ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 462 แกล้งทำเป็นเก่ง พูดโม้ไปเรื่อย!

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 462 แกล้งทำเป็นเก่ง พูดโม้ไปเรื่อย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 462 แกล้งทำเป็นเก่ง พูดโม้ไปเรื่อย!

“เหล่าจาง”

“หืม”

“เอาปืนมาให้ผม”

“ผมไม่ได้พกปืนมา”

โจวเจ๋อมองเหล่าจางด้วยความประหลาดใจ “คุณเป็นตำรวจอาชญากรรมแต่ไม่พกปืนเนี่ยนะ”

“ผมถูกส่งให้มาช่วยทำคดี และคดีก็จบแล้ว เถ้าแก่ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ้อ อย่างนั้นตอนนี้คุณช่วยผมเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร”

“ออกไป แล้วบีบคอเด็กผู้ชายที่กำลังร้องเรียกอยู่ที่โถงทางเดินนั่นให้ตายไปเลย”

“…” จางเยี่ยนเฟิง

“ถ้าเขาไม่ตายผมก็จะถูกเล่นจนตาย” โจวเจ๋อกัดฟัน ขณะเดียวกันก็พูดด้วยความสงสัยว่า “ไม่ใช่สิ ห้องชันสูตรน่าจะอยู่ในสถานีตำรวจไม่ใช่เหรอ แล้วเด็กจอมซนคนนี้เข้ามาได้ยังไง”

‘แกร๊ก!’ ประตูห้องชันสูตรถูกผลักออก เผยให้เห็นร่างของเด็กผู้ชาย วันนี้เขามาในชุดกีฬา สะพายเป้ข้างหลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ตอนที่เด็กผู้ชายเห็นจางเยี่ยนเฟิงยืนอยู่ข้างโจวเจ๋อ เขาตกตะลึงทันที จากนั้นจึงพูดด้วยความโกรธเคืองว่า “คุณอา คุณนิสัยไม่ดี ไม่รอผม คุณกลับเล่นกับคนอื่นก่อน”

“เหล่าจาง ต่อยมันสิ!” โจวเจ๋อชี้ไปที่เด็กคนนั้นแล้วพูด เหล่าจางลุกขึ้นเดินไปหาเด็กผู้ชาย พูดจริงๆ นะ สั่งให้ตำรวจอาวุโสอย่างเขาไปต่อยเด็กคนหนึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาจำได้ว่า เด็กผู้ชายคนนี้คือเด็กคนที่ยืนอยู่ข้างเถ้าแก่ตอนที่เขาเจอเถ้าแก่เมื่อวานนี้ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา

“คุณอา คุณอาทำให้ผมผิดหวัง!” เด็กผู้ชายเอามือไพล่หลัง ทำท่าขึงขังไม่พอใจ “ผมอุตส่าห์ใจดีมาเยี่ยมคุณ กลัวว่าคุณนอนอยู่ที่นี่คนเดียวจะเหงา แต่คุณกลับไม่รักษาน้ำใจ และยังสั่งให้เขามาต่อยผมอีก!”

เหล่าจางเดินมาอยู่ตรงหน้าเด็กผู้ชาย ยกมือกำหมัด แต่…แต่… แต่ว่าเขาทำไม่ลง ไม่ใช่เพราะเขาใจอ่อน แต่เพราะเขาทำไม่ลงจริงๆ

“เชอะ ไม่สนคุณแล้ว ไม่เล่นกับคุณแล้ว!” เด็กผู้ชายหมุนตัวเดินออกจากห้องชันสูตรไปดื้อๆ ตอนที่เขาวิ่ง ดูเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย น่าจะน้อยใจไม่น้อย

“เอ่อ…” จางเยี่ยนเฟิงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความเก้ๆ กังๆ แล้วหันมามองเถ้าแก่ของตัวเอง

“ไม่ใช่สิ” โจวเจ๋อพูดพึมพำอยู่ในปาก

ทำไมวันนี้เจ้าหนูจอมซนถึงว่านอนสอนง่าย อย่ามองว่าเขาเป็นเด็ก ลูกหลานของคุณมืดค่ำแล้วไม่ยอมนอนออกมาปาร์ตี้ในห้องเก็บศพแบบนี้ไหม นอกจากนี้เมื่อวานตอนที่เขาวิ่งหนีไป ก็ยังออกคำสั่งให้โจวเจ๋อ ‘ฆ่า’ เหล่าจางให้ตาย

“เถ้าแก่ ตอนนี้ทำยังไงดี”

“มานี่ แบกผมออกไปจากที่นี่ รออิงอิงกับพวกเขามารับตอนฟ้าสว่าง”

เหล่าจางพยักหน้า รีบเดินเข้าไปแบกโจวเจ๋อขี่หลัง จากนั้นผลักประตูแล้ววิ่งออกไป

บริเวณลึกเข้าไปในเงามืดของทางเดิน มีเสียงดัง ‘ตึกๆๆๆ’ คนที่เดินออกมาคือตำรวจเฉิน เธอยังคงกัดเล็บของตัวเองด้วยความเคยชินเหมือนเดิม และนี่คือความคุ้นชินเวลาที่เธอใช้ความคิด

ในสายตาของเธอ จางเยี่ยนเฟิงกำลังแบกศพเดินออกไปไกล “เหอะ เล่นไม้ไหนเนี่ย” ตำรวจเฉินสงสัยอยู่บ้าง ถ้ามองศพนั้นไม่ผิด นั่นก็คือศพที่เธอระเบิดศีรษะในคืนนั้น ถ้าหากตอนนั้นคนนั้นเป็นคนเป็นและถูกเธอยิงตายละก็ คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย

แต่หลังจากผลตรวจออกมาแล้วว่านี่คือศพที่ตายนานแล้ว และตัวตนของศพได้สืบชัดเจนแล้วเช่นกัน เป็นศพที่หายไปจากหอประกอบพิธีฌาปนกิจ ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกปิดข่าว ไม่ได้เผยแพร่ต่อสื่อสังคม

“พี่สาว คุณเล่นเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ” เด็กผู้ชายที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตาเดินเข้าหาตำรวจเฉินอย่างน่าสงสาร จากนั้นยื่นมือจับขากางเกงของตำรวจเฉินแล้วดึงไปดึงมา

จริงๆ แล้วเธอมองว่าเป็นเด็กที่น่ารักมากคนหนึ่ง ถ้าผู้หญิงคนอื่นมาเห็น คาดว่าคงจะมีความเป็นแม่อย่างเปี่ยมล้นร้องว่า ‘น่ารักจริงๆ’ แล้วกระโจนเข้าหาทันที ทว่าตอนที่มือของเด็กผู้ชายแตะโดนร่างกายของเธอ นัยน์ตาลึกล้ำของตำรวจเฉินกลับมีแสงสีเขียวเข้มขึ้นมาแวบหนึ่ง

“โอ๊ย…เจ็บนะ! พี่สาว เจ็บ!!!!” มือของตำรวจเฉินจับผมของเด็กผู้ชายโดยตรง ตำรวจเฉินในตอนนี้ไร้ซึ่งสีหน้า!

แม้แต่เล็บก็ไม่กัดแล้ว บุคลิกดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“พี่สาว ปล่อย ผมเจ็บ ผมเจ็บนะ!” เด็กผู้ชายร้องตะโกนไม่หยุด ต่อมาตำรวจเฉินจึงดึงผมของเขา แล้วทุ่มไปที่กำแพงที่อยู่ข้างตัวพอดี

‘ปึก!’

‘ปึก!’

‘ปึก!’

ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าที่น่ารักเปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้! “พี่สาว ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว พี่สาว ผมไม่อยากให้พี่เล่นเป็นเพื่อนผมแล้ว ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นอีกต่อไปแล้ว”

‘ปึก!’

‘ปึก!’

‘ปึก!’

เสียงกระแทกยังคงดำเนินต่อไป ศพที่ถูกวางอยู่ในห้องชันสูตรสองสามศพเดิมทีเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว เวลานี้กลับเหมือนสูญเสียพลังล้มลงทันที สุดท้ายตำรวจเฉินจึงปล่อยมือ ก้มหน้ามองเด็กผู้ชายที่มีแผลเต็มไปหมด แล้วมองมือที่เปื้อนเลือดของตัวเอง เธอตกใจเล็กน้อย และแทบไม่อยากจะเชื่อ

ตำรวจเฉินคุกเข่าลง พบว่าเด็กผู้ชายที่ล้มนอนอยู่บนพื้นยังมีสติอยู่ ตำรวจเฉินชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเองแล้วพูดพึมพำว่า “ฉันเป็นคนทำเหรอ”

“ไม่ใช่ๆ…” เด็กผู้ชายที่ล้มอยู่บนพื้นส่ายหน้าด้วยความตื่นตกใจ

“อ้อ ฉันก็ว่าอยู่เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะทำ ฉันจะทำร้ายเด็กได้ยังไง” ขณะที่พูด เธอได้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดที่อยู่บนมือของตัวเอง จากนั้นก็เดินข้ามเด็กผู้ชาย เดินไปทางบันไดที่เหล่าจางเดินลงไปก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันก็ยังไม่ลืมที่จะพูดเตือน “ดึกแล้ว เป็นเด็กต้องอยู่บ้าน รีบกลับบ้านซะ พ่อแม่ของเธอจะได้ไม่เป็นห่วง”

“…” เด็กผู้ชาย

บนเก้าอี้ตัวยาวหน้าร้านสะดวกซื้อ เหล่าจางคีบบุหรี่อยู่ในมือ โจวเจ๋อนั่งอยู่ข้างเขา และเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

เหล่าจางรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาทุบประตูร้านเสื้อผ้าของคนอื่น เข้าไปหยิบเสื้อผ้าให้โจวเจ๋อหนึ่งชุด แต่เขาก็ยังทิ้งเงินเอาไว้ให้ ทว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ถูกต้อง

“เหล่าจาง คดีที่คุณต้องย้ายมาร่วมสืบอย่างนี้ต่อไปจะมีอีกเยอะไหม” โจวเจ๋อไม่ได้จุดบุหรี่ เขาก็อยากสูบบุหรี่เหมือนกัน แต่อวัยวะภายในไม่อยู่แล้ว สูบบุหรี่ไปก็ไม่มีรสชาติ

“เอ่อ น่าจะนะ” จางเยี่ยนเฟิงไม่ได้บอกโจวเจ๋อเรื่องที่ตำรวจเฉินอยากจะเลื่อนตำแหน่งให้ตัวเอง “ครั้งหน้าปฏิเสธได้ปฏิเสธไปเลย อย่าวิ่งเพ่นพ่านนอกเมืองทงเฉิง” โจวเจ๋อเตือน

“ทำไมครับ”

“ทุกที่ล้วนมีระบบยมทูตเป็นของตัวเอง ถ้าวิ่งล้ำเส้น จะถูกเข้าใจผิดคิดว่าเข้ามาบุกรุก และอาจจะโจมตีคุณ”

“ครับ ผมรู้แล้ว”

“อืม” โจวเจ๋อนั่งพิงเก้าอี้ตัวยาว หยิบโทรศัพท์ของเหล่าจางออกมาแล้วกดโทรออก

“ฮัลโหล เหล่าจาง เจ้าสารเลว เถ้าแก่ของข้าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ข้าขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ถ้าหากเถ้าแก่ของข้าเป็นอะไรไป ข้าจะสู้กับเจ้าขาดใจ!”

“อิงอิง”

“ไอ้เลว…ฮือๆๆ! เถ้าแก่ ข้าคิดถึงท่านจังเลยเจ้าค่ะ”

“ผมจะส่งตำแหน่งให้คุณทางวีแชต พวกคุณรีบมานะ”

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่ พวกเรานั่งรถไฟความเร็วสูง เหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าก็จะถึงสวีโจวแล้ว จากนั้นพวกเราจะรีบไปหาท่านทันที วางใจได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่ ร่างของท่านข้าดูแลอย่างดีและเอามาด้วยเหมือนกัน”

“อืม” เมื่อตัดสายแล้ว โจวเจ๋อยื่นมือบิดขี้เกียจ เขาเกือบจะทำให้แผลที่หน้าอกฉีก ร่างนี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปแล้ว เวลานี้ตีสี่แล้ว ฟ้ายังไม่สาง แต่ก็ใกล้แล้ว

เหล่าจางใส่ชุดตำรวจ นั่งตัวตรงหลังตรงอยู่ตรงนั้น โจวเจ๋อกลับนอนอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ถือโทรศัพท์ของเหล่าจางเลื่อนดูเวยป๋อ จากนั้นรถพอร์เชอคันหนึ่งขับมาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมง มีผู้หญิงใส่ชุดหนังเดินลงมา เธอใส่แล้วสวยมาก แต่ใส่เสื้อผ้าเยอะในสภาพอากาศแบบนี้ ไม่ร้อนเหรอ

ผู้หญิงเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซื้อของกล่องหนึ่งแล้วเดินออกมา ตอนที่เธอเดินมาถึงเก้าอี้ตัวยาว จู่ๆ เธอก็หยุดเดินแล้วมองเหล่าจางอย่างละเอียด เหล่าจางถูกจ้องมองก็ทำตัวไม่ถูกเป็นธรรมดา แต่ก็จ้องมองกลับไป

ผู้หญิงหัวเราะ เดินไปตรงกลางของเก้าอี้ตัวยาว แล้วเอื้อมมือผลักขาของโจวเจ๋อออกไปโดยไม่เกรงใจ นั่งลงข้างเหล่าจาง

ขณะเดียวกัน เธอได้ยื่นบุหรี่ให้เหล่าจางหนึ่งมวน เหล่าจางไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงบ้า ถึงแม้เธอจะซื้อกล่องนั่น แต่โสเภณีจะขับรถหรูขนาดนี้เหรอ

ต่อให้หญิงโสเภณีสามารถขับรถหรูได้ขนาดนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกลูกค้าตามข้างทางใช่ไหม และตัวเขาก็ใส่ชุดตำรวจอีกด้วย

จากนั้นผู้หญิงเพื่อทำให้ตัวเองนั่งสบายขึ้น เธอจึงผลักโจวเจ๋อลงจากเก้าอี้ตัวยาว ‘พลั่ก’ เถ้าแก่โจวที่กำลังเลื่อนดูเวยป๋อถูกผลักลงไปบนพื้น

“…” โจวเจ๋อ

“พี่ชาย มาทำงานต่างเมืองเหรอ” ผู้หญิงเห็นเหล่าจางไม่รับบุหรี่ของตัวเอง ก็เป็นฝ่ายถามก่อน

“ครับ” จางเยี่ยนเฟิงขานหนึ่งที

“อย่างนั้นก็ดี” ผู้หญิงหัวเราะเล็กน้อย แล้วจุดบุหรี่เองและเอ่ยว่า “ครั้งหน้าพี่ชายมาสวีโจว ให้บอกก่อน น้องสาวอย่างฉันจะได้ต้อนรับสะดวกค่ะ”

“เกรงใจครับ” การตีสนิทเหมือนรู้จักกันมานานแบบนี้ ดูแปลกประหลาดมาก จางเยี่ยนเฟิงรีบนึกถึงฐานะของผู้หญิงคนนี้ทันที เธอน่าจะเป็นยมทูตท้องถิ่นของสวีโจว

“ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราคนสวีโจวมีอัธยาศัยดีที่ดีมาก ยินดีต้อนรับทุกคนมาเป็นแขกของพวกเรา” ผู้หญิงลุกขึ้นยื่นเท้าถีบโจวเจ๋อที่ถูกตัวเองผลักลงไปเมื่อครู่แล้วพูดว่า “พี่ชาย คุณก็กำลังฝึกหุ่นเชิดเหมือนกันเหรอ การเลือกวัสดุของหุ่นเชิด ดูเหมือนจะแย่ไปหน่อย”

“…” โจวเจ๋อ

“อ้อ เอ่อ อืม เหอะๆ” จางเยี่ยนเฟิงโน้มตัวประคองโจวเจ๋อขึ้นมา เขารู้ว่าตอนนี้ทางที่ดีต้องพูดให้น้อยที่สุด อีกฝ่ายเข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไปเถอะ

โจวเจ๋อหลับตา ไม่พูดและไม่ขยับ แต่แอบบ่นอยู่ในใจ ‘ฉันจะอดทน! เธอแน่จริงก็อย่าไปสิแม่สาวใหญ่ รอกายเนื้อของฉันกลับมาก่อน… เป็นยมทูตแล้วเก่งนักเหรอ’

ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รีบกลับไปนั่งที่รถ แต่กลับเอามือป้องปากยิ้มแล้วพูดว่า “บังเอิญจัง พี่ชาย ในรถของฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง เขามีความรู้แตกฉานด้านการสร้างหุ่นเชิดมาก ฉันจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักกันค่ะ อาจารย์ฉิน มีเพื่อนทำอาชีพเดียวกับคุณ อยากรู้จักหน่อยไหม”

คนสวีโจวมีความกระตือรือร้นขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนี้โจวเจ๋อกับจางเยี่ยนเฟิงมีความคิดเหมือนกัน พี่สาวคุณถือถุงยางอนามัยของคุณกลับไปมีความสุขที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ

‘แกร๊ก!’ ประตูรถด้านหลังทั้งสองข้างถูกเปิดออก มีผู้ชายใส่ชุดสูทสองคนเดินลงมา ผู้ชายทั้งสองคนเดินมาอยู่ตรงเบาะข้างคนขับด้านหน้ารถ แล้วใช้มือข้างหนึ่งยันหลังคารถและเปิดประตูรถ คนที่เดินลงมาใส่แว่นกันแดดตอนกลางคืน คงกลัวไม่มีใครรู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างน้อยก็ต้องเป็นคนแก่สติเฟื่อง

“ขาก…ถุย!” ชายชราเงยหน้าเคลียร์ลำคอให้โล่ง ผู้ชายใส่ชุดสูทคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ รีบยื่นมือไปแตะที่ริมฝีปากของชายชราเพื่อรองรับเสมหะที่ชายชราถุยออกมา โดยไม่รังเกียจแม้แต่นิดเดียว

จากนั้นผู้ชายใส่ชุดสูททั้งสองคนจึงยืนขนาบสองข้างของชายชรา เหมือนบอดี้การ์ดก็ว่าได้ แต่โจวเจ๋อพิจารณามองอย่างสงสัย คิดว่าผู้ชายใส่ชุดสูทสองคนนี้เป็นหุ่นเชิด!

“เฮ้ สหายเป็นคนที่ไหนเหรอ” ชายชราขยับแว่นกันแดดของตัวเอง

“ทงเฉิงครับ” จางเยี่ยนเฟิงตอบ

“ทงเฉิง” เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราจึงถอดแว่นกันแดดออก แล้วมองจางเยี่ยนเฟิงอย่างละเอียด

“เหอะๆ ที่ทงเฉิงมีคนเก่งเพิ่มขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย ไม่นานมานี้ผมเพิ่งไปทงเฉิงมา ได้ดื่มกินกับยมทูตท้องถิ่นสองสามคน ทำไมถึงไม่เห็นน้องชายอย่างคุณล่ะ” ชายชราพูดอย่างมีความหมายแฝง

เวลานี้โจวเจ๋อยิ่งเบิกตาโต ตอนแรกเขาแค่รู้สึกว่าผู้ชายใส่ชุดสูทสองคนมี ‘รูปร่างที่คุ้นตา’ ซึ่งหมายความว่ารูปร่างของอีกฝ่ายดูเหมือนเขาเพิ่งพบเจอเมื่อไม่นาน แต่ไม่คุ้นหน้า

จนกระทั่งโจวเจ๋อเริ่มคิดเชื่อมโยงกัน นำชุดสูทของผู้ชายทั้งสองคนมาทาสีดำทั้งตัว โจวเจ๋อจึงตกใจทันที ในหัวของเขามีภาพของผู้ชายสองคนนี้ซ้อนทับกับเงาดำทั้งสองที่โผล่มาแก้ไขปัญหาของจู่เซิ่งหนานที่เมืองทงเฉิงก่อนหน้านี้!

เป็นพวกเขาจริงๆ พวกเขาก็คือเงาดำทั้งสองที่ปรากฏตัวในคืนนั้น และยังใช้วิธีการต่อสู้เหมือนทนายอัน ‘ยมโลกมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี…’ และในเวลานี้ ในสถานการณ์แบบนี้ กลับเจอคนกลุ่มนี้อย่างไม่น่าเชื่อ

ยมทูตหญิงที่สวีโจวคนนี้โจวเจ๋อไม่รู้จัก แต่ชายชราคนนี้กับเหตุการณ์ของจูเซิ่งหนานรวมไปถึงซุ้มประตูและหมู่บ้านค้ามนุษย์ จะต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ เขาอาจจะไม่ใช่หัวหน้า แต่ต้องเป็นหนึ่งคนที่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน เมื่อเชื่อมโยงกับเขามาอยู่ที่สวีโจวในเวลานี้ ซึ่งอยู่ห่างจากเขตภูเขาที่เกิดเรื่องไม่มากเท่าไร ก็สามารถยืนยันเหตุการณ์ได้บางส่วน

โจวเจ๋อไม่ขยับตัว พูดจริงๆ นะ เขารู้สึกกลัว หากอาศัยร่างนี้เข้าต่อสู้หรืออาศัยเหล่าจางที่เป็นยมทูตแต่ไม่ต่างจากลุงตำรวจธรรมดาทั่วไปเข้าต่อสู้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน โดยเฉพาอย่างยิ่งตอนนี้ที่เหล่าจางไม่มีแม้แต่ปืน!

นอกจากนี้ หลังจากที่ชายชราได้ยินจางเยี่ยนเฟิงพูดว่ามาจากทงเฉิงนั้น ผู้ชายใส่ชุดสูทสองคนที่อยู่ข้างกายเขาเริ่มเดินเข้ามาทางนี้อย่างช้าๆ

เหตุการณ์ของจูเซิ่งหนาน ถ้าหากเป็นอำนาจของชายชราที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นตอนที่โจวเจ๋อกับทนายอันและคนอื่นๆ ทำให้แผนการของเขาล้มเหลว ก็นับว่าเป็นศัตรูของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“อ้อ ปกติผมไม่ค่อยได้ดูแลเท่าไร เรื่องบางเรื่อง ปล่อยให้เด็กๆ จัดการก็พอแล้ว ผมน่ะเหรอ มัวแต่ยุ่งเพื่อรับใช้ประชาชน” จางเยี่ยนเฟิงพูดอย่างสบายใจ ชายชราตกตะลึง โจวเจ๋อตกตะลึง ผู้หญิงก็ตกตะลึง แกล้งทำเป็นเก่ง พูดโม้ไปเรื่อย!

เหล่าจางหยิบหมวกตำรวจที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นเล็กน้อย จากนั้นใส่บนศีรษะของตัวเอง จัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงลุกขึ้น

เวลานี้เหล่าจางใส่ชุดตำรวจอยู่ เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟของร้านสะดวกซื้อจึงดูมีออร่าและสง่างาม เต็มไปด้วยมาดของตำรวจที่ปกป้องประชาชนอย่างเต็มที่!

เหล่าจางได้เป็นตำรวจทั้งสองชาติ ชาติที่แล้วตายพร้อมกับคนร้ายเพื่อช่วยชีวิตเด็ก ชาตินี้ได้สิงร่างของตำรวจอาชญากรรมที่สละชีพตัวเอง ดังนั้นมาดเหล่านี้จึงไม่ต้องแสร้งทำออกมา สามารถยืดอกรับได้อย่างภาคภูมิใจ!

ตราสัญลักษณ์ประจำชาติที่ติดอยู่บนหมวก สว่างแสบตา! เมื่อก่อนโจวเจ๋อเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน ครั้งที่แล้วคือตอนที่รถแท็กซี่นับพันรวมตัวกันมาส่งหัวหน้าตำรวจคนนั้น วิญญาณของหัวหน้าตำรวจคนนั้นเคยมาซื้อหนังสือในร้าน และตอนนี้บรรยากาศแบบนั้นได้ปรากฏบนตัวของเหล่าจางอีกครั้ง

ตำรวจที่มีคุณธรรมสูงสิ่งชั่วร้ายไม่อาจกล้ำกรายอยู่แล้ว มีประโยชน์มากกว่ารูปปั้นตามวัดเสียอีก

“มีอะไร คุณกับพวกลูกน้องของคุณมีปัญหาเหรอ”

“ไม่มีครับ” ผู้ชายใส่ชุดสูทสองคนที่อยู่ข้างชายชราหยุดเดิน จากนั้นชายชราจึงเผยแววตาสงสัยออกมาจากดวงตาของเขา และในแววตานั้นยังมีความหวาดกลัวอย่างหนึ่ง!

จางเยี่ยนเฟิงบิดขี้เกียจ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา พลางยื่นมือชี้ไปที่ตัวเองแล้วเอ่ยว่า “มีบางเรื่อง ไม่ต้องปิดบัง พูดกับตำรวจเถอะ ช่วยประชาชนขจัดทุกข์ เป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างพวกเรา คุณคิดว่าถูกต้องไหมครับ”

“ใช่ๆ” ชายชราประสมโรง ส่วนยมทูตหญิงคนสวีโจวก็ไม่กล้าพูดอะไร จางเยี่ยนเฟิงเป็นฝ่ายเดินเข้าหาชายชราก่อน ยื่นมือตบไปที่ใบหน้าของชายชราเบาๆ ‘แปะ!’ ชายชราไม่กล้าขยับ จางเยี่ยนเฟิงจึงยิ่งใช้แรง ‘แปะๆๆๆๆ!!!!!’ ดูเหมือนจะตบหน้าเสียมากกว่า แต่ชายชรากลับยิ่งไม่กล้าขยับ ไม่ใช่เพราะชายชราขี้ขลาด แต่กุญแจสำคัญคือ ชายชราไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความหวั่นไหวใดๆ บนตัวของจางเยี่ยนเฟิงเลย!

ซึ่งหมายความว่า ความสามารถของทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน! น่ากลัว น่ากลัวมาก คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ลึกล้ำยากที่จะคาดเดา บ้าจริง ที่ทงเฉิงเต็มไปด้วยคนเก่งจริงๆ! อันที่จริง ความสามารถของทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันจริงๆ ชายชราคิดถูกแล้ว ทว่าเขากลับคิดในทางตรงกันข้าม

ใบหน้าของชายชราถูกจางเยี่ยนเฟิงตบจนแดงเถือก จากนั้นจางเยี่ยนเฟิงจึงหยุดมือ มองชายชราอย่างตั้งใจแล้วเอ่ยว่า “ครั้งหน้า ถ้ามาทงเฉิงอีก มาหาผมได้เลย”

“ได้เลยๆ”

“มีปัญหาอะไร ผมจะช่วยคุณแก้ไขเอง”

“ได้ครับ อืม ได้เลย”

“ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้จริงๆ พวกเราจัดการคนที่ยกปัญหาขึ้นมาก็ได้ ถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คุณคิดว่าถูกไหม”

“…” ชายชรา

จางเยี่ยนเฟิงหมุนตัวเดินไปที่เก้าอี้ตัวยาว แล้วนั่งลงช้าๆ ชายชราที่อยู่ตรงนั้นจึงโน้มตัวคำนับจางเยี่ยนเฟิง

“เชิญคุณตามสบาย ผมขอตัวก่อน”

ยมทูตผู้หญิงกับชายชรารวมทั้งหุ่นเชิดทั้งสองตัวของเขาจึงขึ้นรถ เหล่าจางมองรถพอร์เชอขับออกไปจนลับหายไปจากถนน แล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ตัวอ่อนทรุดไปกับเก้าอี้ตัวยาว “เถ้าแก่…เถ้าแก่…หลังของผมมีแต่เหงื่อ…”

“เหล่าจาง คุณทำดีมาก”

จางเยี่ยนเฟิงมองไปทางโจวเจ๋อ ยิ้มแล้วพูดตามความจริง “เมื่อกี้ ผมตกใจมาก”

“คุณรู้จักพวกเขาเหรอ”

โจวเจ๋อแปลกใจอยู่บ้าง ครั้งที่แล้วกรณีของจูเซิ่งหนาน จนสุดท้ายเขาก็ไม่ได้เรียกเหล่าจางเข้ามาร่วม

“ไม่รู้จัก แต่เซนส์ของผมที่เป็นตำรวจมาหลายปีบอกผมว่า ไอ้แก่นั่น เมื่อกี้อยากจะฆ่าผม”

………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด