อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 47 รักก่อนวัย

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 47 รักก่อนวัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 47 รักก่อนวัย

มู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน และไป๋เฮ่าอวี๋ อยู่ที่ห้องสมุดกันจนถึงเวลาประมาณบ่ายสี่โมงครึ่ง จนกระทั่งพ่อบ้านจงเข้ามาตามพวกเขา บอกว่าน้าเล็กจากตระกูลอวิ๋นมาถึงแล้ว

ไป๋เฮ่าอวี๋กะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!

ความรู้มากมายถูกกรอกเข้ามาในหัวของเขาจนแทบระเบิดแล้ว ในตอนแรกเขาเองก็รู้สึกยินดีอยู่หรอก แต่พอหลังๆ ยิ่งฟังไม่รู้ทำไมตัวเองถึงยิ่งอเนจอนาถใจจนอยากตาย!

เด็กสมัยนี้เก่งกาจมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

เพียงติดตามนายน้อยที่มีพรสวรรค์สะเทือนฟ้าสะเทือนดินคนเดียวก็ถูกทำร้ายจิตใจมากพอแล้ว นี่ยังมีเด็กสาวอัจฉริยะอีกคนที่มีพรสวรรค์ไม่ต่างกันแถมยังอายุน้อยกว่าตั้งหลายปีอีก!

เดิมทีเขาคิดว่าหมอเทวดาน้อยมู่เก่งกาจเพียงด้านการแพทย์เท่านั้น ผลลัพธ์คือ…เขาถูกตบหน้าฉาดใหญ่จนผู้อื่นแทบจำหน้าเขาไม่ได้แล้ว!

ทั้งสองพูดคุยกันตั้งแต่เรื่องวัตถุโบราณไปจนถึงวิศวกรรมโยธา ตั้งแต่เทคโนโลยีเครือข่ายไปจนถึงเทคโนโลยีปรมาณู เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนิวเคลียร์ จากกฎหมายไปจนถึงการดำรงชีวิตของผู้คน…สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่า ‘ฉันมันเป็นไอ้โง่ไม่รู้หนังสือ’ แถมยังรู้สึกเศร้าใจ ละอายใจกับตัวเองอยู่ตั้งนาน!

ว่ากันว่าถ้าเกิดมาขี้เหร่ก็ต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้น พวกคุณสองคนเบ้าหน้าฟ้าประทานขนาดนั้น แถมคนหนึ่งยังน่ารักกระแทกใจ อาศัยแค่หน้าตาก็หากินได้แล้วไหม ทำไมยังต้องทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างการปล้นเส้นทางที่ผู้อื่นซึ่งมีเบ้าหน้าไม่สู้พวกคุณจำเป็นต้องเดินด้วย!

มู่เถาเยามองไปที่ไป๋เฮ่าอวี๋ที่มีสีหน้ายุ่งเหยิงและถามอย่างใจดีว่า “คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”

“อืม หัวใจของฉันมันถูกทำร้ายจนมีบาดแผลนับร้อยล้านแผลแล้ว!”

ตี้อู๋เปียนมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นก็พูดกับมู่เถาเยาว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย เขาคุ้นเคยกับมันมาตั้งนานแล้วล่ะ”

ก็เคยเตือนไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าถ้าเขามาที่ห้องสมุดไม่จำเป็นต้องตามมา แต่ก็ยังรั้นจะตามมาให้ได้!

จะโทษใครได้ล่ะ!

แถมตอนนี้ยังมีหน้ามาทำตัวเรียกความน่าสงสารราวกับว่าเพียงพวกเขาละจากสายตาหมอไป๋ไป เขาก็จะร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างนั้น!

ไม่สบอารมณ์สุดๆ ไปเลย!

ใบหน้าของมู่เถาเยามีแต่เครื่องหมายคำถาม

เธอเข้าไม่ถึงจิตวิทยาที่ซับซ้อนเช่นนี้

ในชีวิตที่แล้ว ก่อนอายุแปดขวบ เธอยังไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก แต่หลังจากอายุแปดขวบ เพราะต้องเผชิญหน้ากับแผนการและกลอุบายตลอดทั้งวัน จิตวิญญาณของเธอจึงตึงเครียดมาก เธอจึงไม่เคยสนใจกับอารมณ์ที่ไม่สำคัญเช่นนั้นเลย…

ในชีวิตนี้ ผู้คนที่เธอได้สัมผัสด้วยตั้งแต่เธอลืมตาดูโลกล้วนเป็นคนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ไม่มีอารมณ์หรือจิตวิทยาที่ซับซ้อนในหมู่ชาวบ้านหมู่บ้านเถาหยวนซาน

คิดสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้นคือลักษณะนิสัยพิเศษของชาวบ้านเหล่านี้

“ไปกันเถอะ ในเมื่อน้าเล็กของฉันมาถึงแล้วเขาต้องนำวัตถุดิบปรุงยามาด้วยแน่ มาดูกันว่าจะมีสมุนไพรตัวใดที่เหมาะสมบ้าง”

“ได้”

ระหว่างทางกลับจากอาคารที่ตั้งของห้องสมุดไปยังอาคารหลัก ตี้อู๋เปียนก็ได้แนะนำน้าเล็กของเขาให้มู่เถาเยาได้รู้จัก

“อสังหาริมทรัพย์ในเขตเซิ่งซื่อฉางอัน ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทส่วนตัวของน้าเล็กของฉัน และไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจเครืออวิ๋นจิง น้าเล็กของฉันชอบทำธุรกิจตั้งแต่เขายังเด็ก และทรัพย์สินของเขาเพียงอย่างเดียวก็มีมากกว่าทรัพย์สินของตระกูลอวิ๋นทั้งหมด…”

เนื่องจากหมู่บ้านเถาหยวนซานทำธุรกิจ มู่เถาเยาจึงรู้ว่าตระกูลอวิ๋นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และธงของตระกูลอวิ๋นก็ครอบคลุมถึงทุกสาขาอาชีพ

ครั้งหนึ่งเธอยังเคยคิดที่จะร่วมมือกับตระกูลอวิ๋น แต่ผู้จัดการของบริษัทสาขาเครืออวิ๋นจิงที่ตั้งอยู่ที่เมืองเฟิงตูดูถูกผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

ก็ใช่ ผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลย่อมถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณภาพของพวกมัน

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจระดับนี้มักให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า

นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ เธอเข้าใจและยอมรับได้

ต่อมาเธอก็พบกับตระกูลเสิ่น

เพราะสินค้าดีจริง กระแสปากต่อปากจึงค่อยๆ สะสม และตัวแทนการขายย่อมมาหาถึงที่หน้าประตูโดยอัตโนมัติ

หลังจากที่ตี้อู๋เปียนแนะนำน้าเล็กของเขาให้มู่เถาเยารู้จักแล้ว เขาก็แนะนำตระกูลอวิ๋นต่อ

มู่เถาเยารู้จักตระกูลอวิ๋นดี แต่เธอก็ไม่ได้ขัดจังหวะคำพูดของตี้อู๋เปียน

“ซาลาเปาน้อย ฉันลองใช้ผลิตภัณฑ์เซินหัว จากหมู่บ้านของเธอแล้วนะ รู้สึกดีทีเดียว แต่ฉันตรวจสอบดูแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ร้อนแรงและขายดีที่สุดของเธอไม่ใช่ผลิตภัณฑ์อาบน้ำเซินหัว และก็ไม่ใช่ไม้จันทน์ ไม้กฤษณา เป็ดไก่ ปลา ผลไม้ หรือผักพวกนั้น แต่เป็นเหล้า แถมยังเป็นเหล้าดองงูและเหล้าดองยาประเภทนั้นด้วย!”

“อืม พวกเราอาศัยอยู่บนภูเขาหากินกับภูเขา ยกเว้นการตัดไม้ทำลายป่าและการล่าสัตว์ โดยพื้นฐานแล้วทุกอย่างในภูเขาสามารถนำมาสร้างรายได้ได้”

“ผู้อาวุโสหยวนคงไม่ได้สอนเธอทำธุรกิจแน่ๆ ใครกันที่สอนเด็กสาวตัวเล็กๆ ให้หลงใหลในกลิ่นของเงินขนาดนี้ คงไม่ใช่ปรมาจารย์อีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านใช่ไหม”

สิ่งที่เขาพูดไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นเธอ แต่เด็กสาวอายุสิบแปดปีคนหนึ่ง สมควรทำในสิ่งที่เหมาะกับช่วงอายุของเธอมากกว่า

ยกตัวอย่างเช่น การแอบมีความรักก่อนวัยหรืออะไรทำนองนั้น…

“เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ใครสอนอีกเหรอ ชีวิตคนเราแยกจากเงินไม่ได้ ถ้าอยากได้เงินก็ต้องหาวิธีหาเงิน ฉันฉลาดมาก ไม่ใช่เรื่องยากที่จะประยุกต์ใช้ความรู้ในหัวเพื่อหาเงิน”

ตี้อู๋เปียนพยักหน้าหงึกหงัก

ไม่เลวๆ ! ตื่นตัวและเข้าใจในวิถีของโลก! เป็นคนในเส้นทางเดียวกัน!

การหาเงินไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ แถมยังสนุกและน่าสนใจมาก!

ไป๋เฮ่าอวี๋ “…”

พวกคุณถ่อมตัวกว่านี้หน่อยได้ไหม! คิดว่าตัวเองฉลาดแล้วจะสามารถทำร้ายจิตใจคนอื่นซ้ำๆ แบบนี้ได้เหรอ อะไรเรียกว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเงิน พวกคุณจะให้คนจนๆ อย่างเขาคิดยังไง!

“ซาลาเปาน้อย เหล้าดองงูวิเศษจริงเหรอ มันสามารถรักษาโรคได้มากมายขนาดนั้นเชียว การจับงูพิษและการรีดพิษเป็นงานที่อันตรายด้วยกันทั้งคู่ คนในหมู่บ้านเธอทำเองหมดเลยเหรอ”

“อืม ฉันมียาสำหรับป้องกันการถูกงูกัด แถมยังล้างพิษงูได้ทุกชนิดด้วย”

“โอ้ ถ้าอย่างนั้นเหล้าของเธอเหมาะที่จะให้ฉันดื่มไหม”

“ไม่เหมาะค่ะ ร่างกายของคุณอ่อนแอเกินไปที่จะรับพลังของยา แม้แต่ไวน์ผลไม้ขั้นพื้นฐานของเราที่มีฤทธิ์เบาช่วยบำรุงและเสริมความงาม คุณก็ยังไม่สามารถดื่มได้”

ตี้อู๋เปียน “…”

เขาไม่ควรถามเลย! ถามไปก็มีแต่จะนำความอัปยศอดสูมาให้ตัวเอง!

“หมอเทวดาน้อย คนที่ไม่ป่วยสามารถดื่มได้ไหมครับ” ไป๋เฮ่าอวี๋ใบหน้าฉายรอยยิ้มประจบสอพลอ

เขาไม่ชอบดื่มเหล้า แต่สรรพคุณของเหล้าดึงดูดความสนใจของเขาอย่างมาก

“ได้ค่ะ มันเป็นเหล้าไม่ใช่ยา แต่อย่าได้หักโหมเกินไป” เหล้าทุกชนิดล้วนควรดื่มแต่พอดีไม่ควรให้เกินขนาด

“อื้มๆ ผมจะหาซื้อมันจากที่ไหนได้บ้างครับ”

“ที่เมืองเย่ว์ตูก็มีค่ะ บนถนนหนานวานมีโรงกลั่นเหล้าเถาหยวนของพวกเราอยู่”

เนื่องจากเมืองเย่ว์ตูเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของทั้งโลก มีทั้งแพทย์และนักศึกษาแพทย์จำนวนมาก ดังนั้นจึงย่อมมีผู้คนที่รู้จักคุณค่าของสินค้านี้มากกว่าที่อื่น

“โอ้ ผมไม่เห็นเคยรู้เลย!” ดูท่าการเอาแต่ปิดประตูต่อรถ[1]จะใช้การไม่ได้จริงๆ !

รถที่ผุพังอย่างนายน้อยยังไม่ทันได้ต่อเสร็จ ตัวเองก็กลายเป็นตาแก่หงำเหงือกที่คนอื่นๆ ทอดทิ้งและเมินเฉยไปแล้ว

ไป๋เฮ่าอวี๋สะกิดดอกฉยงฮวาในอ้อมแขนของเขาอย่างรู้สึกแย่

ถ้าดอกฉยงฮวามีปาก มันจะกัดนิ้วของเขาอย่างแน่นอน!

ข้าไปทำอะไรให้เจ้า อาศัยอะไรมาระบายอารมณ์ใส่ข้า!

ตัวเองตกยุคแล้วยังไม่รู้จักสำนึกและทบทวนตัวเองให้ดี ยังกล้ามาระบายอารมณ์ใส่ดอกไม้อย่างข้าอีก

เจ้ามันสมควรโดนเมินแล้ว ฮึ่มๆๆ !

ขณะที่ดอกฉยงฮวาโกรธจัดจนแทบอยากเขย่าร่างกายของมันไปมา ทั้งสามคนก็มาถึงอาคารหลัก ยังไม่ทันที่เท้าของพวกเขาจะก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังส่งมา

“น้าเล็ก”

“อู๋เปียน” น้าเล็กของตระกูลอวิ๋นลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับอุ้มตี้อันเหยี่ยไว้ในอ้อมแขน และเดินเข้ามาหาพวกเขา

“อู๋เปียน เธอดู…แตกต่างออกไปนิดหน่อยหรือเปล่า”

มันอาจเห็นได้ไม่ชัดเจนสำหรับคนที่พบเจอหน้ากันทุกวัน แต่สำหรับน้าเล็กตระกูลอวิ๋นที่ไม่ได้เจอหลานชายของเขามาเป็นเวลาสองเดือนแล้ว เขารู้สึกได้เลยว่าอีกฝ่ายแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า

เขาเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรง ดังนั้นย่อมรู้ดีถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเอง

“คนนี้คงเป็นลูกศิษย์คนเล็กของหมอเทวดาหยวนสินะ ยังเด็กมากจริงๆ นะเนี่ย!”

น้าเล็กตระกูลอวิ๋นมองไปที่มู่เถาเยาซึ่งกำลังกอดหนังสือสองสามเล่มอยู่ข้างๆ ตี้อู๋เปียนด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดในสายตาของเขา

แม้จะรู้อายุของเธออยู่ก่อนคร่าวๆ แล้ว แต่พอได้มาเห็นกับตาจริงๆ เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจตั้งแต่แรกเห็น!

คนธรรมดาที่ไหนจะกล้าเชิญเด็กสาวที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะเช่นนี้มารักษาโรค

อย่างไรก็ตาม หากตระกูลตี้เชื่อ เขาย่อมไม่สงสัย ดังนั้นเขาจึงหัวเราะหลังจากที่ตกใจอย่างหนัก

“สวัสดีหมอเทวดาน้อย ฉันชื่ออวิ๋นไป๋ เป็นน้าเล็กของตี้อู๋เปียนคนไข้ของเธอ”

ตี้อู๋เปียน “…”

แค่แนะนำชื่อตี้อู๋เปียนก็พอแล้วไหม ทำไมถึงต้องเพิ่มคำขยายที่ไม่พึงประสงค์เข้าไปด้วย!

“สวัสดีค่ะ คุณอวิ๋น”

อวิ๋นไป๋ยิ้มและพูดว่า “หมอเทวดาน้อย เธอเองก็เรียกฉันว่าน้าเล็กเถอะ ขอฉันได้หน้าด้านสานสัมพันธ์กับหมอเทวดาน้อยสักหน่อย”

มู่เถาเยาตกตะลึง

ดวงตากวางมองไปที่ตี้อู๋เปียนโดยไม่รู้ตัว ชายร่างสูงหุ่นนายแบบที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพเทวดา นี่น่ะเหรอพ่อค้าหน้าเลือดที่แสวงหาแต่ผลกำไรที่ตี้อู๋เปียนพยายามอธิบายให้เธอฟัง

น้าเล็กตระกูลอวิ๋นดูเป็นคนสดใสและซื่อตรงมาก! เขาเป็นประเภทที่เปิดเผยตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น!

เขาใช่คนเดียวกันกับพ่อค้าหน้าเลือดที่รู้จักแต่หาผลประโยชน์ตามที่ตี้อู๋เปียนบรรยายไว้จริงๆ หรือ ?

ตี้อู๋เปียนมีความสุขเล็กน้อย

เพราะน้าเล็กมีเงินมากกว่าเขา ดังนั้นหากเขาไม่ป้ายสีสร้างประวัติดำมืดให้อีกฝ่ายสักหน่อย จิตใจเขาคงรู้สึกไม่สงบ

สีหน้าของซาลาเปาน้อยเฉยเมยมาโดยตลอด ไม่เหมือนเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปเลย ตอนนี้พอได้เห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นออกมาผ่านทางสีหน้าโดยตรง มันก็คุ้มค่าแล้ว!

ฮ่าๆๆ เขาคิดว่าครั้งหน้าเขาสามารถเปลี่ยนไปทำลายชื่อเสียงของคนอื่นได้!

[1] ปิดประตูต่อรถ หมายถึง ทำงานโดยไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 47 รักก่อนวัย

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 47 รักก่อนวัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 47 รักก่อนวัย

มู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน และไป๋เฮ่าอวี๋ อยู่ที่ห้องสมุดกันจนถึงเวลาประมาณบ่ายสี่โมงครึ่ง จนกระทั่งพ่อบ้านจงเข้ามาตามพวกเขา บอกว่าน้าเล็กจากตระกูลอวิ๋นมาถึงแล้ว

ไป๋เฮ่าอวี๋กะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!

ความรู้มากมายถูกกรอกเข้ามาในหัวของเขาจนแทบระเบิดแล้ว ในตอนแรกเขาเองก็รู้สึกยินดีอยู่หรอก แต่พอหลังๆ ยิ่งฟังไม่รู้ทำไมตัวเองถึงยิ่งอเนจอนาถใจจนอยากตาย!

เด็กสมัยนี้เก่งกาจมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

เพียงติดตามนายน้อยที่มีพรสวรรค์สะเทือนฟ้าสะเทือนดินคนเดียวก็ถูกทำร้ายจิตใจมากพอแล้ว นี่ยังมีเด็กสาวอัจฉริยะอีกคนที่มีพรสวรรค์ไม่ต่างกันแถมยังอายุน้อยกว่าตั้งหลายปีอีก!

เดิมทีเขาคิดว่าหมอเทวดาน้อยมู่เก่งกาจเพียงด้านการแพทย์เท่านั้น ผลลัพธ์คือ…เขาถูกตบหน้าฉาดใหญ่จนผู้อื่นแทบจำหน้าเขาไม่ได้แล้ว!

ทั้งสองพูดคุยกันตั้งแต่เรื่องวัตถุโบราณไปจนถึงวิศวกรรมโยธา ตั้งแต่เทคโนโลยีเครือข่ายไปจนถึงเทคโนโลยีปรมาณู เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนิวเคลียร์ จากกฎหมายไปจนถึงการดำรงชีวิตของผู้คน…สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่า ‘ฉันมันเป็นไอ้โง่ไม่รู้หนังสือ’ แถมยังรู้สึกเศร้าใจ ละอายใจกับตัวเองอยู่ตั้งนาน!

ว่ากันว่าถ้าเกิดมาขี้เหร่ก็ต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้น พวกคุณสองคนเบ้าหน้าฟ้าประทานขนาดนั้น แถมคนหนึ่งยังน่ารักกระแทกใจ อาศัยแค่หน้าตาก็หากินได้แล้วไหม ทำไมยังต้องทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างการปล้นเส้นทางที่ผู้อื่นซึ่งมีเบ้าหน้าไม่สู้พวกคุณจำเป็นต้องเดินด้วย!

มู่เถาเยามองไปที่ไป๋เฮ่าอวี๋ที่มีสีหน้ายุ่งเหยิงและถามอย่างใจดีว่า “คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”

“อืม หัวใจของฉันมันถูกทำร้ายจนมีบาดแผลนับร้อยล้านแผลแล้ว!”

ตี้อู๋เปียนมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นก็พูดกับมู่เถาเยาว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย เขาคุ้นเคยกับมันมาตั้งนานแล้วล่ะ”

ก็เคยเตือนไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าถ้าเขามาที่ห้องสมุดไม่จำเป็นต้องตามมา แต่ก็ยังรั้นจะตามมาให้ได้!

จะโทษใครได้ล่ะ!

แถมตอนนี้ยังมีหน้ามาทำตัวเรียกความน่าสงสารราวกับว่าเพียงพวกเขาละจากสายตาหมอไป๋ไป เขาก็จะร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างนั้น!

ไม่สบอารมณ์สุดๆ ไปเลย!

ใบหน้าของมู่เถาเยามีแต่เครื่องหมายคำถาม

เธอเข้าไม่ถึงจิตวิทยาที่ซับซ้อนเช่นนี้

ในชีวิตที่แล้ว ก่อนอายุแปดขวบ เธอยังไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก แต่หลังจากอายุแปดขวบ เพราะต้องเผชิญหน้ากับแผนการและกลอุบายตลอดทั้งวัน จิตวิญญาณของเธอจึงตึงเครียดมาก เธอจึงไม่เคยสนใจกับอารมณ์ที่ไม่สำคัญเช่นนั้นเลย…

ในชีวิตนี้ ผู้คนที่เธอได้สัมผัสด้วยตั้งแต่เธอลืมตาดูโลกล้วนเป็นคนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ไม่มีอารมณ์หรือจิตวิทยาที่ซับซ้อนในหมู่ชาวบ้านหมู่บ้านเถาหยวนซาน

คิดสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้นคือลักษณะนิสัยพิเศษของชาวบ้านเหล่านี้

“ไปกันเถอะ ในเมื่อน้าเล็กของฉันมาถึงแล้วเขาต้องนำวัตถุดิบปรุงยามาด้วยแน่ มาดูกันว่าจะมีสมุนไพรตัวใดที่เหมาะสมบ้าง”

“ได้”

ระหว่างทางกลับจากอาคารที่ตั้งของห้องสมุดไปยังอาคารหลัก ตี้อู๋เปียนก็ได้แนะนำน้าเล็กของเขาให้มู่เถาเยาได้รู้จัก

“อสังหาริมทรัพย์ในเขตเซิ่งซื่อฉางอัน ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทส่วนตัวของน้าเล็กของฉัน และไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจเครืออวิ๋นจิง น้าเล็กของฉันชอบทำธุรกิจตั้งแต่เขายังเด็ก และทรัพย์สินของเขาเพียงอย่างเดียวก็มีมากกว่าทรัพย์สินของตระกูลอวิ๋นทั้งหมด…”

เนื่องจากหมู่บ้านเถาหยวนซานทำธุรกิจ มู่เถาเยาจึงรู้ว่าตระกูลอวิ๋นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และธงของตระกูลอวิ๋นก็ครอบคลุมถึงทุกสาขาอาชีพ

ครั้งหนึ่งเธอยังเคยคิดที่จะร่วมมือกับตระกูลอวิ๋น แต่ผู้จัดการของบริษัทสาขาเครืออวิ๋นจิงที่ตั้งอยู่ที่เมืองเฟิงตูดูถูกผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

ก็ใช่ ผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลย่อมถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณภาพของพวกมัน

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจระดับนี้มักให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า

นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ เธอเข้าใจและยอมรับได้

ต่อมาเธอก็พบกับตระกูลเสิ่น

เพราะสินค้าดีจริง กระแสปากต่อปากจึงค่อยๆ สะสม และตัวแทนการขายย่อมมาหาถึงที่หน้าประตูโดยอัตโนมัติ

หลังจากที่ตี้อู๋เปียนแนะนำน้าเล็กของเขาให้มู่เถาเยารู้จักแล้ว เขาก็แนะนำตระกูลอวิ๋นต่อ

มู่เถาเยารู้จักตระกูลอวิ๋นดี แต่เธอก็ไม่ได้ขัดจังหวะคำพูดของตี้อู๋เปียน

“ซาลาเปาน้อย ฉันลองใช้ผลิตภัณฑ์เซินหัว จากหมู่บ้านของเธอแล้วนะ รู้สึกดีทีเดียว แต่ฉันตรวจสอบดูแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ร้อนแรงและขายดีที่สุดของเธอไม่ใช่ผลิตภัณฑ์อาบน้ำเซินหัว และก็ไม่ใช่ไม้จันทน์ ไม้กฤษณา เป็ดไก่ ปลา ผลไม้ หรือผักพวกนั้น แต่เป็นเหล้า แถมยังเป็นเหล้าดองงูและเหล้าดองยาประเภทนั้นด้วย!”

“อืม พวกเราอาศัยอยู่บนภูเขาหากินกับภูเขา ยกเว้นการตัดไม้ทำลายป่าและการล่าสัตว์ โดยพื้นฐานแล้วทุกอย่างในภูเขาสามารถนำมาสร้างรายได้ได้”

“ผู้อาวุโสหยวนคงไม่ได้สอนเธอทำธุรกิจแน่ๆ ใครกันที่สอนเด็กสาวตัวเล็กๆ ให้หลงใหลในกลิ่นของเงินขนาดนี้ คงไม่ใช่ปรมาจารย์อีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านใช่ไหม”

สิ่งที่เขาพูดไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นเธอ แต่เด็กสาวอายุสิบแปดปีคนหนึ่ง สมควรทำในสิ่งที่เหมาะกับช่วงอายุของเธอมากกว่า

ยกตัวอย่างเช่น การแอบมีความรักก่อนวัยหรืออะไรทำนองนั้น…

“เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ใครสอนอีกเหรอ ชีวิตคนเราแยกจากเงินไม่ได้ ถ้าอยากได้เงินก็ต้องหาวิธีหาเงิน ฉันฉลาดมาก ไม่ใช่เรื่องยากที่จะประยุกต์ใช้ความรู้ในหัวเพื่อหาเงิน”

ตี้อู๋เปียนพยักหน้าหงึกหงัก

ไม่เลวๆ ! ตื่นตัวและเข้าใจในวิถีของโลก! เป็นคนในเส้นทางเดียวกัน!

การหาเงินไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ แถมยังสนุกและน่าสนใจมาก!

ไป๋เฮ่าอวี๋ “…”

พวกคุณถ่อมตัวกว่านี้หน่อยได้ไหม! คิดว่าตัวเองฉลาดแล้วจะสามารถทำร้ายจิตใจคนอื่นซ้ำๆ แบบนี้ได้เหรอ อะไรเรียกว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเงิน พวกคุณจะให้คนจนๆ อย่างเขาคิดยังไง!

“ซาลาเปาน้อย เหล้าดองงูวิเศษจริงเหรอ มันสามารถรักษาโรคได้มากมายขนาดนั้นเชียว การจับงูพิษและการรีดพิษเป็นงานที่อันตรายด้วยกันทั้งคู่ คนในหมู่บ้านเธอทำเองหมดเลยเหรอ”

“อืม ฉันมียาสำหรับป้องกันการถูกงูกัด แถมยังล้างพิษงูได้ทุกชนิดด้วย”

“โอ้ ถ้าอย่างนั้นเหล้าของเธอเหมาะที่จะให้ฉันดื่มไหม”

“ไม่เหมาะค่ะ ร่างกายของคุณอ่อนแอเกินไปที่จะรับพลังของยา แม้แต่ไวน์ผลไม้ขั้นพื้นฐานของเราที่มีฤทธิ์เบาช่วยบำรุงและเสริมความงาม คุณก็ยังไม่สามารถดื่มได้”

ตี้อู๋เปียน “…”

เขาไม่ควรถามเลย! ถามไปก็มีแต่จะนำความอัปยศอดสูมาให้ตัวเอง!

“หมอเทวดาน้อย คนที่ไม่ป่วยสามารถดื่มได้ไหมครับ” ไป๋เฮ่าอวี๋ใบหน้าฉายรอยยิ้มประจบสอพลอ

เขาไม่ชอบดื่มเหล้า แต่สรรพคุณของเหล้าดึงดูดความสนใจของเขาอย่างมาก

“ได้ค่ะ มันเป็นเหล้าไม่ใช่ยา แต่อย่าได้หักโหมเกินไป” เหล้าทุกชนิดล้วนควรดื่มแต่พอดีไม่ควรให้เกินขนาด

“อื้มๆ ผมจะหาซื้อมันจากที่ไหนได้บ้างครับ”

“ที่เมืองเย่ว์ตูก็มีค่ะ บนถนนหนานวานมีโรงกลั่นเหล้าเถาหยวนของพวกเราอยู่”

เนื่องจากเมืองเย่ว์ตูเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของทั้งโลก มีทั้งแพทย์และนักศึกษาแพทย์จำนวนมาก ดังนั้นจึงย่อมมีผู้คนที่รู้จักคุณค่าของสินค้านี้มากกว่าที่อื่น

“โอ้ ผมไม่เห็นเคยรู้เลย!” ดูท่าการเอาแต่ปิดประตูต่อรถ[1]จะใช้การไม่ได้จริงๆ !

รถที่ผุพังอย่างนายน้อยยังไม่ทันได้ต่อเสร็จ ตัวเองก็กลายเป็นตาแก่หงำเหงือกที่คนอื่นๆ ทอดทิ้งและเมินเฉยไปแล้ว

ไป๋เฮ่าอวี๋สะกิดดอกฉยงฮวาในอ้อมแขนของเขาอย่างรู้สึกแย่

ถ้าดอกฉยงฮวามีปาก มันจะกัดนิ้วของเขาอย่างแน่นอน!

ข้าไปทำอะไรให้เจ้า อาศัยอะไรมาระบายอารมณ์ใส่ข้า!

ตัวเองตกยุคแล้วยังไม่รู้จักสำนึกและทบทวนตัวเองให้ดี ยังกล้ามาระบายอารมณ์ใส่ดอกไม้อย่างข้าอีก

เจ้ามันสมควรโดนเมินแล้ว ฮึ่มๆๆ !

ขณะที่ดอกฉยงฮวาโกรธจัดจนแทบอยากเขย่าร่างกายของมันไปมา ทั้งสามคนก็มาถึงอาคารหลัก ยังไม่ทันที่เท้าของพวกเขาจะก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังส่งมา

“น้าเล็ก”

“อู๋เปียน” น้าเล็กของตระกูลอวิ๋นลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับอุ้มตี้อันเหยี่ยไว้ในอ้อมแขน และเดินเข้ามาหาพวกเขา

“อู๋เปียน เธอดู…แตกต่างออกไปนิดหน่อยหรือเปล่า”

มันอาจเห็นได้ไม่ชัดเจนสำหรับคนที่พบเจอหน้ากันทุกวัน แต่สำหรับน้าเล็กตระกูลอวิ๋นที่ไม่ได้เจอหลานชายของเขามาเป็นเวลาสองเดือนแล้ว เขารู้สึกได้เลยว่าอีกฝ่ายแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า

เขาเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรง ดังนั้นย่อมรู้ดีถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเอง

“คนนี้คงเป็นลูกศิษย์คนเล็กของหมอเทวดาหยวนสินะ ยังเด็กมากจริงๆ นะเนี่ย!”

น้าเล็กตระกูลอวิ๋นมองไปที่มู่เถาเยาซึ่งกำลังกอดหนังสือสองสามเล่มอยู่ข้างๆ ตี้อู๋เปียนด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดในสายตาของเขา

แม้จะรู้อายุของเธออยู่ก่อนคร่าวๆ แล้ว แต่พอได้มาเห็นกับตาจริงๆ เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจตั้งแต่แรกเห็น!

คนธรรมดาที่ไหนจะกล้าเชิญเด็กสาวที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะเช่นนี้มารักษาโรค

อย่างไรก็ตาม หากตระกูลตี้เชื่อ เขาย่อมไม่สงสัย ดังนั้นเขาจึงหัวเราะหลังจากที่ตกใจอย่างหนัก

“สวัสดีหมอเทวดาน้อย ฉันชื่ออวิ๋นไป๋ เป็นน้าเล็กของตี้อู๋เปียนคนไข้ของเธอ”

ตี้อู๋เปียน “…”

แค่แนะนำชื่อตี้อู๋เปียนก็พอแล้วไหม ทำไมถึงต้องเพิ่มคำขยายที่ไม่พึงประสงค์เข้าไปด้วย!

“สวัสดีค่ะ คุณอวิ๋น”

อวิ๋นไป๋ยิ้มและพูดว่า “หมอเทวดาน้อย เธอเองก็เรียกฉันว่าน้าเล็กเถอะ ขอฉันได้หน้าด้านสานสัมพันธ์กับหมอเทวดาน้อยสักหน่อย”

มู่เถาเยาตกตะลึง

ดวงตากวางมองไปที่ตี้อู๋เปียนโดยไม่รู้ตัว ชายร่างสูงหุ่นนายแบบที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพเทวดา นี่น่ะเหรอพ่อค้าหน้าเลือดที่แสวงหาแต่ผลกำไรที่ตี้อู๋เปียนพยายามอธิบายให้เธอฟัง

น้าเล็กตระกูลอวิ๋นดูเป็นคนสดใสและซื่อตรงมาก! เขาเป็นประเภทที่เปิดเผยตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น!

เขาใช่คนเดียวกันกับพ่อค้าหน้าเลือดที่รู้จักแต่หาผลประโยชน์ตามที่ตี้อู๋เปียนบรรยายไว้จริงๆ หรือ ?

ตี้อู๋เปียนมีความสุขเล็กน้อย

เพราะน้าเล็กมีเงินมากกว่าเขา ดังนั้นหากเขาไม่ป้ายสีสร้างประวัติดำมืดให้อีกฝ่ายสักหน่อย จิตใจเขาคงรู้สึกไม่สงบ

สีหน้าของซาลาเปาน้อยเฉยเมยมาโดยตลอด ไม่เหมือนเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปเลย ตอนนี้พอได้เห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นออกมาผ่านทางสีหน้าโดยตรง มันก็คุ้มค่าแล้ว!

ฮ่าๆๆ เขาคิดว่าครั้งหน้าเขาสามารถเปลี่ยนไปทำลายชื่อเสียงของคนอื่นได้!

[1] ปิดประตูต่อรถ หมายถึง ทำงานโดยไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+