รักเล่ห์เร้นใจ 287 พึ่งพิง

Now you are reading รักเล่ห์เร้นใจ Chapter 287 พึ่งพิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หลินหว่าน อันที่จริงคุณ…” ให้ผมช่วยเยอะหน่อยก็ได้!  

 

 

เซียวจิ่งสือเพิ่งเอ่ยปากก็ถูกหลินหว่านขัดขึ้น  

 

 

“ฉันพูดไปแล้ว ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่เรื่องนี้มีจุดเริ่มมาจากฉัน ดังนั้น…คุณก็อย่าเข้ามายุ่งด้วยเลยค่ะ”  

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่เข้มแข็งแบบนี้แล้ว หัวใจของเขาปวดหนึบขึ้นมา  

 

 

ทำไม…เธอต้องทุ่มเทขนาดนี้ด้วย?  

 

 

เซียวจิ่งสือไม่เข้าใจความมุ่งมั่นของหลินหว่าน และไม่เข้าใจด้วยว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่  

 

 

เขาได้แต่ถอนใจยาว เหม่อมองดูหลินหว่านนิ่งอยู่  

 

 

หลินหว่านทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีอับจนของเซียวจิ่งสือ  

 

 

เธอเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หยิบกระเป๋าถือออกมา  

 

 

เซียวจิ่งสือมองเธออย่างเหลือเชื่อและไม่เข้าใจ  

 

 

“ฉันจะออกไปทำธุระหน่อยค่ะ แล้วจะรีบกลับมานะคะ”  

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูท่าทีสงบของหลินหว่าน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเพลิงโทสะในอกอัดแน่นไม่มีทางออก  

 

 

ตอนนี้ด้านนอกมีแต่คนด่าเธอเต็มไปหมด ออกไปข้างนอกเวลานี้มีเรื่องสำคัญนักหนาอะไรกัน?  

 

 

พอนึกถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก้าวพรวดๆ เข้ามาสองก้าว คว้าตัวหลินหว่านเอาไว้  

 

 

“คุณจะไปทำอะไรนะ”  

 

 

“ปล่อยฉันนะคะ ฉันมีธุระจริงๆ”  

 

 

หลินหว่านดิ้นสองที แต่ไม่อาจสู้แรงเซียวจิ่งสือได้ ก็เลยเลิกดิ้น  

 

 

เธอเห็นท่าทีตื่นเต้นจนตึงเครียดของเซียวจิ่งสือแล้ว หลุดเสียงหัวเราะออกมา  

 

 

“คุณวางใจเถอะน่า ฉันรู้หรอก ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก”  

 

 

ถ้าหลินหว่านยอมแพ้ให้กับข่าวลือพวกนั้นจริง งั้นเธอก็เสียทีที่เข้ามาในวงการนี้แล้ว  

 

 

เธอไม่อาจให้เซียวจิ่งสือถูกเธอดึงเข้ามาพัวพันด้วย ตอนนี้วิธีดีที่สุดคือไปพบฮั่วเทียนอวี่  

 

 

ถึงแม้เธอจะดูแคลนความประพฤติที่ไร้ยางอายของเขา แต่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ฮั่วเทียนอวี่นั่นก็มีฝีมืออยู่บ้างเหมือนกัน  

 

 

แค่ไปก่อกวนที่บริษัทของเซียวจิ่งสือรอบหนึ่ง จากนั้นหลินอีอวิ่นก็ฉวยโอกาสแทรกเข้ามา แผนต่อเนื่องกันเป็นชุดแบบนี้ สุดท้ายทำให้เธอต้องถูกด่าทอจากคนนับหมื่น  

 

 

แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่อับจนปัญญา ฮั่วเทียนอวี่ช่วยเธอเป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเธอจึงตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ  

 

 

ขอเพียงตอบแทนบุญคุณเขา อย่างนั้นเรื่องทั้งหมดนี่ก็น่าจะจบได้เสียทีกระมัง!  

 

 

ต้องบอกว่าความคิดของหลินหว่านยังไร้เดียงสาอยู่บ้าง  

 

 

หรือจะบอกว่า เธอคิดง่ายเกินไป ง่ายจนประเมินความไร้ยางอายของฮั่วเทียนอวี่ต่ำไป  

 

 

ร้านกาแฟ  

 

 

หลินหว่านแต่งหน้ามาอย่างดี ปกปิดร่องรอยเหนื่อยล้าบนใบหน้าตัวเองไว้อย่างแนบเนียน เธอนิ่งมองมือถือ รอใครคนหนึ่งมาถึง  

 

 

เนื่องจากระยะนี้เธอตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน หลินหว่านจึงห่อหุ้มร่างกายตัวเองอย่างมิดชิด  

 

 

เธอสวมแว่นตาดำ ปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง หน้ากากอนามัยสีฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้งทำให้คนอื่นจำไม่ได้ นอกจากนี้การแต่งตัวของหลินหว่านในวันนี้ถือว่าค่อนข้างเรียบง่ายไม่สะดุดตา ดังนั้นต่อให้เป็นเซียวจิ่งสือมายืนอยู่ต่อหน้าเธอ ก็เกรงว่าต้องใช้เวลาพอควรกว่าจะจำเธอได้  

 

 

มันก็ช่วยไม่ได้ นับแต่เธอเข้ามาอยู่ในวงการนี้ ก็ทำใจไว้แล้วว่าจะไม่สามารถออกข้างนอกได้โดยไร้ห่วงกังวลแบบคนอื่นตลอดไป เพราะเธอเป็นตัวแทนของมวลชนนี่นา!  

 

 

หลินหว่านสั่งกาแฟถ้วยหนึ่ง นั่งคนกาแฟอย่างเบื่อๆ อยู่ที่นั่น คอยมองดูหน้าประตูเป็นระยะ  

 

 

ฮั่วเทียนอวี่นั่นเอาเรื่องน่าดู ตอนนี้เริ่มจะวางท่าตั้งแง่บ้างแล้ว ให้เธอรออยู่นี่ตั้งนาน แต่เธอก็มีเรื่องขอร้องเขาจริงๆ หลินหว่านจึงได้แต่รอฮั่วเทียนอวี่มาหา  

 

 

ในที่สุด หลังจากกาแฟแก้วนั้นถูกหลินหว่านคนจนเย็นไปแล้ว คนที่อยู่ในสภาพพอดูได้ก็เดินเข้าประตูมา  

 

 

หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ อย่างลนลานอยู่บ้างแล้วก็ขมวดคิ้ว ทำไมหลินหว่านยังมาไม่ถึง หรือว่ายังจะให้เขารอด้วย?  

 

 

ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นวูบ จนถึงตอนนี้แล้ว ยังกล้าวางท่ากับเขาอีกรึไง  

 

 

เขาล้วงมือถือออกมา กำลังจะโทรถามหลินหว่าน ก็เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าเดินตรงมาหาเขา  

 

 

หลินหว่านโบกมือถือในมือเป็นสัญญาณให้เขาว่าไม่ต้องโทรหาแล้ว ฮั่วเทียนอวี่มองดูอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ว่าเป็นหลินหว่าน อดหัวเราะออกมาไม่ได้  

 

 

“สมกับเป็นดาราใหญ่เลยนะ พอใส่หน้ากากอนามัย ทำเอาพวกเราจำคุณไม่ได้เลย”  

 

 

คำพูดของฮั่วเทียนอวี่บอกท่าทีต่อว่าหลินหว่านอย่างชัดเจน กลับทั้งกระทบกระแทกเสียดสีไปในตัว หลินหว่านก็ไม่โมโหฉุนเฉียว แค่ขมวดคิ้ว ฮั่วเทียนอวี่ก็ได้แต่มองดูหน้าผากของหลินหว่าน เธอจึงจับสังเกตได้ถึงความรู้สึกหงุดหงิดในแววตาของเขา  

 

 

“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาเถอะ ผมยังต้องทำงานอีกนะ”  

 

 

ฮั่วเทียนอวี่พูดอย่างรำคาญ  

 

 

พอได้ยินคำพูดของเขา เสียงใสเย็นของหลินหว่านก็ดังมา  

 

 

“คุณอยากให้ฉันทำยังไงจึงจะถือว่าตอบแทนบุญคุณนั่นของคุณ”  

 

 

“อะไรนะ?”  

 

 

ฮั่วเทียนอวี่อึ้งไปวูบ จากนั้นตามด้วยเสียงหัวเราะลั่น  

 

 

อันที่จริงว่ากันตามเงินก้อนที่หลินหว่านเคยให้เขาก่อนหน้านี้ ระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่มีความสัมพันธ์บุญคุณความแค้นอะไรกันอีกแล้ว เพียงแต่สิ่งที่ฮั่วเทียนอวี่ต้องการไม่ใช่เงิน จึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นในตอนนี้  

 

 

“ถ้าคุณรับปากผมตั้งแต่แรก เป็นผู้หญิงของผม อย่างนั้นบุญคุณนี้ก็ตอบแทนไปเรียบร้อยตั้งนานแล้ว”  

 

 

ฮั่วเทียนอวี่จ้องหลินหว่านเขม็ง อยากจะเห็นความหวั่นไหวใจในแววตาของเธอแม้สักแวบหนึ่ง แต่น่าเสียดาย ตั้งแต่ต้นจนจบหลินหว่านก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่มีทีท่าว่าเปลี่ยนใจ ต่อให้มีท่าทีอะไร เธอก็สวมหน้ากากอนามัยอยู่ ฮั่วเทียนอวี่ไม่สามารถมองเห็นได้อยู่แล้ว  

 

 

พอได้ยินคำพูดไร้ยางอายของฮั่วเทียนอวี่ สายตาของหลินหว่านไม่มีวูบไหวอะไรเลย ความหน้าด้านของเขาเธอได้รับรู้มาก่อนแล้วไม่ใช่หรือไง?  

 

 

หลินหว่านมองดูตัวตนที่อัปลักษณ์ของฮั่วเทียนอวี่ในตอนนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกรังเกียจขยะแขยง  

 

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮั่วเทียนอวี่ค่อยๆ ออกห่างจากตัวตนเดิมของเขาเข้าไปทุกที จนกลายเป็นไม่เหมือนตัวเขาอีกแล้ว  

 

 

กลายเป็นคนโลภโมโทสันที่เห็นแก่ตัว เธอเกลียดฮั่วเทียนอวี่ที่เป็นแบบนี้มาก หรือพูดตรงๆ ว่าเธอไม่เคยมีความรู้สึกดีๆ ต่อเขามาก่อนเลย  

 

 

“ฮั่วเทียนอวี่ นอกจากเรื่องนี้เรื่องอื่นอะไรก็ได้ ฉันจะพยายามทำให้คุณพอใจ”  

 

 

หลินหว่านขมวดคิ้ว คิดอยากจะผ่านปัญหาข้อนี้ไป แต่ฮั่วเทียนอวี่กลับไม่คิดจะปล่อยเธอไปอย่างนี้  

 

 

“เฮอะ เธอมันไม่รู้จักดีชั่วเอง หลินหว่าน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสูญเสียความทรงจำแล้วยังไม่ยอมลืมเซียวจิ่งสืออีก ผมก็คงไม่ต้องทำแบบนี้ ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขามีอะไรดีกว่าผมกันแน่”  

 

 

พอเห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น หลินหว่านรีบก้มหน้าลง  

 

 

เรื่องของความรู้สึกไม่เคยแบ่งผิดถูก ถ้าหากทำได้ เธอก็อยากจะลืมเซียวจิ่งสือ แต่เขาได้กลายเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบลืมได้ของเธอไปแล้ว พอเห็นท่าทีพลุ่งพล่านของฮั่วเทียนอวี่ หลินหว่านก็ถอนใจ  

 

 

“ขอโทษนะคะ”  

 

 

ดวงตาของฮั่วเทียนอวี่แดงก่ำด้วยสายเลือด “ขอโทษตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”  

 

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ เขาจะกลายเป็นคนแบบในตอนนี้เหรอ? ฮั่วเทียนอวี่โยนความผิดทั้งหมดไปที่หลินหว่าน แต่กลับไม่เคยนึกเลยว่าที่แท้ตัวเองทำผิดอะไรไปบ้าง  

 

 

หลินหว่านมองดูฮั่วเทียนอวี่ พูดย้ำอีกครั้งว่า “ขอโทษค่ะ”  

 

 

จู่ๆ ฮั่วเทียนอวี่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขายกมุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย  

 

 

“เมื่อกี้คุณพูดว่า นอกจากที่ผมขอนั่นแล้ว คุณจะรับปากตามคำขอทุกอย่างของผมใช่ไหม”  

 

 

พอเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของฮั่วเทียนอวี่ หลินหว่านก็หัวใจกระตุกวูบ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา แล้วก็เป็นดังคาด เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่วเทียนอวี่ในวินาทีต่อมา  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด