวเจ๋อโบกหนังสือพิมพ์ในมือแล้วถาม

“คุณไม่ต้องยุ่ง” สวี่ชิงหล่างกลอกตาใส่โจวเจ๋อ

การกลอกตาครั้งนี้ สามารถแสดงความหมายของคำว่า ‘ดอกซิ่งแดงออกกำแพง’ ได้อย่างชัดเจน

สวี่ชิงหล่างจัดระเบียบตัวเองหน้ากระจก แล้วจึงถามไป๋อิงอิงด้วยความรู้สึกดีกับตัวเองว่า “แต่งแบบนี้เป็นยังไง”

“สวยมาก” ไป๋อิงอิงพูด

“ก่อนใส่ชุดนี้ นายเป็นนกไนติงเกลที่บินอยู่ในปารีสตอนกลางคืน แต่หลังจากใส่ชุดนี้ นายเป็นราชาเป็ดที่ค่าตัวสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้”

โจวเจ๋อพูดจบก็จิบกาแฟหนึ่งที

“ไม่ได้ถามคุณเสียหน่อย” สวี่ชิงหล่างโบกมือให้โจวเจ๋ออย่างดูแคลน

“คนที่แข็งไม่ขึ้น ไม่มีสิทธิ์ทำเป็นอวดเก่ง”

สวี่ชิงหล่างพูดพลางมองไปที่ไป๋อิงอิง แล้วส่งสายตาให้เธอในแบบที่ว่าคุณก็เข้าใจ

ไป๋อิงอิงหน้าแดงสองมือประสานกันจิกนิ้วไปมา อันที่จริงไอ้นั่นของเถ้าแก่…

สวี่ชิงหล่างเดินไปแล้ว เขานั่งแท็กซี่ออกไป ทว่ายังคงมีกลิ่นอายความโก้หรูของเขาหลงเหลืออยู่ในร้านหนังสือ

ไป๋อิงอิงช่วยชงกาแฟให้โจวเจ๋อต่อ ขณะเดียวกันก็พูดว่า “เถ้าแก่ เรื่องของนักบวชญี่ปุ่นคนนั้นเสี่ยวเข่อยังรอท่านตอบกลับอยู่”

“สั่งให้เธอคอยจับตามองต่อไป ช่วงนี้ผมไม่สุขภาพไม่ค่อยดี”

ไป๋อิงอิงพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว

ตอนที่สวี่ชิงหล่างเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เขาลังเลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ใส่เงินสดหกพันหยวนไว้ในกระเป๋าของเขา

เธอติดต่อเขา เขาไม่อยากมา แต่รู้สึกว่ามีเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจน อย่างเช่น ตัวเองไม่ใช่เป็ด (ผู้ชายขายตัว) อย่างที่เธอเข้าใจ ดังนั้นที่เขามา ไม่เพียงแต่นำเงินสามพันหยวนมาคืนเธอเท่านั้น แต่ยังเพิ่มให้เธออีกสามพันหยวน

จากนั้นตัวเองก็จะบอกเธออย่างจริงจังและขึงขังว่า คุณเก่งมาก ทำให้ฉันรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเงินค่าเหนื่อยของคุณ ฮู้…ผู้ชายอะนะ โดนดูถูกจากที่ไหน ก็ต้องลุกขึ้นมาจากตรงนั้น

เขากดกริ่งประตู ประตูถูกเปิดออก ผู้หญิงที่อยู่ข้างในมีท่าทางสง่ามาก เธอน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ไม่แต่งหน้า แต่กลับมีเสน่ห์มาก โชว์ให้เห็นผิวของเธอ ทำให้คนรู้สึกว่ามีปีศาจกำลังจะโผล่ออกมา

“ผม…” สวี่ชิงหล่างกระแอมให้ลำคอโล่ง เขาเพิ่งจะพูดได้หนึ่งคำ ปากของตัวเองก็ถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายอุดเอาไว้ จากนั้น

สวี่ชิงหล่างไม่ได้นอนหลับ ถึงแม้เขาจะเหนื่อยมาก เหมือนกับวัวแก่ที่ทำนาจนหมดแรง แต่เขาก็ยังฝืนถ่างตาของตัวเอง

ยื่นมือหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง เขาอยากจะให้เงิน ครั้งนี้เขาจะให้เงินก่อน!

ศักดิ์ศรี จะลืมศักดิ์ศรีไม่ได้!

ผู้ชายที่มีห้องชุดเกือบยี่สิบห้อง จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง!

“คุณจะทำอะไร” ผู้หญิงนอนอยู่บนเตียง คีบบุหรี่อยู่ในมือแล้วถาม

“ให้เงิน” สวี่ชิงหล่างกำลังปลดกระดุมกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง

‘ตุ้บ!’

เงินฟ่อนหนึ่งถูกหยิบออกมาจากใต้หมอนของผู้หญิงแล้วโยนทิ้งตรงหน้าของสวี่ชิงหล่าง มีมากถึงสองสามหมื่นหยวน สวี่ชิงหล่างตกตะลึงนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเงินสองสามพันในกระเป๋าของตัวเอง ดูเหมือนไม่น่าจะหยิบออกมาศักดิ์ศรีของตัวเอง ราวกับถูกบดขยี้อีกครั้งจนเละเป็นรูพรุน

“ฉันพอใจคุณมาก พอใจมากจริงๆ” ผู้หญิงพูด

“ผมก็พอใจคุณมากเหมือนกัน” สวี่ชิงหล่างไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมา

“พอใจราคาของฉันใช่ไหม”

“…” สวิ่ชิงหล่าง

ไม่ช้าสวี่ชิงหล่างก็ได้สติกลับมา หยิบเงินฟ่อนนั้นที่อยู่บนเตียงขึ้นมาแล้วจับมือข้างหนึ่งของผู้หญิง ยัดเงินกลับไปในมือของเธอ

“ผมไม่ต้องการเงินของคุณ และผมก็ไม่ใช่…เอ๊ะ ข้อมือของคุณ”

คราวที่แล้วไม่เห็น สามครั้งเมื่อครู่ก็ไม่เห็น ตอนนี้สวี่ชิงหล่างเห็นแล้ว ข้อมือซ้ายของผู้หญิงมีรอยแผลเป็นเป็นเส้นติดๆ กันยี่สิบแถว และมีสองสามรอยที่เพิ่งเกิดขึ้น ยังไม่สมานตัวเลย

“ทุกครั้งที่ผู้ชายทำกับฉันหนึ่งครั้งและทำให้ฉันพอใจ ฉันจะมีความสุขมาก หนึ่งความสุข ก็จะทิ้งสิ่งของที่ระลึกเหล่านี้เอาไว้ สามารถเตือนให้ฉันจำถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในวันนี้ได้ อย่างเช่น วันนี้”

มือขวาของผู้หญิงไม่รู้ว่าไปหยิบใบมีดมาจากไหน และต่อหน้าสวี่ชิงหล่าง ก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึบ’ เกิดรอยเลือดสดๆออกมา ผู้หญิงเงยหน้าขึ้น อ้าปาก แล้วสูดลมหายใจเย็นเข้าไปไม่หยุด เธอน่าจะเจ็บมาก แต่สีหน้าของเธอกลับมีความสุขที่สุดเหมือนกับคนที่ได้เสพยาสมปรารถนา

จากนั้นผู้หญิงจึงหยิบบุหรี่ที่ถูกจุดไฟแล้วมานาบลงบนรอยแผลใหม่โดยตรง

‘ซี๊ด…’ ผู้หญิงสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า “สบาย…”

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+