ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 500 สาวน้อยโลลิฟื้นแล้ว!

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 500 สาวน้อยโลลิฟื้นแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 500 สาวน้อยโลลิฟื้นแล้ว!

“พ่อ”

คำว่าพ่อ ‘พ่อ’ นี้ เรียกอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ มีเปลี่ยนจังหวะ มีความผันผวนสะอึกสะอื้น มีอารมณ์ลึกซึ้ง มีความปวดใจอย่างสุดซึ้ง

แม้ว่าจะเป็นเพียงบทพูดแค่คำเดียว แต่กลับระเบิดความรู้สึกได้เหนือกว่าบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่ร้องไห้น้ำตาร่วงเรียกหาพ่อหาแม่บนเวทีประกวดเหล่านั้น

โจวเจ๋อก้มหน้า ทนายอันมองเห็นไหล่ของเถ้าแก่ตัวเองกำลังสั่นไหวเบาๆ เขารู้ว่าเถ้าแก่กำลังกลั้นขำ อย่างสุดกำลัง

เขาก็อดกลั้นอย่างลำบากเหมือนกันนะ เขาถูกผีตนนี้เอารัดเอาเปรียบ นี่ไม่ใช่เพราะช่วยชีวิตทุกคนไว้หรือไง เขาคือผู้เสียสละชัดๆ!

“เพื่อนลูกบาดเจ็บสาหัส ของของพ่อที่นี่สกปรกมาก ช่วยทำแผลให้เขาไม่ได้ ลูกหาวิธีช่วยเอาเองนะ แล้วก็หลานสาวพ่อฟื้นหรือยังล่ะ” นักชงเหล้าถามด้วยความเป็นห่วง

หลานสาว แน่นอนว่าหมายถึงสาวน้อยโลลิน่ะสิ

“ยังเลย พ่อ”

“งั้นพวกลูกก็จัดการกันเองแล้วกัน พ่อจะออกไปเฝ้าดูต้นทางข้างนอกต่อ รอผ่านไปอีกหน่อยนะ พ่อจะหาทางพาพวกลูกส่งออกไป”

“ครับ พ่อ…”

นักชงเหล้าปิดประตู เดินออกไปแล้ว โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ยังใช้ข้อมือเช็ดน้ำตาอยู่ ขณะเดียวกันก็หายใจเข้าลึกๆ

“อยากขำก็ขำเลย ไหนๆ ก็บาดเจ็บแล้ว อย่ากลั้นจนภายในอักเสบไปด้วยเลย” ทนายอันเข้าอกเข้าใจดีมาก

โจวเจ๋อส่ายหน้าแล้วถาม “คุณบอกกับเขาว่ายังไง”

“ยังจะบอกว่ายังไงได้อีก ลูกชายโตแล้ว พาลูกสาวเข้ามาหาข่าวคราวของพ่อตัวเองน่ะสิ ดั้นด้นอย่างยากลำบากมาตามหาถึงในนี้ ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ก็มีถมไป แต่ตามหาแม่ออกจะเยอะกว่าตามหาพ่อหน่อย” ทนายอันคลานมาข้างๆ โจวเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าฤทธิ์อาหารเป็นพิษของเขายังไม่หายดี

“ผมช่วยคุณทำแผลบนนิ้วให้ใหม่”

ขณะที่พูด ทนายอันก็ฉีกเสื้อของตัวเอง ของทุกอย่างในที่นี่ใช้ไม่ได้เลย ดูเหมือนกับความเป็นจริงแต่มันก็คือสองสิ่ง นับรวมกันไม่ได้ เกิดเวลานี้บาดแผลของโจวเจ๋อแย่ลงและติดเชื้ออีกจะยุ่ง นั่นคงจะเป็นการล้อเล่นที่ใหญ่ไปหน่อย

“ไอ้หมอนั่นล่ะ” ทนายอันพันแผลไปด้วยถามไปด้วย

ก่อนหน้านี้สถานการณ์เร่งด่วน ทั้งสองจึงไม่มีเวลาอธิบายอย่างละเอียด

“ถูกผมใช้เล็บตรึงไว้ แต่ยังไม่ตายนะ เดาว่าคงซ่อนมันได้ระยะหนึ่งเลย เราต้องอาศัยช่วงเวลานี้ออกไป ไม่อย่างนั้นเกิดปัญหาใหญ่แน่ๆ”

“อืม เขาบอกว่าที่นี่ยังมีทางออกอื่นอีก รอผมพักผ่อนสักสองสามชั่วโมง เอาชนะความเจ็บปวดทรมานที่สุดไปก่อน”

“เขาคือใคร”

ทนายอันกลอกตาใส่โจวเจ๋อ คราวนี้เขาไม่ต่อต้านอะไร “พ่อผม”

อย่างไรเสียคนอื่นเขาก็ช่วยชีวิตทั้งสามคนไว้ตั้งหนึ่งครั้ง แถมเขายังใช้ร่างลูกชายคนอื่นเขาอีก จะเรียก ‘พ่อ’ สักครั้ง ไม่ถึงกับแย่อะไร

แผลพันใหม่เรียบร้อย ปากโจวเจ๋อแห้งผากเล็กน้อย นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเสียเลือดมากเกินไป

“ดื่มเหล้าให้พอชุ่มคอหน่อยไหม” ทนายอันถาม

“…” โจวเจ๋อ

“หึๆ ล้อเล่นน่า”

ทนายอันพิงผนังอย่างอ่อนแรงเหลือทน ชี้สาวน้อยโลลิที่นอนอยู่ตรงนั้น “ตอนนี้ผมไม่มีแรงช่วยยายเด็กนี่คลายมนต์สะกดแล้ว คุณลองดูหน่อยคลายได้หรือเปล่า ในเมื่อเด็กชายคนนั้นก็เป็นผีดิบ”

โจวเจ๋อเลียริมผีปากแห้งแตกเล็กน้อยของตัวเอง ลุกขึ้นเดินไปข้างๆ สาวน้อยโลลิแล้วค่อยย่อตัวลง การเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายแบบนี้กลับทำให้เม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผากโจวเจ๋อ

สาวน้อยโลลิเหมือนกับนอนหลับสนิท ยังหายใจอยู่ ยังมองเห็นอกกระเพื่อมขึ้นลงอยู่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

ตามคำบอกเล่าของเจ้าสาวที่ถูกกลืนดีงูเข้าไป เด็กชายคนนั้นจะคอยไปหาสาวน้อยโลลิที่ลานเล็กๆ ทุกวัน ทั้งสองจะต้องพูดคุยสื่อสารกันได้แน่ๆ

นอกเสียจากว่าเด็กชายคนนั้นจะชอบพูดเองเออเอง แต่คนคนหนึ่งพูดคุยกับตัวเองแล้วจะรับรู้ถึงเสน่ห์ของผู้หญิงอย่างหลินเข่อได้อย่างไร ฉะนั้นเขาจะต้องคลายมนต์สะกดให้หลินเข่อฟื้นขึ้นมาก่อน

ตามนิสัยของหลินเข่อ เธอจะไม่แขวนคอและจากไปอย่างสิ้นหวังแบบครึ่งๆ กลางๆ หรอก อาจจะเพื่อรอการช่วยเหลือหรือหาโอกาสหลบหนี และจงใจตกเขาเหมือนตกข่ายจื่อ[1]

โจวเจ๋อเอียงคอหลินเข่อพบว่าไม่มีรอยเขี้ยว จากนั้นปลิ้นเปลือกตาหลินเข่อก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ถ้าอย่างนั้นสะกดตรงไหนกันแน่

“เถ้าแก่ ผีดิบกลัวกีบลาดำไม่ใช่เหรอ หากีบลาดำมาให้เธอแทะหน่อยไหม” ทนายอันเสนอคำแนะนำ

“ตอนนี้จะไปหากีบลาดำจากไหน เอาที่พ่อคุณหรือไง” โจวเจ๋อถามกลับ

“ไม่สิ…” จู่ๆ เหมือนทนายอันนึกอะไรขึ้นมาได้รีบพูดทันที “แม่ง ก่อนหน้านี้ผมลืมไปเลย เมื่อก่อนผมเคยขอยันต์นักพรตเฒ่ามาด้วย ยันต์นั่นน่าจะมีประโยชน์ ก็เหมือนกับน้ำเปล่า ไม่ได้รักษาโรคเฉพาะ แต่ไม่ว่าโรคอะไรก็ตาม แค่ดื่มน้ำเปล่ามากๆ หน่อยก็มักจะไม่เป็นอะไร”

“คุณพกมาด้วยเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“เหมือนจะพกมาด้วย มาสิ คุณช่วยผมหยิบหน่อย” ทนายอันพูด

โจวเจ๋อเดินมาข้างๆ ทนายอันอีกครั้ง แล้วย่อตัวลงตรงหน้าทนายอัน สีหน้าลังเลและไม่เต็มใจ เอื้อมมือออกไปแล้วค้างไว้กลางอากาศ เอาลงไปไม่ได้จริงๆ นี่นา

“คุณรีบหน่อยสิ!” ทนายอันเร่ง

“…” โจวเจ๋อ

“เถ้าแก่ มาถึงตอนนี้แล้ว คุณจะชักช้าทำไมเล่า”

“เฮ้อ…”

โจวเจ๋อถอนหายใจเฮือก ใช่แล้ว มาถึงตอนนี้แล้วจะสนใจอะไรอีก ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปที่เป้ากางเกงของทนายอัน

“เฮ้ยๆๆ!!!!” ทนายอันอ่อนแอมาก แต่ในเวลานี้ก็ยังรีบหนีบขาของเขาและเข้าใจได้ทันที “ผมไม่ได้วิปริตเหมือนนักพรตเฒ่าที่เอามาโยนไว้ในเป้ากางเกงหรอกนะ ชุดของผมมีกระเป๋าอยู่ด้านข้าง คุณลองคลำๆ ดูหน่อยอยู่ในนั้นหรือเปล่า”

“ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า”

“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณคิดกับผมเหมือนนักพรตเฒ่านั่นน่ะ”

โจวเจ๋อสอดมือเข้าไปใต้สูทของทนายอัน คลำเจอกระเป๋าและรูดซิบออก คลำจนเจอยันต์เข้าจริงๆ ด้วย แม้จะยับยู่ยี่ก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเอาใส่ไว้ในนั้นมานานมากแล้ว นานเสียจนทนายอันเองยังลืมหมดสิ้น

“เสื้อผ้าชุดนี้ถูกส่งซักแห้งมาก่อน ไม่รู้ว่ามีผลอะไรต่อยันต์นี่ด้วยหรือเปล่า” ทนายอันพึมพำ

“ลองดูสิ”

โจวเจ๋อหยิบยันต์แล้วเดินไปข้างๆ สาวน้อยโลลิ สำหรับตอนนี้ ถ้าสาวน้อยโลลิฟื้นขึ้นมาได้ ฉวยโอกาสตอนที่หญิงชราและเหล่าข้ารับใช้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในลานเล็กๆ นั่น การรักษาความปลอดภัยยังไม่ได้เข้มงวดเป็นพิเศษ อาศัยเพียงพละกำลังของสาวน้อยโลลิ ไม่แน่ว่าอาจจะจัดการข้ารับใช้ไม่กี่คนที่ขวางทางอยู่นอกถ้ำแล้วพาพวกเขาทั้งสองคนพุ่งฝ่าออกไปได้

โจวเจ๋อแปะยันต์ไว้บนหน้าผากของสาวน้อยโลลิ รออยู่พักหนึ่งพบว่าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

“เฮ้ ดูเหมือนจะถูกคุณซักแห้งจนมีปัญหาแล้ว” โจวเจ๋อพูดอย่างจนปัญญานิดหน่อย

“ไม่หรอกมั้ง ให้ตายเถอะ รู้งี้ตอนอยู่ที่สวีโจวไม่น่าให้นักพรตเฒ่ากลับไปก่อน พาเขามาด้วยก็ดี จะต้องมียันต์ใหม่ๆ ให้ใช้แน่นอน” ทนายอันดูผิดหวังมาก เจอหนทางแล้วแต่ดันล้มเหลวเสียอย่างนั้น

โจวเจ๋อหยิบยันต์ขึ้นมา ลังเลว่าจะเปลี่ยนที่แปะดีหรือเปล่า

“ลองติดที่ประตูเหล็กตรงนั้นดูไหม” จู่ๆ ทนายอันก็แนะนำ “ผมจำได้ว่าศพที่ฝังในสมัยโบราณจำนวนไม่น้อยต่างวางของจำพวกหยกไว้ในประตูเหล็ก สามารถปัดเป่าและปราบวิญญาณร้ายได้”

อมไว้ในปากชิ้นหนึ่ง วางไว้ด้านล่างชิ้นหนึ่ง รับประกันว่าศพจะสงบสุขตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง

“คุณมาวางไหมล่ะ” โจวเจ๋อถามกลับ

“เหอะๆ ผมไม่กล้าหรอก” ทนายอันยิ้มขำ ซึ่งก็แค่ล้อเล่นทั้งนั้น ถ้าวางไว้ตรงนั้นจริงๆ ไม่สนว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า อีกหน่อยก็รอให้สาวน้อยโลลิมาตามไล่ฆ่าได้เลย

“เหล่าอัน ผมพบว่าตั้งแต่คุณเจอกับพ่อของคุณแล้ว นิสัยดีขึ้นไม่น้อยเลย การหล่อเลี้ยงด้วยความรักของพ่อได้ผลขนาดนั้นนี้เลยหรือไง”

“เถ้าแก่ มาถึงตอนนี้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำร้ายกันเองแล้ว คนหนึ่งป่วย คนหนึ่งบาดเจ็บ รวมคนงามที่ยังสลบไสลเข้าไปอีกคน ถ้ายังชักช้าต่อไปเราอาจจะโดนผีพวกนี้เล่นงานจนตายเลยก็ได้”

โจวเจ๋อพยักหน้า จากนั้นยื่นมือไปอ้าปากสาวน้อยโลลิ ตามด้วยยัดยันต์ลงไปเลย

พยายามอีกสักตั้งเป็นครั้งสุดท้าย ต้องพึ่งโชคแล้วละ

ขณะที่เพิ่งปิดปากสาวน้อยโลลิ ทันใดนั้นร่างของสาวน้อยโลลิก็สั่นเทิ้ม

“เหล่าอัน เหมือนจะออกฤทธิ์แล้ว!” โจวเจ๋อตะโกน

“ออกฤทธิ์แล้วเหรอ” ทนายอันเข้ามาใกล้ๆ

ร่างของสาวน้อยโลลิเริ่มกระตุก สิบนิ้วเริ่มหงิกๆ งอๆ เคลื่อนไหวขยับไม่หยุด

“ดูเหมือนฤทธิ์จะค่อนข้างแรง” โจวเจ๋อพูด

ผ่านไปช้าๆ สาวน้อยโลลิเริ่มกระตุกตัวแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ฟองฟอดสีขาวเริ่มไหลออกจากมุมปากของเธอ

ทนายอันสูดหายใจเข้าและพูดอย่างเป็นห่วงนิดหน่อย “เถ้าแก่ ดูเหมือนว่าฤทธิ์จะแรงเกินไปหน่อย”

วินาทีต่อมา จู่ๆ สาวน้อยโลลิก็ลืมตา ขณะเดียวกันก็อ้าปากออกและแลบลิ้นพรวดออกมา

โจวเจ๋อเอนหลังหลบทันที ทนายอันเคลื่อนไหวเร็วไม่เท่าโจวเจ๋อเพราะยังถูกพิษอยู่ เขาจึงหลบไม่ทัน ลิ้นพุ่งเข้ามารัดคอเขาทันที

“หละหลินหลิน…เข่อ…ผม…ผมเอง…”

ทนายอันพูดพลางดิ้นรน เดิมทีร่างกายของเขาอ่อนแอเพราะถูกพิษอยู่แล้ว เขากังวลจริงๆ ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังเขาได้ตายแน่ๆ

“หลินเข่อ!” โจวเจ๋อตะโกนอยู่ข้างๆ

ในแววตาของสาวน้อยโลลิดูเหมือนจะรู้ตัวเล็กน้อย จากนั้นคลายลิ้นที่รัดคอทนายอันออก ทนายอันล้มตึงลงพื้น หอบหายใจถี่ ใบหน้าซีดเซียวเหลือแสน ส่วนสาวน้อยเก็บลิ้นกลับมา แล้วคุกเข่าโน้มตัวเริ่มอ้วกอย่างบ้าคลั่ง อ้วกเอาของสีดำบางอย่างออกมาจากปาก

ผ่านไปนานพอสมควร สาวน้อยโลลิถึงได้พลิกตัวนั่งพิงผนัง มองโจวเจ๋อสลับกับมองทนายอัน สาวน้อยโลลิพูดอย่างไม่พอใจนิดหน่อย “เถ้าแก่ พวกเจ้ามาเสียทีนะ ถ้าพวกเจ้ายังไม่มา ข้าคงหลอกไอ้ผีดิบน้อยนั่นต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเจ้ารู้ไหม เป็นครั้งแรกในชีวิตข้าที่เกือบจะโดนเจ้าตัวจ้อยนั่นขืนใจ! ความบริสุทธิ์ทั้งชาติของข้าเกือบถูกทำลายไปเสียแล้ว!”

“คุณบริสุทธิ์ผุดผ่องนับเป็นอะไร”

ทนายอันบีบๆ นวดๆ คอของตัวเองอย่างโมโห เขาโดนพิษไม่ตาย แต่เกือบโดนคนกันเองบีบคอตายทันทีที่ลืมตาขึ้น มันเป็นความหดหู่ในใจ

“ใช่น่ะสิ ข้าบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่นับเป็นอะไรหรอก แต่หวังหรุ่ยนางไร้เดียงสา นางก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น” สาวน้อยโลลิพูดด้วยความหดหู่เล็กน้อย “ตอนนี้นางควรไปโรงเรียนด้วยซ้ำ ข้าเองก็ควรคืนร่างให้นางด้วย”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ในเวลาที่สำคัญอย่างนี้ ทักษะการพูดให้กำลังใจแบบไม่ต้องจ่ายเงินของผู้นำถูกนำมาใช้ โจวเจ๋อพูดต่อว่า “ถ้าไม่มีคุณละก็ ป่านนี้หวังหรุ่ยโดนลักพาตัวไปขายนานแล้ว”

……………………………………………………

[1] ข่ายจื่อ เป็นชื่อของชายหนุ่มร่ำรวย ตกข่ายจื่อ หมายถึงผู้หญิงที่พบผู้ชายที่หล่อและร่ำรวย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด