ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 251 คนขี้โกง

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 251 คนขี้โกง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 251 คนขี้โกง

ร้านหนังสือนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ ฉวีหมิงหมิงพลันนึกได้ถึงสิ่งที่น้องสาวของตัวเองพูดก่อนหน้านั้น เธอพูดว่า’พี่ชายร้านหนังสือนี้น่ากลัวจริงๆ พวกเขาเลี้ยงผีดิบด้วย!’

ตอนแรกเขายังไม่เชื่อ ตอนนี้ฉวีหมิงหมิงไม่เพียงแต่เชื่อเท่านั้น แต่กลับพบสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า ร้านหนังสือนี้ไม่ใช่คนเลี้ยงผีดิบ แต่เป็นพวกผีดิบเลี้ยงคนเป็นๆ สองคน!

ความกล้าหาญของฉวีหมิงหมิงยิ่งใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเลี้ยงแมลงพิษ แต่ตอนนี้เขายอมรับว่า เขาหวาดกลัวเล็กน้อย กลัวแล้วจริงๆ

นี่คือความรู้ที่อยู่เหนือโลกทัศน์ของตัวเอง แมลงพิษต่อให้มหัศจรรย์แค่ไหน ในสายตาของคนอื่นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ กระทั่งมีตำนานของพวกมันอยู่ผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์หลายเรื่อง แต่สำหรับฉวีหมิงหมิงแล้ว แมลงพิษยังพออธิบายและทำความเข้าใจได้ในทางชีววิทยา และสามารถจัดเข้าหมวดหมู่ของการคิด วิเคราะห์ แยกแยะทางวิทยาศาสตร์ได้ตามปกติ ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่ผีดิบ ผีดิบเชียวนะ ผีดิบตัวเป็นๆ ยืนอยู่ตรงหน้าคุณ และยังตัดเส้นผมของผีดิบกระจุกหนึ่งให้กับคุณ แบบนี้จะอธิบายทางวิทยาศาสตร์อย่างไร

“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ…” ฉวีหมิงหมิงลองถามเป็นครั้งสุดท้าย

“เถ้าแก่ เขาไม่เชื่อเจ้าค่ะ” ไป๋อิงอิงชี้ไปที่ฉวีหมิงหมิงแต่มองโจวเจ๋อ

“งั้นก็ทำให้เขาเชื่อก่อน เพราะต้องอาศัยเขาช่วยถอนพิษ” โจวเจ๋อพูด

“ได้เลย” ไป๋อิงอิงก้มหน้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วไปทางฉวีหมิงหมิง อุณหภูมิในห้องลดลงฮวบฮาบ ความหนาวเย็นเข้ากระดูกฟุ้งกระจายอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกันเส้นผมของไป๋อิงอิงเริ่มพลิ้วสยาย กางสองมือออก เผยให้เห็นเล็บยาวสีม่วง จากนั้นคมเขี้ยวที่น่าสะพรึงกลัวได้งอกออกมาจากมุมปากทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาลึกล้ำคู่นั้น ส่องประกายสีแดงอมน้ำตาลเหมือนส่วนลึกสุดของหินหนืด “โฮก!”

ฉวีหมิงหมิงตัวสั่น ตกใจเข่าอ่อนแล้วทรุดตัวลงไปบนพื้น ไป๋อิงอิงลูบศีรษะของตัวเองอย่างสงสัย “เอ๊ะ ไม่เป็นลม” นี่ถือว่าเป็นคำชม คนทั่วไปที่เจอใบหน้าที่แท้จริงของผีดิบ อย่าว่าแต่เป็นลมเลย ตกใจตายก็มี แต่ฉวีหมิงหมิงกลับเข่าอ่อนเท่านั้น

ส่วนฉวีเจินเจินที่ ‘บุกเข้าถ้ำเสืออีกครั้ง’ ตามพี่ชาย ถึงแม้เธอจะตกใจในตอนนี้ แต่ก็ได้อ้าปากออกมาโดยตรงจากนั้นแมลงเม่าแต่ละตัวจึงบินออกมาจากปากของเธอ

‘พึ่บ!’

โจวเจ๋อเร็วยิ่งกว่า หรือจะพูดให้ถูกคือโจวเจ๋อรู้นานแล้วถึงความพิเศษของน้องสาวคนนี้ ตอนที่เธออ้าปากเตรียมจะพ่นแมลงเม่าพิษออกมา โจวเจ๋อจึงวางมือไว้ใต้คางของอีกฝ่ายแล้วพยายามใช้แรงปิดปากของเธอ

แต่แมลงเม่าพวกนั้นเปลี่ยนทิศทางทันที บินออกจากจมูกและหูของฉวีเจินเจิน รูต่างๆ บนร่างกายมนุษย์มีมากมาย ถ้าอยากจะทำจริงๆ ต้องมีทางออกเสมอ

“หยุดนะ น้องสาว” เพื่อนนักเรียนหมิงหมิงที่นั่งอยู่บนพื้นตะโกนทันที ฉวีเจินเจินหลับตาโดยเร็ว เพื่อดึงแมลงเม่าพวกนั้นกลับไป

ฉวีหมิงหมิงใช้มือยันถังอาบน้ำขึ้นมาอย่างยากลำบาก ชี้ไปที่สวี่ชิงหล่างที่อยู่ในถังอาบน้ำแล้วถามว่า “ผมขอถามอีกหนึ่งคำถามได้ไหมครับ”

“ถามสิครับ”

“เขา ถูกพวกคุณกัดหรือเปล่า”

“ใช่หรือไม่ใช่ แตกต่างกันยังไง” โจวเจ๋อย้อนถาม

“ผมเป็นผมหมอ ไม่ขอเป็นศิษย์แห่งโอรสสวรรค์ แต่ขอไม่ทำในสิ่งที่ละอายแก่ใจ ช่วยเหลือคนทำเรื่องที่ผิด”

“พวกเราไม่ได้กัดครับ เขาเป็นคน แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนิดหน่อย ถูกผีดิบตัวอื่นกัด” โจวเจ๋อพูดอย่างหมดความอดทนอยู่บ้าง “หมอครับ ตอนนี้จะช่วยดูอาการเพื่อนของผมได้หรือยัง”

ฉวีหมิงหมิงพยักหน้า เขามองเส้นผมกระจุกหนึ่งที่กำอยู่ในมือของตัวเอง “ผมขอตั้งสติก่อน”

“เถ้าแก่ ที่เขาพูดเชื่อถือได้ไหม” ชั้นหนึ่งของร้านหนังสือ ไป๋อิงอิงนวดไหล่ให้โจวเจ๋อพลางถาม

“ไม่ว่ายังไงเหล่าสวี่ก็อยู่สภาพนั้นแล้ว ถ้ารักษาไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป”

“ฮิๆ ถ้าหากสวี่ชิงหล่างเข้ามาได้ยิน คาดว่าไม่ต้องรักษาเขาคงจะยินดีกลายเป็นผีดิบแล้วมาสู้กับท่านแน่นอน”

“เหอะ อ้อใช่ นักพรตเฒ่าบอกว่าจะไปรับไปรษณีย์ด่วน ทำไมไปนานจัง”

“ไม่รู้สิเจ้าคะ”

“เหมียว” เสียงแมวตัวหนึ่งดังมา สายตาของโจวเจ๋อเคร่งเครียดทันที ในร้านหนังสือเลี้ยงสัตว์ไว้หนึ่งตัวก็จริง แต่เป็นลิงขนทองตัวหนึ่ง ไม่ได้เลี้ยงแมวไว้ในร้าน

“เถ้าแก่ มีเสียงแมวด้วย”

“หยิบสมุดหยินหยางออกมา” โจวเจ๋อกล่าว

ไป๋อิงอิงรีบไปหยิบสมุดหยินหยางของโจวเจ๋อทันที แล้ววางลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านหน้าโจวเจ๋อ

สมุดหยินหยางดูเหมือนสมุดโน้ตเล่มเก่าธรรมดา แต่ตอนนี้แมว ดำที่อยู่บนหน้าปกกำลังเปลี่ยนตำแหน่งไม่หยุดท่าทางร้อนใจมาก ส่งเสียงร้อง ‘เหมียวๆๆ’ ออกมาจากสมุดไม่หยุด

“งูตัวนั้นล่ะ” ไป๋อิงอิงเห็นความผิดปกติ เธอจำได้ว่าตอนแรกที่โจวเจ๋อจับแม่ย่าแปดเข้าไป มีแมวดำหนึ่งตัวกับงูตัวเล็กหนึ่งตัวอยู่บนหน้าปก แต่ตอนนี้เหลือแมวดำเพียงตัวเดียว ไม่เห็นงูตัวเล็กแล้ว

โจวเจ๋อพลิกสมุดหยินหยาง เขาเห็นงูตัวเล็กกำลังสำรวจบริเวณปลายขอบด้านหลังของสมุดไม่หยุด ความรู้สึกแบบนี้เหมือนหนังสือการ์ตูนในยุค 70 ที่ต้องอาศัยการเปิดหน้ากระดาษถึงจะเห็นภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว

เจ้างูตัวเล็กหลุดออกมาจากกรงของมันแล้ว กระทั่งหลุดพ้นจากการรัดพันของเจ้าแมวโง่ แต่มันยังออกไปไม่ได้อยู่ดี

โจวเจ๋อยื่นมือจิ้มไปที่ตัวของงูตัวเล็ก งูตัวเล็กที่อยู่บนหน้าปกรู้สึกเหมือนสัมผัสอะไรได้รีบหลบทันที จากนั้นควันสีเขียวสายหนึ่งเริ่มลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ โจวเจ๋อยื่นมือปัดควันสีเขียวออกไป เผยให้เห็นใบหน้าแก่ๆ ของหญิงชราคนหนึ่งน่าจะเป็นใบหน้าแต่เดิมของแม่ย่าแปด

โจวเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับคนทรงเจ้า และไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการมีอยู่ของปีศาจ แต่กลับรู้สึกว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าน่าสนใจเป็นอย่างมาก

งูปีศาจตัวหนึ่ง อาจได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าจากคนในพื้นที่แห่งหนึ่ง ผลปรากฏว่าตัวเองกลับกลายเป็นนกที่อยู่ในกรง

“พ่อหนุ่ม พอได้แล้ว ปล่อยข้าออกไปเถอะ” เสียงของแม่ย่าแปดมาพร้อมกับความรู้สึกที่อึมครึม เธอไม่ได้ขอร้องคน แต่เหมือนกำลังล้อเล่นกับลูกหลาน

โจวเจ๋อหันหน้าเล็กน้อย มองใบหน้าของหญิงชราคนนี้และไม่พูดอะไร

“คนของข้าใกล้จะมาแล้ว พ่อหนุ่ม ถึงแม้เจ้าจะเป็นยมทูตก็สู้ไม่ไหวหรอก ปล่อยข้าออกไปตอนนี้แล้วทุกอย่างจะง่ายเอง”

โจวเจ๋อไม่พูดเหมือนเดิม พูดจริงๆ นะ ไม่ว่าจะในโทรทัศน์หรือในนิยาย ดูเหมือนพวกที่เล่นบทร้ายพวกนั้นจะถูกออกแบบมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน ทั้งๆ ที่ข่มขู่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด พวกเขาดันอยากจะพูดออกมา และยังพูดจริงจังมาก

“พ่อหนุ่ม ยมทูตควบคุมการเวียนว่ายตายเกิด แต่ข้าเป็นปีศาจที่บำเพ็ญเพียรหลุดพ้นจากวงจรนี้แล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์จับข้า!”

“อาหารที่สั่งได้หรือยัง” โจวเจ๋อถามไป๋อิงอิง

“น่าจะถึงแล้ว เถ้าแก่”

“อ้อ”

ขณะที่พูด โจวเจ๋อโยนสมุดหยินหยางลงบนโต๊ะน้ำชาอีกครั้ง ใบหน้าของหญิงชราก็บิดเบี้ยวแล้วหายไป

ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อคิดว่าแม่ย่าแปดคนนี้จะพุ่งตัวออกมา แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ถึงแม้เธอจะหลุดออกมาจากกรงแล้ว แต่อยากจะออกจากสมุดหยินหยางเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

“เหมียว!” เสียงแมวร้องอีกแล้ว

“เจี๊ยกๆๆ!!!” ตอนนี้เจ้าลิงวิ่งเข้ามา กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะน้ำชา หันก้นแดงๆ ของมันไปที่ใบหน้าของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อตีก้นของเจ้าลิง เจ้าลิงหันมามองโจวเจ๋ออย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“บอกแกกี่ครั้งแล้ว รู้ว่าก้นของแกแดงมาก แต่อย่าเอามาโชว์ต่อหน้าคนอื่น”

เจ้าลิงบุ้ยปาก มันไม่ค่อยชอบใจโจวเจ๋อตั้งแต่เกิดมาแล้ว แน่นอนว่ามีสาเหตุอยู่ในนั้น ระหว่างพวกเขามีความแค้นต่อกันในชาติที่แล้วจริงๆ ปีศาจลิงตัวนั้นก็คือชาติก่อนของเจ้าลิงที่ถูกโจวเจ๋อฆ่าตาย

“เหมียว!” เสียงของแมวดำในสมุดหยินหยางร้องอีกแล้ว

เจ้าลิงไม่อยากโกรธกับโจวเจ๋อแล้ว มันจ้องมองหน้าปกของสมุดหยินหยางต่อ

“เป็นอะไร แมวดำตัวนี้ไม่มีประโยชน์ ถูกงูบีบคั้นจนหมดหนทาง แกอย่าเลียนแบบมันนะ” โจวเจ๋อยื่นมือไปลูบศีรษะของเจ้าลิงอย่างอ่อนโยน

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงยื่นกรงเล็บอยากจะหยิบสมุดหยินหยาง แต่ถูกโจวเจ๋อจับไว้

“อย่าแตะมัน ดูได้อย่างเดียว แตะมันแล้ว แกก็ต้องเข้าไป”

ถึงแม้ผู้หญิงลึกลับคนนั้นได้พูดไว้ในตอนแรกว่า สมุดหยินหยางเล่มนี้สามารถเก็บผียั่วสวาทมาเป็นของฆ่าเวลาเพื่อความสุขได้ แต่เถ้าแก่โจวเคยเห็นอำนาจของมันแล้ว ความลึกลับและความยิ่งใหญ่ของมัน ทำให้คนตกเข้าไปได้ง่ายจริงๆ และหลังจากที่ตกลงไปแล้ว จะสามารถมีสติตื่นขึ้นมารู้ว่าอยู่ในสมุดเล่มนี้ได้หรือไม่ ต้องอาศัยดวงจริงๆ

ถ้าหากเจ้าลิงตกลงไป ตัวของโจวเจ๋อเองยังไม่มั่นใจว่าจะปล่อยมันออกมาได้หรือเปล่า

ฉวีเจินเจินเดินลงมาจากชั้นสองในตอนนี้ เธอมองโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงด้วยท่าทีที่ระมัดระวังมาก ดูเหมือนจะกลัวโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงอ้าปากกะทันหันแล้วกินเธอเข้าไป

พูดตามความจริง หญิงสาวคนนี้ในสายตาของคนทั่วไป คง ‘น่ารัก’ มากกว่าผีดิบไม่เท่าไร เพราะเธอก็คือรังแมลงที่สามารถเคลื่อนที่ได้

“พี่ชายของคุณล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“เขาเริ่มเลี้ยงแมลงพิษแล้ว ตอนเย็นน่าจะเริ่มถอนพิษได้” ฉวีเจินเจินตอบ

“อย่างนั้นเจ้าจะกลับร้านอินเทอร์เน็ตไหม” ไป๋อิงอิงถามฉวีเจินเจิน

“ค่ะ ถึงแม้ที่ร้านจะจ้างพนักงาน แต่ก็ต้องมีคนในครอบครัวคอยเฝ้าด้วย” ฉวีเจินเจินตอบเสียงเบา ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยมาดของลูกคุณหนูอยู่บ้าง

“เถ้าแก่…” ไป๋อิงอิงลากแขนของโจวเจ๋อ ถูไถตัวของโจวเจ๋อเพื่อออดอ้อน

“ไปเถอะ ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่ต้องกินข้าว”

“ได้เลย เถ้าแก่!”

ไป๋อิงอิงดีใจมาก เดินไปข้างหน้าแล้วจูงมือของฉวีเจินเจิน ฉวีเจินเจินตกใจตัวสั่น ก่อนหน้านั้นไป๋อิงอิงได้เปิดเผยธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเองเพื่อให้พี่ชายของเธอมั่นใจ และฉวีเจินเจินก็คอยดูอยู่ข้างๆ เช่นกัน

“มา น้องสาว ข้าจะไปเล่นเกมที่ร้านเจ้าสักพัก เจ้าเล่มเกมเป็นไหม เล่นเกมยิงปืนพวกนั้น”

“ปกติฉันชอบอ่านหนังสือ ไม่ค่อยเล่นเกมค่ะ”

“อ้าว!” ไป๋อิงอิงผิดหวังมาก จึงแสร้งพูดว่า “อย่างนั้นข้าจะจับเจ้ากินซะ”

ฉวีเจินเจินตัวสั่นด้วยความตกใจ จากนั้นตะขาบตัวใหญ่หลายขาสองตัวได้ออกมาจากฝ่ามือของเธอทันที ในดวงตาของเธอยังมีแมลงสองสามตัวเริ่มขยับ ตรงหูก็มีแมลงคลานออกมาเหมือนกัน

“พวกมันสามารถทำให้การจับภาพแบบไดนามิก ความสามารถในการฟัง และการควบคุมเกมของฉันเหนือขอบเขตของคนธรรมดาทั่วไป ไม่ต่างจากคนเล่นเกมขี้โกง ดังนั้นปกติฉันจึงเล่นเกมน้อยมาก เพราะขาดความท้าทาย ถ้าหากคุณอยากเล่น ฉันจะพาคุณไปเล่นค่ะ”

…………………………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 251 คนขี้โกง

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 251 คนขี้โกง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 251 คนขี้โกง

ร้านหนังสือนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ ฉวีหมิงหมิงพลันนึกได้ถึงสิ่งที่น้องสาวของตัวเองพูดก่อนหน้านั้น เธอพูดว่า’พี่ชายร้านหนังสือนี้น่ากลัวจริงๆ พวกเขาเลี้ยงผีดิบด้วย!’

ตอนแรกเขายังไม่เชื่อ ตอนนี้ฉวีหมิงหมิงไม่เพียงแต่เชื่อเท่านั้น แต่กลับพบสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า ร้านหนังสือนี้ไม่ใช่คนเลี้ยงผีดิบ แต่เป็นพวกผีดิบเลี้ยงคนเป็นๆ สองคน!

ความกล้าหาญของฉวีหมิงหมิงยิ่งใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเลี้ยงแมลงพิษ แต่ตอนนี้เขายอมรับว่า เขาหวาดกลัวเล็กน้อย กลัวแล้วจริงๆ

นี่คือความรู้ที่อยู่เหนือโลกทัศน์ของตัวเอง แมลงพิษต่อให้มหัศจรรย์แค่ไหน ในสายตาของคนอื่นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ กระทั่งมีตำนานของพวกมันอยู่ผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์หลายเรื่อง แต่สำหรับฉวีหมิงหมิงแล้ว แมลงพิษยังพออธิบายและทำความเข้าใจได้ในทางชีววิทยา และสามารถจัดเข้าหมวดหมู่ของการคิด วิเคราะห์ แยกแยะทางวิทยาศาสตร์ได้ตามปกติ ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่ผีดิบ ผีดิบเชียวนะ ผีดิบตัวเป็นๆ ยืนอยู่ตรงหน้าคุณ และยังตัดเส้นผมของผีดิบกระจุกหนึ่งให้กับคุณ แบบนี้จะอธิบายทางวิทยาศาสตร์อย่างไร

“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ…” ฉวีหมิงหมิงลองถามเป็นครั้งสุดท้าย

“เถ้าแก่ เขาไม่เชื่อเจ้าค่ะ” ไป๋อิงอิงชี้ไปที่ฉวีหมิงหมิงแต่มองโจวเจ๋อ

“งั้นก็ทำให้เขาเชื่อก่อน เพราะต้องอาศัยเขาช่วยถอนพิษ” โจวเจ๋อพูด

“ได้เลย” ไป๋อิงอิงก้มหน้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วไปทางฉวีหมิงหมิง อุณหภูมิในห้องลดลงฮวบฮาบ ความหนาวเย็นเข้ากระดูกฟุ้งกระจายอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกันเส้นผมของไป๋อิงอิงเริ่มพลิ้วสยาย กางสองมือออก เผยให้เห็นเล็บยาวสีม่วง จากนั้นคมเขี้ยวที่น่าสะพรึงกลัวได้งอกออกมาจากมุมปากทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาลึกล้ำคู่นั้น ส่องประกายสีแดงอมน้ำตาลเหมือนส่วนลึกสุดของหินหนืด “โฮก!”

ฉวีหมิงหมิงตัวสั่น ตกใจเข่าอ่อนแล้วทรุดตัวลงไปบนพื้น ไป๋อิงอิงลูบศีรษะของตัวเองอย่างสงสัย “เอ๊ะ ไม่เป็นลม” นี่ถือว่าเป็นคำชม คนทั่วไปที่เจอใบหน้าที่แท้จริงของผีดิบ อย่าว่าแต่เป็นลมเลย ตกใจตายก็มี แต่ฉวีหมิงหมิงกลับเข่าอ่อนเท่านั้น

ส่วนฉวีเจินเจินที่ ‘บุกเข้าถ้ำเสืออีกครั้ง’ ตามพี่ชาย ถึงแม้เธอจะตกใจในตอนนี้ แต่ก็ได้อ้าปากออกมาโดยตรงจากนั้นแมลงเม่าแต่ละตัวจึงบินออกมาจากปากของเธอ

‘พึ่บ!’

โจวเจ๋อเร็วยิ่งกว่า หรือจะพูดให้ถูกคือโจวเจ๋อรู้นานแล้วถึงความพิเศษของน้องสาวคนนี้ ตอนที่เธออ้าปากเตรียมจะพ่นแมลงเม่าพิษออกมา โจวเจ๋อจึงวางมือไว้ใต้คางของอีกฝ่ายแล้วพยายามใช้แรงปิดปากของเธอ

แต่แมลงเม่าพวกนั้นเปลี่ยนทิศทางทันที บินออกจากจมูกและหูของฉวีเจินเจิน รูต่างๆ บนร่างกายมนุษย์มีมากมาย ถ้าอยากจะทำจริงๆ ต้องมีทางออกเสมอ

“หยุดนะ น้องสาว” เพื่อนนักเรียนหมิงหมิงที่นั่งอยู่บนพื้นตะโกนทันที ฉวีเจินเจินหลับตาโดยเร็ว เพื่อดึงแมลงเม่าพวกนั้นกลับไป

ฉวีหมิงหมิงใช้มือยันถังอาบน้ำขึ้นมาอย่างยากลำบาก ชี้ไปที่สวี่ชิงหล่างที่อยู่ในถังอาบน้ำแล้วถามว่า “ผมขอถามอีกหนึ่งคำถามได้ไหมครับ”

“ถามสิครับ”

“เขา ถูกพวกคุณกัดหรือเปล่า”

“ใช่หรือไม่ใช่ แตกต่างกันยังไง” โจวเจ๋อย้อนถาม

“ผมเป็นผมหมอ ไม่ขอเป็นศิษย์แห่งโอรสสวรรค์ แต่ขอไม่ทำในสิ่งที่ละอายแก่ใจ ช่วยเหลือคนทำเรื่องที่ผิด”

“พวกเราไม่ได้กัดครับ เขาเป็นคน แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนิดหน่อย ถูกผีดิบตัวอื่นกัด” โจวเจ๋อพูดอย่างหมดความอดทนอยู่บ้าง “หมอครับ ตอนนี้จะช่วยดูอาการเพื่อนของผมได้หรือยัง”

ฉวีหมิงหมิงพยักหน้า เขามองเส้นผมกระจุกหนึ่งที่กำอยู่ในมือของตัวเอง “ผมขอตั้งสติก่อน”

“เถ้าแก่ ที่เขาพูดเชื่อถือได้ไหม” ชั้นหนึ่งของร้านหนังสือ ไป๋อิงอิงนวดไหล่ให้โจวเจ๋อพลางถาม

“ไม่ว่ายังไงเหล่าสวี่ก็อยู่สภาพนั้นแล้ว ถ้ารักษาไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป”

“ฮิๆ ถ้าหากสวี่ชิงหล่างเข้ามาได้ยิน คาดว่าไม่ต้องรักษาเขาคงจะยินดีกลายเป็นผีดิบแล้วมาสู้กับท่านแน่นอน”

“เหอะ อ้อใช่ นักพรตเฒ่าบอกว่าจะไปรับไปรษณีย์ด่วน ทำไมไปนานจัง”

“ไม่รู้สิเจ้าคะ”

“เหมียว” เสียงแมวตัวหนึ่งดังมา สายตาของโจวเจ๋อเคร่งเครียดทันที ในร้านหนังสือเลี้ยงสัตว์ไว้หนึ่งตัวก็จริง แต่เป็นลิงขนทองตัวหนึ่ง ไม่ได้เลี้ยงแมวไว้ในร้าน

“เถ้าแก่ มีเสียงแมวด้วย”

“หยิบสมุดหยินหยางออกมา” โจวเจ๋อกล่าว

ไป๋อิงอิงรีบไปหยิบสมุดหยินหยางของโจวเจ๋อทันที แล้ววางลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านหน้าโจวเจ๋อ

สมุดหยินหยางดูเหมือนสมุดโน้ตเล่มเก่าธรรมดา แต่ตอนนี้แมว ดำที่อยู่บนหน้าปกกำลังเปลี่ยนตำแหน่งไม่หยุดท่าทางร้อนใจมาก ส่งเสียงร้อง ‘เหมียวๆๆ’ ออกมาจากสมุดไม่หยุด

“งูตัวนั้นล่ะ” ไป๋อิงอิงเห็นความผิดปกติ เธอจำได้ว่าตอนแรกที่โจวเจ๋อจับแม่ย่าแปดเข้าไป มีแมวดำหนึ่งตัวกับงูตัวเล็กหนึ่งตัวอยู่บนหน้าปก แต่ตอนนี้เหลือแมวดำเพียงตัวเดียว ไม่เห็นงูตัวเล็กแล้ว

โจวเจ๋อพลิกสมุดหยินหยาง เขาเห็นงูตัวเล็กกำลังสำรวจบริเวณปลายขอบด้านหลังของสมุดไม่หยุด ความรู้สึกแบบนี้เหมือนหนังสือการ์ตูนในยุค 70 ที่ต้องอาศัยการเปิดหน้ากระดาษถึงจะเห็นภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว

เจ้างูตัวเล็กหลุดออกมาจากกรงของมันแล้ว กระทั่งหลุดพ้นจากการรัดพันของเจ้าแมวโง่ แต่มันยังออกไปไม่ได้อยู่ดี

โจวเจ๋อยื่นมือจิ้มไปที่ตัวของงูตัวเล็ก งูตัวเล็กที่อยู่บนหน้าปกรู้สึกเหมือนสัมผัสอะไรได้รีบหลบทันที จากนั้นควันสีเขียวสายหนึ่งเริ่มลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ โจวเจ๋อยื่นมือปัดควันสีเขียวออกไป เผยให้เห็นใบหน้าแก่ๆ ของหญิงชราคนหนึ่งน่าจะเป็นใบหน้าแต่เดิมของแม่ย่าแปด

โจวเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับคนทรงเจ้า และไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการมีอยู่ของปีศาจ แต่กลับรู้สึกว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าน่าสนใจเป็นอย่างมาก

งูปีศาจตัวหนึ่ง อาจได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าจากคนในพื้นที่แห่งหนึ่ง ผลปรากฏว่าตัวเองกลับกลายเป็นนกที่อยู่ในกรง

“พ่อหนุ่ม พอได้แล้ว ปล่อยข้าออกไปเถอะ” เสียงของแม่ย่าแปดมาพร้อมกับความรู้สึกที่อึมครึม เธอไม่ได้ขอร้องคน แต่เหมือนกำลังล้อเล่นกับลูกหลาน

โจวเจ๋อหันหน้าเล็กน้อย มองใบหน้าของหญิงชราคนนี้และไม่พูดอะไร

“คนของข้าใกล้จะมาแล้ว พ่อหนุ่ม ถึงแม้เจ้าจะเป็นยมทูตก็สู้ไม่ไหวหรอก ปล่อยข้าออกไปตอนนี้แล้วทุกอย่างจะง่ายเอง”

โจวเจ๋อไม่พูดเหมือนเดิม พูดจริงๆ นะ ไม่ว่าจะในโทรทัศน์หรือในนิยาย ดูเหมือนพวกที่เล่นบทร้ายพวกนั้นจะถูกออกแบบมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน ทั้งๆ ที่ข่มขู่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด พวกเขาดันอยากจะพูดออกมา และยังพูดจริงจังมาก

“พ่อหนุ่ม ยมทูตควบคุมการเวียนว่ายตายเกิด แต่ข้าเป็นปีศาจที่บำเพ็ญเพียรหลุดพ้นจากวงจรนี้แล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์จับข้า!”

“อาหารที่สั่งได้หรือยัง” โจวเจ๋อถามไป๋อิงอิง

“น่าจะถึงแล้ว เถ้าแก่”

“อ้อ”

ขณะที่พูด โจวเจ๋อโยนสมุดหยินหยางลงบนโต๊ะน้ำชาอีกครั้ง ใบหน้าของหญิงชราก็บิดเบี้ยวแล้วหายไป

ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อคิดว่าแม่ย่าแปดคนนี้จะพุ่งตัวออกมา แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ถึงแม้เธอจะหลุดออกมาจากกรงแล้ว แต่อยากจะออกจากสมุดหยินหยางเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

“เหมียว!” เสียงแมวร้องอีกแล้ว

“เจี๊ยกๆๆ!!!” ตอนนี้เจ้าลิงวิ่งเข้ามา กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะน้ำชา หันก้นแดงๆ ของมันไปที่ใบหน้าของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อตีก้นของเจ้าลิง เจ้าลิงหันมามองโจวเจ๋ออย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“บอกแกกี่ครั้งแล้ว รู้ว่าก้นของแกแดงมาก แต่อย่าเอามาโชว์ต่อหน้าคนอื่น”

เจ้าลิงบุ้ยปาก มันไม่ค่อยชอบใจโจวเจ๋อตั้งแต่เกิดมาแล้ว แน่นอนว่ามีสาเหตุอยู่ในนั้น ระหว่างพวกเขามีความแค้นต่อกันในชาติที่แล้วจริงๆ ปีศาจลิงตัวนั้นก็คือชาติก่อนของเจ้าลิงที่ถูกโจวเจ๋อฆ่าตาย

“เหมียว!” เสียงของแมวดำในสมุดหยินหยางร้องอีกแล้ว

เจ้าลิงไม่อยากโกรธกับโจวเจ๋อแล้ว มันจ้องมองหน้าปกของสมุดหยินหยางต่อ

“เป็นอะไร แมวดำตัวนี้ไม่มีประโยชน์ ถูกงูบีบคั้นจนหมดหนทาง แกอย่าเลียนแบบมันนะ” โจวเจ๋อยื่นมือไปลูบศีรษะของเจ้าลิงอย่างอ่อนโยน

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงยื่นกรงเล็บอยากจะหยิบสมุดหยินหยาง แต่ถูกโจวเจ๋อจับไว้

“อย่าแตะมัน ดูได้อย่างเดียว แตะมันแล้ว แกก็ต้องเข้าไป”

ถึงแม้ผู้หญิงลึกลับคนนั้นได้พูดไว้ในตอนแรกว่า สมุดหยินหยางเล่มนี้สามารถเก็บผียั่วสวาทมาเป็นของฆ่าเวลาเพื่อความสุขได้ แต่เถ้าแก่โจวเคยเห็นอำนาจของมันแล้ว ความลึกลับและความยิ่งใหญ่ของมัน ทำให้คนตกเข้าไปได้ง่ายจริงๆ และหลังจากที่ตกลงไปแล้ว จะสามารถมีสติตื่นขึ้นมารู้ว่าอยู่ในสมุดเล่มนี้ได้หรือไม่ ต้องอาศัยดวงจริงๆ

ถ้าหากเจ้าลิงตกลงไป ตัวของโจวเจ๋อเองยังไม่มั่นใจว่าจะปล่อยมันออกมาได้หรือเปล่า

ฉวีเจินเจินเดินลงมาจากชั้นสองในตอนนี้ เธอมองโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงด้วยท่าทีที่ระมัดระวังมาก ดูเหมือนจะกลัวโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงอ้าปากกะทันหันแล้วกินเธอเข้าไป

พูดตามความจริง หญิงสาวคนนี้ในสายตาของคนทั่วไป คง ‘น่ารัก’ มากกว่าผีดิบไม่เท่าไร เพราะเธอก็คือรังแมลงที่สามารถเคลื่อนที่ได้

“พี่ชายของคุณล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“เขาเริ่มเลี้ยงแมลงพิษแล้ว ตอนเย็นน่าจะเริ่มถอนพิษได้” ฉวีเจินเจินตอบ

“อย่างนั้นเจ้าจะกลับร้านอินเทอร์เน็ตไหม” ไป๋อิงอิงถามฉวีเจินเจิน

“ค่ะ ถึงแม้ที่ร้านจะจ้างพนักงาน แต่ก็ต้องมีคนในครอบครัวคอยเฝ้าด้วย” ฉวีเจินเจินตอบเสียงเบา ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยมาดของลูกคุณหนูอยู่บ้าง

“เถ้าแก่…” ไป๋อิงอิงลากแขนของโจวเจ๋อ ถูไถตัวของโจวเจ๋อเพื่อออดอ้อน

“ไปเถอะ ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่ต้องกินข้าว”

“ได้เลย เถ้าแก่!”

ไป๋อิงอิงดีใจมาก เดินไปข้างหน้าแล้วจูงมือของฉวีเจินเจิน ฉวีเจินเจินตกใจตัวสั่น ก่อนหน้านั้นไป๋อิงอิงได้เปิดเผยธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเองเพื่อให้พี่ชายของเธอมั่นใจ และฉวีเจินเจินก็คอยดูอยู่ข้างๆ เช่นกัน

“มา น้องสาว ข้าจะไปเล่นเกมที่ร้านเจ้าสักพัก เจ้าเล่มเกมเป็นไหม เล่นเกมยิงปืนพวกนั้น”

“ปกติฉันชอบอ่านหนังสือ ไม่ค่อยเล่นเกมค่ะ”

“อ้าว!” ไป๋อิงอิงผิดหวังมาก จึงแสร้งพูดว่า “อย่างนั้นข้าจะจับเจ้ากินซะ”

ฉวีเจินเจินตัวสั่นด้วยความตกใจ จากนั้นตะขาบตัวใหญ่หลายขาสองตัวได้ออกมาจากฝ่ามือของเธอทันที ในดวงตาของเธอยังมีแมลงสองสามตัวเริ่มขยับ ตรงหูก็มีแมลงคลานออกมาเหมือนกัน

“พวกมันสามารถทำให้การจับภาพแบบไดนามิก ความสามารถในการฟัง และการควบคุมเกมของฉันเหนือขอบเขตของคนธรรมดาทั่วไป ไม่ต่างจากคนเล่นเกมขี้โกง ดังนั้นปกติฉันจึงเล่นเกมน้อยมาก เพราะขาดความท้าทาย ถ้าหากคุณอยากเล่น ฉันจะพาคุณไปเล่นค่ะ”

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+