รักเล่ห์เร้นใจ 177 หลินหว่านเสียพรมจรรย์

Now you are reading รักเล่ห์เร้นใจ Chapter 177 หลินหว่านเสียพรมจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในห้อง ชายแปลกหน้าคนหนึ่งตกตะลึง ตาค้างมองดูหญิงสาวสวยที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ตรงหน้า…

 

 

อันซิงที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูกำลังรอดูความสำเร็จของแผนการตัวเอง แต่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวด แล้วหลินหว่านพุ่งออกมาจากห้อง ขณะที่อีกฝ่ายล้มลงไปกองอยู่กับพื้น กุมเป้าตัวเองร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

 

 

อันซิงมุ่งสนใจแต่จะไล่ตามหลินหว่านออกไปเท่านั้น เธอเห็นว่าหลินหว่านวิ่งเข้าไปในห้องหนึ่ง

 

 

อันซิงย่องตามไป แอบเปิดแง้มประตูออกเล็กน้อย เห็นว่าภายในห้องมีแค่ผู้ชายเพียงคนเดียว และในตอนนี้หลินหว่านก็ตกอยู่ในอำนาจฤทธิ์ยา กำลังพยายามควบคุมตัวเองให้ได้ ขณะที่ปากส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ

 

 

สองตาผู้ชายที่ด้านข้างจ้องจับที่ภาพตรงหน้า อย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ในโลกนี้จะมีเรื่องดีขนาดนี้ได้อย่างไร จู่ๆ ฟ้าก็ส่งหญิงงามมาให้ถึงที่

 

 

หลินหว่านในตอนนี้รู้สึกทรมานเหลือเกิน เธอกอดตัวเองไว้แน่น สายตาตื่นกลัว เต็มไปด้วยความอับจนหนทาง ฤทธิ์ยายังคอยแต่จะกลืนกินสติสัมปชัญญะของเธอ เหมือนเป็นระเบิดที่พร้อมจะแตกระเบิดออกทุกเมื่อ หลินหว่านยิ่งข่มกลั้นตัวเอง ผู้ชายนั่นก็ยิ่งตื่นเต้น

 

 

เขากลืนน้ำลายลงคอ ขยับเข้าหาหลินหว่านอย่างช้าๆ สายตาหิวกระหาย กวาดไปมาบนเรือนร่างของหลินหว่านอย่างไม่เกรงใจ

 

 

พออันซิงเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ฉุกคิดขึ้นได้ นึกในใจว่า หลินหว่าน ฉันจะทำให้แก นังตอแหลชอบทำตัวสูงส่งต้องชื่อเสียงย่อยยับ นังแพศยา ฉันจะให้เซียวจิ่งสือรู้ให้ได้ว่าแกเป็นคนอย่างไรกันแน่

 

 

อันซิงหยิบมือถือออกมาเปิดโหมดกล้องถ่ายภาพ ถ่ายภาพทั้งหมดไว้แล้วส่งให้เซียวจิ่งสือ พอทำเสร็จอันซิงก็แอบย่องออกไปจากโรงแรม สีหน้าประดับด้วยความยินดีที่ได้บรรลุเป้าหมาย จากนั้นขับรถหายลับตาไป

 

 

เซียวจิ่งสือกำลังตรวจรายงานสถานะทางการเงินของบริษัทอยู่ในห้องทำงาน ทันใดนั้นเสียงจากมือถือก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบมาดูก็พบว่าเป็นอันซิงส่งคลิปวิดีโอมาให้

 

 

พอดูคลิปภาพจบ เซียวจิ่งสือก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ภาพในคลิปทำให้เซียวจิ่งสือคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ในหัวมีแต่ความคิดที่ว่า จะต้องอัดหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ให้น่วมไปเลย

 

 

เซียวจิ่งสือพยายามข่มความโกรธที่สุดชีวิต ตอนนี้ยิ่งพลาดไม่ได้อยู่ด้วย วงการธุรกิจก็เหมือนสนามรบ ไม่แน่ว่าจะเป็นฝีมือคู่แข่งคนไหนสร้างเรื่องขึ้นก็ได้ ต่อให้หลินหว่านเป็นจุดอ่อนสำคัญที่สุดของเขา เขาก็จะปั่นป่วนจนขาดสติไม่ได้เด็ดขาด

 

 

เซียวจิ่งสือพุ่งลงจากตึก บึ่งรถออกไปราวกับพายุพุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง

 

 

คลิปวีดิโอถ่ายมาอย่างชัดเจนมาก รวมทั้งชื่อโรงแรมด้วย เซียวจิ่งสือจึงค้นหาห้องพักเจอโดยเร็ว ถีบประตูเปิดผางออก

 

 

เสียงปึงดังสนั่น ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออก ผู้ชายที่อยู่ภายในห้องตกใจเสียงที่ดังลั่นขึ้น สายตาทั้งคู่ที่จ้องมองร่างงามอวบอิ่มของหลินหว่านที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

 

พอเห็นเซียวจิ่งสือที่พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือ ผู้ชายตรงหน้านี้ต้องเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้แน่ ดูท่าหากยังไม่รีบเผ่นคงได้จบเศร้าแน่ คิดแล้วผู้ชายคนนั้นก็หอบข้าวของเผ่นหนีไป

 

 

เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านตัวสั่นระริก กำลังจะถามเธอก็พบว่าหลินหว่านดูเหมือนสติเลือนลางอยู่บ้าง เขาจึงรู้ว่าผิดปกติ

 

 

ขณะที่เซียวจิ่งสือกำลังคิดอยู่ ร่างร้อนผ่าวของหลินหว่านก็แนบร่างเข้าหา ร่างเธอในอ้อมกอดตอนนี้ช่างมากด้วยอารมณ์ความรู้สึก เย้ายวนชวนเสน่หายิ่งกว่ายามปกติมาก ความรู้สึกหวั่นไหวถาโถมเข้าใส่เซียวจิ่งสือ

 

 

หลินหว่านคิดต่อสู้กันในใจมาตลอดทาง ฤทธิ์ยาทำลายแนวเส้นปราการของเธอไปเรื่อยๆ บางทีในนาทีต่อมาเธออาจไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไปก็ได้ แล้วในตอนนั้นเองเธอก็เห็นเซียวจิ่งสือพุ่งเข้ามา ใจคิดว่าอย่างน้อยเขายังเป็นผู้ชายที่เธอรัก

 

 

เท่านั้นเอง การข่มกลั้นเฮือกสุดท้ายของหลินหว่านก็พังทลาย เธอโยนความข่มใจรักษามารยาท ความรักนวลสงวนตัวทิ้งไปจนหมด โถมเข้าสู่อ้อมอกของเซียวจิ่งสือ

 

 

หลินหว่านกอดเซียวจิ่งสือไว้แน่น เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิต เซียวจิ่งสือมองดูร่างเย้ายวนของหลินหว่านในอ้อมอก คิดในใจว่า “ถูกวางยาแบบนี้ แล้วยังรักษาสติของตัวเองไว้ได้อีก เธอคงทรมานไม่น้อยเลย”

 

 

แต่ว่า ตอนนี้ฤทธิ์ยายังไม่หมด เซียวจิ่งสือทนเห็นหลินหว่านทรมานไม่ไหว เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออก ทำให้ร่างร้อนผ่าวของเธอได้เย็นลง

 

 

ร่างทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันแนบแน่น จนเวลาผ่านไปอีกนานน…

 

 

หลังจากทุกอย่างสงบลง เซียวจิ่งสือมองดูร่างหญิงสาวตรงหน้า ร่างของหลินหว่านที่ซุกอยู่กับอกราวกับนกตัวน้อยบอบบางน่าทะนุถนอม ความรู้สึกเดิมที่เคยโมโห ตอนนี้กลับสงบราบเรียบจนไม่เหลือแม้แต่สะเก็ดไฟ

 

 

เซียวจิ่งสือถามความเป็นไปของเรื่องราวกับหลินหว่านที่ได้สติกลับคืนมา หลินหว่านก็บอกชายหนุ่มตรงหน้าไปตามจริง

 

 

เซียวจิ่งสือตาลุกวาวเป็นราวกับคมมีด นึกในใจว่า “หนอย กล้าลงมือกับผู้หญิงของฉัน ต้องให้พวกแกได้เสียเลือดซะบ้าง!”

 

 

เซียวจิ่งสือโทรหาผู้ช่วยของเขา ให้รีบนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทด่วน

 

 

ในที่ประชุมกรรมการบริษัท เซียวจิ่งสือสีหน้าเคร่งขรึม ผู้ถือหุ้นพากันแอบคิดว่า ดูท่าวันนี้ท่านประธานเซียวจะมีความเคลื่อนไหวใหญ่ซะแล้ว อารมณ์บูดแบบนี้ ดูท่าคงมีใครไปแหย่รังแตนเข้าแน่นอน

 

 

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เซียวจิ่งสือมาถึงก็พูดว่า “วันนี้เรื่องที่พวกเราจะคุยกัน เกี่ยวกับเทียนซิงกรุ๊ป หลายวันมานี้เทียนซิงกรุ๊ปทำให้บริษัทเราเสียหายหลายเรื่อง ในทางธุรกิจแล้วพวกเราคงไม่ยั้งมืออีก ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ผมตัดสินใจว่าจะตัดท่อน้ำเลี้ยงและแหล่งเงินทุนสำรองทั้งหมดของเทียนซิงกรุ๊ป ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่ประชุมเห็นด้วยหรือไม่ครับ”

 

 

ผู้ถือหุ้นทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าจอมเผด็จการตรงหน้านี้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้ว ต่อให้มีคนมาขัดขวางเขาก็ยังตัดสินใจทำอยู่ดี และต้องทำให้สำเร็จซะด้วยสิ แล้วยิ่งดูจากที่ท่านประธานเซียวแผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างนี้ เทียนซิงกรุ๊ปคงไปกระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว ที่ผ่านมาเทียน

 

 

ซิงกรุ๊ปก็ทำแต่เรื่องตอดนิดตอดหน่อยลับหลังผู้คน มีใครบ้างที่ไม่รู้ วงการธุรกิจก็เป็นอย่างนี้เอง ดูกันที่กำลังความสามารถ หรือพูดอีกอย่างว่า ถ้าวันไหนบริษัทเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบบ้าง เทียนซิงกรุ๊ปก็คงไม่อ่อนข้อให้เช่นกัน

 

 

เซียวจิ่งสือมองไปรอบห้องประชุมตามมารยาท ดูว่ามีคนเสนอความเห็นอื่นอีกหรือไม่ แต่ทั้งที่ประชุมเงียบกริบ

 

 

เซียวจิ่งสือเห็นดังนั้นก็พูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น งั้นผมจะถือว่าทุกท่านเห็นด้วยแล้วนะครับ”

 

 

หลังเซียวจิ่งสือประกาศเลิกประชุม บริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงก็แสดงศักยภาพออกมา พนักงานต่างก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง เริ่มเปิดฉากโจมตีเทียนซิงกรุ๊ป ไม่มีคนรู้ว่าพรุ่งนี้เทียนซิงกรุ๊ปจะยังคงอยู่ในตลาดอีกหรือไม่

 

 

ชั่วขณะนั้น เทียนซิงกรุ๊ปถูกกีดกันออกจากตลาดในทุกชิ้นงานและลูกค้า สื่อมวลชนพากันนำเสนอข่าวในแง่ลบของเทียนซิงกรุ๊ป หุ้นของเทียนซิงกรุ๊ปร่วงดิ่งเหว การโจมตีระลอกใหญ่ได้ส่งผลให้เทียนซิงกรุ๊ปมาถึงจุดตัดสินความเป็นตาย

 

 

อันโฮ่วสยง นั่งอย่างหมดแรงอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ดวงตาทั้งคู่หม่นมัวไร้ประกายมองไปข้างหน้า หรือว่าบริษัทของฉันจะจบลงแบบนี้? นึกอย่างไรนะถึงได้เอาหลินหว่านมาต่อรองด้วย? ดีเลยคราวนี้ เล่นไปถึงเซียวจิ่งสือจนได้

 

 

แต่ว่าเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันอันโฮ่วสยงคร่ำหวอดอยู่ในวงการมาหลายสิบปี คลื่นลมน้อยใหญ่เรื่องไหนบ้างไม่เคยเจอ หรือยังจะกลัวเจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นด้วย? อันโฮ่วสยงดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ ดูเหมือนว่าคงจะเลี่ยงการต่อสู้รอบใหม่ไม่พ้นแล้วสินะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด