อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 347 ท้องหนึ่งหนโง่สามปี

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 347 ท้องหนึ่งหนโง่สามปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 347 ท้องหนึ่งหนโง่สามปี

ผ่านวันจันทร์วันอังคารของสัปดาห์ใหม่ไปอีกครั้ง

มู่เถาเยาสอบใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ

เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเธอ ดังนั้นหลังจากส่งกระดาษคำตอบไปแล้วเธอก็ไม่คิดอะไรมากอีก รอผลสอบออกอีกหนึ่งเดือน รับใบอนุญาตเดือนมีนาคมปีหน้า

พอออกจากสนามสอบ พวกศิษย์พี่ของมู่เถาเยา รวมถึงลู่จือฉิน เหลียงจี เหลยโจว ต่างเข้าไปรุมล้อม

ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มตาโค้งจับมือมู่เถาเยาพลางพูด “เสี่ยวเยาเยา พวกเราจองโต๊ะร้านอร่อยสุดๆ เอาไว้จ้ะ”

ไม่มีใครถามถึงการสอบ เพราะรู้คำตอบอยู่แล้ว

มู่เถาเยามองท้องของศิษย์พี่หญิงห้าที่นูนออกมาด้วยความเป็นห่วง “ศิษย์พี่หญิงห้าคะ ทำไมยังจะมาอีกล่ะคะ ตอนนี้แดดแรงมาก ระวังไม่สบายนะคะ”

“เยี่ยจั๋วไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นจ้ะ ลูกพี่เหมือนเธอ” แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนี้ห้าเดือนแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดของคนท้องด้วย

มู่เถาเยา “…”

ศิษย์พี่หญิงมองออกจากตรงไหนว่าเจ้าตัวน้อยที่ยังเจริญเติบโตในท้องได้ไม่เต็มที่คนนี้เหมือนเธอ

กู่ย่ายิ้มพูด “พวกเราอย่ามัวขวางทางประตูเลย ขึ้นรถไปร้านอาหารดื่มชาไปคุยไปดีกว่า”

ทุกคนพยักหน้า แบ่งไปขึ้นรถสามคันมุ่งหน้าสู่ร้านอร่อยสุดๆ

ไปถึงห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดของร้าน เถ้าแก่เกากับภรรยามารับออเดอร์ด้วยตัวเอง

พี่ไช่ยิ้มถาม “วันนี้วันอะไรเหรอคะ ทำไมมากินเลี้ยงกันที่นี่ได้”

หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพูดตอบ “เสี่ยวเยาเยาของพวกเราไปสอบประกอบโรคศิลปะมาค่ะ”

“จริงเหรอ! เสี่ยวเยาเยาเพิ่งจะอายุเท่าไร จะเป็นหมอแล้วเหรอคะ” พี่ไช่ทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ

ศิษย์พี่หกเว่ยฉางหย่วนยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยารักษาคนมาเยอะแล้วครับ ขาดแค่ใบประกอบโรคศิลปะก็รักษาได้เต็มตัวแล้วครับ”

แน่นอนว่าคนไข้ที่เคยรักษาก่อนหน้านี้มาหาเพราะเชื่อใจเสี่ยวเยาเยา

เถ้าแก่เกากับพี่ไช่ย่อมไม่สงสัยในคำพูดของศิษย์พี่หก เพราะเกาเซวียนลูกชายของพวกเขาก็ได้รับประโยชน์นี้ด้วย

ศิษย์พี่ใหญ่ “เสี่ยวเยาเยา สุดสัปดาห์จะสอบตั๋วทนายใช่ไหม”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ สุดสัปดาห์นี้สอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมาย ส่วนเนื้อหาเจาะจงจะสอบเดือนหน้าค่ะ เดือนพฤศจิกาประกาศผลสอบ”

เถ้าแก่เกาถามด้วยความตกใจ “เสี่ยวเยาเยาเป็นหมอไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องสอบตั๋วทนายด้วยล่ะ”

“ใช่ค่ะ แต่หนูอยากอาศัยความที่ยังเด็กสอบพวกใบอนุญาตต่างๆ ให้ได้เยอะๆ”

พี่ไช่ร้องออกมาด้วยความตะลึง “คุณพระ! นี่ต้องเป็นอัจฉริยะขนาดไหนกัน!”

ทุกคนต่างหัวเราะ

เหลยโจวพูดอย่างอารมณ์ดี “เสี่ยวเยาเยา หลังจากได้ตั๋วทนายแล้วมาฝึกงานที่สำนักทนายความพี่ได้นะ ครบหนึ่งปีขอบัตรทนายได้”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่เขยเหลย”

“ไม่ต้องเกรงใจ”

เถ้าแก่เกากับพี่ไช่รับออเดอร์เสร็จก็ลงไปเข้าครัว

มู่เถาเยาโทรหาอาจารย์ทั้งสองท่านกับคนตระกูลเย่ว์

พอวางสายโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก

เหลยถิงโทรมา เธอเหลือบมองเหลยโจว

กดรับสาย

“เหลยถิง”

“…”

“เจียงเย่ว์มาหาเหรอ”

“…”

“อืม มาที่นี่แล้วกัน พวกเราอยู่ร้านอร่อยสุดๆ ห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดของร้าน”

“…”

มู่เถาเยาวางสายแล้วพูดกับทุกคน “เดี๋ยวเหลยถิงจะมาด้วยนะคะ”

เหลยโจวขมวดคิ้วถาม “เสี่ยวเยาเยา เจียงเย่ว์มาสารภาพกับเหลยถิงเหรอ”

มู่เถาเยาส่ายหน้าแล้วพูด “เปล่าค่ะ เจียงจี๋มอบตัวตั้งแต่อาทิตย์ก่อน อีกทั้งยังสารภาพเองว่าทำเรื่องผิดกฎหมายอะไรไปบ้าง ไม่มีปิดบังหรือขัดขืน เจียงเย่ว์มาหาเหลยถิงเพราะเจียงจี๋อยากเจออาจารย์อาเล็กกับกับศิษย์พี่ใหญ่ค่ะ”

นับตั้งแต่รู้ความจริงจากตี้อู๋โยว เธอก็ประหลาดใจนิดหน่อย

เจียงจี๋ทำร้ายคน แต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่าคน และไม่ได้ต้องการล้างแค้นสำนักแพทย์โบราณ

เฉิงหรานอึ้งไปเล็กน้อย “เสี่ยวเยาเยา สถานการณ์ของเจียงจี๋เป็นยังไงบ้าง”

“ยาที่เขาคิดค้นทำคนตายไปเจ็ดคน หนีโทษตายไม่พ้นแน่ และก็น่าจะโดนตัดสินในอีกไม่ช้าค่ะ…เหยื่อคนอื่นๆ ให้ทางตำรวจออกหน้า ขอให้ศิษย์พี่สามที่อยู่เมืองหลวงช่วยรักษาให้…”

มู่เถาเยาเรียบเรียงเรื่องราวให้ทุกคนฟัง รวมถึงจุดประสงค์ที่วางยาเหลยถิง

เหลยโจวเงียบไปหลายวินาทีถึงพูดขึ้น “อีกเดี๋ยวเหลยถิงมาก็บอกเขาเถอะ ส่วนยังจะคบกับเจียงเย่ว์ต่อไหม ให้เขาตัดสินใจเองแล้วกัน”

อย่างไรเสียไม่ว่าลูกชายจะแต่งงานกับใครก็ต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอกอยู่ดี พ่อกับแม่จะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่สำคัญ สุดท้ายก็อยู่กับลูกไปตลอดชีวิตไม่ได้

“ค่ะ เดี๋ยวเหลยถิงมาฉันจะบอกเขาค่ะ”

“เจียงเย่ว์บริสุทธิ์เหรอ” ลู่จือฉินขมวดคิ้วถาม

มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ ปิดเทอมที่ผ่านมาเจียงเย่ว์คอยสังเกตการณ์แถวคลินิกของพ่อมาตลอด…แต่น่าเสียดาย ขออย่าให้เสียสติแล้วกันค่ะ”

ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ด้านไหนก็น่าเสียดายทั้งนั้น เธอเองก็เสียดายคนเก่งๆ

หลี่อวี้เสวี่ยถอนหายใจเบาๆ “บาดแผลนี้มันลึกเกินไป เยียวยาไม่ง่ายเลยนะ”

กู่ย่า “เธอคงต้องผ่านมันไปเอง”

อาจารย์อาเล็ก “ถ้าเจียงเย่ว์ยังยินดีเรียนต่อที่มหา’ลัยเรา…พวกเราก็จะไม่เปิดเผยสถานะของเธอ”

ลู่จือฉินนึกถึงอีกคนหนึ่ง “เสี่ยวเยาเยา แล้วเหมียวฉีล่ะ”

“เหมียวฉี ก็อาจจะไปมอบตัวเหมือนกันค่ะ ลาออกจากงานแล้ว เหมือนรอเสร็จเรื่องเจียงจี๋ก่อนแล้วถึงกลับเผ่าค่ะ”

“เสี่ยวเยาเยา แล้วถ้าเหมียวฉีหนีล่ะ ให้อาจารย์ไปเฝ้าเหมียวฉีที่เมืองหลวงไหม เหมียวฉีเป็นคนของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ต่อสู้เป็น…”

“…หนูว่าไม่น่าจะหนีหรอกค่ะ อาจารย์สาม ทางนั้นก็มีคนของหนูอยู่ค่ะ ไม่ต้องห่วง ต่อให้เหมียวฉีอยากหนีก็หนีไม่รอดหรอกค่ะ”

ไม่ใช่แค่มีคนของเธอ ยังมีคนของตระกูลตี้ด้วย

เธอเคยได้ยินตี้อู๋เปียนกับตี้อู๋โยวคุยโทรศัพท์กัน บอกให้หาคนจับตาดูเหมียวฉีไว้

แต่ต่อให้คิดหนีเธอก็ไม่กลัว

ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว การตามหาคนที่เรามีข้อมูลอย่างละเอียดครบถ้วนเป็นเรื่องง่ายมาก

แต่เธอเกิดความรู้สึกหนึ่งว่าเหมียวฉีอยากกลับเผ่า ไม่ได้อยากหนี

ปริศนาการหายตัวไปของเย่ว์จืออิ๋งกำลังจะได้ยินจากปากของคนก่อเหตุแล้วหรือเปล่า

คนตระกูลเย่ว์ตามสืบมาตั้งนาน ปรากฏว่า…จบแบบนี้เหรอ

เหลียงจี “เสี่ยวเยาเยา ถ้าเป็นเหมียวฉีทำจริง เธอจะไปปรากฏตัวต่อหน้าเหมียวฉีไหม”

การปรากฏตัวเป็นการแสดงออกว่าเหยื่อไม่ได้ตาย โทษจะแตกต่างออกไป

“ขอดูอาการของน้าเหมียวก่อนค่ะ”

เหลียงจีพยักหน้า เข้าใจความหมายของมู่เถาเยา

ถ้าน้าเหมียวตาย เหมียวฉีก็ไม่รอด

อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยา ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เร็ว หนูจะเปิดเผยสถานะเลยไหม”

มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “รอเข้าร่วมงานแข่งขันกีฬานานาชาติครั้งหน้าเสร็จค่อยว่ากันค่ะ”

“ครอบครัวหนูล่ะ”

“หนูจะเกลี้ยกล่อมพวกเขาเองค่ะ”

หลังจากความจริงเปิดเผย คนตระกูลเย่ว์ก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังหรือแอบมาหาเธอเพื่อป้องกันคนร้ายที่ซ่อนอยู่ในที่ลับอีกแล้ว

หลี่อวี้เสวี่ยพยักหน้า “ปิดไว้ก่อนก็ดี วันหน้าคบเพื่อนจะได้ไม่ต้องมานั่งเดาว่ามาด้วยเจตนาอะไร”

มู่เถาเยายิ้มเล็กน้อย “หนูเก่งจะตาย! มาด้วยเจตนาอะไรก็โกหกหนูไม่ได้หรอกค่ะ!”

ทุกคน “…”

ลู่จือฉินหัวเราะ “จ้ะคนเก่ง ไม่เคยกลัวอะไรเลยนะ” เพราะเมื่อชาติก่อนทำให้รู้แล้วว่ากลัวไปก็ไม่มีประโยชน์

มู่เถาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความภูมิใจนิดๆ “แหงอยู่แล้วค่ะ”

ศิษย์พี่หญิงห้าก้มหน้า ลูบท้องที่นูนออกมาพลางพูด “เยี่ยจั๋ว ได้ยินหรือเปล่า วันหน้าต้องใจกล้าๆ รู้ไหม ดูอาเยาเยาเป็นตัวอย่าง…ไอ๊หยา…”

พี่เขยห้าถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไปคุณ”

คนทั้งโต๊ะก็มองศิษย์พี่หญิงห้าด้วยความเป็นห่วง

“ลูกดิ้นค่ะ! เยี่ยจั๋วต้องรับปากแน่ๆ ว่าจะเอาอาเยาเยาเป็นตัวอย่าง!”

ทุกคน “…”

เด็กในครรภ์ห้าเดือนจะไปรับปากอะไรได้

หรือนี่จะเป็นดั่งคำโบราณที่ว่า ท้องหนึ่งหนโง่สามปี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด