รักเล่ห์เร้นใจ 210 ส่วนลึกของความทรงจำ

Now you are reading รักเล่ห์เร้นใจ Chapter 210 ส่วนลึกของความทรงจำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่รู้ว่ารถคันนั้นแล่นออกไปนานเท่าไร จึงมาถึงจุดหมายปลายทาง…ศูนย์วิจัยด้านสมอง

 

 

ตอนอินเสี่ยวเสี่ยวถูกจับขึ้นรถนั้น ไม่เพียงมือเท้าของเธอถูกมัดไว้ ตาถูกผ้าผูกตาปิดไว้ ปากก็ถูกปิดด้วยเทปกาว แล้วยังถูกฉีดตัวยาอะไรก็ไม่รู้เข้าอีก จากนั้นเธอก็หมดสติไป

 

 

“โอย คุณหนูอี้ นี่คือหนูทดลองของพวกเราคราวนี้งั้นเหรอ ช่างจัดการได้ง่ายดายซะเหลือเกิน” มาร์ตินฉีดยาสลบให้อินเสี่ยวเสี่ยว ในมือยังถือเข็มที่ภายในหลอดว่างเปล่า หันมายิ้มกับเธอพร้อมกับพูดด้วยภาษาจีนสำเนียงไม่ชัดนัก

 

 

อี้อวิ๋นฉังฟังแล้วขมวดคิ้ว “หึ มาร์ติน คุณอย่าให้เธอไปอะไรไปล่ะ ฉันยังต้องใช้ความทรงจำในหัวสมองของเธออยู่นะ”

 

 

มาร์ตินฟังแล้วก็ชูเข็มในมือขึ้น หัวเราะพลางว่า “วางใจเถอะน่า คุณหนูอี้ ข้างในนี้แค่ยาธรรมดาเอง ไม่ส่งผลอะไรกับความทรงจำของเธอหรอก”

 

 

มาร์ตินก็คือหมอเฉพาะทางด้านสมองที่อี้อวิ๋นฉังเชิญมาจากต่างประเทศในครั้งนี้นั่นเอง ถึงแม้ครั้งนี้เขาจะเพิ่งมาถึง แต่เมื่อก่อนเขาเคยทำวิจัยอยู่ในประเทศจีนมาเป็นเวลานาน จึงพูดภาษาจีนได้ไม่เลวนัก

 

 

จุดหมายปลายทางในครั้งนี้ ก็คือศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนมาร์ตินเคยทำวิจัยอยู่ในประเทศจีนมาหลายปี

 

 

พอถึงจุดหมาย อี้อวิ๋นฉังและมาร์ตินลงจากรถก่อน คนขับรถแบกร่างอินเสี่ยวเสี่ยวตามติดพวกเขาไป ส่วนพวกลูกน้องอี้อวิ๋นฉังให้พวกเขากลับไปก่อน

 

 

ศูนย์วิจัยห้ามบุคคลภายนอกเข้า แต่หมอมาร์ตินมีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง ทั้งยังเคยทำวิจัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน เขาจึงพาอี้อวิ๋นฉังกับพวกเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

 

 

มาร์ตินพาพวกเขามาที่ด้านหลังศูนย์วิจัย ทันใดนั้นก็มีชายผมหยักศกสีน้ำตาลทองคนหนึ่งโผล่มาต้อนรับ เขารูปร่างผอมสูง โครงหน้าเป็นสัน เบ้าตาลึก จมูกโด่งเป็นสันกับดวงตาสีฟ้า หน้าตาบอกว่าเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง

 

 

แต่ที่ไหนได้พอเขาเอ่ยปากกลับพูดเป็นภาษาจีนคล่องปรื๋อ “อาจารย์ครับ ไม่เจอกันนาน ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว!” เขาพูดกับมาร์ตินอย่างตื่นเต้นดีใจ

 

 

อี้อวิ๋นฉังเห็นเขาแล้วขมวดคิ้ว มาร์ตินทักทายกับชายคนนั้นแล้ว รีบหันมาอธิบายกับเธอว่า “คุณหนูอี้ นี่คือลูกศิษย์ของผม เป็นนักสะกดจิต ผมคิดว่าบางทีเขาอาจมีส่วนช่วยต่อแผนการของเราก็ได้ จึงให้เขาเข้าร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย…แน่นอนว่า ถ้าคุณไม่ชอบ ก็คิดซะว่าเขาเป็นผู้ช่วยผมก็แล้วกัน”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ” อี้อวิ๋นฉังคิดดูแล้วพูดขึ้น

 

 

ชายคนนั้นรีบหันมาทักทายอี้อวิ๋นฉัง “สวัสดีครับ คุณหนูอี้ ผมชื่อเบนนี่”

 

 

“สวัสดีค่ะ” อี้อวิ๋นฉังพูดเสียงเรียบ

 

 

ต่อจากนั้น มาร์ตินและเบนนี่ก็นำทางอี้อวิ๋นฉังกับคนรถที่แบกร่างอินเสี่ยวเสี่ยวไปยังส่วนลึกของศูนย์วิจัย ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงห้องใต้ดินหลังหนึ่ง

 

 

“มาร์ติน นี่คุณทำอะไรน่ะ” อี้อวิ๋นฉังเห็นมาร์ตินพาเธอมาที่ห้องใต้ดินก็ถามอย่างสงสัย

 

 

“คุณหนูอี้ เดี๋ยวคุณก็รู้ ตอนนี้ เข้ามาก่อนเถอะ” พูดพลางมาร์ตินก็เปิดประตูห้อง

 

 

ประตูเปิดออก อี้อวิ๋นฉังเห็นว่าภายในเป็นห้องโล่งกว้าง จัดวางเครื่องมือแพทย์สารพัดชนิด ทั้งมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ต้องการความละเอียดสูงอีกหลายอย่างวางรวมอยู่ด้วยกัน ดูแล้วมีความเป็นมืออาชีพมากทีเดียว

 

 

ทุกคนเดินเข้าไป มาร์ตินพูดกับคนรถว่า “เอาล่ะ วางคนไข้ของเราไว้บนเตียงด้านในเถอะ” พูดพลางก็ชี้ไปยังส่วนลึกของห้อง

 

 

ถึงตอนนี้ อี้อวิ๋นฉังจึงเห็นว่าภายในห้องยังมีกั้นห้องอีกแห่ง วางเตียงสองตัวกับอุปกรณ์ขนาดใหญ่กว่าและเยอะกว่าอีกด้วย

 

 

คนรถวางร่างที่ยังไร้สติของอินเสี่ยวเสี่ยวไว้บนเตียงหลังหนึ่งแล้ว มาร์ตินก็พูดกับอี้อวิ๋นฉังว่า “คุณหนูอี้ คุณไปนอนอีกเตียงหนึ่งเถอะ ผมจะได้รีบดำเนินการตามแผน เชื่อมือผม อีกไม่นาน คุณก็จะได้ครอบครองความทรงจำของเด็กผู้หญิงคนนี้”

 

 

“จริงเหรอคะ” อี้อวิ๋นฉังพอได้ฟัง ตาเป็นประกายวาววับ แล้วรีบนอนลงบนเตียงอีกหลังหนึ่ง

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว คุณหนูอี้ คุณรอดูก็แล้วกัน!”

 

 

อี้อวิ๋นฉังกับอินเสี่ยวเสี่ยวนอนลงแล้ว มาร์ตินก็ให้เบนนี่สะกดจิตอี้อวิ๋นฉัง จากนั้นก็ติดสารพัด ‘ท่อ’ ลงบนศีรษะของพวกเธอทั้งสอง

 

 

‘ท่อ’ พวกนี้ไม่ใช่ท่อธรรมดาทั่วไป พวกเขาใช้อุปกรณ์ควบคุมพวกมันเพื่อส่องดูความทรงจำส่วนลึกในสมองของคนเรา และยังสามารถใช้มันส่งผ่านความทรงจำไปให้อีกคนหนึ่งได้ด้วย

 

 

หลังจากติด ‘ท่อ’ แล้ว มาร์ตินก็เริ่มจัดการให้เครื่องทำงาน ดึงความทรงจำจากส่วนลึกของสมองอินเสี่ยวเสี่ยวออกมาอย่างช้าๆ

 

 

อี้อวิ๋นฉังพอถูกสะกดจิต ก็นอนลงบนเตียง เหมือนเข้าสู่ภาวะหลับลึกในห้วงความฝัน

 

 

ในฝัน เธอเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง คือเซียวจิ่งสือ เธอเข้าไปหาเขาอย่างยินดี แต่เขาไม่ได้เดินมาทางเธอ กลับเดินไปที่ข้างกายผู้หญิงอีกคน คืออินเสี่ยวเสี่ยว และก็คือหลินหว่าน

 

 

อี้อวิ๋นฉังดูเหมือนจะเข้าใจทันทีว่า นี่คือหลินหว่าน และนี่คือภาพความทรงจำของอินเสี่ยวเสี่ยวก่อนสูญเสียความทรงจำ ตอนนี้เธอได้เห็นความทรงจำของอินเสี่ยวเสี่ยว

 

 

ไม่นานนัก อี้อวิ๋นฉังก็เห็นหลินหว่าน เป็นภาพที่อินเสี่ยวเสี่ยวตอนที่อยู่กับเซียวจิ่งสือก่อนสูญเสียความทรงจำ นาทีที่พวกเขาพบกันเป็นครั้งแรก ช่วงเวลาที่พวกเขานัดเดทกันเป็นครั้งแรก นาทีที่หลินหว่านหวั่นไหวต่อเซียวจิ่งสือเป็นครั้งแรก…ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นความทรงจำอันงดงามที่มีต่อเซียวจิ่งสือซึ่งหลินหว่านเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

 

 

อี้อวิ๋นฉังทางหนึ่งจดจำความทรงจำเหล่านี้ เพื่อใช้ในยามที่เซียวจิ่งสือเค้นถามเธออีก ทางหนึ่งก็สำรวจดูหลินหว่านอย่างละเอียด เพื่อต่อไปจะได้ลอกเลียนท่าทางของเธอให้ได้ดียิ่งขึ้น

 

 

อี้อวิ๋นฉังดูความทรงจำจนหมด เธอค่อยๆ ฟื้นคืนสติ รู้สึกตัวตื่นขึ้น

 

 

“คุณหนูอี้ ตื่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง ความทรงจำพวกนี้อยู่ในสมองของคุณแล้วหรือยัง”

 

 

อี้อวิ๋นฉังลืมตาขึ้น ก็เห็นมาร์ตินถามเธอด้วยทีท่าร้อนรนและรอคอยคำตอบ

 

 

อี้อวิ๋นฉังใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อเรียบเรียงความทรงจำพวกนี้ ผงกศีรษะ “อื้ม ความทรงจำพวกนี้ ฉันเห็นมันทั้งหมดแล้ว วางใจได้ เรื่องนี้สำเร็จแล้วฉันจะโอนค่าตอบแทนเข้าบัญชีให้คุณแน่”

 

 

“หึหึ ขอบคุณคุณหนูอี้มากเลยครับ” มาร์ตินหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดว่า “งั้นคุณหนูอี้รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่าครับ”

 

 

“ไม่มีนี่” อี้อวิ๋นฉังส่ายศีรษะตอบ

 

 

ตอนนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้น “คุณหนูอี้? คุณไม่ใช่หลินหว่าน? คุณเป็นใครกันแน่?”

 

 

ที่แท้ตอนที่อี้อวิ๋นฉังได้สติตื่นขึ้นมา อินเสี่ยวเสี่ยวที่หมดสติอยู่ก็ฟื้นขึ้นมาด้วย เธอจึงได้ยินคำสนทนาของพวกเขาทั้งสองอย่างชัดเจน

 

 

อี้อวิ๋นฉังหันไปทางต้นเสียงแล้วขึงตาใส่อินเสี่ยวเสี่ยวอย่างโกรธแค้น บ้าชะมัด ให้หล่อนรู้ว่าเธอไม่ใช่หลินหว่านตัวจริงจนได้สิน่า แววตาของอี้อวิ๋นฉังทอประกายดุร้ายขึ้นมา

 

 

ตอนจับตัวอินเสี่ยวเสี่ยวมานั้น เธอได้เผยตัวให้อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นแล้ว ตอนนี้ ยังให้เธอรู้ว่าตัวตนของเธอเป็นของปลอมอีก ดูท่าว่าเธอจะปล่อยให้เธอกลับไปอีกไม่ได้ซะแล้ว ไม่อย่างนั้น เธอไปพูดมั่วซั่วต่อหน้าเซียวจิ่งสือแล้วจะทำอย่างไร อย่างนั้นไม่ทันไรเธอคงต้องถูกเปิดโปงแน่!

 

 

คิดดูแล้ว อี้อวิ๋นฉังก็ถามมาร์ตินว่า “ลูกศิษย์ของคุณเมื่อกี้ไปไหนแล้ว”

 

 

มาร์ตินตอบอย่างไม่เข้าใจนักว่า “เขาไปจัดเก็บเครื่องมือแล้ว คุณหนูอี้ คุณหาเขามาทำไมครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด