อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 174 ตะล่อมถาม

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 174 ตะล่อมถาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 174 ตะล่อมถาม

หลังจากแจกยาถอนพิษออกไปเนียนๆ มู่เถาเยาก็เสนอให้ออกไปกินข้าวกัน

ไม่มีใครคัดค้าน

เพียงแต่อาจารย์อาเล็กกับเฉิงหรานต่างสงสัยในการกระทำของมู่เถาเยาเหลือเกิน

เดิมทีเสี่ยวเยาเยามีนิสัยเฉยชา มีเหรอจะเป็นฝ่ายเสนอให้ทุกคนไปกินข้าวกัน แถมยังไม่ได้สนิทกับครอบครัวเหลยด้วย…

แต่พวกเขาก็รู้ว่าเสี่ยวเยาเยาทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ของตัวเอง จึงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจก่อน

ทุกคนออกไปหาร้านอาหารนอกโรงพยาบาลที่บรรยากาศใช้ได้ ตกแต่งสไตล์โบราณ

ที่นี่ไม่หนวกหูแบบตามภัตตาคาร ค่อนข้างเหมาะแก่การพูดคุย

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ มู่เถาเยาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เหลยถิง พรุ่งนี้ฉันกับอาจารย์อาเล็กจะไปเมืองหลวง นายอยู่ที่นั่นมาหลายปี แนะนำหน่อยได้ไหมว่าที่ไหนน่าไปบ้าง มีอาหารอะไรอร่อย”

เหลยถิงยิ้มกว้างเห็นฟัน “ได้เลยครับ! อาจารย์ปู่ อาจารย์อาเล็ก เมืองหลวงมีที่น่าไปหลายที่เลยครับ…ส่วนอาหารท้องถิ่นจะรสจัดกว่าทางเย่ว์ตูหน่อย…”

มู่เถาเยาพยักหน้าตอบรับขณะฟัง

“เหลยถิง ปกตินายชอบออกไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อนๆ หรือเพื่อนร่วมงานไหม นายว่าร้านไหนน่าจะถูกปากคนเย่ว์ตูหน่อย อาจารย์อาเล็กของฉันอาจไม่ชอบอาหารรสจัดเท่าไร”

“มีครับ ผมกับเสี่ยวเย่ว์ชอบไปร้านที่ชื่อเอ็กซ์เอ็กซ์โอโอ อาหารที่นั่นรสดีมาก เสี่ยวเย่ว์กับผมชอบกินทุกอย่างเลยครับ”

“เจียงเย่ว์ถือเป็นคนเมืองหลวง เธอชอบรสชาติแบบคนเย่ว์ตูด้วยเหรอ”

“ก็ดูชอบมากนะครับ เธอกินรสไม่ค่อยจัด…” บลาๆๆ

พอเหลยถิงพูดถึงแฟน ดวงตาก็เปล่งประกาย

มู่เถาเยา “นอกจากเจียงเย่ว์แล้ว มีเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานนายคนไหนชอบไปกินอาหารที่ร้านนั้นอีกไหม แค่คนสองคนชอบมันไม่ได้การันตีว่าอร่อย แค่เรียกว่าเป็นความชอบเฉพาะบุคคล”

“มีเพื่อนผมหลายคนก็ชอบไปที่นั่นเหมือนกัน สมัยเป็นนักศึกษาไม่ค่อยได้ไปกินข้างนอก พอทำงานแล้วถึงได้ไปกินกับเพื่อนร่วมงานกับเสี่ยวเย่ว์ครับ”

“ครั้งล่าสุดที่นายกลับมาบ้าน พอกลับไปเมืองหลวงได้ไปกินที่นั่นอีกไหม”

“ไปกินกับเพื่อนร่วมงานครั้งหนึ่งก่อนย้ายกลับ แล้วก็มีอีกสองสามครั้งที่ไปกับเสี่ยวเย่ว์ครับ”

“อ่อ ดูท่าพวกนายจะชอบอาหารร้านนั้นจริงๆ นะ ไว้ฉันกับอาจารย์อาเล็กไปเมืองหลวงจะต้องไปชิมให้ได้”

เวลานี้อาจารย์อาเล็ก เฉิงหราน เฉิงอันนั่ว ต่างเข้าใจแล้ว

ที่แท้เสี่ยวเยาเยาก็กำลังหลอกถามแวดวงคนรู้จักของเหลยถิง

เฉิงหรานร่วมด้วย “อาถิง นายสนิทกับพวกเพื่อนร่วมงานใช่ไหม นายลาออกแบบนี้พวกเขาไม่เสียดายเหรอ”

“ก็สนิทระดับหนึ่งครับ พวกเรามีนิสัยชอบเก็บตัวกันทั้งนั้น นัดกินข้าวบ้างเป็นครั้งคราว ความสัมพันธ์เป็นแบบไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่ครับ”

“นายใช้ชีวิตที่เมืองหลวงตั้งแต่เรียนมหา’ลัย คนรู้จักอยู่ที่นั่นหมด กลับมาต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น รู้สึกเสียดายไหม”

“ก็แอบเสียดายนะครับ แต่ผมว่ามันคุ้มแล้ว”

เฉิงหรานพยักหน้า

เฉิงอันนั่วแสร้งทำเป็นถามด้วยความสงสัย “วงการพวกพี่การแข่งขันสูงไหม ระหว่างเพื่อนร่วมงานเป็นแบบในละครไหม แบบที่จ้องจะเล่นงานกันเอง”

“ในบริษัทพวกเรายังพอโอเคนะ เรื่องแก่งแย่งชิงดีมันมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หนักถึงขั้นจ้องจะเล่นงานกันเอง ทุกคนเอาความพยายามมาสู้กัน”

“งั้นก็ดีครับ อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นภายนอกยิ้มแย้ม ลับหลังจ้วงแทง”

“อันนั่ว อันที่จริงสังคมทำงานมีแบบที่นายพูดเยอะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก มันต้องมีบางบริษัทบ้างแหละที่ค่อนข้างสามัคคี รักกันดี”

“อืม แล้วห้องที่พี่เช่าอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเจียงเย่ว์มากไหม”

เหลยถิงอึ้ง เขาถาม “อันนั่ว นายมีแฟนแล้วเหรอ”

คนทั้งโต๊ะหันไปมองเฉิงอันนั่ว

เฉิงอันนั่วส่ายหน้าหัวเกือบหลุด

“ไม่มีๆ ผมก็แค่สงสัย พี่ทำงาน เจียงเย่ว์อยู่มหา’ลัย แบบนี้คบหากันสะดวกเหรอ”

“ปกติจะตาย วันธรรมดาแต่ละคนมีเรื่องที่ตัวเองต้องทำ ส่วนใหญ่พวกเราจะเจอกันตอนสุดสัปดาห์ บางทีตอนเย็นก็มีออกไปเดินเล่นตลาดกลางคืนบ้าง”

“งั้นทำไมพวกพี่ไม่อยู่ด้วยกันล่ะ”

คนทั้งโต๊ะมองเฉิงอันนั่วเป็นสายตาเดียวกัน

ความหมายบนใบหน้าคือ ‘ที่แท้นายก็เป็นคนแบบนี้!’

เฉิงอันนั่ว “…”

เขาก็แค่ทำเพื่อหลอกถามนะ

เขาไม่ใช่คนแบบนั้นจริงๆ!

มันน่าน้อยใจนัก!

เหลยถิง “อันนั่ว เสี่ยวเย่ว์ยังเรียนอยู่ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะถึงขั้นแต่งงานไหม พวกเราไม่มีทางอยู่ด้วยกัน”

คนทั้งโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย

เฉิงอันนั่ว “ห้องที่พี่เช่าเป็นแบบหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ปกติมีเพื่อนร่วมงานไปสังสรรค์ที่ห้องไหม”

เหลยถิง “…อันนั่ว นายเป็นโรคกลัวการเรียนจบเหรอ กลัวออกไปใช้ชีวิตในสังคมแล้วจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้เหรอ”

“…ไม่ใช่ ผมก็แค่สงสัย ผมยังไม่เริ่มทำงานเร็วขนาดนั้นหรอก เดือนกันยาผมจะไปท่องเที่ยวเรียนรู้ คงใช้เวลาสองปี”

เฉิงอันนั่วรู้สึกบทของตัวเองควรจบตรงนี้ จึงถอนตัวออกเนียนๆ

“อืม ไว้ถึงตอนนั้นฉันจะไปส่งนาย”

“ครับ”

มู่เถาเยารับช่วงต่อ “อันที่จริงฉันก็สงสัยเหมือนกัน ฉันอยู่ในหมู่บ้านกลางป่าเขาที่ค่อนข้างไกลมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยไปเรียนที่โรงเรียนเลยสักครั้งจนมาอยู่เย่ว์ตู ตอนนี้ถึงจะเข้ากันได้ดีกับเพื่อนๆ แต่กลับไม่ได้ไปมาหาสู่กันเหมือนคนในหมู่บ้านเถาหยวน”

ชาวหมู่บ้านเถาหยวนเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเธอ

อยู่กับคนในครอบครัวมันย่อมไม่เหมือนอยู่กับเพื่อนนักศึกษาหรือเพื่อนทั่วไป

เหลยถิงยิ้มพลางพูด “อาจารย์อาเล็ก การไปมาหาสู่กันระหว่างคนเราจะว่าง่ายก็ง่ายๆ จะว่าซับซ้อนก็ซับซ้อน คนบางคนเราปฏิบัติต่อเขายังไง เขาก็ปฏิบัติต่อเราแบบนั้น แต่จิตใจของบางคน เราจะมองแค่ผิวเผินไม่ได้ คนไหนสนิทได้ก็สนิท คนไหนเลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ”

“อืม”

“ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ ยังไงซะคนแบบนั้นก็มีน้อย ส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์ที่ธรรมดา ลาออกแล้วก็เลิกติดต่อกัน หรือไม่ก็เวลาเจอหน้าก็แค่พยักหน้า ทักทายตามมารยาท”

มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

อาจารย์อาเล็ก “เหลยถิงกับนักศึกษาเจียงรู้จักกันได้ยังไงเหรอ คนหนึ่งทำงาน อีกคนหนึ่งเรียน คนละแวดวงเลยนะ”

“น้องสาวของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์เมืองหลวงครับ เป็นรูมเมทของเสี่ยวเย่ว์”

ทุกคนพากันจินตนาการเป็นนิยายล้านอักษร แถมยังแต่งเสริมไปถึงไหนต่อไหน

นี่มันปกติมาก!

มู่เถาเยา “พวกนายคบกันมาสองปีแล้ว เคยไปเจอพ่อแม่ของเจียงเย่ว์ไหม รู้จักครอบครัวของเธอมากน้อยแค่ไหน”

“เคยเจอแค่ครั้งเดียวครับ ไม่ได้รู้ลึกมาก เธอไม่ค่อยชอบพูดถึงคนในครอบครัวเท่าไร”

เหลยถิงแอบเศร้าเล็กน้อย

“อาถิง เธอไม่เล่าลูกก็ถามเองเลยสิ ถ้าสองคนมีใจจะเดินไปด้วยกัน งั้นก็ไม่มีอะไรที่ถามไม่ได้ ถ้าถามแล้วเธอไม่บอก ถ้าไม่ใช่เพราะมีความอัดอั้นตันใจจนยากจะพูด งั้นก็คงเป็นเพราะเธอไม่ได้จริงใจจะคบกับลูกนะ”

เฉิงซินสงสารลูกชาย

เธอมองออกว่าลูกชายชอบเจียงเย่ว์มาก และก็ย่อมมองออกว่าเจียงเย่ว์ค่อนข้างเฉยชากับอาถิง

ไม่ถึงกับเย็นชา ก็แค่ดูเฉยชาไปหน่อย สีหน้ากับท่าทางไม่เหมือนผู้หญิงที่กำลังมีความรัก และก็ไม่ได้มีความเขินอายหรือเกร็งแบบคนที่เจอผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายครั้งแรก

“ผมรู้ครับแม่ หลักๆ คือผมเห็นเสี่ยวเย่ว์ยังเรียนอยู่ และก็น่าจะต่อดอกเตอร์ด้วย ผมเลยไม่รีบร้อนครับ”

พ่อเหลยแสดงความคิดเห็น “เรียนดอกเตอร์ก็แต่งงานได้”

รู้จักแสวงหาความก้าวหน้าเป็นเรื่องดี แต่ความรักกับการทำงานก็ไปด้วยกันได้

เขาเห็นเด็กสาวคนนั้นไม่ได้ดูชอบลูกชายเหมือนที่ลูกชายเขาชอบ เหมือนแค่คบไปพลางๆ ก่อน

เขาก็เลยไม่ประทับใจเจียงเย่ว์เลยสักนิด

ในความเป็นจริงพ่อเหลยดีใจมากที่ลูกชายกลับมาทำงานในบ้านเกิด แต่การลาออกเพียงเพื่อคนที่ไม่ได้ชอบตัวเองมากเท่าไรมันก็ไม่คุ้มกันเลย

แต่ผู้ใหญ่จะไปแทรกแซงความรักของหนุ่มสาวก็ไม่ดีนัก

ต่อให้เขาไม่ค่อยชอบเด็กสาวคนนั้นก็ไม่มีทางต่อต้านการกระทำของลูกชายตัวเอง

ช่างเถอะๆ รอดูไปก่อนแล้วกัน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *