เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้าบทที่ 1845 กลับตำหนัก

Now you are reading เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า Chapter บทที่ 1845 กลับตำหนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1845 กลับตำหนัก

ท่านกลางฝูงชน ขบวนรถม้ามังกรบินปรากฏขึ้น รายล้อมตามผู้คุมกันชุดเกราะหนาหลายสิบคน

หนานกงสิงบินลงจากรถม้าอย่างช้าๆ มองดูลู่ฝานด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า“ลู่…….สหายเงามืด นายกลับมาสักที!”

ดวงตาของหนานกงสิงเปล่งประกายสดใส และใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ลู่ฝานจ้องมองหนานกงสิงตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า: “ไม่เจอกันหนึ่งปีกว่า นายอ้วนขึ้นนะ!”

หนานกงสิงตอบกลับว่า: “กินเยอะ ก็ต้องอ้วนอยู่แล้ว ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปกัน”

หนานกงสิงดึงลู่ฝานกำลังที่จะขึ้นรถม้า ในเวลานี้ลู่ฝานก็พูดกับผู้คุมกันของหนานกงสิงว่า: “ไป เชิญแม่หญิงฮ่วนเย่ว์ และแม่หญิงเสี่ยวหยุนทางนั้นมานี่”

หนานกงสิพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “แม่หญิงเหรอ? นายพาผู้หญิงมาด้วยเหรอ? ให้ฉันดูสิ”

ลู่ฝานมองดูดวงตาของหนานกงสิงเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าผู้หญิง ก็นึกถึงตอนที่หนานกงสิกลายเป็นโครงกระดูกในตอนนั้น

ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ในไม่ช้าฮ่วนเย่ว์กับเสี่ยวหยุนก็ถูกพาเข้ามา

เมื่อพวกเธอเห็นรถม้าของหนานกงสิง สีหน้าก็แปลกใจเล็กน้อย

ลู่ฝานพูดว่า: “คนกันเอง ไม่ต้องกลัว”

ทุกคนบินขึ้นไปบนรถม้า และผู้คุมกันเมืองด้านนอกก็จ้องหน้ากัน ไม่กล้าพูดอะไร

ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนหัวหน้าผู้คุมกัน ก้าวไปข้างหน้า และพูดกับผู้คุมกันเกราะหนาที่อยู่หน้ารถม้าเบาๆว่า: “พวกนายก็พาตัวพวกเขาไปแบบนี้เหรอ? ไม่ค่อยดีมั้ง เขาเพิ่งจะทำลายโรงน้ำชาทั้งหมด แถมยังฆ่าผู้คนไปมากมายอีกด้วย”

ผู้คุมกันเกราะหนาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า: “แค่โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ไม่กี่ชีวิต คู่ควรที่จะเอ่ยถึงเหรอ? แกรู้มั้ยว่าคนที่พวกแกจะจับเป็นใคร? ไอ้ปัญญาอ่อน ทำความสะอาดกันเอง รายงานค่าเสียหายทั้งหมดขึ้นไปได้ มีคนจะชดเชยให้อยู่แล้ว ส่วนคนที่ตายไป ฉันเตือนแกอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านดีกว่า เรื่องราวของด้านบน ไม่ใช่ว่าพวกแกจะเข้ามายุ่งได้”

หัวหน้าผู้คุมกันตอบรับซ้ำๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก

รถม้ามังกรบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และบินไปในทิศทางของพระราชวัง

ในรถม้า ทุกอย่างโอ่อ่าตระการตา

สูงสามชั้น และกว้างหนึ่งร้อยฟุต นี่ใช่รถม้าที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องปีก

ผ้าม่านทำจากผ้าไหมสีทอง พื้นปูด้วยหินคริสตัล โต๊ะเก้าอี้และเตียง ของหวานทุกชนิด ม่านแสงห้าธาตุ และของใช้เพื่อความเพลิดเพลิน ครบครัน

มองจากข้างนอก รถม้าไม่ได้ใหญ่ และมโหฬารขนาดนี้

นี่หมายความว่า ห้องรถม้านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังแห่งอวกาศที่คล้ายกับจวนอากาศธาตุ

“เชิญนั่งตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ”

หนานกงสิงพูดด้วยรอยยิ้ม

ฮ่วนเย่ว์กับเสี่ยวหยุนมองดูสิ่งของรอบๆ ชี้ไปที่รูปแบบด้านบนแล้วพูดว่า: “นายก็คือองค์ชายของประเทศฉิงเทียนเหรอ?”

หนานกงสิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “นามสกุลของฉันคือหนานกง เธอคิดว่าไง? คุณหนูฮ่วนเย่ว์ เธอนามสกุลอะไร? เป็นคนในประเทศฉิงเทียนของฉันเหรอ?”

ฮ่วนเย่ว์ส่ายหัวพูดว่า: “ฉันยังไม่มีนามสกุล”

เมื่อลู่ฝานได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า: “ไม่มีนามสกุลเหรอ? ทำไม?”

หนานกงสิงเหมือนจะคิดอะไรออก และพูดว่า: “เธอเป็นคนของหอฝึกสัตว์สินะ”

ฮ่วนเย่ว์พยักหน้าเบาๆ ลู่ฝานมองไปที่หนานกงสิงอย่างงงงวย

หนานกงสิงหัวเราะเบาๆตอบว่า: “ในหอฝึกสัตว์ มีแค่ลูกหลานที่ทำประโยชน์ให้กับตระกูลเท่านั้น ถึงจะได้รับนามสกุลของตระกูล หลี! คนอื่นๆที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีนามสกุล พวกเขาก็ไม่มีทางใช้นามสกุลอื่น มีแค่หลุดพ้นจากหอฝึกสัตว์เหล่านั้น หรือว่าคนที่ไม่มีความหวังที่จะทำประโยชน์ให้กับตระกูล ถึงจะเปลี่ยนนามสกุลของตัวเอง”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า: “หลีฮ่วนเย่ว์ เป็นชื่อที่ดี”

เสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆฮ่วนเย่ว์มองไปที่หนานกงสิงด้วยดวงตาที่ลุกโชนแล้วพูดว่า: “นายเป็นองค์ชายคนไหนของประเทศฉิงเทียนเหรอ?”

หนานกงสิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “องค์ชายใหญ่”

เสี่ยวหยุนปิดปากทันที และพูดด้วยใบหน้าแปลกใจว่า: “องค์ชายใหญ่ ก็คือคนที่เป็นลูกล้าง…….”

คำพูดต่อมา เสี่ยวหยุนไม่ได้พูดออกมาอย่างชาญฉลาดมาก

หนานกงสิงพูดแทนเธอ: “องค์ชายคนที่ทำให้ครอบครัวล่มจมเหรอ? เอาล่ะ ฉายาของฉันเอง ฉันรู้ดี ลู่……สหายเงามืด หนึ่งปีนี้นายไปอยู่ไหนมา?”

ลู่ฝานพูดว่า: “เรียกฉันว่าลู่ฝานดีกว่า ฉันลงไปแช่ในสระ นอนเลยเวลาไป”

หนานกงสิงพูดอย่างสงสัย: “เวลาหนึ่งปีกว่า นายแน่ใจว่าสระที่นายแช่ ไม่ใช่ผู้หญิง?”

หลังจากที่พูดจบ หนานกงสิงหันหน้ามองไปที่ฮ่วนเย่ว์แวบหนึ่ง

สิ่งที่น่าแปลก ฮ่วนเย่ว์เหมือนกับไม่ได้ยิน และไม่ได้ขาดสติ

ลู่ฝานรีบพูดว่า: “พูดจาเหลวไหลอะไร ทางนายเป็นยังไงบ้าง? ดูนายอ้วนขึ้นแบบนี้ หนึ่งปีนี้สบายมากเลยนะ!”

หนานกงสิงพูดว่า: “สบายนิดหน่อย สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง กลับไป ฉันจะบอกกับนาย”

จากนั้น หนานกงสิงก็มองดูฮ่วนเย่ว์กับเสี่ยวหยุนแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างระมัดระวังต่อสองคนนี้

ลู่ฝานพูดว่า: “ก็ได้ หลังจากที่กลับไป นายต้องบอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้กับฉัน ฉันก็มีการคาดเดาที่ไม่ค่อยดีจะบอกกับนายด้วย”

หนานกงสิงพูดว่า: “เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นที่ต่อสู้กับนายเหรอ? จะมีปัญหาอะไรมั้ย?”

ลู่ฝานพูดว่า: “ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าฉันแพ้ จะมีปัญหามากมาย แต่ฉันชนะ ปัญหาจะตกเป็นของคนอื่นทั้งหมด”

หนานกงสิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ?”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า: “ก็ง่ายดายแบบนี้!”

ทั้งสองคนก็เล่นปริศนากัน ทำให้ฮ่วนเย่ว์กับเสี่ยวหยุนมึนงง

แต่พวกเธอสองคนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเดาปริศนาต่างๆ เริ่มดูอุปกรณ์ต่างๆในรถม้า เดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ และในไม่ช้าก็มองไม่เห็นเงาคนแล้ว

ในไม่ช้า รถม้าก็บินกลับไปที่ประตูพระราชวัง

มังกรบินลงมาอย่างช้าๆ และหยุดอยู่หน้าประตูพระราชวังในทันที

จากนั้น ลู่ฝานก็เห็นแสงส่องเข้ามาจากข้างนอก ลู่ฝานกำลังจะลงมือ หนานกงสิงกลับกุมแสงนั้นไว้ในมือ

“ไม่มีอะไร แค่ข่าวคราวเท่านั้นเอง”

จากนั้น หนานกงสิงก็แบมือออก ลู่ฝานก็เห็นไข่มุกเล็กๆในทันที ซึ่งมีขนาดประมาณขี้มูก

นิ้วมือขยี้ให้แหลก ม่านแสงก็สว่างวาบต่อหน้าต่อตาของหนานกงสิง

ชั่วขณะหนึ่ง หนานกงสิงก็มองไปที่ลู่ฝานด้วยท่าทางแปลกๆแล้วพูดว่า: “ไม่นึกเลยว่านายจะทำร้ายหัวหน้าสำนัก?”

ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม: “ข่าวคราวสันทัดดีเลยนะ ถูกต้อง ก็เป็นพวกที่อยากโดนตี ”

หนานกงสิงกลืนน้ำลายเต็มปากแล้วพูดว่า: “พระเจ้า ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนายอยู่ไกลเกินจินตนาการของฉันแล้วใช่มั้ย ท้าทายหัวหน้าสำนักมากมายขนาดนี้เพียงคนเดียว? ยังฆ่าไปหลายคน นี่มัน…….”

หนานกงสิงลดเสียงพูดว่า: “นี่มันบ้าเกินไปแล้ว สหายลู่ฝาน นายไม่กลัวถูกฆ่าทิ้งโดยผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายระดับสูงเหรอ?”

ลู่ฝานพูดว่า: “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ขอแค่ฉันชนะ ปัญหาก็จะตกเป็นของคนอื่น เชื่อฉันสิ ฉันมีความพอดี!”

หนานกงสิงหายใจเข้าลึกๆ เริ่มปรับอารมณ์ เขาตกใจกลัวท่าทีของลู่ฝานจริงๆ

ลู่ฝานถามด้วยความสงสัยว่า: “นายได้ข่าวนี้มาได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินคำถามของลู่ฝาน มุมปากของหนานกงสิงก็กระตุกยิ้ม: “กลอุบายบางอย่าง ฉันควบคุมอยู่ในประเทศฉิงเทียน นักเลง อันธพาลทั้งหมดในเมือง พวกเขาก็เป็นสายสืบของฉันทั้งหมด ในประเทศฉิงเทียน เหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ ไม่สามารถหลบหลีกสายตาของฉันไปได้ ก็อาศัยสิ่งนี้ ฉันถึงได้รู้ว่านายกลับมาเป็นคนแรก จากนั้นก็ไปรับนาย ตั้งแต่วินาทีที่นายก้าวเข้าสู่ประเทศฉิงเทียน ข่าวที่นายกลับมา ก็ปรากฏอยู่ในมือของฉัน ไม่เลวใช่มั้ย!”

ลู่ฝานกระตุกมุมปากขึ้นแล้วพูดว่า: “ไม่ใช่แค่ไม่เลว นายมันอัจฉริยะจริงๆ ฝ่าบาทผู้สง่าผ่าเผย กลายเป็นผู้นำของพวกอันธพาล ลูกน้องของนายรู้ตัวตนนี้ของนายหรือเปล่า?”

หนานกงสิงพูดว่า: “คนที่รู้ ตายไปหมดแล้ว แค่ต้องการข่าวคราวไปมา ใครก็ตามที่กล้าสอบตัวตน ก็คือตายคำเดียว ใช่แล้วสำนักที่15 ทั้งหมด ฉันก็เปลี่ยนคนในองค์กรขนาดใหญ่หนึ่งครั้ง ตอนนี้สำนักที่15 อยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมด”

ขณะที่กำลังพูด รถม้าก็หยุดลง

ผู้คุมกันชุดเกราะหนาที่อยู่ด้านนอกพูดว่า: “เตี้ยนเซี่ย เสด็จ!”

ลู่ฝานกับหนานกงสิงลุกขึ้นช้าๆ และเรียกฮ่วนเย่ว์กับเสี่ยวหยุนไปด้วย

ทั้งสี่ก้าวออกจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ลู่ฝานมองดูตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่คุ้นเคย และก้าวเดินเข้าไป

หนานกงสิงไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จงใจยืนอยู่ข้างหลังของลู่ฝาน

ลู่ฝานเพิ่งจะเดินเข้าในประตู ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งคุกเข่าต่อหน้าเขาในทันที และพูดเสียงดังว่า: “ยินดีต้อนหัวหน้าสำนักกลับสู่ตำหนัก!”

ลู่ฝานหันหน้ามองไปที่หนานกงสิงด้วยรอยยิ้ม หนานกงสิงก็ก้มลงไปพูดในเวลานี้ว่า: “หัวหน้าสำนัก เชิญ!”

ด้านหลัง ฮ่วนเย่ว์กับเสี่ยวหยุนอ้าปากค้าง

เสี่ยวหยุนพึมพำ: “คุณหนู ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย เตี้ยนเซี่ยทำให้ความเคารพให้กับเขา”

สายตาของฮ่วนเย่ว์เป็นประกายและพูดว่า: “ใช่ ฉันก็เห็นเหมือนกัน ลู่ฝานนะลู่ฝาน นายมีความลับมากแค่ไหนกันเชียว!”

สีหน้าของฮ่วนเย่ว์สับสน ตอนนี้เธอสงสัยเป็นอย่างมาก ลู่ฝานเป็นเพียงนักบู๊จากประเทศเล็กๆจริงเหรอ?

ใบหน้าของลู่ฝานมีรอยยิ้ม เดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว โดยเอามือไพล่หลัง 

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *