อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 178 ต้องโทษเขาที่แต่งงานช้า

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 178 ต้องโทษเขาที่แต่งงานช้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 178 ต้องโทษเขาที่แต่งงานช้า

วันศุกร์

หลังจากเลิกเรียนช่วงเช้า เหลียงจีก็รับมู่เถาเยากลับบ้าน

กินข้าวกลางวันเสร็จก็ต่างคนต่างหยิบสัมภาระของตัวเองไปที่เซิ่งซื่อฉางอัน

ภายในห้องรับแขกของตำหนักพระจันทร์มีของขวัญของฝากกองอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เป็นของที่ตระกูลเย่ว์กับตระกูลเป่ยเอามาฝากมู่เถาเยา

“เสี่ยวเยาเยา ลองดูนะว่าจะเอาอะไรวางตรงไหนบ้าง”

“ค่ะ”

มู่เถาเยามองของพวกนั้น หมดคำจะพูด

“พี่เหลียงจี ครั้งหน้าไม่ต้องเอาของพวกนี้มานะคะ ฉันไม่ได้ใช้หรอก”

เธอไม่ใส่พวกเครื่องประดับอัญมณี ยกเว้นปิ่นปักมวยผม

คนที่ไม่ใส่แม้แต่นาฬิกาข้อมือ ยังจะหวังให้เธอใส่เครื่องประดับอีกเหรอ

“คุณเย่ว์บอกว่าให้วางไว้ก่อน ตอนนี้ไม่ใส่ไม่เป็นไร วันหน้าต้องมีโอกาสได้ใช้แน่ อีกทั้งของพวกนี้ก็มีโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้น เห็นบอกว่าจะเก็บไว้เป็นสมบัติติดตัวตอนเธอแต่งงานหลังอายุหกสิบ”

เหลียงจียิ้มกระอักกระอ่วน

หลังอายุหกสิบยังจะแต่งงานได้อีกเหรอ

มู่เถาเยา “…”

เธอไม่เคยคิดจะแต่งงานด้วยซ้ำ แค่อยากได้น้องชายแบบเยี่ยนหัง

“พี่เหลียงจี ลองดูนะว่ามีอันไหนที่พี่ชอบไหม เลือกไปสักสองสามอันสิคะ”

เหลียงจีส่ายมือ “นี่เป็นของขวัญที่ทุกคนให้เสี่ยวเยาเยา พี่รับไว้ไม่ได้หรอก”

“…ก็ได้ค่ะ ไว้ฉันจะหาของที่เหมาะกับพี่ตอนไปเมืองโบราณอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาให้นะคะ พี่มาอยู่ที่นี่ฉันยังไม่เคยให้อะไรเลย”

“พี่มาที่นี่เพื่อทำงานนะเสี่ยวเยาเยา”

“ค่ะ ย้ายของไปไว้ในห้องก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมีเวลาค่อยจัด”

“ได้จ้ะ”

ทั้งสองคนขึ้นลงอยู่หลายรอบเพื่อเอาของขึ้นไปเก็บชั้นบน

ชั้นบนมีห้องที่ไว้สำหรับเก็บข้าวของของมู่เถาเยาโดยเฉพาะ

อารมณ์คล้ายโกดัง

“เสี่ยวเยาเยา ของของเธอในห้องนี้ซื้อเกาะเล็กๆ ที่ร่ำรวยได้เลยนะ!”

มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ค่ะ ฉันเป็นเศรษฐินี”

“อุ๊บ…เศรษฐินี ฉันสวยและรวยมาก…อุ๊บ…ฮ่าๆๆ”

เหลียงจียังเอาศีรษะไปถูไถตรงบ่าของมู่เถาเยา เหมือนเป็นการออดอ้อน

มู่เถาเยา “…”

เหลียงจีหัวเราะอยู่หลายนาทีกว่าจะหยุดได้

“เสี่ยวเยาเยา ตอนนี้เป็นแบบนี้ดีจริงๆ เลยนะ!”

คนตระกูลเย่ว์มีความสุข คนตระกูลเป่ยมีความสุข

หาว่าที่หัวหน้าเผ่าเจอแล้ว พวกเขาต่างก็ดีใจ

“ค่ะ”

เดิมทีเธอไม่ได้คาดหวังเรื่องครอบครัว

เพราะอาหญิง เธอถึงได้ยอมรับพวกเขาอย่างง่ายๆ แต่ก็รู้สึกดีแบบที่คาดไม่ถึง

อาจเพราะพลังแห่งสายเลือด หรืออาจเพราะอาหญิงบอกว่าคนตระกูลเย่ว์คล้ายคนตระกูลเย่ว์ในชาติที่แล้ว เธอก็เลยเข้ากับพวกเขาได้ดีแบบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน ราวกับไม่เคยจากกันไปสิบแปดปี

“เสี่ยวเยาเยา เผ่าหมาป่าพระจันทร์ของพวกเราสามัคคีกันมาตั้งแต่โบราณ ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์นองเลือดแย่งชิงอำนาจ เสี่ยวเยาเยา พี่ว่าเธอต้องชอบบ้านเกิดของพวกเราแน่”

“ค่ะ แน่นอน”

เป็นเพราะอาหญิง ต่อให้เผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่ดี เธอก็ต้องจัดการให้ดีขึ้นมา!

สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้อาหญิง หมดความกังวล มีอิสระ

สองแม่ลูกคิดเหมือนกัน ต่างคำนึงถึงอีกฝ่าย

เหลียงจียิ้ม ใบหน้ามีความสุข

“พวกเราลงกันเถอะค่ะ อาจารย์อาเล็กกับเสี่ยวเหมียนคงใกล้ถึงแล้ว”

“ได้ พี่จะออกไปรับอธิการบดีเจียงกับเสี่ยวเฟิงเมียนให้”

“ฉันจะโทรไปถามให้แน่ใจก่อน”

“จ้ะ”

ทั้งสองคนคุยกันขณะเดินลง

มู่เถาเยาคุยโทรศัพท์เสร็จก็รู้ว่าทั้งสองคนใกล้ถึงเซิ่งซื่อฉางอันแล้ว เหลียงจีจึงขับรถออกไปรับพวกเขาเข้ามา

รถของอาจารย์อาเล็กจำต้องจอดไว้ที่ลานจอดรถสำหรับแขกที่มาเยือน

“พี่เหลียงจีคะ เครื่องบินขับยากไหม”

“ไม่ยาก! ง่ายเหมือนขับรถเลยจ้ะ!”

“หนูว่านักบินเท่มากเลยค่ะ! โดยเฉพาะนักบินหญิง! แต่พี่เหลียงจีสวยขนาดนี้ ไม่เหมือนนักบินหญิงเลยสักนิดค่ะ!”

เหลียงจียิ้มพลางมองสาวน้อยผ่านทางกระจกมองหลัง “งั้นเสี่ยวเหมียนคิดว่าพี่เหมือนคนทำงานอะไรเหรอ”

“เหมือนดาราค่ะ!”

“อุ๊บ…พี่มีบุคลิกเหมือนดาราเหรอ”

“พี่เหลียงจีบุคลิกดีกว่าดาราหญิงหลายคนอีกค่ะ!”

“ไอ๊หยา เสี่ยวเฟิงเหมียนปากหวานจริงๆ เลยนะ!”

เจียงเฟิงเหมียนฉีกยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดเป็นประกาย

อาจารย์อาเล็กแค่ยิ้มไม่พูดอะไร

“เสี่ยวเฟิงเหมียนใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เครียดหรือเปล่า”

“ไม่เลยค่ะ หนูต้องสอบติดวิทยาลัยวิจิตรศิลป์อันดับหนึ่งของประเทศเหยียนหวงแน่นอนค่ะ”

“งั้นพอถึงตอนนั้นก็ต้องใช้ชีวิตที่เมืองหลวงคนเดียวแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูพักในมหา’ลัย ไม่ต้องทำอาหาร”

อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเหมียน พ่อว่าว่างๆ ก็เรียนทำอาหารไว้บ้างนะ เสี่ยวเยาเยายังทำเป็นเลย”

เขาเป็นพ่อใจดี แต่ก็ไม่ตามใจลูกจนเกินไป

เรียนไว้หลายๆ อย่างอีกหน่อยย่อมได้ใช้ประโยชน์

“พ่อคะ งั้นหนูให้พี่เยาเยาสอน”

อาจารย์อาเล็กอึ้ง

“…เสี่ยวเยาเยาทำอาหาร…ก็พอใช้ได้ ลูกเรียนให้ทำได้ระดับเสี่ยวเยาเยาก็พอแล้ว”

อย่างไรเสียก็ไม่ได้จะไปเป็นเชฟมืออาชีพเสียหน่อย และก็ไม่สนับสนุนให้อีกหน่อยลูกสาวเป็นแม่บ้านเต็มตัว ดังนั้นไม่ต้องทำอาหารเก่งมากก็ได้ แค่ให้ทำเป็นก็พอ

เหลียงจียิ้มพลางพูด “เสี่ยวเฟิงเหมียนอยากเรียนทำอาหารพี่สอนได้นะ เสี่ยวเยาเยาชอบกินอาหารฝีมือพี่มากเลยล่ะ!”

“พี่เหลียงจีมีเวลาเหรอคะ”

“มีสิจ๊ะ เวลาเสี่ยวเยาเยาไปเรียนพี่ก็ว่างแล้ว จริงสิ เสี่ยวเยาเยาบอกว่าพอพี่มู่หว่านสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จก็จะมาพักอยู่ด้วยหน่อย รอเสี่ยวเยาเยาปิดเทอมค่อยกลับหมู่บ้านเถาหยวนด้วยกัน พอถึงตอนนั้นพวกเราสามคนก็เที่ยวด้วยกันได้พอดี”

“เอาสิคะเอาสิ”

อาจารย์อาเล็กหมดคำจะพูด

เมื่อกี้ลูกสาวเขายังบอกอยู่ว่าสอบเสร็จจะไปเที่ยว…นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงก็เปลี่ยนใจแล้ว…

คิดไปเรื่อยจริงๆ

“เสี่ยวเหมียน หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จลูกมีเวลาเยอะ ไม่งั้นตามเสี่ยวเยาเยากับเสี่ยวหว่านกลับไปหลบร้อนที่หมู่บ้านเถาหยวนดีไหม”

“เอาสิคะเอา! พ่อคะ พอถึงตอนนั้นพวกเรากลับบ้านพร้อมพี่เยาเยากัน! หนูไม่ได้เจอลุงหยวนนานแล้วด้วย!”

อาจารย์อาเล็กมุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้

“เสี่ยวเหมียน เรียกว่าอาจารย์ลุงดีกว่านะ”

ลูกสาวเขาเรียกลุงหยวน แบบนี้พี่เฉิงคงปั้นหน้าไม่ถูก

เฮ้อ ต้องโทษเขาที่แต่งงานช้า แถมยังลำดับอาวุโสสูงอีก!

“พ่อคะ หนูไม่ได้เรียนแพทย์แผนโบราณสักหน่อย ใช้คำเรียกตามพวกพ่อได้ด้วยเหรอคะ”

“ไม่เป็นไร พ่อก็ไม่ได้เรียนแพทย์แผนโบราณก็ยังเป็นลูกศิษย์เล็กของอาจารย์ลุงของลูกเลย”

เขาล่ะไม่อยากได้ยินเด็กสาวอายุสิบเจ็ดเรียกคนที่วัยใกล้เก้าสิบว่าลุง เรียกคนวัยห้าสิบกว่าว่าพี่เลยจริงๆ…

อาหรานก็เหมือนกัน ทุกครั้งที่ได้ยินเสี่ยวเหมียนเรียกพี่สีหน้าก็จะ…

“ได้ค่ะ งั้นหนูเรียกอาจารย์ลุง”

อาจารย์อาเล็กรีบเตือนลูกสาว “ยังมีศิษย์พี่ใหญ่ด้วย”

“ค่ะๆ” เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้าหงึกๆ

เหลียงจียิ้มถาม “ทำไมเสี่ยวเฟิงเหมียนไม่เรียนหมอล่ะจ๊ะ”

“แค่หนูเห็นตำราแพทย์หนูก็ง่วงแล้วค่ะ เรียนไม่เข้าหัว”

“งั้นทำไมไม่เรียนดนตรีกับหัวหน้ากู่ล่ะ”

“หนูก็ชอบพวกเครื่องดนตรีนะคะ แต่ชอบวาดภาพมากกว่า”

เหลียงจีเข้าใจ

ด้วยสถานะทางสังคมและการตื่นรู้ทางความคิดของอธิการบดีเจียงกับหัวหน้ากู่ ไม่มีทางบังคับให้ลูกต้องสืบทอดอาชีพของตัวเองเหมือนผู้ปกครองคนอื่น

“พี่จำได้ว่าพี่เขยห้าของเสี่ยวเยาเยาเป็นจิตรกรหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ! พี่เขยห้าเก่งมากค่ะ! เขาเป็นไอดอลของหนูเลยนะคะ! แต่หนูวาดภาพสีน้ำมันไม่เก่งเท่าสีน้ำ พี่เยาเยาบอกให้หนูเลือกจดจ่อที่อย่างเดียว หนูก็เลยไม่ได้ไปขอฝากตัวเป็นศิษย์กับพี่เขยห้า”

เหลียงจีพยักหน้าเห็นด้วย “เราพัฒนาในสิ่งที่ถนัดไปให้สุดก่อนค่อยไปพัฒนาด้านอื่นดีกว่าจ้ะ”

“ค่ะพี่เหลียงจี พี่เยาเยาวาดภาพเก่งมากเลย! ก็แค่พี่เยาเยาไม่อยากเอาภาพวาดไปจัดแสดง ไม่อย่างนั้นต้องสั่นสะเทือนไปทั่วโลกแน่!”

“เสี่ยวเยาเยาไม่ชอบโอ้อวด…”

ผู้หญิงทั้งสองคุยกันไม่หยุดจนถึงตำหนักพระจันทร์

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *