ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 283 เต้นระบำ!

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 283 เต้นระบำ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 283 เต้นระบำ!

“เอาหนังสือเธอมาให้หน่อย ผมจะส่งที่อยู่ให้คุณ”

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”

หลังจากวางสาย ก็ส่งที่อยู่ให้อิงอิง โจวเจ๋อหาวหวอดๆ แล้วพูดกับจางเยี่ยนเฟิงและนักพรตเฒ่า “พวกคุณกลับไปเถอะ”

“กลับไปเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกงงเล็กน้อย “วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วคุณให้ผมกลับไปเนี่ยนะ”

“ใช่แล้ว เถ้าแก่ ข้าไปไม่ได้นะ ข้าไปแล้วใครจะปกป้องเจ้าล่ะ”

“…” โจวเจ๋อ

ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะคุณเข้าห้องน้ำแล้วว่างมากจนนำยันต์ไปแปะไว้บนฝารองชักโครกก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจางมาสำรวจที่นี่หรือมามองสิ่งของรอบตัวเพื่อนึกถึงคนที่จากไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่สามารถพ่นคำพูดพวกนี้ออกมาได้ เหตุผลที่เขาเรียกนักพรตเฒ่ามา ก็เพราะตั้งใจให้นักพรตเฒ่าลองดูว่าจะจุดประกายอะไรได้หรือไม่

นักพรตเฒ่าทำภารกิจสำเร็จลุล่วง แม้ว่ามันจะทำให้อึและฉี่ในห้องน้ำกระเด็นพุ่งออกมาอย่างน่าอนาถก็ตาม แต่ก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

“พวกคุณกลับไปก่อน อยู่ที่นี่ผมไม่มีสมาธิ ไว้เย็นนี้ผมค่อยดูอีกที”

เย็นนี้โจวเจ๋อไม่คิดจะออกไปแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่คนเกิดมาสองชาติอย่างเขาได้อาศัยอยู่ในบ้านหรูหลังใหญ่ของตัวเองอย่างจริงจัง ในใจยังรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยจริงๆ

“ผมไปไม่ได้ ไม่สืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ผมจะไปได้ยังไง” จางเยี่ยนเฟิงแสดงความดื้อรั้นออกมาอย่างชัดเจนในเวลานี้

ช่วยไมได้ละนะ ผู้ตายคือน้องสาวแท้ๆ ของเขา ยังมีหลานทั้งสองคนของเขาอีก ตอนนี้เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนไปเพราะการปรากฏตัวขึ้นของโจวเจ๋อ แน่นอนว่าเขาไม่อยากจากออกไปในเวลานี้

พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ต่อให้ตายเขาก็ต้องสืบหาความจริงให้ได้ ในฐานะที่เป็นตำรวจอาชญากรรม ยังมีความกล้าหาญแบบนี้อยู่

“การที่คุณอยู่ที่นี่ต่อ มันส่งผลกระทบต่อการสืบสวนของผมเปล่าๆ ถ้าคุณอยากให้ผมรีบๆ สืบหาความจริงของเรื่องนี้ได้เร็วๆ คุณต้องฟังผมด้วย พวกเรามันเชี่ยวชาญกันคนละด้าน”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ พูดตามหลักนิติศาสตร์แล้ว ตอนนี้ที่นี่เป็นที่ดินของผะ…ของสาวใช้ของผม ถ้าผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณอยู่ที่นี่ตอนนี้ คุณก็คือผู้บุกรุก คุณเป็นตำรวจจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย”

“งั้นคุณระวังตัวด้วยนะ” จางเยี่ยนเฟิงลุกขึ้นยืน ไม่ได้โกรธเพราะคำยืนกรานปฏิเสธของโจวเจ๋อ เขายอมได้ในจุดนี้และในเรื่องนี้ “ขอบคุณ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ถ้าจะขอบคุณละก็ คิดหาวิธีช่วยให้ผมได้ใบขับขี่มาก็พอแล้ว”

“นี่มันไม่เป็นไปตามข้อกำหนด”

“ผมก็ไม่ใช่คนธรรมดาสักหน่อย ชาติที่แล้วผมมีใบขับขี่นะ”

“ผมจะลองหาวิธีดู”

จางเยี่ยนเฟิงจากไปแล้ว

ในเวลานี้นักพรตเฒ่าก็รีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว พยักหน้าและโค้งคำนับโจวเจ๋ออยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามออกไปที่ประตูหน้าบ้าน

ได้แสดงความจงรักภักดีไปแล้ว ใครจะอยู่ต่อคนนั้นก็โง่เต็มที!

อย่าดูแค่ท่าทีของเถ้าแก่ที่นั่งอย่างสงบเยือกเย็นท่ามกลางวิกฤต แต่นั่นคือเถ้าแก่เลยนะ เขาเป็นผู้เล่นสูตรโกง เรามันผู้เล่นธรรมดา มีเพียงชีวิตเดียว จงรักษามันไว้

ทั้งสองคนไปหมดแล้ว โจวเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง หรี่ตาพิจารณาดู จะนอนก็นอนไม่หลับ ดังนั้นภายใต้ความเบื่อหน่าย โจวเจ๋อจึงเริ่มจินตนาการถึงภาพตอนที่ครอบครัวนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

อย่างเช่น ครอบครัวสี่คนดูทีวีด้วยกันในห้องนั่งเล่น หรือเด็กทั้งสองคนกำลังเล่นของเล่นอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็หญิงสาวกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ส่วนสามีกำลังลากสังขารอันเหนื่อยล้ากลับบ้าน

ขณะที่คิดไปเรื่อยๆ เสียงกริ่งประตูดังขึ้นจากทางเข้าห้องโถงตรงนั้น

โจวเจ๋อเดินไป ทว่าก่อนจะเปิดประตูกลับเห็นจากในจอมอนิเตอร์ว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ใช่อิงอิง แต่เป็นหญิงสาววัยรุ่นที่สวมใส่ชุดลายดอกไม้

หญิงสาวดูเหมือนจะอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ไว้ผมเปียหางม้าหลวมๆ สบายๆ ให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์ของอ่อนหวานแบบโบราณ

โจวเจ๋อเปิดประตูบ้าน

เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าคนที่เปิดประตูคือโจวเจ๋อ ก็ผงะไปครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณผู้ชาย คุณคือ”

“นี่น่าจะเป็นคำถามที่ผมต้องถามคุณมากกว่า”

“อ้อ ฉันรู้แล้ว คุณน่าจะเป็นสามีของเธอสินะ เธอบอกว่า เธอมีสามีที่รักเธอมากคนหนึ่ง ตอนแรกที่เลือกบ้านหลังนี้ก็เพื่อความสะดวกสบายของสามีของเธอ ฐานะทางบ้านของสามีเธอฐานะยากจนมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงอยากอาศัยอยู่ในบ้านหรูหลังใหญ่มาตลอด”

“…” โจวเจ๋อ

เจ้าเด็กอิงอิงนั่นต้องพูดจาเปิดเผยขนาดนี้เลยหรือไง

อีกอย่าง ในเมื่อคุณคิดว่าผมเป็นสามีของเธอ อย่างนั้นคุณต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยหรือไง

“คุณเป็นนายหน้าเหรอครับ” โจวเจ๋อถาม

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นนายหน้า รบกวนถามหน่อยนะคะ ภรรยาของคุณไม่อยู่เหรอคะ”

“ใกล้ถึงแล้ว”

เมื่อได้ยินว่าเป็นนายหน้า โจวเจ๋อก็ขี้เกียจจะทักทายอีก พลางเดินตรงกลับไปนั่งกึ่งนอนบนโซฟาอีกครั้งและเอ่ยขึ้น

“ถ้ามีเรื่องอะไรละก็ มาพรุ่งนี้เถอะ วันนี้ไม่สะดวก”

“เหรอคะ”

หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้น

“แต่ภรรยาคุณเป็นคนนัดฉันให้มาวันนี้นะคะ เธอบอกว่าวันนี้เธอจะจัดปาร์ตี้ที่นี่ และเชิญคนที่น่าสนใจบางคนให้เข้าร่วมด้วย ขอให้ฉันห้ามพลาดเด็ดขาด”

“ปาร์ตี้เหรอ” โจวเจ๋อขมวดคิ้ว

ไม่ถูกต้อง ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรผิดไป รีบถามขึ้นทันที “คุณนายคนนั้นแซ่อะไร”

“อะไรนะคะ”

เด็กสาวตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว และมองโจวเจ๋ออย่างระแวดระวังเล็กน้อย “คุณเป็นใครกันแน่”

“ผมถามว่าคุณนายคนนั้นแซ่อะไร เธอแซ่ไป๋หรือว่าแซ่จาง!”

“แซ่จาง จางเถียนเชวียน”

“เธอเชิญคุณมาเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“ใช่ค่ะ”

“คุณผู้หญิง คุณแน่ใจนะว่าตัวเองไม่ได้ตกอยู่ในอาการโคม่าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ และเพิ่งฟื้นขึ้นเมื่อวานถึงจำได้ว่าวันนี้มีนัดใช่ไหม”

“คุณผู้ชาย สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดน่ะมันอยู่ในนิยายน้ำเน่าเก่าๆ” เด็กสาวพูดอย่างดูแคลน

“อ้อ หมายความว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเธอเชิญคุณมางั้นเหรอ”

“ใช่น่ะสิ เมื่อวานเธอเพิ่งจะบอกฉันเอง”

“คุณแน่ใจนะว่าเป็นเธอจริงๆ น่ะ”

“ก็ต้องเป็นเธอแน่นอนอยู่แล้วสิ เธอนัดฉันผ่านวีแชต ฉันเป็นแฟนหนังสือตัวยงของเธอมาโดยตลอด อีกอย่างฉันเริ่มเขียนนิยายและเดินบนเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ก็เพราะได้รับอิทธิพลจากเธอ เธอได้สอนอะไรฉันตั้งมากมาย”

“งั้นคุณรู้หรือไม่ว่า จางเถียนเชวียนเสียชีวิตไปแล้วเมื่อห้าปีก่อน”

“อะไรนะ เสียชีวิตแล้วเหรอ”

เด็กสาวยิ้ม

“คุณผู้ชายคะ นี่เป็นการแข่งขันแต่งพล็อตเรื่องแนวสืบสวนใช่ไหมคะ”

“คุณไม่เชื่อก็ตามใจเถอะ”

โจวเจ๋อขี้เกียจสนใจนักเขียนที่เป็นโรคเด็ก ม.2 คนนี้แล้ว

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คล้ายกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง แต่คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว เพราะเป็นการฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่การสังหารตายยกครัวเลยไม่ได้รับความสนใจจากทุกคน

แต่ว่า หลังจากเด็กสาวค้นหาไปแล้วกลับพบโพสต์ที่เกี่ยวข้องในเทียปาหรือฟอรัมท้องถิ่นของทงเฉิงจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว โพสต์ล่าสุดมีหัวข้อที่ว่าช่วงนี้บ้านผีสิงหลังหนึ่งถูกคนซื้อเอาไว้แล้ว

ต่อจากนั้นด้านล่างได้มีการบอกเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในบ้านผีสิง มีผู้หวังดีนำบทความหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรที่นักข่าวตีพิมพ์ในตอนนั้นออกมาแปะด้านหลัง

เด็กสาวยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและพบว่าโจวเจ๋อยังคงนอนเอกเขนกสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา จึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายของตัวเองทันทีและพูดขึ้น

“ล้อเล่นแบบนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด”

“ใครล้อคุณเล่นกัน”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้แล้ว จะต้องมีคนใช้วีแชตและคิวคิวของเธอ ปลอมเป็น…”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเองอยู่ตรงนั้นอย่างคนจิตหลุด

“เฮ้” โจวเจ๋อตะโกนเรียกเธอ

หญิงสาวไม่สนใจ เอาแต่พูดพึมพำกับตัวเองเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็ขมวดคิ้ว บางครั้งก็กังวล บางครั้งก็ผ่อนคลาย กระทั่งยังมีบางครั้งที่ขำ ‘คิกคัก’ ออกมา

“ตัวคุณไม่ได้มีความผิดปกติอะไร ตอนนี้คุณกลับไปเถอะ ลืมเธอซะ บล็อกและลบข้อมูลการติดต่อของเธอ หากเธอยังติดต่อคุณอยู่ คุณสามารถเลือกโทรแจ้งตำรวจได้ และสามารถมาหาผมที่ร้านหนังสือของผมได้ ร้านหนังสือผมตั้งอยู่ที่ถนนหนานต้าน่ะ หาง่ายมาก”

เพราะคนที่เปิดร้านหนังสือบนถนนหนานต้า มีเพียงเถ้าแก่โจวเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ทำไมคุณถึงดีต่อฉันขนาดนี้คะ” หญิงสาวมองโจวเจ๋อและถามขึ้น “คุณคิดอะไรกับฉันใช่ไหมคะ”

“คุณป่วยหรือไง”

“ใช่ ฉันป่วย ฉันป่วยเป็นไข้ใจ!”

ขณะที่พูดจู่ๆ หญิงสาวก็กระโดดขึ้นมา มองออกเลยว่าเธอมีทักษะการเต้นอยู่บ้าง และยังเต้นได้ดีมีสไตล์อีกด้วย

แต่ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

ถ่อมาถึงบ้านของผมเพื่อมาเต้นประหลาดๆ…อย่างไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรอ

“โทษที เชิญคุณกลับไปเถอะ!”

โจวเจ๋อเดินมาตรงหน้าหญิงสาว เตรียมจะไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไป

“ไม่ ฉันไม่ไป ต่อให้ฉันตายฉันก็ไม่ไปจากคุณ!”

หญิงสาวฉีกกระโปรงลายดอกของตัวเองออกดัง ‘แควก’ เผยให้เห็นเนื้อหนังมังสา

“อย่า…” ความอดทนของโจวเจ๋อใกล้จะหมดลงแล้ว เล็บตรงมือขวาก็ค่อยๆ งอกยาวออกมาแล้วเช่นกัน

ทำให้เธอสลบ แล้วโทรเรียกนักพรตเฒ่ากลับมาพาหญิงสติเฟื่องคนนี้ไปส่งโรงพยาบาล

“คุณฆ่าฉันเลยสิคะ!”

จู่ๆ หญิงสาวกลับโผเข้ากอดโจวเจ๋อเอาไว้

“มาสิคะ ฆ่าฉันเลยค่ะ ให้ฉันได้สัมผัสถึงเลือดของคุณ ให้คุณได้สัมผัสถึงน้ำตาของฉัน ให้คุณได้สัมผัสความอบอุ่นของฉันที่มีต่อคุณ!”

“…” โจวเจ๋อ

ให้ตายเถอะ น้องสาว คุณเพิ่งหนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้ามาใช่ไหมเนี่ย!

นิ้วของโจวเจ๋อวนไปรอบๆ อย่างไม่เกรงใจ และแทงเข้าไปที่คอของหญิงสาวโดยตรง

‘ฉึก…’

แต่ทว่า ในเวลานี้อ้อมแขนของหญิงสาวที่กอดโจวเจ๋อเอาไว้ได้ออกแรงรัดแน่นทันที โจวเจ๋อที่ไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ เพียงรู้สึกแค่ว่าตัวเองแทบจะขาดออกเป็นสองท่อนแล้ว

“มา เรามาเต้นระบำกันเถอะ!”

หญิงสาวกอดโจวเจ๋อ เท้าทั้งสองข้างของโจวเจ๋อลอยขึ้นจากพื้น ราวกับเป็นตุ๊กตาผ้าอย่างไรอย่างนั้น และถูกอีกฝ่ายบังคับให้เต้นด้วยกัน

ในเวลานี้ ถ้าโจวเจ๋อยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีปัญหาก็คงจะเปล่าประโยชน์แล้ว ทันใดนั้นเล็บของโจวเจ๋อแทงเข้าที่คอของหญิงสาวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่า หลังจากเล็บแทงเข้าไปแล้วจู่ๆ กลับพบว่าเสียงที่ดังออกมานั้นเป็นเสียง ‘แหมะๆๆ’ เมื่อดึงออกมาดู ดันมีของเหลวสีขาวที่ไหลออกมาติดอยู่บนเล็บ มันน่าขยะแขยงและข้นมาก

ของเหลวสีขาวของเด็กสาวยังคงไหลหยดลงมาอย่างนี้ ในขณะที่บังคับอุ้มเถ้าแก่โจวเต้นระบำต่อไป และเป็นการเต้นระบำที่ไม่มีดนตรีประกอบอีกต่างหาก

“โชเฟอร์ รบกวนขับเร็วๆ หน่อยนะคะ” ไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่เร่งเร้า

“แม่หนู นี่ก็เร็วที่สุดแล้วนะ ช่วยไม่ได้ ที่นี่มีไฟแดงเยอะ พวกเราเองก็โชคไม่ดีด้วย ไฟแดงมาตลอดทางเลยก็ช่วยไม่ได้ละนะ”

“โอเคค่ะ”

ไป๋อิงอิงกังวัลว่าเถ้าแก่จะรออยู่นั่นจนร้อนใจ

แม้ว่าจะเห็นที่อยู่แล้วก็ตาม แต่ไป๋อิงอิงยังคิดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นบ้านหรูหลังใหญ่ที่ตัวเองเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน และไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วที่นั่นเป็นทรัพย์สินของนาง

นางเพียงแค่กังวลว่าตัวเองจะไปส่งของที่เถ้าแก่ต้องการได้ไม่ทันเวลา ถ้าเถ้าแก่เกิดโกรธขึ้นมาจะทำอย่างไรดีล่ะ

เมื่อถอนหายใจก็มองหนังสือในมือไปพลาง นักเขียนหญิงที่ชื่อจางเถียนเชวียนคนนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้มีหนังสือเพียงเล่มเดียว นอกจาก ‘ฉันรักบ้านของฉัน’ ในแบบฉบับสะเทือนขวัญแล้ว อันที่จริงเธอยังมีหนังสืออีกหลายเล่ม และเบื้องหลังเรื่องราวในหนังสือเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายในบ้านหรูหลังใหญ่ทั้งหมด ราวกับว่าเธอจะชื่นชอบฉากในบ้านหลังนี้เป็นพิเศษ

เสียงเบรกอย่างกะทันหัน หนังสือที่วางบนตักของอิงอิงร่วงลงพื้น

“บ้าเอ๊ย จู่ๆ เด็กเหลือขอข้างหน้าก็ชะลอความเร็วกะทันหัน เป็นบ้าหรือเปล่า!” คนขับรถด่า

อิงอิงก้มลงไปหยิบหนังสือขึ้นมา หนังสือเล่มสุดท้ายที่หยิบขึ้นมามีชื่อว่า ‘ระบำศพ’

เนื้อเรื่องแฟนตาซีมาก

บทย่อกล่าวว่าปีศาจกระดูกขาวใน ‘ไซอิ๋ว’ ไม่ได้ถูกซุนหงอคงทำร้ายจนตาย แต่ถูกทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำ และใช้ชีวิตมาอย่างมึนงงจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนหญิงคนหนึ่ง

นานๆ ทีก็ออกไปยั่วยวนผู้ชายให้เต้นระบำกับนาง หลังรอจนการเต้นระบำจบลง ก็จัดการกินคู่เต้นระบำ จากนั้นก็กลับมาเป็นนักเขียนหญิงธรรมดาและใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป

รอไปอีกสักระยะหนึ่ง นางก็จะออกมาล่าเหยื่ออีกครั้ง…

ความรักไม่เหมือนความรัก ตัวประหลาดไม่เหมือนตัวประหลาด ไร้สาระอธิบายไม่ได้ ไม่มีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วมันคือจุดเด่นของเรื่องที่นักเขียนสาวเขียนออกมา และเป็นจุดขายของเธอด้วย

ไป๋อิงอิงมองบนปกหนังสือเล่มนี้ เป็นภาพชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังเต้นรำอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านหรูหลังใหญ่ แล้วเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

เหมือนจะจำได้ว่าข้าเองก็เพิ่งซื้อบ้านหรูหลังใหญ่ไว้หลังหนึ่งเหมือนกัน

อย่างนั้นข้าจะสามารถเต้นระบำในบ้านหรูหลังใหญ่กับเถ้าแก่ด้วยได้หรือไม่

คิดๆ แล้วก็ตื่นเต้นจังเลย

งื้อๆๆ…

……………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 283 เต้นระบำ!

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 283 เต้นระบำ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 283 เต้นระบำ!

“เอาหนังสือเธอมาให้หน่อย ผมจะส่งที่อยู่ให้คุณ”

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”

หลังจากวางสาย ก็ส่งที่อยู่ให้อิงอิง โจวเจ๋อหาวหวอดๆ แล้วพูดกับจางเยี่ยนเฟิงและนักพรตเฒ่า “พวกคุณกลับไปเถอะ”

“กลับไปเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกงงเล็กน้อย “วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วคุณให้ผมกลับไปเนี่ยนะ”

“ใช่แล้ว เถ้าแก่ ข้าไปไม่ได้นะ ข้าไปแล้วใครจะปกป้องเจ้าล่ะ”

“…” โจวเจ๋อ

ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะคุณเข้าห้องน้ำแล้วว่างมากจนนำยันต์ไปแปะไว้บนฝารองชักโครกก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจางมาสำรวจที่นี่หรือมามองสิ่งของรอบตัวเพื่อนึกถึงคนที่จากไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่สามารถพ่นคำพูดพวกนี้ออกมาได้ เหตุผลที่เขาเรียกนักพรตเฒ่ามา ก็เพราะตั้งใจให้นักพรตเฒ่าลองดูว่าจะจุดประกายอะไรได้หรือไม่

นักพรตเฒ่าทำภารกิจสำเร็จลุล่วง แม้ว่ามันจะทำให้อึและฉี่ในห้องน้ำกระเด็นพุ่งออกมาอย่างน่าอนาถก็ตาม แต่ก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

“พวกคุณกลับไปก่อน อยู่ที่นี่ผมไม่มีสมาธิ ไว้เย็นนี้ผมค่อยดูอีกที”

เย็นนี้โจวเจ๋อไม่คิดจะออกไปแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่คนเกิดมาสองชาติอย่างเขาได้อาศัยอยู่ในบ้านหรูหลังใหญ่ของตัวเองอย่างจริงจัง ในใจยังรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยจริงๆ

“ผมไปไม่ได้ ไม่สืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ผมจะไปได้ยังไง” จางเยี่ยนเฟิงแสดงความดื้อรั้นออกมาอย่างชัดเจนในเวลานี้

ช่วยไมได้ละนะ ผู้ตายคือน้องสาวแท้ๆ ของเขา ยังมีหลานทั้งสองคนของเขาอีก ตอนนี้เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนไปเพราะการปรากฏตัวขึ้นของโจวเจ๋อ แน่นอนว่าเขาไม่อยากจากออกไปในเวลานี้

พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ต่อให้ตายเขาก็ต้องสืบหาความจริงให้ได้ ในฐานะที่เป็นตำรวจอาชญากรรม ยังมีความกล้าหาญแบบนี้อยู่

“การที่คุณอยู่ที่นี่ต่อ มันส่งผลกระทบต่อการสืบสวนของผมเปล่าๆ ถ้าคุณอยากให้ผมรีบๆ สืบหาความจริงของเรื่องนี้ได้เร็วๆ คุณต้องฟังผมด้วย พวกเรามันเชี่ยวชาญกันคนละด้าน”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ พูดตามหลักนิติศาสตร์แล้ว ตอนนี้ที่นี่เป็นที่ดินของผะ…ของสาวใช้ของผม ถ้าผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณอยู่ที่นี่ตอนนี้ คุณก็คือผู้บุกรุก คุณเป็นตำรวจจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย”

“งั้นคุณระวังตัวด้วยนะ” จางเยี่ยนเฟิงลุกขึ้นยืน ไม่ได้โกรธเพราะคำยืนกรานปฏิเสธของโจวเจ๋อ เขายอมได้ในจุดนี้และในเรื่องนี้ “ขอบคุณ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ถ้าจะขอบคุณละก็ คิดหาวิธีช่วยให้ผมได้ใบขับขี่มาก็พอแล้ว”

“นี่มันไม่เป็นไปตามข้อกำหนด”

“ผมก็ไม่ใช่คนธรรมดาสักหน่อย ชาติที่แล้วผมมีใบขับขี่นะ”

“ผมจะลองหาวิธีดู”

จางเยี่ยนเฟิงจากไปแล้ว

ในเวลานี้นักพรตเฒ่าก็รีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว พยักหน้าและโค้งคำนับโจวเจ๋ออยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามออกไปที่ประตูหน้าบ้าน

ได้แสดงความจงรักภักดีไปแล้ว ใครจะอยู่ต่อคนนั้นก็โง่เต็มที!

อย่าดูแค่ท่าทีของเถ้าแก่ที่นั่งอย่างสงบเยือกเย็นท่ามกลางวิกฤต แต่นั่นคือเถ้าแก่เลยนะ เขาเป็นผู้เล่นสูตรโกง เรามันผู้เล่นธรรมดา มีเพียงชีวิตเดียว จงรักษามันไว้

ทั้งสองคนไปหมดแล้ว โจวเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง หรี่ตาพิจารณาดู จะนอนก็นอนไม่หลับ ดังนั้นภายใต้ความเบื่อหน่าย โจวเจ๋อจึงเริ่มจินตนาการถึงภาพตอนที่ครอบครัวนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

อย่างเช่น ครอบครัวสี่คนดูทีวีด้วยกันในห้องนั่งเล่น หรือเด็กทั้งสองคนกำลังเล่นของเล่นอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็หญิงสาวกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ส่วนสามีกำลังลากสังขารอันเหนื่อยล้ากลับบ้าน

ขณะที่คิดไปเรื่อยๆ เสียงกริ่งประตูดังขึ้นจากทางเข้าห้องโถงตรงนั้น

โจวเจ๋อเดินไป ทว่าก่อนจะเปิดประตูกลับเห็นจากในจอมอนิเตอร์ว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ใช่อิงอิง แต่เป็นหญิงสาววัยรุ่นที่สวมใส่ชุดลายดอกไม้

หญิงสาวดูเหมือนจะอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ไว้ผมเปียหางม้าหลวมๆ สบายๆ ให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์ของอ่อนหวานแบบโบราณ

โจวเจ๋อเปิดประตูบ้าน

เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าคนที่เปิดประตูคือโจวเจ๋อ ก็ผงะไปครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณผู้ชาย คุณคือ”

“นี่น่าจะเป็นคำถามที่ผมต้องถามคุณมากกว่า”

“อ้อ ฉันรู้แล้ว คุณน่าจะเป็นสามีของเธอสินะ เธอบอกว่า เธอมีสามีที่รักเธอมากคนหนึ่ง ตอนแรกที่เลือกบ้านหลังนี้ก็เพื่อความสะดวกสบายของสามีของเธอ ฐานะทางบ้านของสามีเธอฐานะยากจนมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงอยากอาศัยอยู่ในบ้านหรูหลังใหญ่มาตลอด”

“…” โจวเจ๋อ

เจ้าเด็กอิงอิงนั่นต้องพูดจาเปิดเผยขนาดนี้เลยหรือไง

อีกอย่าง ในเมื่อคุณคิดว่าผมเป็นสามีของเธอ อย่างนั้นคุณต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยหรือไง

“คุณเป็นนายหน้าเหรอครับ” โจวเจ๋อถาม

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นนายหน้า รบกวนถามหน่อยนะคะ ภรรยาของคุณไม่อยู่เหรอคะ”

“ใกล้ถึงแล้ว”

เมื่อได้ยินว่าเป็นนายหน้า โจวเจ๋อก็ขี้เกียจจะทักทายอีก พลางเดินตรงกลับไปนั่งกึ่งนอนบนโซฟาอีกครั้งและเอ่ยขึ้น

“ถ้ามีเรื่องอะไรละก็ มาพรุ่งนี้เถอะ วันนี้ไม่สะดวก”

“เหรอคะ”

หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้น

“แต่ภรรยาคุณเป็นคนนัดฉันให้มาวันนี้นะคะ เธอบอกว่าวันนี้เธอจะจัดปาร์ตี้ที่นี่ และเชิญคนที่น่าสนใจบางคนให้เข้าร่วมด้วย ขอให้ฉันห้ามพลาดเด็ดขาด”

“ปาร์ตี้เหรอ” โจวเจ๋อขมวดคิ้ว

ไม่ถูกต้อง ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรผิดไป รีบถามขึ้นทันที “คุณนายคนนั้นแซ่อะไร”

“อะไรนะคะ”

เด็กสาวตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว และมองโจวเจ๋ออย่างระแวดระวังเล็กน้อย “คุณเป็นใครกันแน่”

“ผมถามว่าคุณนายคนนั้นแซ่อะไร เธอแซ่ไป๋หรือว่าแซ่จาง!”

“แซ่จาง จางเถียนเชวียน”

“เธอเชิญคุณมาเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“ใช่ค่ะ”

“คุณผู้หญิง คุณแน่ใจนะว่าตัวเองไม่ได้ตกอยู่ในอาการโคม่าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ และเพิ่งฟื้นขึ้นเมื่อวานถึงจำได้ว่าวันนี้มีนัดใช่ไหม”

“คุณผู้ชาย สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดน่ะมันอยู่ในนิยายน้ำเน่าเก่าๆ” เด็กสาวพูดอย่างดูแคลน

“อ้อ หมายความว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเธอเชิญคุณมางั้นเหรอ”

“ใช่น่ะสิ เมื่อวานเธอเพิ่งจะบอกฉันเอง”

“คุณแน่ใจนะว่าเป็นเธอจริงๆ น่ะ”

“ก็ต้องเป็นเธอแน่นอนอยู่แล้วสิ เธอนัดฉันผ่านวีแชต ฉันเป็นแฟนหนังสือตัวยงของเธอมาโดยตลอด อีกอย่างฉันเริ่มเขียนนิยายและเดินบนเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ก็เพราะได้รับอิทธิพลจากเธอ เธอได้สอนอะไรฉันตั้งมากมาย”

“งั้นคุณรู้หรือไม่ว่า จางเถียนเชวียนเสียชีวิตไปแล้วเมื่อห้าปีก่อน”

“อะไรนะ เสียชีวิตแล้วเหรอ”

เด็กสาวยิ้ม

“คุณผู้ชายคะ นี่เป็นการแข่งขันแต่งพล็อตเรื่องแนวสืบสวนใช่ไหมคะ”

“คุณไม่เชื่อก็ตามใจเถอะ”

โจวเจ๋อขี้เกียจสนใจนักเขียนที่เป็นโรคเด็ก ม.2 คนนี้แล้ว

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คล้ายกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง แต่คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว เพราะเป็นการฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่การสังหารตายยกครัวเลยไม่ได้รับความสนใจจากทุกคน

แต่ว่า หลังจากเด็กสาวค้นหาไปแล้วกลับพบโพสต์ที่เกี่ยวข้องในเทียปาหรือฟอรัมท้องถิ่นของทงเฉิงจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว โพสต์ล่าสุดมีหัวข้อที่ว่าช่วงนี้บ้านผีสิงหลังหนึ่งถูกคนซื้อเอาไว้แล้ว

ต่อจากนั้นด้านล่างได้มีการบอกเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในบ้านผีสิง มีผู้หวังดีนำบทความหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรที่นักข่าวตีพิมพ์ในตอนนั้นออกมาแปะด้านหลัง

เด็กสาวยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและพบว่าโจวเจ๋อยังคงนอนเอกเขนกสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา จึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายของตัวเองทันทีและพูดขึ้น

“ล้อเล่นแบบนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด”

“ใครล้อคุณเล่นกัน”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้แล้ว จะต้องมีคนใช้วีแชตและคิวคิวของเธอ ปลอมเป็น…”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเองอยู่ตรงนั้นอย่างคนจิตหลุด

“เฮ้” โจวเจ๋อตะโกนเรียกเธอ

หญิงสาวไม่สนใจ เอาแต่พูดพึมพำกับตัวเองเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็ขมวดคิ้ว บางครั้งก็กังวล บางครั้งก็ผ่อนคลาย กระทั่งยังมีบางครั้งที่ขำ ‘คิกคัก’ ออกมา

“ตัวคุณไม่ได้มีความผิดปกติอะไร ตอนนี้คุณกลับไปเถอะ ลืมเธอซะ บล็อกและลบข้อมูลการติดต่อของเธอ หากเธอยังติดต่อคุณอยู่ คุณสามารถเลือกโทรแจ้งตำรวจได้ และสามารถมาหาผมที่ร้านหนังสือของผมได้ ร้านหนังสือผมตั้งอยู่ที่ถนนหนานต้าน่ะ หาง่ายมาก”

เพราะคนที่เปิดร้านหนังสือบนถนนหนานต้า มีเพียงเถ้าแก่โจวเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ทำไมคุณถึงดีต่อฉันขนาดนี้คะ” หญิงสาวมองโจวเจ๋อและถามขึ้น “คุณคิดอะไรกับฉันใช่ไหมคะ”

“คุณป่วยหรือไง”

“ใช่ ฉันป่วย ฉันป่วยเป็นไข้ใจ!”

ขณะที่พูดจู่ๆ หญิงสาวก็กระโดดขึ้นมา มองออกเลยว่าเธอมีทักษะการเต้นอยู่บ้าง และยังเต้นได้ดีมีสไตล์อีกด้วย

แต่ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

ถ่อมาถึงบ้านของผมเพื่อมาเต้นประหลาดๆ…อย่างไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรอ

“โทษที เชิญคุณกลับไปเถอะ!”

โจวเจ๋อเดินมาตรงหน้าหญิงสาว เตรียมจะไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไป

“ไม่ ฉันไม่ไป ต่อให้ฉันตายฉันก็ไม่ไปจากคุณ!”

หญิงสาวฉีกกระโปรงลายดอกของตัวเองออกดัง ‘แควก’ เผยให้เห็นเนื้อหนังมังสา

“อย่า…” ความอดทนของโจวเจ๋อใกล้จะหมดลงแล้ว เล็บตรงมือขวาก็ค่อยๆ งอกยาวออกมาแล้วเช่นกัน

ทำให้เธอสลบ แล้วโทรเรียกนักพรตเฒ่ากลับมาพาหญิงสติเฟื่องคนนี้ไปส่งโรงพยาบาล

“คุณฆ่าฉันเลยสิคะ!”

จู่ๆ หญิงสาวกลับโผเข้ากอดโจวเจ๋อเอาไว้

“มาสิคะ ฆ่าฉันเลยค่ะ ให้ฉันได้สัมผัสถึงเลือดของคุณ ให้คุณได้สัมผัสถึงน้ำตาของฉัน ให้คุณได้สัมผัสความอบอุ่นของฉันที่มีต่อคุณ!”

“…” โจวเจ๋อ

ให้ตายเถอะ น้องสาว คุณเพิ่งหนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้ามาใช่ไหมเนี่ย!

นิ้วของโจวเจ๋อวนไปรอบๆ อย่างไม่เกรงใจ และแทงเข้าไปที่คอของหญิงสาวโดยตรง

‘ฉึก…’

แต่ทว่า ในเวลานี้อ้อมแขนของหญิงสาวที่กอดโจวเจ๋อเอาไว้ได้ออกแรงรัดแน่นทันที โจวเจ๋อที่ไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ เพียงรู้สึกแค่ว่าตัวเองแทบจะขาดออกเป็นสองท่อนแล้ว

“มา เรามาเต้นระบำกันเถอะ!”

หญิงสาวกอดโจวเจ๋อ เท้าทั้งสองข้างของโจวเจ๋อลอยขึ้นจากพื้น ราวกับเป็นตุ๊กตาผ้าอย่างไรอย่างนั้น และถูกอีกฝ่ายบังคับให้เต้นด้วยกัน

ในเวลานี้ ถ้าโจวเจ๋อยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีปัญหาก็คงจะเปล่าประโยชน์แล้ว ทันใดนั้นเล็บของโจวเจ๋อแทงเข้าที่คอของหญิงสาวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่า หลังจากเล็บแทงเข้าไปแล้วจู่ๆ กลับพบว่าเสียงที่ดังออกมานั้นเป็นเสียง ‘แหมะๆๆ’ เมื่อดึงออกมาดู ดันมีของเหลวสีขาวที่ไหลออกมาติดอยู่บนเล็บ มันน่าขยะแขยงและข้นมาก

ของเหลวสีขาวของเด็กสาวยังคงไหลหยดลงมาอย่างนี้ ในขณะที่บังคับอุ้มเถ้าแก่โจวเต้นระบำต่อไป และเป็นการเต้นระบำที่ไม่มีดนตรีประกอบอีกต่างหาก

“โชเฟอร์ รบกวนขับเร็วๆ หน่อยนะคะ” ไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่เร่งเร้า

“แม่หนู นี่ก็เร็วที่สุดแล้วนะ ช่วยไม่ได้ ที่นี่มีไฟแดงเยอะ พวกเราเองก็โชคไม่ดีด้วย ไฟแดงมาตลอดทางเลยก็ช่วยไม่ได้ละนะ”

“โอเคค่ะ”

ไป๋อิงอิงกังวัลว่าเถ้าแก่จะรออยู่นั่นจนร้อนใจ

แม้ว่าจะเห็นที่อยู่แล้วก็ตาม แต่ไป๋อิงอิงยังคิดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นบ้านหรูหลังใหญ่ที่ตัวเองเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน และไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วที่นั่นเป็นทรัพย์สินของนาง

นางเพียงแค่กังวลว่าตัวเองจะไปส่งของที่เถ้าแก่ต้องการได้ไม่ทันเวลา ถ้าเถ้าแก่เกิดโกรธขึ้นมาจะทำอย่างไรดีล่ะ

เมื่อถอนหายใจก็มองหนังสือในมือไปพลาง นักเขียนหญิงที่ชื่อจางเถียนเชวียนคนนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้มีหนังสือเพียงเล่มเดียว นอกจาก ‘ฉันรักบ้านของฉัน’ ในแบบฉบับสะเทือนขวัญแล้ว อันที่จริงเธอยังมีหนังสืออีกหลายเล่ม และเบื้องหลังเรื่องราวในหนังสือเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายในบ้านหรูหลังใหญ่ทั้งหมด ราวกับว่าเธอจะชื่นชอบฉากในบ้านหลังนี้เป็นพิเศษ

เสียงเบรกอย่างกะทันหัน หนังสือที่วางบนตักของอิงอิงร่วงลงพื้น

“บ้าเอ๊ย จู่ๆ เด็กเหลือขอข้างหน้าก็ชะลอความเร็วกะทันหัน เป็นบ้าหรือเปล่า!” คนขับรถด่า

อิงอิงก้มลงไปหยิบหนังสือขึ้นมา หนังสือเล่มสุดท้ายที่หยิบขึ้นมามีชื่อว่า ‘ระบำศพ’

เนื้อเรื่องแฟนตาซีมาก

บทย่อกล่าวว่าปีศาจกระดูกขาวใน ‘ไซอิ๋ว’ ไม่ได้ถูกซุนหงอคงทำร้ายจนตาย แต่ถูกทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำ และใช้ชีวิตมาอย่างมึนงงจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนหญิงคนหนึ่ง

นานๆ ทีก็ออกไปยั่วยวนผู้ชายให้เต้นระบำกับนาง หลังรอจนการเต้นระบำจบลง ก็จัดการกินคู่เต้นระบำ จากนั้นก็กลับมาเป็นนักเขียนหญิงธรรมดาและใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป

รอไปอีกสักระยะหนึ่ง นางก็จะออกมาล่าเหยื่ออีกครั้ง…

ความรักไม่เหมือนความรัก ตัวประหลาดไม่เหมือนตัวประหลาด ไร้สาระอธิบายไม่ได้ ไม่มีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วมันคือจุดเด่นของเรื่องที่นักเขียนสาวเขียนออกมา และเป็นจุดขายของเธอด้วย

ไป๋อิงอิงมองบนปกหนังสือเล่มนี้ เป็นภาพชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังเต้นรำอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านหรูหลังใหญ่ แล้วเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

เหมือนจะจำได้ว่าข้าเองก็เพิ่งซื้อบ้านหรูหลังใหญ่ไว้หลังหนึ่งเหมือนกัน

อย่างนั้นข้าจะสามารถเต้นระบำในบ้านหรูหลังใหญ่กับเถ้าแก่ด้วยได้หรือไม่

คิดๆ แล้วก็ตื่นเต้นจังเลย

งื้อๆๆ…

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+