ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 520 ตกใจไหม เซอร์ไพรส์ไหม

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 520 ตกใจไหม เซอร์ไพรส์ไหม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 520 ตกใจไหม เซอร์ไพรส์ไหม

โจวเจ๋อได้ยินก็รู้สึกขำ เด็กพวกนี้วางมาดอวดเบ่งจริงๆ โดยเฉพาะลูกน้องคนนั้นที่รับหน้าที่ดุสั่งสอน ประจบประแจงเต็มที่เลยทีเดียว แต่อยากจะหัวเราะออกมาก็หัวเราะไม่ออก เพราะไม่สนุกเลยจริงๆ

นักศึกษาใหม่สองคนโดนดุจึงงงทันที แต่ก็พยักหน้าด้วยความเคยชิน จากนั้นจึงแจ้งห้องเรียนเพื่อรับน้ำ

นักศึกษาของสมาคมนักศึกษาสองสามคนกำลังรอฟางฟางขึ้นไปเอาน้ำลงมา แต่ฟางฟางเดินกลับมาที่จุดบริการทางการแพทย์แล้ว ไม่สนใจพวกเขาอีก ตอนที่นั่งลงข้างโจวเจ๋อ เธอได้บ่นพึมพำว่า “อะไรกัน”

โจวเจ๋อไม่ตอบและขี้เกียจพูด เขาเคยเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่เขามีความพิเศษเล็กน้อย ชาติที่แล้วใช้ชีวิต‘อย่างยากลำบาก’ เหมือนตัวเอกในนิยายแฟนตาซีบนชั้นวางหนังสือในร้านหนังสือ

หลังจากเข้ามหาวิทยาลัย โจวเจ๋อไม่เคยสมัครเข้าสมาคมนักศึกษาหรือสโมสรใดๆ มัวแต่ยุ่งอยู่กับการหางานพาร์ตไทม์หารายได้เสริม ตอนนั้นต่อให้ตายก็รักษาหน้าเป็นอย่างมาก เขาไม่ยอมไปยื่นขอเงินสมทบทุนนักศึกษายากจน ตามหลักแล้วเขามีคุณสมบัติที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ต้องร้องไห้โอดครวญถึงความยากจน แค่พูดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไม่มีปัญหาแล้ว

แต่เขาไม่ได้ยื่นขอ ต่อมาคนในชั้นเรียนที่ไปขอเงินสมทบทุนนักศึกษายากจนคือหัวหน้าห้อง รองหัวหน้าห้อง และเลขาห้องสองสามคน

สมาคมนักศึกษาเหล่านี้ ชอบรังแกนักศึกษาใหม่ ชอบวางมาดบาตรใหญ่ต่อหน้าน้องๆ ลองดูสิว่าพวกเขาจะกล้าไปวางอำนาจต่อพวกรุ่นเก๋าในมหาวิทยาลัยไหม คาดว่าคงจะโดนรองเท้าแตะตบหน้าโดยตรง

เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนที่เห็นอะไรขัดใจแล้วจะเข้าไปต่อว่า ถึงแม้เมื่อวานเป็นเพราะว่าเขาเห็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหน้าตาขี้เหร่แล้วไม่พอใจเพิ่งจะตอกหน้าไปก็ตาม แต่เมื่อต่อว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเสร็จแล้วให้มาต่อว่าพวกเขาอีก แบบนี้เหมือนเป็นการให้เกียรติตัวเรือดเกินไป ทำให้เทพเจ้าแห่งท้องทะเลต้องเปื้อนมลทินหรือไม่

ทว่าสิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกสนใจคือนักศึกษาหญิงที่รับผิดชอบเรื่องลงทะเบียนคนนั้น จุดสนใจไม่ใช่เพราะเธอหน้าตาสะสวย แน่นอนว่าหน้าตาสวยจริง เพียงแต่โจวเจ๋อมองเห็นด้านหลังของเธอเหมือนมีเงารางๆ คอยเดินตามเธอ เหมือนกับคนโดนของไม่ใช่เหรอ

“ฉันมีเรียนคาบสามคาบสี่ ฉันขอตัวก่อน” นักศึกษาหญิงคนนี้เหมือนไม่ค่อยชอบพฤติกรรมของเพื่อนนักศึกษาสองสามคนนี้ เมื่อวางของแล้วเธอจึงหยิบโทรศัพท์และกระเป๋าเตรียมเดินออกไป

โจวเจ๋อก็ถอดเสื้อกาวน์ออก ยื่นให้ฟางฟางแล้วเอ่ยว่า “ผมกลับก่อนนะ” กลับก็คือกลับ แต่โจวเจ๋อกลับเดินตามหลังหญิงสาวคนนั้น เดิมคิดว่าเป็นโจรก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไป…อ้อไม่ใช่ เดิมทีมีจิตใจอยากจะช่วยเหลือคน โจวเจ๋อรู้สึกว่าในเมื่อเห็นแล้วก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย

ถ้าเป็นของไม่ดี มีเจตนาอย่างอื่น จับตัวกลับไปก็สิ้นเรื่อง ถ้าหากเป็นญาติที่เสียชีวิตของหญิงสาวคนนี้คอยเดินตามเธอ อย่างนั้นก็ต้องจับเหมือนเดิม

เถ้าแก่โจวไม่มีเวลาว่างมาฟังเรื่องมโนสาเร่ของพวกเขา เขารู้เพียงว่าก่อนหน้านั้นตัวเองเร่ร่อนอยู่ข้างนอกนานเกินไป จึงไม่ได้ทำผลงานเพิ่มนานแล้ว

โจวเจ๋อกำลังรอให้หญิงสาวเดินไปในที่ลับตาคนแล้วค่อยลงมือ เขาเป็นห่วงว่าตอนที่จับสิ่งที่อยู่บนตัวของหญิงสาว หญิงสาวจะเกิดการตอบสนองขึ้นมา อย่างเช่น ร้องกรี๊ด หรือไม่ก็เป็นลมไปเลย ถ้าใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่

เพียงแต่เรื่องกลับไม่เป็นไปตามคาด หญิงสาวเดินไปเรียนจริงๆ เธอเดินเข้าไปในอาคารเรียน เดินเข้าไปในห้องเรียนแบบขั้นบันไดในชั้นหนึ่ง

“เหอะ…” โจวเจ๋อยืนอยู่หน้าประตู ลังเลเล็กน้อย วิชาเรียนของมหาวิทยาลัยโดยทั่วไปจะเรียนสองคาบด้วยกันหมายความว่าตัวเขาต้องรอสองชั่วโมงถึงจะเข้าไปเก็บผลงานจากตัวของหญิงสาวคนนั้นได้ สองชั่วโมง มากพอให้เขาดื่มกาแฟสองแก้ว อ่านหนังสือพิมพ์สองฉบับ นอนหลับต่อได้อีกหนึ่งตื่น

ผลงาน กาแฟ ผลงาน โซฟา เถ้าแก่โจวลังเลเล็กน้อย ตอนนี้ใกล้จะเข้าเรียนแล้ว นักศึกษาเข้าไปพอประมาณแล้วอาจารย์ก็เดินขึ้นไปบนแท่นบรรยายแล้วเช่นกัน

โจวเจ๋อส่ายหน้า ช่างเถอะ วันพรุ่งนี้ค่อยมาอีกที แล้วก็ค่อยจัดการทีเดียว ดูท่าแล้วคงจะไม่ทำร้ายหญิงสาวจนตายในวันเดียวแน่ โจวเจ๋อยังพอมองออกในจุดนี้

“นี่ นายใช่ไหม ทำไมนายถึงปิดเครื่อง ทำให้ฉันต้องวิ่งมาหาอีกรอบ ฉันคิดว่านายจะปล่อยให้ฉันรอเก้อแล้ว!”นักศึกษาชายใส่ชุดกีฬาไนกี้คนหนึ่งตบไหล่ของโจวเจ๋อจากด้านหลัง

โจวเจ๋อหมุนตัว มองเขาอย่างสงสัย ผมรู้จักคุณเหรอ

“โอเคๆ นายเข้าไปเถอะ ฉันยังมีธุระต่อ แฟนสาวของฉันยังรอฉันอยู่ข้างนอก” ขณะที่พูด นักศึกษาชายคนนี้ได้หยิบธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนออกมาหนึ่งใบ แล้วยัดใส่มือของโจวเจ๋อ ขณะเดียวกันได้ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้โจวเจ๋อเช่นกัน บนนั้นเขียนชื่อของเขาเอาไว้ว่า โก่วเซินชิง

อะไรกัน โจวเจ๋องงไปหมด

“ถ้าหากอาจารย์ทำแบบทดสอบในห้อง นายก็ช่วยฉันทำไปก่อนนะ ถึงตอนนั้นก็วีแชตมาแล้วฉันจะให้อั่งเปากับนาย โอเค งั้นก็ตามนี้ ฉันไปก่อนนะ” ขณะที่พูด นักศึกษาคนนี้ก็วิ่งออกไปข้างนอก

โจวเจ๋อตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วจึงเข้าใจ นี่คือจ่ายเงินให้เข้าเรียนแทนนั่นเอง

โดดเรียน ขอให้เพื่อนนักศึกษาช่วยเช็กชื่อแทน โดยทั่วไปคนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยล้วนรู้ดี กระทั่งส่วนใหญ่เคยมีประสบการณ์และเคยทำมาก่อน

โจวเจ๋อจำได้ตอนที่ตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย วิชา ‘ปรัชญาการเมืองของมาร์กซ์’ ห้องเรียนใหญ่เดิมต้องมีนักศึกษาหนึ่งร้อยยี่สิบคน แต่คนที่มาเรียนกลับมีสามสิบคนเท่านั้น

ศาสตราจารย์อาวุโสใส่แว่นสายตายาวถือสมุดเช็กรายชื่อ พอเรียกชื่อก็มีเสียงตะโกนว่า ‘มาครับ’ หลังจากเช็กชื่อแล้ว อีกห้าคนก็ ‘โดดเรียน’

แต่ตอนนี้พัฒนาแล้ว เมื่อก่อนต้องให้เพื่อนช่วยเช็กชื่อแทน ตอนนี้กลายเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรมช่วยเรียนแทนแล้ว ไม่ใช่สิ โจวเจ๋อลูบคาง จากนั้นพลันฉุกคิดได้ว่า ร่างกายของสวีเล่อยังหนุ่มและมีหน้าตาหล่อเหลา หากถูกมองเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่จึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก อย่างไรก็ตามคนที่หน้าตาแก่กว่าอายุก็มีไม่น้อย

โจวเจ๋อเลียริมฝีปากของตัวเอง กำเงินหนึ่งร้อยหยวนไว้ในมือ สุดท้ายก่อนที่อาจารย์จะบอกว่าเริ่มเรียน เขาจึงเดินเข้าไป

ใครสั่งให้ตัวเองใจอ่อนและชอบช่วยเหลือคนเล่า หญิงสาวที่โดนโจวเจ๋อจับตามองก่อนหน้านั้นนั่งอยู่แถวกลางข้างๆ ไม่มีคน โจวเจ๋อจึงเดินตรงเข้าไปแล้วนั่งลงข้างๆ เธอ

หญิงสาวหันมามองโจวเจ๋อหนึ่งทีอย่างตั้งใจ พบว่าโจวเจ๋อไม่ได้พกหนังสือมาด้วย อ้อ แต่ก็ไม่แปลก ในมหาวิทยาลัยใส่รองเท้าแตะกางเกงขาสั้นเข้ามาเรียนในห้องเรียนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทว่าสักพักหนึ่ง หญิงสาวก็มองโจวเจ๋ออีกหนึ่งที

โจวเจ๋อสงสัยอยู่บ้าง หืม เกิดปัญหาตรงไหนหรือเปล่า เขาไม่เหมือนนักศึกษาเหรอ สักครู่หนึ่ง โจวเจ๋อจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้ววางบนโต๊ะเรียน ตอนนี้หญิงสาวจึงพยักหน้า รู้สึกว่านักศึกษาที่อยู่ข้างๆ ปกติแล้ว โจวเจ๋อก็ไม่พยายามที่จะพูดคุยกับหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เช่นกัน และยิ่งไม่อยากถามว่าช่วงนี้คนในบ้านของเธอมีใครที่เสียชีวิตหรือเจอเรื่องอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจหรือไม่ จับผีกับฟังเรื่องเล่า เถ้าแก่โจวฟังจนเบื่อและขี้เกียจฟังด้วย หลังจากเลิกเรียนหาสถานที่ลับตาคน จากนั้นค่อยลากเจ้านั่นออกมาแล้วส่งไปลงนรกก็เสร็จเรื่อง

“นักศึกษาทุกคน เทอมนี้วิชา ‘ฟิสิกส์ขั้นสูง’ ของพวกคุณ ฉันจะเป็นคนสอนทุกคนนะคะ โอเค ตอนนี้พวกเรามาเช็กชื่อก่อน พวกเรามาดูว่า คาบเรียนแรก มีนักศึกษาขาดเรียนกี่คนกันแน่!”

ศาสตราจารย์หญิงเหมือนจะเข้าสู่วัยทองแล้ว ตอนที่บอกว่าจะเช็กชื่อมีพลังอำมหิตแผ่กระจายออกมา

เมื่อเช็กชื่อไปเรื่อยๆ ตอนที่พูดชื่อของ ‘โก่วเซินชิง’ โจวเจ๋อยกมือขึ้นแล้วตะโกนว่า ‘มาครับ’ ขณะเดียวกัน โจวเจ๋อก็รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ชื่อ ‘สวีจงลี่’

เมื่อเช็กชื่อเสร็จ อาจารย์จึงเริ่มสอน โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมา เริ่มเลื่อนหน้าฟีดข่าวดูไปเรื่อยๆ ส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ กลับตอบกลับข้อความอะไรไม่หยุด ดูแล้วมีจิตใจว้าวุ่นอยู่บ้าง

เวลาที่คนเราจิตใจว้าวุ่น พวกสิ่งอัปมงคลมักจะฉวยโอกาสเข้ามา โดยเฉพาะคนที่โดนของ

โจวเจ๋อเห็นร่างเงาสีดำนั่นค่อยๆ โผล่ออกมาจากในเส้นผมของสวีจงลี่ แล้วเคลื่อนไหวอยู่บนตัวของหญิงสาวไม่หยุด เหมือนกำลังแต๊ะอั๋งเธอ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

แน่นอนว่าฉากนี้มีเพียงโจวเจ๋อที่อยู่ในห้องเรียนนี้มองเห็นคนเดียว โจวเจ๋อไม่สนใจแล้วเล่นโทรศัพท์ของตัวเองต่อไป ปล่อยให้มันก่อกวนอย่างไรก็ได้ ขอเพียงไม่ฆ่าคนตาย เถ้าแก่โจวจะไม่ลงมือในตอนนี้

พลังต่อสู้ของอาจารย์หญิงแข็งแกร่งมาก ขณะที่เสียงกระดิ่งพักเบรกระหว่างคาบเรียนดังขึ้น เธอกลับดื่มน้ำเพียงอึกเดียว แล้วพูดว่า “อยากจะไปเข้าห้องน้ำก็ไปได้ พวกเราจะเรียนบทถัดไปกันต่อ”

เมื่อไม่มีพักระหว่างคาบเรียน หญิงสาวจึงวางโทรศัพท์ แล้วหมอบลงไปบนโต๊ะเหมือนกำลังนอนหลับ จากนั้นเงาดำนั่นจึงปกคลุมร่างกายของเธอ เหมือนกำลังแอบอิงเธอ

โจวเจ๋อเล่นโทรศัพท์จนเบื่อแล้ว เขาในชาตินี้มีแวดวงสังคมคับแคบมาก แอปโซเชียลมีเดียโดยทั่วไปก็ไม่ได้เล่น ดังนั้นโทรศัพท์มือถือจึงไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่านี่คือความสุขอย่างหนึ่ง หลายคนตอนที่กำลังเขียนแนะนำตัวเอง จะรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติเล็กน้อย นั่นก็คือไม่ชอบคบเพื่อน ไม่ชอบการคบค้าสมาคม ชอบอยู่คนเดียว

อืม จริงๆ แล้วเป็นเรื่องทั่วไปมาก ก็เพราะว่าขี้เกียจอย่างไรล่ะ

โจวเจ๋อวางโทรศัพท์แล้วจึงฟุบลงบนโต๊ะเหมือนกัน เดิมทีอยากจะงีบหลับสักพักหนึ่ง ไม่มีอิงอิงอยู่อย่างไรเสียก็นอนไม่หลับ แต่ก็ไม่มีเรื่องอื่นที่สามารถทำได้

อาจารย์กำลังเรียกชื่อให้ตอบคำถาม ถือว่าเป็นการเช็กดูหน้าค่าตาอีกครั้ง ป้องกันคนที่ไปห้องน้ำแล้วไม่กลับมา ยังดีที่ไม่ได้เรียกชื่อของโก่วเซินชิง

แต่เนื่องจากพบว่าโจวเจ๋อนอนฟุบอยู่บนโต๊ะข้างๆ เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าเงาที่อยู่บนตัวของหญิงสาวจะยื่นมือมาลูบโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อย เดิมทีอยากจะใช้เล็บจิกเงานี้ออกมา แต่พอคิดว่ามีคนอยู่ในห้องเรียนเยอะแยะ จึงช่างมันเถอะ

จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นดื้อๆ เพราะโจวเจ๋อเก็บลมหายใจบวกกับผลของไพ่ของทนายอัน ดังนั้นเงานั่นจึงแยกฐานะของโจวเจ๋อไม่ออก แต่เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อจู่ๆ ก็นั่งตัวตรง มันจึงชักมือกลับ

หญิงสาวเหมือนจะนอนหลับแล้ว เธอไม่ขยับตัวเลย เมื่อเสียงกระดิ่งเลิกเรียนคาบที่สองดังขึ้น หญิงสาวจึงนั่งตัวตรง ยื่นมือเช็ดน้ำลายที่อยู่มุมปากของตัวเองเมื่อรู้ตัว จากนั้นแอบเหลือบมองโจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ กลัวว่ากิริยาของตัวเองก่อนหน้านั้นจะถูกนักศึกษาชายที่นั่งข้างตัวเองมองเห็น

‘ฮู่ว…’ โจวเจ๋อถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็เลิกเรียน วิชาฟิสิกส์ขั้นสูงน่าเบื่ออย่างมาก แท้จริงแล้วถ้าหากเปลี่ยนเป็นวิชาจำพวกกายวิภาคศาสตร์มนุษย์ แล้วอาจารย์ก็เคลื่อนศพของอาจารย์ใหญ่เข้ามา โจวเจ๋ออาจจะฟังด้วยความสนใจ

โอเค อีกสักพักเดินตามหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ไป แล้วหาจังหวะที่มีคนน้อยจับเงาอัปลักษณ์นั่นมาทำผลงาน แถมตัวเขายังได้เงินหนึ่งร้อยหยวนมาอีกต่างหาก วิชาเรียนน่าเบื่อเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งสบายกว่าที่จุดบริการทางการแพทย์ในสนามกีฬานิดหน่อย อย่างน้อยที่นี่สามารถนอนฟุบโต๊ะได้

“นักศึกษาทุกคน ตอนนี้อาจารย์ต้องการตัวแทนประจำวิชาหนึ่งคน ต่อไปสามารถมาช่วยอาจารย์เช็กชื่อกับแจกจ่ายและเก็บการบ้าน ไม่ทราบว่านักศึกษาคนไหนยินดีที่จะช่วยอาจารย์ให้การสอนวิชาฟิสิกส์ขั้นสูงของเทอมนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยกันบ้าง ถ้าหากมีจำนวนเยอะ พวกเราสามารถสมัครและคัดเลือกได้”

ทุกคนต่างเงียบกันทั้งห้อง ดูเหมือนไม่มีใครอยากทำงานนี้ อาจารย์รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

“เหอะ…” โจวเจ๋อจู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นยกมือของตัวเองขึ้นมา นึกถึงเพื่อนนักศึกษาโก่วเซินชิงคนนั้นถ้าหากรู้ว่าตัวเองกลายเป็นตัวแทนประจำวิชาอย่างงงๆ เขาจะมีสีหน้าอย่างไร

………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด