รักเล่ห์เร้นใจ 227 บรรลุข้อตกลง

Now you are reading รักเล่ห์เร้นใจ Chapter 227 บรรลุข้อตกลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อินเสี่ยวเสี่ยวยืนนิ่งอยู่ที่นั่น ทำอะไรไม่ถูก ภาพนี้ประจวบกับฮั่วเทียนอวี่ที่ตามมาเห็นเข้าพอดี

 

 

“อีนังบัวขาว สวยด้วยมีดหมอ ไสหัวไปจากวงการซะ”

 

 

“ยัยบ้าเอ้ย แอบอ้างเป็นหลินหว่านยอดหญิงของฉัง หน้าด้าน”

 

 

“บอยคอตหล่อนจากวงการ หล่อนไม่สมควรจะเป็นศิลปิน ไปให้ห่างจากยอดหญิงของฉัน”

 

 

ระยะนี้อินเสี่ยวเสี่ยวอยู่บ้านว่างๆ จึงเข้าไปดูเวยปั๋ว แล้วก็พบว่าตัวเองกลายเป็นชื่อติดชาร์ตฮอตบนเวยปั๋วซะแล้ว ในกล่องคอมเมนต์มีแต่คำก่นด่า ถึงกับมีรูปภาพที่จงใจให้เธอดูหน้าเกลียดหลายรูปอีกด้วย เธอรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ เริ่มตั้งแต่ผลการตรวจพิสูจน์มาจนถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในตอนนี้ เป็นไปตามแผนที่เธอวางเอาไว้ เพียงแต่แผนที่เธอวางไว้อย่างดีทั้งหมดนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวที่คำนวณไปไม่ถึง คือ ตัวเธอเองไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ที่เธอสนใจคือทำไมคุณหมอจึงบอกว่าเธอทำศัลยกรรมมาก่อนนะ? เพราะเขารับเงินมา หรือว่าเรื่องนี้มีความลับที่เธอยังไม่รู้อีก หรือว่า…เกี่ยวข้องกับที่เธอสูญเสียความทรงจำ?

 

 

วันนี้ อินเสี่ยวเสี่ยวจะออกไปเทสต์หน้ากล้อง บทที่เธอจะไปเทสต์หน้ากล้องนี้ เซียวจิ่งสือต้องใช้เรี่ยวแรงไม่น้อยกว่าจะช่วงชิงมาได้ เธอจึงพลาดไม่ได้ ตอนนี้เธอกำลังตกเป็นข่าวกระแส เซียวจิ่งสือยอมยื่นมาเข้ามาช่วยในตอนนี้ก็ถือว่าส่งถ่านกลางหิมะ [1] แล้ว เธอจะทำให้บริษัทของเซียวจิ่งสือตกเป็นขี้ปากคำนินทาเพราะเธอไม่ได้ ดังนั้นอินเสี่ยวเสี่ยวจึงสวมชุดเต็มยศ ห่อหุ้มทุกส่วนไว้หมด ต่อให้ทำเช่นนี้แล้วก็ยังถูกพวกที่ตั้งตาคอยจับผิดอยู่พบเข้าจนได้

 

 

“เธอดูสิ นั่นผู้หญิงที่แอบอ้างเป็นหลินหว่านใช่ป่ะ ยังกล้าออกมานอกบ้านอีก”

 

 

“เอ๋งั้นเหรอ? เธอปิดซะขนาดนั้นคุณจำเธอได้ยังไงกันน่ะ”

 

 

“ยังต้องพูดอีกรึไง บนเน็ตมีทั้งที่อยู่เธอ บ้านเกิดภูมิหลังสารพัดถูกคนขุดออกมาแฉบนเน็ตหมดแล้ว นี่ไง ทั้งที่อยู่รูปร่างใช่หมดเลย อีกอย่างนะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรใครจะปิดซะมิดขนาดนี้ ต้องเป็นพวกโจรใจหวาดไม่กล้าสู้หน้าคนแหละ”

 

 

เสียงพูดคุยกันของสองคนนี้ไม่ดังนักแต่ก็ไม่เบา พอดีที่จะทำให้คนที่ผ่านไปมาได้ยินกันทั่ว คนที่มาห้อมล้อมมุงดูค่อยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อินเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้ทำอะไร ทางข้างหน้าของเธอถูกล้อมปิดจนผ่านไปไม่ได้ อินเสี่ยวเสี่ยวมองผู้คนรอบข้างที่พูดตำหนิเธอผ่านแว่นดำ เธอเข้าใจคนพวกนี้ว่าที่โกรธและรุมด่าเพราะเรื่องนี้ส่งผลในเชิงลบต่อสังคมโดยรวม แต่ใครจะมาเข้าใจเธอเล่า? เธอยังไม่รู้เลยว่าทำไมผลตรวจของเธอจึงออกมาว่าเคยทำศัลยกรรมมาก่อน เธอไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาหลายปีที่สูญเสียความทรงจำไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอเป็นผู้เสียหายเช่นกัน แต่ใครจะมาสงสารเห็นใจเธอ ใครจะก้าวออกมาพูดแทนเธอได้บ้าง?

 

 

อินเสี่ยวเสี่ยวเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก คนพวกนี้ยังคงตามเธอมาอย่างไม่ลดละเดินไปด่าไป นี่คือภาพที่ฮั่วเทียนอวี่ลงจากตึกมาเห็นเข้า เดิมเขามีธุระต้องไปทำ แต่ที่ไหนได้เขาเพิ่งลงมาจากตึกก็พบว่าอินเสี่ยวเสี่ยวที่ออกมาแล้วแต่เช้ายังอยู่ที่หน้าประตูบ้านอยู่เลย และยังถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมกักตัวไว้ด้วย นั่นทำให้ฮั่วเทียนอวี่ที่รู้ความจริงแต่เลือกที่จะปกปิดไว้ รู้สึกผิดและตั้งข้อสงสัยต่อการกระทำที่เห็นแก่ตัวของตัวเองเป็นครั้งแรก

 

 

เขาทำแบบนี้มันถูกหรือผิดกันแน่? เพื่อรั้งเธอไว้กลับทำให้เธอต้องมาเจอกับความทุกข์และความกดดันขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ หรือ?

 

 

จะถูกหรือผิดฮั่วเทียนอวี่ยังไม่ทันได้ตัดสิน เขาแค่รู้ว่าเขาจะช่วยอินเสี่ยวเสี่ยวให้ออกจากปัญหาตรงหน้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน ขณะที่เขาล้วงมือถือออกมาจะโทรออกนั้น จู่ๆ มือคู่หนึ่งก็มาแย่งมือถือไปจากเขา

 

 

“ทำไม? คิดจะช่วยเธอรึ? ให้ฉันทายไหมว่าคุณจะโทรหาใคร?” นิ้วมือที่ทาเล็บสีแดงแจ๊ดเคาะกับมือถือเป็นจังหวะ ทำท่าว่าลำบากใจเอามาก

 

 

“ทำไมเป็นคุณ?”

 

 

ฮั่วเทียนอวี่เห็นตรงหน้าเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าแทบจะเหมือนกับอินเสี่ยวเสี่ยวก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจ

 

 

“วันนี้คงไม่ใช่แผนคุณกระมัง หาคนมาแกล้งเสี่ยวเสี่ยว”

 

 

ดูจากเวลาและสถานที่ที่อี้อวิ๋นฉังปรากฏตัวแล้ว ไม่มีทางเลยที่ฮั่วเทียนอวี่จะไม่นึกเชื่อมเรื่องราวเข้าด้วยกัน

 

 

“เก็บความอยากรู้ของคุณไว้เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวันนะ แค่ผ่านทางมาพอดีหรอก แต่เห็นเธอโดนรุมซะขนาดนี้ แค่นี้ฉันก็ว่าคุ้มที่มาคราวนี้แล้ว” อี้อวิ๋นฉังปรายหางตามองสถานการณ์หลังพิงฝาของอินเสี่ยวเสี่ยวอย่างสะใจ

 

 

“บอกมาสิ เมื่อครู่คุณคิดจะโทรหาใครให้มาช่วยกันนะ?”

 

 

อี้อวิ๋นฉังยังไม่ลืมว่าเมื่อครู่เธอขัดขวางไม่ให้ฮั่วเทียนอวี่โทรศัพท์

 

 

“ผมจะแฉแผนการร้ายของคุณ บอกสื่อว่าคุณต่างหากที่เป็นคนทำศัลยกรรมหน้าใช้ทุกวิถีทางเพื่อถีบตัวเองขึ้นสู่ที่สูง บอกพวกเขาว่าคุณต่างหากที่แอบอ้างเป็นหลินหว่าน บอกพวกเขาว่าคุณต่างหากที่เป็นคน โกหกหลอกลวงเจ้าเล่ห์มายาวางแผนการร้ายสารพัด”

 

 

ฮั่วเทียนอวี่อยากจะเข้าไปฉีกหน้ากากจอมปลอมนี่ซะจริง ใบหน้าที่เหมือนกับเสี่ยวเสี่ยวแต่กลับทำเรื่องชั่วร้ายปานนี้ได้ ช่างน่าเกลียดน่าชังเหลือทน

 

 

“ได้เลย คุณไปสิ บอกพวกเขาว่าฉันต่างหากที่เป็นตัวสำรอง อย่างนี้แล้วเสี่ยวเสี่ยวของคุณคงต้องอยากรู้มากแน่เรื่องความทรงจำที่ว่างเปล่าพวกนั้น ถึงยังไงซะพอประกาศทุกอย่างออกมาแล้ว เซียวจิ่งสือก็สามารถอยู่ร่วมกับเสี่ยวเสี่ยวของคุณอย่างเปิดเผยซะที ถึงตอนนั้น เสี่ยวเสี่ยวของคุณก็จะกลายเป็นของคนอื่น แต่ถ้าไม่พูด เมื่อไหร่ที่เธอจำได้ขึ้นมาก็จะโกรธแค้นคุณ ถึงตอนนั้นคุณก็จะไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าเธอ คุณไปสิ ถึงยังไงสำหรับฉันมันก็แค่เริ่มใหม่อีกครั้งเท่านั้น ฉันยอมรับได้ คุณล่ะ” อี้อวิ๋นฉังยัดมือถือกลับคืนให้ฮั่วเทียนอวี่ เชยคางเขาขึ้นเบาๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูเขา

 

 

ฮั่วเทียนอวี่ฟังคำพวกนี้จนจบ เก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเงียบงัน

 

 

“อ้าว? ทำไมล่ะ ไม่โทรแล้วเหรอ? ไม่ไปช่วยสาวงามแล้วรึไง?”

 

 

อี้อวิ๋นฉังเห็นความเคลื่อนไหวของฮั่วเทียนอวี่ก็ยิ้มออกมาอย่างหยาดเยิ้ม “นี่สิถึงจะถูก”

 

 

“พูดมา คุณต้องการอะไรกันแน่?”

 

 

ฮั่วเทียนอวี่ไม่เชื่อหรอกว่าอี้อวิ๋นฉังพูดมาตั้งมากมายขนาดนี้ เพียงเพื่อคิดแทนเขาด้วยความหวังดี

 

 

“อยากจะได้อินเสี่ยวเสี่ยวไหมล่ะ? ฉันหมายถึง ‘ตลอดไป’ นะ” อี้อวิ๋นฉังพูดความคิดแท้จริงซึ่งอยู่ในใจฮั่วเทียนอวี่ออกมา

 

 

“หมายความว่าไง”

 

 

ฮั่วเทียนอวี่มองอี้อวิ๋นฉังอย่างระแวดระวัง จิตใต้สำนึกบอกเขาว่าจะร่วมมือกับคนเลวไม่ได้

 

 

“หมายความอย่างที่บอกนั่นล่ะ ฉันช่วยคุณให้ได้ตัวอินเสี่ยวเสี่ยว ให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือตลอดกาล และที่ฉันให้คุณทำ ก็แค่เก็บความลับนี้ไว้ให้ดี กลืนมันลงท้องไปซะ อย่าคิดที่จะเปิดเผยมันออกมาอีก”

 

 

อี้อวิ๋นฉังยืดตัวขึ้น ไม่เล่นเกมยั่วเย้าฮั่วเทียนอวี่อีก เธอถอยห่างออกมาตั้งหลักก้าวหนึ่งแล้วพูดออกมาตรงๆ

 

 

“เป็นไง ข้อแลกเปลี่ยนนี้มันไม่ยากสำหรับคุณกระมัง คุณเองก็ทำแบบนี้มาตลอดอยู่แล้วนี่ แค่รักษามันต่อไปก็เท่านั้น”

 

 

อี้อวิ๋นฉังรู้ว่าแม้ฮั่วเทียนอวี่จะแสดงออกว่าเขาใจกว้างพร้อมให้การสนับสนุนอินเสี่ยวเสี่ยวกับเซียวจิ่งสือ และดูถูกการแลกเปลี่ยนแบบนี้มาก แต่ภายในใจเขาแล้วสิ่งที่อยากได้จริงๆ นั้น เขาก็ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดเหมือนกัน และเธอก็พอดีใช้จุดนี้ เผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ให้เขาปลดปล่อยความต้องการจากส่วนลึกในใจออกมา เพื่อบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้

 

 

“ได้” ฮั่วเทียนอวี่แค่คิดดูครึ่งนาทีก็ตกลงรับปากข้อเสนอของอี้อวิ๋นฉัง

 

 

“ในเมื่อบรรลุข้อตกลงแล้ว งั้นก็ไปเถอะ ส่วนที่นี่ก็ให้เธอแก้ปัญหาเอาเองก็แล้วกัน”

 

 

อี้อวิ๋นฉังตวัดสายตาไปทางอินเสี่ยวเสี่ยวที่ถูกฝูงชนรุมล้อมจนมองไม่เห็นตัว เธอแค่นเสียงเฮอะคำหนึ่งแล้วจากไปพร้อมกับฮั่วเทียนอวี่

 

 

 

 

——

 

 

[1] ส่งถ่านกลางหิมะ หมายถึง ให้ความช่วยเหลือ ยามขัดสนหรือจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด