เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้าบทที่ 1862 จุดเริ่มต้นของแผนร้าย (2)

Now you are reading เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า Chapter บทที่ 1862 จุดเริ่มต้นของแผนร้าย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1862 จุดเริ่มต้นของแผนร้าย (2)

ลู่ฝานมองผู้หญิงอย่างสงสัย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

จู่ๆ ผู้หญิงยื่นหน้ามากระซิบข้างหูลู่ฝานว่า “ในสำนักไม่ได้บอกเหรอว่าห้ามผู้ฝึกชั่วร้ายทิ้งชื่อไว้”

ลู่ฝานอึ้งไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้เขาไม่รู้จริงๆ เรื่องนี้หนานกงสิงเป็นคนจัดการทั้งหมด พูดตามตรงว่าคนเป็นหัวหน้าสำนักอย่างเขา ไม่ค่อยรู้เรื่องในสำนักเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล็กๆ แบบนี้

ผู้หญิงเห็นใบหน้าลู่ฝานงุนงง ออร่าปีศาจแวบขึ้นมานัยน์ตา ลู่ฝานเห็นอย่างชัดเจน

ผู้ฝึกชั่วร้าย!

คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้ฝึกชั่วร้าย

ผู้หญิงพูดเสียงเบาว่า “นายคงเป็นไอ้ทึ่มที่ไม่รู้ข่าวสารอะไรเลยสินะ นายห้ามทิ้งชื่อไว้ รีบออกไปเถอะ”

ลู่ฝานจ้องผู้หญิงแล้วมองแท่นหิน

เขาพูดเสียงเบาว่า “ทำไมถึงทิ้งชื่อไว้ไม่ได้ล่ะ ห้ามผู้ฝึกชั่วร้ายร่วมการแข่งนานาประเทศเหรอ บอกฉันได้หรือเปล่า”

ลู่ฝานแอบเอายายัดใส่แขนเสื้อผู้หญิงหนึ่งขวด

ผู้หญิงเปิดขวดยาเบาๆ ดมกลิ่นยาครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นัยน์ตามีความขบขัน

ดึงลู่ฝานมาด้านข้างแล้วกอดคอเขา เธอพูดเสียงเบาว่า “ขอโทษด้วย ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่กฎของเบื้องบนเป็นแบบนี้ ใครกล้าทิ้งชื่อไว้ให้ฆ่าคนนั้น ฉันไม่อยากให้ไอ้ทึ่มที่เป็นคนใจกว้างอย่างนายตายคามือฉัน”

ผู้หญิงจงใจเบียดตัวลู่ฝาน

ดูจากสายตาคนภายนอก พวกเขากำลังจีบกันชัดๆ

ลู่ฝานมองแท่นหินแล้วดันผู้หญิงออกอย่างเฉยเมย “เอานามบัตรให้ฉันได้ไหม ฉันอยากเข้าไปซื้อของ”

ผู้หญิงเดินบิดเอวไปเอานามบัตร ลู่ฝานจ้องแท่นหินเขม็ง

สัญชาตญาณบอกเขาว่าแท่นหินนี้มีอะไรผิดปกติแน่ๆ

ผู้ฝึกชั่วร้ายห้ามแตะต้อง คนอื่นทิ้งชื่อไว้ได้ตามสบาย

ถ้าแค่ขัดขวางไม่ให้ผู้ฝึกชั่วร้ายเข้าร่วมการแข่งนานาประเทศ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้

ลู่ฝานคิดไม่ออกว่าแค่ทิ้งชื่อไว้ จะเกิดอะไรผิดปกติขึ้นเหรอ

ตอนเขากำลังรอนามบัตร ผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่งพาคู่รักคู่หนึ่งเข้ามา

เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย ผู้ชายหน้าตาดุดันดูมีอำนาจ

ผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก เดินไปยิ้มไป “พี่หนานเทียน วันนี้พี่ต้องซื้ออาวุธดีๆ ให้ฉันนะ ครั้งที่แล้วกระบี่อ่อนมาก ใช้ไม่ดีเลย!”

ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าหนานเทียน ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ๆๆๆ ซื้อเลยๆๆ แค่น้องอวี๋ชอบ เราซื้อได้เลย น้องสาว ทิ้งชื่อไว้ตรงนี้ใช่ไหม”

ผู้ชายชี้แท่นหินแล้วใช้มือซ้ายดึงกระบี่ตัวเองออกมา

ผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “ใช่ สลักชื่อนายไว้ก็ถือว่าสมัครเรียบร้อย เราจะให้นามบัตรนาย”

ผู้ชายพยักหน้า ถือกระบี่แล้วเริ่มสลักชื่อตัวเองลงบนแท่นหิน

“เย่หนานเทียน!”

ลู่ฝานมองอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ขณะที่เย่หนานเทียนกำลังจะสลักชื่อเสร็จ ตัวเขาโงนเงนไปมาอย่างแรง

ทำให้ชื่อตัวสุดท้ายของเขาเขียนผิดจากคำว่าเทียนเป็นคำว่าอวี๋

เย่หนานเทียนชักมือกลับมา มองกระบี่ตัวเองอย่างอึ้งๆ แล้วพูดว่า “แปลกจัง”

สีหน้าลู่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไอ้หมอนี่คงไม่ได้เจออะไรใช่ไหม

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “คุณชายเขียนเสร็จแล้วใช่ไหม”

เย่หนานเทียนขมวดคิ้ว จู่ๆ เขาพยักหน้าพูดว่า “เขียนเสร็จแล้ว”

น้องอวี๋พูดว่า “นี่ยังเขียนไม่……”

น้องอวี๋ยังไม่ทันพูดจบ เย่หนานเทียนรั้งเธอไว้

ผู้หญิงขมวดคิ้วพูดว่า “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเขียนเสร็จแล้ว”

เย่หนานเทียนหัวเราะร่า “ใช่ ไม่ต้องไปฟังเธอหรอก ชื่อเล่นฉันคือหนานเทียน ชื่อจริงฉันคือหนานอวี๋ เธอแค่ไม่รู้เท่านั้น”

ผู้หญิงพยักหน้าแล้วเดินไปทำนามบัตรด้านข้าง

ตอนนี้ผู้หญิงที่ไปทำนามบัตรให้ลู่ฝานเดินกลับมาแล้ว เธอเอานามบัตรยัดใส่มือลู่ฝาน ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “อย่าลืมมาหาฉันนะ”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้า เก็บนามบัตรแล้วเดินมาอีกด้าน

เขาเห็นเย่หนานเทียนได้นามบัตร จากนั้นจึงรีบเดินตามไป

เดินตามหลังเย่หนานเทียนติดๆ จู่ๆ ลู่ฝานได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน

น้องอวี๋ขมวดคิ้วพูดว่า “พี่หนานเทียนชื่อหนานอวี๋จริงเหรอ”

เย่หนานเทียนพูดว่า “หนานอวี๋อะไรกันล่ะ ฉันชื่อเย่หนานเทียน แท่นหินนั่นแปลกๆ ฉันทิ้งชื่อจริงไว้ไม่ได้หรอก”

น้องอวี๋พูดอย่างตกใจ “แปลกยังไง ทำไมฉันดูไม่ออกเลย”

เย่หนานเทียนขมวดคิ้วพูดว่า “ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ฉันจะบอกให้ว่าฉันเป็นคนสัญชาตญาณไวโดยธรรมชาติ แค่เจออันตรายหรือใกล้เจออันตราย ฉันจะเหงื่อออกทั้งตัว สั่น อารมณ์ไม่คงที่ เมื่อกี้ตอนฉันใกล้เขียนชื่อเสร็จ ฉันรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกพุ่งจากเท้าขึ้นไปบนหัว นี่ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ อีกทั้ง……ช่างเถอะ บอกเธอไปก็เปล่าประโยชน์”

น้องอวี๋พูดอย่างดูหมิ่นว่า “ขี้โม้น่ะสิ ทำมาพูดว่าสัญชาตญาณ ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะว่าพี่เห็นความลับสวรรค์”

เย่หนานเทียนพูดว่า “ขี้โม้ยังไง ฉันจะบอกให้นะ ตอนนั้นอาจารย์ชอบฉันเพราะสัญชาตญาณโดยธรรมชาตินี่แหละ ฉันยังจำได้ว่าอาจารย์พูดกับฉันว่าอะไรสักอย่าง อ้อ โอรสแห่งสวรรค์ ผู้เป็นที่รักแห่งวิถี”

ลู่ฝานพอฟังอะไรได้คร่าวๆ เขากลอกตาไปมาแล้วเดินเข้ามาพูดว่า “ที่แท้สหายก็รู้สึกเหมือนกัน!”

เย่หนานเทียนชะงักฝีเท้าลง ใบหน้าหวาดระแวง กดฝ่ามือลงบนกระบี่

“นายเป็นใคร”

ลู่ฝานตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “แค่คนที่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ฉันชื่อเงามืด รู้สึกแบบเดียวกับนาย แท่นหินนั่นมีอะไรผิดปกติจริงๆ อยากปรึกษากับสหายเย่สักหน่อย”

เย่หนานเทียนเว้นระยะห่างแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้สนใจ ในเมื่อสหายมีลางสังหรณ์ แล้วมาถามฉันทำไม”

ลู่ฝานเห็นความไม่ไว้ใจจากนัยน์ตาเย่หนานเทียน เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าบนโลกนี้ไม่มีใครมีความสามารถนี้เหมือนตัวเอง

จู่ๆ ลู่ฝานขยับปากส่งกระแสจิตพูดว่า “เป็นผู้ฝึกชั่วร้ายใช่ไหม”

เย่หนานเทียนกำลังจะเดินออกไป ถึงกับชะงักฝีเท้าลง

ลู่ฝานยักไหล่พูดว่า “ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่อยากคุยกับสหายเย่เท่านั้น ถ้าสหายเย่ไม่ถือสา”

เย่หนานเทียนมองตาลู่ฝาน เงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน

ทันใดนั้นเย่หนานเทียนพูดว่า “คุยได้”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นเดินไปทางห้อง

ลู่ฝานสะบัดมือโยนป้ายตำหนักองค์ชายใหญ่ออกมา นี่คือของที่หนานกงสิงให้เขา ทำให้เขาทำอะไรในเมืองฉิงเทียนได้อย่างราบรื่น ดีกว่าป้ายของผู้ฝึกชั่วร้ายเยอะ

เมื่อเห็นป้าย พนักงานหญิงในงานประมูลยิ้มกว้างทันที จากนั้นเปิดห้องลอยฟ้าให้ลู่ฝานหนึ่งห้อง

น้องอวี๋ดึงเสื้อเย่หนานเทียนแล้วพูดว่า “เหมือนคนใหญ่คนโตเลย”

เย่หนานเทียนพูดว่า “ลองฟังเขาพูดก่อน ดูว่าเขารู้อะไรบ้าง ทำไมฉันรู้สึกว่าตอนนี้ทั้งประเทศฉิงเทียนแปลกไปหมด”

ทั้งสามคนเข้ามาในห้อง เสียงประมูลด้านนอกดังเข้ามาอย่างชัดเจน

ทั้งสามคนเพิ่งนั่งลง เย่หนานเทียนอดใจไม่ไหว เขาถามออกมาว่า “นายสัมผัสอะไรได้”

ลู่ฝานเงียบครู่หนึ่ง ทำเป็นตอบแบบมีความรู้สูงส่ง “การปกคลุมของความมืดมิด การรวมตัวของแผนร้าย นายล่ะ”

เย่หนานเทียนได้ยินแล้วเหมือนกำลังคิดอะไร เขาพูดว่า “ดูเหมือนนายก็เป็นคนมีพรสวรรค์เหมือนกัน ฉันไม่ได้รู้สึกคลุมเครือเหมือนนาย ฉันสัมผัสได้ค่อนข้างชัดเจน”

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “อะไร”

เย่หนานเทียนพูดออกมาสองคำ “คำสาป!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *